บทที่ 17 ไม่ใช่เพื่อนบ้านครับ เป็นรูมเมท

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ตอนกลางคืน สือมูเฉินยื่นแก้มนมแก้วหนึ่งส่งมาให้ “จำไว้นะครับ พรุ่งนี้ต้องให้คำตอบของคุณกับผม”

เขาปิดประตู ก่อนจะหมุนตัวแล้วจากไป

หลานเสี่ยวถางนอนอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะอย่างไรก็นอนไม่หลับ

พูดตามตรง ข้อเสนอของสือมูเฉินอยู่ที่นั่น หากจะเอ่ยถึงฐานะหน้าตาก็มี ถึงแม้ว่าในตอนแรกนั้นเป็นเพราะว่าเขายังอายุน้อยอยู่ ทรัพย์สินที่นายท่านใหญ่แห่งตระกูลสือมอบไว้ให้เขาก็ถูกสือมูชิงกลืนไปแล้ว แต่ทว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามที่นั่นเขายังมีหลงเหลืออยู่นิดหน่อย ตอนนี้ก็มีเยอะมากกว่าเงินเดินไปหลายขั้นแล้ว

ข้อเสนอแบบนั้น ราวกับทิ้งมงกุฎเอาไว้บนศีรษะของเธอ เธอจะมีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธได้อีกกัน?

เพียงแค่ ผ่านการแต่งงานที่ล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง หลานเสี่ยวถางมักจะรู้สึกว่าอยากจะก้าวข้ามจุดนั้นใหม่อีกครั้ง แต่มันยากมากจริง ๆ

เธอพลิกไปพลิกตาอยู่บนเตียงมาครึ่งคืน ภายในสมองยุ่งเหยิงไปหมด ราวกับว่ากำลังมีคนอยู่สองคนกำลังทะเลาะกันอยู่

แต่ทว่า สุดท้ายแล้วก็ยังตัดสินใจไม่ได้

จู่ ๆ เธอก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง เดินไปหยุดอยู่ตรงที่หน้าต่าง

ห้องที่สือมูเฉินซื้อเอาไว้ค่อนข้างสูง ทัศนียภาพกว้างขวาง ดังนั้น หลานเสี่ยวถางจึงสามารถมองเห็นแสงไฟอันริบหรี่ได้ไกล ๆ

ดวงไฟดวงหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงครอบครัวครอบครัวหนึ่ง แต่ทว่าของเธอนั่น……

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ ๆ เธอก็นึกถึงเรื่องที่ลานจอดรถเมื่อคืนนี้ ที่ตนเองได้ส่งคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมจากไป ในตอนนั้น สายตาของเธอมืดสนิท

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง แสงไฟจากรถของสือมูเฉิน จู่ ๆ กลับทำให้เธอมีความรู้สึกบางอย่างคล้ายกับบ้านขึ้นมาในทันที

ถึงแม้ว่า เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกเธอ แต่ทว่า เธอไม่มีอะไรเลย ดังนั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะเสีย

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หากตอบตกลงเขาไป ก็ไม่มีอะไรไม่ดีใช่ไหมนะ?

หลังจากที่หลานเสี่ยวถางคิดอย่างละเอียกเรียบร้อยแล้ว ถึงกลับขึ้นไปนอนบนเตียง ก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่ห่วงแห่งความฝันไปอย่างเชื่องช้า

วันที่สอง เธอยังคงฝันอยู่ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลานเสี่ยงถางหาวออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น “คุณอาหรือคะ?”

“ใช่เวลาเธอใส่เสื้อผ้าสิบนาที” สือมูเฉินเอ่ย “ใส่ชุดออกกำลังกายชุดนั้นในตู้เสื้อผ้าเสีย”

หลานเสี่ยงถางเบิกตากว้างด้วยความงุนงงเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอเปิดตู้เสื้อผ้าออก ก็มองเห็นชุดออกกำลังกายของฤดูร้อนของผู้หญิงชุดนั้นจริง ๆ

หรือว่าจะเป็นใครที่เมื่อก่อนทิ้งเอาไว้ในที่ของเขากันนะ? หลานเสี่ยงถางกำลังคิดอยู่ ถึงได้รับรู้ว่า ป้ายบอกราคาสินค้าของชุดออกกำลังกายยังไม่ถูกตัดออกไปเลย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าทั้งหมดเป็นชุดใหม่

เธอดูขนาดอยู่ครู่หนึ่ง เป็นขนาดเบอร์หนึ่งร้อยหกสิบ ก็ยังคงเป็นขนาดปกติของเธอในทุกวันจริง ๆ

หลังจากที่เปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วและออกไปแล้ว หลานเสี่ยวถางมองเห็นสือมูเฉินก็สวมใส่ชุดออกกำลังกายอยู่ชุดหนึ่งด้วย ชุดลำลองแขนสั้นและกางเกงขาสั้น ประจวบเหมาะกับขายาวของเขาที่โผล่ออกมาให้ได้เห็นพอดี

“คุณอาคะ พวกเราจะไปไหนกันหรือคะเนี่ย?” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้น “ฉันยังไม่ได้ล้างหน้าเลยนะคะ”

“ลงไปวิ่งที่ชั้นล่าง กลับมาค่อยล้าง” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นไปพลาง ก็หยิบโทรศัพท์มือถือกับกุญแจขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

หลานเสี่ยวถางสวมใส่รองเท้าไม่มีส้น จึงทำให้ดูตัวเตี้ยกว่าสือมูเฉินไปคืบใหญ่ “คุณอาคะ ฉันอาจจะเป็นตัวถ่วงคุณอาก็ได้นะคะ……”

สือมูเฉินไม่ได้สนใจคำเตือนของเธอ ก่อนจะเปิดประตูกว้าง “ยังไม่รีบมาอีก”

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน หลานเสี่ยวถางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณอาคะ คุณอาออกกำลังกายแบบนี้เป็นประจำเลยหรือคะ?”

“ใช่” สือมูเฉินตอบออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า “หลังจากนี้ คุณก็ต้องทำแบบนี้ด้วยเหมือนกัน”

“หลัง จากนี้?” หลานเสี่ยวถางเบิกตากว้าง

สือมูเฉินสบตามองเธอด้วยท่าทีสบาย ๆ “ข้อเสนอของผมเมื่อวานนี้ คุณคงจะมีคำตอบที่คิดเอาไว้ดีแล้ว”

ถึงแม้ว่าจะเป็น “ข้อเสนอ” จริง ๆ แต่ทว่า นั่นเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของคนเลยนะ! หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าสับสนเล็กน้อย ดังนั้นแล้วเวลาพูดจึงติดอ่างเล็กน้อยว่า “อื้ม คิดได้แล้วค่ะ”

สือมูเฉินคล้ายราวกับว่าไม่ได้สนอกสนใจกับคำตอบของเธอเลย เมื่อเห็นชั้นล่างแล้ว ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ทำร่างกายให้อบอุ่นโดยการวิ่งรอบสวนดอกไม้ หลังจากนั้นออกกำลังกายครึ่งชั่วโมงแล้วกลับบ้านกัน”

“ค่ะ” หลานเสี่ยวถางเดินตามรอยเท้าของเขา มาจนถึงสวนดอกไม้

ทั้งสองคนพึ่งจะมาถึง ก็มองเห็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา เธอมองเห็นสือมูเฉิน ก่อนที่สายตาจะอดเป็นประกายออกมาไม่ได้ครั้งหนึ่ง “คุณสือ คุณมาแล้วหรือคะ!”

ถึงแม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะไม่มีประสบการณ์คบหากับใครมาก่อน แต่ทว่า เมื่อเห็นแค่นี้ก็สามารถมองออกได้แล้ว ผู้หญิงคนนี้คงจะมีใจให้กับสือมูเฉิน

ถ้าไม่เช่นนั้น จะมีผู้หญิงอีกสักกี่คนที่มาออกกำลังในตอนเช้ามากขนาดนี้กัน?เกรงว่า เดิมที่ก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

“อืม” สือมูเฉินพยักหน้า ก่อนจะไม่ได้เอ่ยอะไร

หญิงสาวมองหลานเสี่ยวถาง นัยน์ตาของเธอมีการคาดเดาและทำนายเอาไว้ออกมาไม่น้อย “คุณสือคะ วันนี้บังเอิญจังเลยค่ะ เธอเป็นเพื่อนบ้านของคุณหรือคะ?”

“ไม่ใช่เพื่อนบ้านครับ เป็นรูมเมท” สือมูเฉินเอ่ยกลับไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“รูมเมท!” หญิงสาวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ภายในดวงตามีแต่ความรู้สึกที่ได้รับบาดเจ็บเต็มไปหมด “พวกคุณเป็นแฟนกันหรือคะ?”

“บอกว่ายังไม่ได้แต่งกันหรือว่าเหมาะสมกันจะดีกว่าครับ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะดึงหลานเสี่ยงถางที่ยืนนิ่งเดินไปทางด้านข้าง ก่อนจะออกกำลังกายไปพลาง แล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมากไปพลางว่า “ดูผมแล้วออกกำลังกายตามสิครับ นี่คือการอุ่นเครื่องของร่างกายนะ อีกประเดี๋ยวจะไปวิ่งแล้วจะได้ไม่ต้องบ่นว่าไม่สบายตรงไหนอีก”

ร่างของหลานเสี่ยวถางทั้งร่างยังคงหยุดอยู่ตรงคำที่สือมูเฉินบอกว่ายังไม่ได้แต่งงานกันคำนั้นอยู่เลย เธอชะงักไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้สือมูเฉิน แล้วเอ่ยถามเสียงเบาขึ้นมาว่า “คุณอาคะ คุณอาจงใจลากฉันลงมาเพื่อเป็นไม้กันหมาหรือเปล่าคะ?”

“ไม้กันหมาหมายถึงอะไรหรือ?” สือมูเฉินหรี่ตาลง “เสี่ยวถาง ที่ผมพูดไปเมื่อครู่นี้พูดผิดตรงไหนหรือเปล่าครับ? หรือว่าไม่เป็นความจริงหรือไง?”

ใบหน้าของหลานเสี่ยวถางแดงขึ้นมาเล็กน้อยในทันที “คุณอารู้คำตอบของฉันแล้วหรือคะ? คุณอารู้ว่าฉันจะตอบว่า……แต่ง?”