ตอนที่ 28 อย่าให้ข้าได้ยินอีกก็พอ
ทุกคนล้วนเห็นภาพน่าสมเพชกระโปรงขาดกันหมดแล้ว ทั้งยังมีภาพอุจาดตาชั้นในขาดเป็นรูอีก แม้ป้าหลิวที่หน้าหนากว่ากำแพงก็ยังทนไม่ไหวกับความอับอายเช่นนี้ จึงรีบดึงกระโปรงที่ขาดออกจากเท้าของอาหมาน
ให้ตายยังไงอาหมานก็ไม่ปล่อย ยื้อแย่งกันไปมาสรุปจึงขาดออกเป็นสองชิ้น
ผู้คนบริเวณนั้นยิ่งหัวเราะกันเข้าไปใหญ่
“พวกเจ้าทำอะไรกัน” เฝิงเหล่าฮูหยินกล่าวด้วยเสียงขุ่นเคือง
เจียงซื่อที่สายตาไม่แม้แต่จะมองป้าหลิวพลันขยับฝีเท้าเดินเข้าไปหาเอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แค่เรื่องบ่าวรับใช้ท่านอาสะใภ้รองยังจัดการไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการดูแลจวนแล้วกระมัง”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า” เซียวซื่อไม่คิดว่าเจียงซื่อจะกล่าวตรงไปตรงมาอึ้งไปชั่วขณะ
เสียงหัวเราะของคนกลุ่มนั้นพลันเงียบลง และสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เจียงซื่อ
“เรื่องที่ไล่ป้าหลิวออกไปอยู่ชนบทเป็นเรื่องที่ท่านตัดสินใจต่อหน้าท่านย่าเองมิใช่หรือ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ป้าหลิวยังจะอยู่ในจวนอีก กับเรื่องนี้ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่วิ่งเข้ามาเช่นนี้ โชคดีเป็นเวลาที่ทุกคนกลับออกมาจากการน้อมทักท่านย่าจากเรือนฉือซินแล้ว ถ้าหากมาไวกว่านี้เล่า ป้าหลิวไม่ใช่ว่าวิ่งเข้าไปในเรือนฉือซินเลยหรือ”
เจียงซื่อมองไปทางเฝิงเหล่าฮูหยินแวบหนึ่งแล้วกล่าวต่ออย่างออกรสออกชาติ “เมื่อครู่ป้าหลิวใช้การฆ่าตัวตายาบีบบังคับ หากนางวิ่งเข้าไปในเรือนฉือซินได้จริง และบ่าวรับใช้ของข้าจับเอาไว้ไม่ทัน เลือดสกปรกจะไม่เปรอะเปื้อนเรือนฉือซินหรือ แล้วต่อไปท่านย่าจะอาศัยอยู่ได้เช่นไรเจ้าคะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินยิ่งฟังยิ่งโกรธ โมโหจนสีหน้าดูไม่ได้
เซียวซื่อไม่รู้จะทำเช่นไรต่อ
ในเมื่อเจียงซื่อปะทะกับนางตรงๆ เช่นนี้ ไม่เหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้นางสักทางเลย
“ท่านอาสะใภ้รอง ท่านเองดูแลจวนมาเสียตั้งนาน หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น หลานเองก็คงคิดว่าท่านตามใจบ่าวรับใช้จนเคยตัว พวกนางจึงไม่ฟังคำสั่งของท่านแล้ว”
“ไม่ใช่เช่นนั้นนะ…”
เซียวซื่อกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย เจียงซื่อเองก็ไม่เปิดโอกาสให้นางพูด อีกทั้งยังหันไปยอบกายทางเฝิงเหล่าฮูหยินพลางกล่าว “ท่านย่า หากในอนาคตเกิดเรื่องเช่นนี้อีก บรรดาบ่าวรับใช้ก็จะเอาเรื่องความเป็นความตายมาต่อรองได้ หากเล่นลูกไม้เช่นนี้ได้แล้วอนาคตจะเป็นเช่นไรเจ้าคะ วันนี้ป้าหลิวมาขู่ฆ่าตัวตายกับหลาน วันหน้าป้าจาง ป้าหวังก็สามารถใช้วิธินี้มาต่อรองกับพี่ๆ น้องๆ ท่านอาสะใภ้ทั้งหลาย หรือแม้แต่กระทั่งท่านย่าเองได้ จะเสื่อมเสียชื่อเสียงของจวนเราได้นะเจ้าคะ”
น้ำเสียงของหญิงสาวราวกับไข่มุกร่วงหล่นกระทบบนจานหยก เฝิงเหล่าฮูหยินยิ่งฟังใบหน้ายิ่งขาวซีด แต่สายตากลับจ้องมองไปยังเซียวซื่ออย่างโกรธเคือง
“เหล่าฮูหยินเจ้าคะ”
“เมื่อวานนี้ข้าบอกกับเจ้าว่าอย่างไรกัน เซียวซื่อ เรื่องแค่นี้เจ้าก็จัดการไม่ได้ หรือจะต้องให้ข้าเป็นคนเชิญนางออกไปเอง” เฝิงเหล่าฮูหยินชี้นิ้วไปทางป้าหลิว
หัวใจของเซียวซื่อเต้นระส่ำระส่าย รู้ดีกว่าเจียงซื่อพูดก่อนย่อมได้เปรียบ เวลานี้ไม่อาจจะมาถกเถียงอีกได้ จึงรีบพูดกับป้าหลิว “เจ้ายังจะนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่อีก รีบไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
ป้าหลิวที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จึงหันไปโขกศีรษะให้กับเฝิงเหล่าฮูหยินแล้วรวบชายกระโปรงที่ฉีกขาดเดินจากไป
“ช้าก่อน” เจียงซื่อกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณหนูสี่มีธุระอะไรอีกหรือ” เซียวซื่อยิ่งได้ยินเสียงของเจียงซื่อ ยิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญผวา
“เรื่องที่เอาความตายมาข่มขู่เจ้านาย ต่อไปต้องควบคุมให้ดี ท่านอาสะใภ้รองใจดีต่อบ่าวรับใช้ไม่กล้าลงมือ หลานเองก็ได้เห็นกับตาแล้ว หากบ่าวรับใช้เดินออกจากจวนปั๋วไปแล้วเอาชื่อเสียงของหลานไปนินทาเสียหาย เวลานั้นข้าคงรู้สึกแย่”
“ใครมันกล้าก็ลองดู” เฝิงเหล่าฮูหยินกล่าวเสียงแข็ง มองไปยังรอบๆ บรรดาบ่าวรับใช้ทุกคน
แต่กลับไม่มีใครกล้าสบตา ต่างเอาแต่ก้มหน้า
“ป้าหลิว เจ้าฟังให้ดีถ้าเจ้าไปถึงชนบทแล้ว หากมีเรื่องอะไรหลุดออกไปด้ ครอบครัวเจ้าจะไม่ได้อยู่เป็นสุขเลย”
ป้าหลิวคุกเข่าอีกครั้ง “บ่าวไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่กล้าแล้ว”
นางก้มศีรษะรับผิด แต่ในใจกลับจดจำความแค้นฝังลึกที่เอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อทำไว้กับนาง
เอ้อร์ไท่ไท่รับปากนางแล้ว วันนี้หลังจากก่อเรื่องวุ่นวายกับคุณหนูสี่ พอถึงที่ชนบทนางก็ยังจะได้สิ่งตอบแทนอีกมากมาย
แต่เฝิงเหล่าฮูหยินก็กำชับคำสั่ง ห้ามนางเอาเรื่องของคุณหนูสี่ออกไปนินทา ตอนนี้ได้แต่เจ็บใจ หากนางหลุดปากแม้แต่นิดเดียวก็ต้องซวยไปทั้งชาติ
หากรู้เช่นนี้แต่แรก นางออกไปอยู่ชนบทอย่างเงียบๆ ตั้งนานแล้ว
“ยังมีพวกเจ้าอีก ต่อไปใครพูดเหลวไหล ข้าจะถอนฟันให้หมดปาก” เฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยขึ้น
“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ”
“ออกไปให้พ้นหน้าข้า เจียงซื่ออยู่ต่อก่อน”
ทุกคนรีบสลายตัวไปคนละทิศทาง
เจียงเชี่ยวส่ายหน้า มองเจียงซื่อด้วยสายตาประหลาดใจ
คิดไม่ถึงเลย แม้เมื่อก่อนเจียงซื่อถกเถียงกับนางประจำ แต่ก็ไม่เหมือนวันนี้ที่ลากท่านป้าสะใภ้รองออกมาฉีกหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย
“เชี่ยวเอ๋อร์ ไปกันเถอะลูก” ซานไท่ไท่กัวซื่อจูงเจียงเชี่ยวเดินออกไป
“ท่านย่ามีอะไรจะกำชับหลานหรือเจ้าคะ” เจียงซื่อถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
เฝิงเหล่าฮูหยินมองเจียงซื่อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วจึงกล่าวขึ้น “เจียงซื่อ เจ้าเป็นสาวเป็นนาง หากพูดมากไปมักจะไม่มีผลดีต่อเจ้า”
นางไม่ใช่หูหนวกตาบอดที่จะไม่รู้ว่าหลานสาวของนางกำลังปะทะคารมกับเซียวซื่ออยู่
นางทำเป็นไม่สนใจเจียงซื่อได้และยอมถอยให้นางก้าวหนึ่ง แต่อย่าทำให้หลานสาวคนอื่นของนางนิสัยเสียไปด้วย
“ท่านย่าโปรดวางใจ หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เจียงซื่อยิ้มและทำราวกับไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจของเฝิงเหล่าฮูหยิน
“ไปได้แล้ว” เฝิงเหล่าฮูหยินเห็นท่าทางยิ้มแย้มของเจียงซื่อ อดไม่ได้ที่จะโบกมือไล่กลับไป
หลานสาวที่ไร้ค่าคนหนึ่ง หากไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวาย นางก็ไม่ต้องใส่ใจอะไรให้มากความ
แต่กับเซียวซื่อแล้ว… สงสัยว่าจะดูแลจวนนานมากไป ต้องหาคนมาช่วยเสียแล้ว
“หลานขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
เจียงซื่อกลับไปอย่างสบายอารมณ์ แต่ในระหว่างทางกลับเรือนไห่ถางก็พบกับเซียวซื่อ
“ท่านอาสะใภ้รอง” เจียงซื่อเอ่ยทักทายเซียวซื่อ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
เซียวซื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ
เจ้าเด็กหน้าด้านหน้าทน
“คุณหนูสี่มีปัญหาอะไรกับข้าหรือ”
“ท่านอาสะใภ้รองคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าก็แค่ว่าไปตามจริง เหตุใดข้าถึงต้องมีปัญหากับท่านผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ด้วยเล่า”
“ว่ากันไปตามจริงอย่างนั้นหรือ” เมื่ออยู่ข้างนอกเซียวซื่อแสดงท่าที่โอบอ้อมอารี แต่คำพูดที่กล่าวออกมานั้นกลับไม่น่าฟังเลยสักนิด “พี่สะใภ้ใหญ่จากไปเร็วนัก ข้าเองก็เป็นสะใภ้ไม่อาจทนเห็นคุณหนูสี่เดินผิดทางได้ ข้าเลยอยากมาเตือนเจ้าสักนิดว่าคนนั้นยังต้องกินต้องพูด แต่เรื่องที่ห้ามยากที่สุดก็คือปากคน”
เหล่าฮูหยินแม้จะสั่งการแล้วว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องในเรือน แต่กำแพงมีหูประตูมีช่อง หรือเหล่าฮูหยินจะสามารถควบคุมปากบ่าวรับใช้ทั้งหมดไว้ได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้
เจียงซื่อมองไปยังเซียวซื่อพลางยิ้มกล่าว “ข้อนี้ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะต้องรับผิดชอบไม่ให้บ่าวพูดมากก็คงต้องเป็นท่านอาสะใภ้รองแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
พอนางกล่าวจบก็ย่อตัวกล่าวลาเซียวซื่อ “เชิญท่านอาสะใภ้รองชมทิวทัศน์ต่อเถิดเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน”
เซียวซื่อที่ยื่นอยู่ใต้ต้นไม้ได้แต่มองตามนางด้วยความคับแค้น
นังเด็กสมควรตาย คอยดูเถอะ สักวันนางจะจัดการให้สิ้นซาก
“คุณหนู เอ้อร์ไท่ไท่จะต้องก่นด่าท่านอยู่ในใจแน่เจ้าค่ะ” อาหมานมองกลับไปและพูดฟ้องขึ้นเบาๆ
“ไม่เป็นไร อย่าให้ข้าได้ยินก็พอ” เจียงซื่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง