ตอนที่ 35 ยัยสาวน้อยไม่ชอบให้ผมสิ้นเปลือง
“หลิงเล่!ฉันจะฆ่าคุณ~~~~!!”
เสียงคำรามที่โกรธจัดของมู่เทียนซิงทำให้คนที่ในบ้านต่างตกใจ!
แม้แต่เจินเจินที่งีบอยู่ในห้องโถงเล็กๆ ชั้นบนยังตกใจลงมาตามเสียง เอนตัวลงด้านหลังบันไดมองฉากตรงหน้า
หลิงเล่กลับมองหล่อนอย่างนิ่งๆ :“ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่สิ!”
มู่เทียนซิงเกือบจะเข้าไปปะทะใส่ สองมือจับไหล่เขาแน่นเหมือนอยากจะบีบคอเขาตาย:“ฉันไม่ได้อยู่ในช่วงประจำเดือน!ไม่มี!ไม่มีไม่มี!”
“ตอนนี้ท่าทางของคุณเหมือนมากเลยนะ”เขาขมวดคิ้วพูดต่อ:“ผมเคยได้ยินเรื่องที่ไม่กล้าเปิดเผยอาการเพราะกลัวการรักษานะ คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่ลองไปดู?”
มู่เทียนซิงไม่พูด
เพราะว่าเอนเข้ามาใกล้ หล่อนเลยจับได้ถึงประกายของความขี้เล่นในดวงตาสีดำคมคู่นั้นของเขา
“คุณจงใจ!”
“เปล่า”
“จงใจ!”
“ไม่ใช่”
“คุณ!”มู่เทียนซิงปล่อยเขา
ถูกเขายั่วมั่วโหจนเกือบจะระเบิดออกมา หล่อนโชคร้ายจริงๆ ใช่ไหมถึงได้เจอคนที่รับมือยากแบบเขา?
ผู้ชายบนรถเข็นยิ้มออกมาเบาๆ เหมือนกำลังเอาใจหล่อน:“ไม่กล้าเปิดเผยอาการเพราะกลัวการรักษาอาจะไม่ค่อยดี คุณก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ผมไม่รังเกียจคุณเพราะว่าร่างกายของคุณมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แน่”
“คุณ!”
“คุณพูดอย่างเดียวว่าประจำเดือนไม่ได้มา แล้วมีอะไรมายืนยันได้?”
“แน่นอน!ทุกเดือนประจำเดือนฉันจะมาวันที่28!ตรงสุดๆ !ตอนนี้แค่วันที่18ประจำเดือนจะมาได้ไง?”
“อ้อ~!”
พอพูดจบ ก็ถอนหายใจออกมา
แต่ว่า ผู้ชายบนรถเข็นกลับมองไปรอบๆ แล้วพูดกับลูกน้องเขาอย่างจริงจังว่า:“จำได้หรือยัง?วันที่18ของทุกเดือน!”
ฉวีซือเหวิน:“จำได้แล้วค่ะ!”
จั๋วซี:“จำได้แล้วครับ!”
มู่เทียนซิง:“บ้าจริงๆ !”
หลิงเล่เข็นรถเข็นด้วยตัวเองไปที่โต๊ะอาหาร มองของเหลือบนโต๊ะก็ขมวดคิ้วออกมา สายตามองไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของมู่เทียนซิงพูด:“ที่จริงแล้วผมยังหาอาการป่วยที่คล้ายกับคุณเจออีกอย่างนึง”
กึก!
กึก!
กึก!
นั่นเป็นเสียงหักนิ้วมือ!
แต่ไม่ใช่ของหลิงเล่ เป็นของมู่เทียนซิง!
หล่อนหรี่ตา กัดฟันกรอดจ้องหลิงเล่ มีหมาที่ฟันในปากเขาที่ไม่คายออกมา หล่อนก็กล้าสู้หาฟันนั่นของเขา!
หลิงเล่กับมองไม่เห็นท่าทางที่หล่อนจะระเบิดออกมา พูดอย่างนุ่มนวลว่า:“หรือว่าคุณเป็นช่วงประจำปี?”
ทุกคนต่างขำ!
หลิงเล่พูดต่อ:“ได้ยินว่าที่จีนมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งชื่อว่า《Meet Miss Anxiety》มีโอกาสดูด้วยกันเถอะ!”
มู่เทียนซิง:“.”
ฉวีซือเหวินทนไม่ไหวต่อไป คุณชายสี่ปากดีจริงๆ !
ไม่ใช่เป็นเพราะหญิงตรงหน้าไม่ยอมรับว่าKissกับเขาเหรอ โกรธขนาดนี้ แล้วต้องโกรธเขาด้วย?
เห็นว่าหญิงคนนี้เพิ่งมาใหม่และก็คงโดดเดี่ยว ฉวีซือเหวินพูดออกมาทำงายบรรยากาศนี้:“คุณชายสี่ เดี๋ยวฉันไปทำอาหารให้ท่านใหม่ละกัน วันนี้ตับห่านที่ได้มาใหม่ดีมากทานคู่กับไวน์แดงไหมคะ?”
หลิงเล่ส่ายหัว ยื่นมือสีขาวออกไปหยิบชามที่มู่เทียนซิงใช้ไปแล้วส่งให้ฉวีซือเหวิน:“ตักข้าว”
ฉวีซือเหวินงง พูดอย่างไม่แน่ใจ:“ใช้ ใช้ชามที่คุณหนูมู่ใช้แล้ว?”
“อือ”หลิงเล่พยักหน้า มองของเหลือบนโต๊ะ เหมือนว่าไม่ค่อยยินดีนักแต่ก็ส่ายหัวถอนหายใจอกมาอย่างช่วยไม่ได้:“ยัยสาวน้อยไม่ชอบให้ผมสิ้นเปลือง เพื่อให้หล่อนมีความสุข ต่อไปพวกเราคฤหาสน์จื่อเวยก็ประหยัดค่าใช้จ่ายกันเถอะ!”
จั๋วซี:“ครับ”
ฉวีซือเหวิน:“ค่ะ”
มู่เทียนซิงไม่สนเขาอีกต่อไป
หล่อนเดินไปที่บันไดแล้วอุ้มเจินเจินพามันขึ้นข้างบน
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เยอะมาก หล่อนต้องการสงบๆ และก็ต้องการคิดหาวิธี
นายหลิงเล่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ทางในอนาคตยังอีกยาวไกล หล่อนไม่สามารถให้เขามาจูงจมูกตลอดไปได้และก็ไม่อาจให้เขามากดขี่ชีวิตได้ตลอดไป ไม่มีอำนาจตอบกลับจริงๆ !
พอเห็นมู่เทียนซิงออกไปแล้ว ฉวีซือเหวินที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะอาหารก็พูดอย่างทนไม่ไหว:“คุณชายสี่ คุณหนูมู่เพิ่งมาถึง อายุก็ยังเด็กอยู่เลย บางครั้งปล่อยได้ก็ปล่อย โอ๋ได้ก็โอ๋เถอะค่ะ”
จีบสาวอย่าใช้อารมณ์มาก
เหมือนวันนี้ โกรธต่อไปก็กลัวว่าภรรยาจะโกรธจนหนีไป
หลิงเล่รับชามที่หล่อนใช้แล้วเข้ามา หยิบตะเกียบที่หล่อนใช้แล้ว กินอาหารที่หล่อนกินไป ตอนที่เริ่มกินยังช้าๆ เนิบนาบอยู่ พอผ่านไปสักพักก็ค่อยๆ เร็วขึ้น
จนเขาทานของเหลือจากหล่อนหมดก็วางจานชามตะเกียบลงแล้วก็มองฉวีซือเหวิน:“วันนี้ป้าได้ใช้ชายี่เข่งต้มน้ำให้หล่อนดื่มหรือเปล่า?”
ฉวีซือเหวินแปลกใจ:“เปล่าค่ะ”
หลิงเล่ขมวดคิ้ว:“งั้นทำไมปากของหล่อนมีกลิ่นหอมของยี่เข่งล่ะ?”
ฉวีซือเหวินยิ้ม:“เหมือนว่าตอนนั้นบรรยากาศของทั้งสองจะไม่เลวนะคะ เลยรู้สึกว่าลมหายใจของฝ่ายตรงข้ามต่างหอมหวาน”
จั๋วซีก็ยิ้มตาม
หลิงเล่ถอนหายใจเบาๆ เงยหน้ามองไปที่บันไดแล้วพูดกับจั๋วซี:“เดี๋ยวไปด้านหลังกับผมแปปนึง แจ้งเหล่าผู้บริหารของบริษัท อีกสิบห้านาทีประชุม!”
“ครับ”
จั๋วซีเข็นหลิงเล่ไปด้านหลังของบ้าน ฉวีซือเหวินคิดแล้วคิดอีก อ้าปากพูดว่า:“คุณชายสี่!”
หลิงเล่หันไปมองหล่อน
หล่อนยิ้มนิดๆ :“ฉันก็มาตั้งแต่ยังสาวๆ รู้ว่าสาวๆ ต่างก็มีความรักในอุดมคติกันทั้งนั้น ถ้าคุณชายสี่ทะนุถนอมคุณหนูมู่จริงๆ อยากมัดใจของคุณหนูมู่ได้ก็ต้องลองเปลี่ยนวิธีการเข้าหากันกับคุณหนูมู่ ท่านมักยั่วโมโหหล่อนตลอด แบบนี้กลัวว่าจะยิ่งห่างกันมากขึ้นนะคะ”
จั๋วซีก็คิดขึ้นมาได้ พูดว่า:“หล่อนยังมีเมิ่งเสี่ยวหลงที่เป็นรักแรกรออยู่ที่ตระกูลมู่นะครับ!”
หลิงเล่ได้ยินก็คิด
สักพักนึง เขาก็น้อยใจขึ้นมาอย่างโกรธๆ ว่า:“ผมยั่วหล่อนตรงไหน ทุกครั้งหล่อนต่างหากที่ยั่วผมก่อน ผมก็อดไม่ได้ที่จะเอาคืน”
เขายกมือขึ้นเคาะนิ้วให้จั๋วซีเข็นไปที่ประตูหลังต่อ
นอกหน้าต่างกลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปตามความความมืดในยามค่ำคืน
มู่เทียนซิงกอดเจินเจิน ชมพระจันทร์ไปก็บ่นเรื่องเล็กๆ ในใจหล่อนให้เจินเจินฟัง
“ดูสิน่าโกรธไหม เขามาจูบฉัน!ฉันอุตส่าห์ใจดีอยากช่วยเขานั่งที่รถเข็นลงไปแล้วค่อยไปทานข้าวเย็น!”
“เขาจูบแย่สุดๆ ลิ้นของฉันโดนเขากัดไปด้วย!”
“พูดก็พูดเถอะ ฉันยังไม่มีประสบการณ์ เมื่อก่อนที่พี่เสี่ยวหลงจูบก็แค่จูบหน้าผากเท่านั้น”
หล่อนรู้สึกว่าลมข้างนอกเย็นสบาย แต่ไม่คิดว่าผู้ชายที่เพิ่งดันประตูหลังออกมา แต่ดีที่เพิ่งผ่านไปใต้หน้าต่างของหล่อนเลยได้ยินเรื่องในใจของหล่อนทั้งหมด
เสียงหวานของหล่อนนิ่งมาก นิ่งจนทำให้โลกของเขากลายเป็นความสงบ
หลิงเล่ยกมือขึ้นให้จั๋วซีหยุด
ใต้แสงจันทร์ สาวน้อยก็บ่นเรื่องในใจอยู่ ส่วนเขากลายเป็นผู้ฟังที่ดีที่สุดของหล่อน