ตอนที่ 25 โสมวิ่งหนีไปแล้ว!
หร่วนซื่อยังไม่ทันปีนออกมาจากภวังค์แห่งความตระหนกใจ ก็ได้ยินคนส่งเสียงร้องเรียกหน้าประตู จึงรีบวิ่งออกไปดู
แน่นอนว่าซ่งอิงไม่ปล่อยให้หร่วนซื่อไปเผชิญหน้าตามลำพังเช่นกัน เร่งรีบตามหลังไปติดๆ ภายในใจเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
“พี่สะใภ้ใหญ่…ท่านเอ่ยว่าเกิดอันใดขึ้นในที่ดินบ้านข้าแล้วหรือ” หร่วนซื่อเอ่ยถามทันทีที่ก้าวพ้นประตูออกมา
ผู้ที่มาเป็นสตรีในหมู่บ้านคนหนึ่ง สีหน้าสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยอาการกระวนกระวาย “เจ้ารีบไปดูเร็วเข้าเถิด พี่น้องครอบครัวหลี่ทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมาในที่ดินบ้านเจ้า สองคนนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไรไป บ้านเจ้าเพิ่งดำต้นกล้าแท้ๆ ถูกเหยียบย่ำเสียเละเทะหมดแล้ว”
เรื่องราวเกี่ยวข้องกับไร่นา หร่วนซื่อหรือจะยังมัวลังเลใจ นางเร่งรีบวิ่งเยาะๆ ออกไปทันที
ซ่งอิงตามติดไปตลอดทาง ไม่นานนักก็ถึงเบื้องหน้าที่นาของครอบครัวตนเอง
เห็นเพียงสองคนนั้นของตระกูลหลี่ยังคงมะรุมมะตุ้มกันอยู่ และบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยบุรุษจำนวนไม่น้อย ฉุดกระชากชกต่อยกันอย่างเอาจริงเอาจัง ส่งผลให้ต้นกล้าที่ดำไว้เรียบร้อยแล้ว เจ็ดถึงแปดส่วนถูกเหยียบย่ำจนหมด
หร่วนซื่อเดือดดาลจนใบหน้าแดงก่ำ
“พวกเจ้าทำอะไรกัน! นี่เป็นที่ดินของครอบครัวข้านะ!” หร่วนซื่อวิ่งทะยานเข้าไป
ซ่งอิงเกือบมีปฏิกิริยาโต้ตอบไม่ทันการณ์ เร่งรีบก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าช่วยเหลืออีกแรง จัดการผลักสองคนนั้นออกไป
สองคนที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน คนหนึ่งเป็นบิดาของหลี่จิ้นเป่า อีกคนเป็นลุงใหญ่ของหลี่จิ้นเป่า ตระกูลหลี่ไม่ได้แยกครอบครัวกันแต่อย่างใด
คิดไม่ถึงว่าสองพี่น้องจะลงไม้ลงมือกันในแปลงที่ดินของครอบครัวซ่ง นี่มันเรื่องเหลวไหลชัดๆ
หร่วนซื่อเนื้อตัวสั่นเทิ้มขณะมองดูต้นกล้าในแปลงนา นางปวดใจสุดขีด
ที่ดินของครอบครัวนางไม่ได้มากมายแต่อย่างใด ก็แค่หนึ่งหมู่สามเฟินเท่านั้นเอง ตอนนี้กลายเป็นว่าถูกเหยียบย่ำจนเสียหายเป็นวงกว้าง! น้ำพักน้ำแรงที่แสนเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ แล้วยังค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับต้นกล้าคุณภาพดีอย่างนี้ จะไม่โกรธจัดได้อย่างไรกัน!
“พวกเจ้าสองพี่น้องมีเรื่องอะไรกันเหตุใดถึงไม่ค่อยพูดค่อยจา? ถึงได้มาลงไม้ลงมือกันที่นี่?” มีคนที่อยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหวเช่นกัน จึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
ครอบครัวชาวไร่ชาวนา เห็นความสำคัญมากสุดก็คือสิ่งที่อยู่ในแปลงที่ดิน ทว่าสองคนนี้กลับ…
หลี่ซาน[1]พ่นเลือดจากปาก หน้าเสียเล็กน้อยเช่นกัน
กลายเป็นหลี่ต้า[2] ชี้นิ้วใส่หลี่ซานด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าถามไอ้เดรัจฉานนี่เอาแล้วกันว่าเมื่อครู่คิดจะทำอันใด!”
“ข้าไม่ได้ทำอันใดทั้งนั้น!” หลี่ซานถลึงตาเขม็ง
“เจ้าจะไม่พูดสินะ เจ้าไม่อยากอับอายขายหน้า เช่นนั้นข้าจะช่วยพูดแทนเจ้าเอง! เมื่อครู่ข้าเห็นน้องสามเดินลับๆ ล่อๆ มาทางด้านนี้ ก็เลยแอบตามหลังมามองดู ปรากฏว่าเห็นเขาเอาไข่แมลงที่อยู่เต็มกระบอกไม้ไผ่หนึ่งกระบอกปล่อยลงในที่นาครอบครัวซ่งบ้านสองอย่างไรล่ะ!” เมื่อเอ่ยพูดถึงตรงนี้ หลี่ต้าหน้าแดงก่ำเล็กน้อย ก่อนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เมื่อครู่ข้าต้องการสั่งสอนเขา ไอ้หนุ่มนี่ก็เดินลงน้ำมุ่งไปหาแปลงผักนั่น ข้าตื่นตกใจ กลัวว่ายามที่เขาเดินข้ามธารน้ำไปจะไปเยียบย่ำต้นกล้า จึงพยายามฉุดรั้งเขาแทบเป็นแทบตาย แต่เขากลับกล้าดี กล่าวว่าข้าขัดขวางเส้นทางร่ำรวยของเขา กล่าวว่าโสมของเขาหายไปแล้ว”
“ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ข้าในฐานะพี่ชายคนโต มองดูน้องชายตนเองกระทำเรื่องเลวทรามไม่ได้หรอก!” หลี่ต้ากล่าวขึ้นอีกครั้ง
“โสม?” ทุกคนต่างตกตะลึง “น้องหลี่ซาน เจ้าไม่ได้บ้าไปแล้วกระมัง นั่นเป็นแปลงผัก แปลงผักบ้านเจ้ากลายเป็นโสมให้ได้ด้วยหรือ วันๆ ในสมองเจ้าคิดแต่อะไรอยู่หรือ”
หลี่ซานโมโหจนตาแดงเถือก
ก็มีโสมอยู่จริงๆ นี่!
เขาเพิ่งปล่อยไข่แมลงเสร็จก็มองเห็นมัน และเตรียมไปคว้าโสมติดมือกลับไป ใครจะรู้ว่าจู่ๆ พี่ใหญ่ก็เข้ามาฉุดรั้งเขาไว้ เมื่อเขามองไปอีกครา โสมนั่นก็หายไปแล้ว!
เลยกล่าวไปว่าโสมวิ่งได้ และต้องหนีไปเพราะถูกพี่ใหญ่ทำให้ตกใจแล้วเป็นแน่!
พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างโง่เขลาสิ้นดี! ในสมองยังคำนึงถึงแต่ชื่อเสียงดีงามของตัวเองอยู่ได้ ไม่รู้ว่าครอบครัวพวกเขาสูญเงินไปตั้งเท่าใด!
ทว่าหลี่ซานไม่กล้าพูดออกไปว่าตนมองเห็นโสมแล้วจริงๆ
อย่างไรเสีย…
เห็นๆ อยู่แล้วว่านั่นเป็นโสมนี่ หากถูกผู้อื่นค้นพบก่อนแล้วจะทำเช่นไร?!
หลี่ซานหุบปากไม่เอ่ยโต้เถียง
“ท่านอาหลี่ซาน ท่านปล่อยไข่แมลงอันใดลงในที่ดินบ้านข้าหรือ” ซ่งอิงเอ่ยปาก
หลี่ต้าถอนหายใจ “น่าจะเป็นไข่ของเพลี้ยไฟ ช่วงระยะก่อนหน้า เด็กๆ ในครอบครัวซุกซน เที่ยวไปควานหารวบรวมไข่แมลงมาจำนวนมาก ข้ายังกล่าวชมพวกเขาอยู่เลยว่ารู้ความ รู้จักข้อเสียของพวกมัน…ใครจะรู้ว่าวันนี้กลับถูกน้องสามหยิบเอามาใช้เสียแล้ว”
ตอนที่ 26 ถ่วงความเจริญ!
สีหน้าหนุ่มใหญ่ทุกคนล้วนผันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไข่ของเพลี้ยไฟนั่นมีขนาดเล็กเป็นพิเศษ เด็กๆ เบื่อหน่ายไม่มีอะไรต้องทำ จึงสหาแล้วรวบรวมมาได้จำนวนไม่น้อย แต่หากเอามาปล่อยในแปลงนาผืนนี้ทั้งหมด…นั่นมิเท่ากับการทำร้ายคนเขาหรือ!
“น้องหลี่ซาน! ครอบครัวข้ากับเจ้ามีความแค้นอะไรต่อกันหรือ! ใช่ ตอนแรกจิ้นเป่าครอบครัวเจ้าเคยพูดคุยเรื่องงานแต่งกันไว้แล้วก็จริง แต่หมั้นหมายแล้วหรือไม่ล่ะ! ก็ไม่ได้หมั้นหมายไว้นี่! ตอนนั้นข้าบอกกล่าวกับเมียเจ้าไว้ชัดเจนว่าแล้ว เด็กๆ อายุยังน้อย รอนางถึงวัยสิบหกปีแล้ว หากตัวข้ารู้สึกว่าจิ้นเป่าเด็กผู้นั้นเหมาะสม ค่อยตัดสินใจให้นางหมั้นหมาย! ต่อมาเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย ซึ่งก็ได้บอกกล่าวครอบครัวเจ้าไว้แล้วเช่นกันว่าเด็กทั้งสองมีชะตาได้พบเจอกันแต่ไร้วาสนาอยู่เคียงกัน”
“ครอบครัวข้าไม่เคยได้ผลประโยชน์ใดจากครอบครัวหลี่ของเจ้าเลยแม้แต่น้อยนี่ บัดนี้ลูกสาวข้ากลับมาแล้ว และไม่คิดจะแต่งเข้าตระกูลเจ้าอีกเช่นกัน เมื่อวานเมียเจ้าก็มาก่นด่ายกอยู่พักใหญ่ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เจ้าจะมากระทำเรื่องเลวทรามประเภทนี้ลับหลังอยู่ที่นี่อีก! พวกเจ้ายังมียางอายกันอยู่หรือไม่!” หร่วนซื่อที่ดูอ่อนแอเสมอมา ทว่าขณะนี้กลับก่นด่าคนเขาอย่างไม่ลดละขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน
ความร้ายกาจของเพลี้ยไฟค่อนข้างรุนแรง
ในแปลงนาแต่ละบ้านล้วนมีอยู่ แต่หากจำนวนไม่มากเกินไปก็ทำให้เสียหายได้ไม่มากมายนัก
แต่ใครจะรู้ได้ว่าครอบครัวหลี่ปล่อยลงพื้นที่ครอบครัวนางจำนวนมากน้อยเพียงใด
หากเป็นแปลงนานี้ได้รับความเสียหายรุนแรง ท้ายที่สุดมีความเป็นไปได้ว่าต้นกล้าจะไม่เติบโต รากไม่แตก และถึงขั้นเฉาตายในที่สุด!
ต่อให้เติบโตได้ แต่ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจก่อให้เกิดรวงข้าวไร้เมล็ด!
ทั้งครอบครัวพวกเขาก็มีที่นาอยู่แค่นี้ เดิมทีลำพังอาศัยมันก็ไม่พอให้กินอิ่มท้อง ตอนนี้ครอบครัวหลี่มาก่อเรื่องราวประเภทนี้อีก นั่นมิใช่ความตั้งใจทำให้ครอบครัวพวกเขาไร้ข้าวสารกรอกหม้อหรือ?!
หลี่เหล่าซาน[3]ถูกหร่วนซื่อชี้หน้าก่นด่า รู้สึกได้เพียงสีหน้าค่าตาไม่สู้ดีนัก
“ไข่แมลงอะไรกัน? ข้าไม่รู้เรื่อง! วันนี้ข้าแค่ดื่มสุรามากไปหน่อย ไม่ทันระวังจึงล้มลงในแปลงนาบ้านเจ้า! ก็แค่ต้นกล้าไม่กี่ต้นไม่ใช่หรือ ไว้กลับไปข้าให้เมียมาจัดการดำต้นกล้าข้าวเหล่านี้ลงไปใหม่ก็สิ้นเรื่อง!” หลี่เหล่าซานกล่าวทันควัน
ไม่ใช่ต้นกล้าที่ผ่านการดำไว้แล้วหลายเดือนแล้วเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องตื่นตกใจใหญ่โตเพียงนั้น!
“เหล่าซาน!” หลี่ต้าเดือดดาลเสียยิ่งอะไรดี
ก่อนหน้านี้เพื่อเรื่องงานแต่งของหลานชายผู้นี้ เดิมทีชื่อเสียงตระกูลพวกเขาก็ไม่ค่อยดีงามอยู่แล้ว และตัวเขาเองก็ยังมีบุตรสาวอีกตั้งสองคน จึงเกรงกลัวว่าบุตรทั้งสองคนนี้จะพาลติดร่างแหเพราะการกระทำของบ้านสาม แล้วหาครอบครัวดีๆ ในภายภาคหน้าไม่ได้
ดังนั้นในปกติแต่ละวัน เขาจึงปฏิบัติต่อผู้คนอย่างให้ความเกรงอกเกรงใจ และไม่กล้าก่อเรื่องบาดหมางใจประเภทนี้มาแต่ไหนแต่ไร!
แต่ต่อให้เขาระมัดระวังเพียงใด ก็ยังไม่วายมีตัวถ่วงความเจริญเช่นนี้!
เมื่อก่อนเขาไม่ว่ากล่าวจิ้นเป่าแม้ก่อเรื่องวุ่นวาย ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะก่อเรื่องประเภทนี้ได้ ที่ดินไร่นาเป็นชีวิตของชาวไร่อย่างพวกเขา กระทำอย่างนี้จะให้อดกลั้นคงไม่ได้เป็นแน่ จำเป็นต้องแยกครอบครัวเสียแล้ว!
หลี่ต้าเดินจากไปพร้อมความเดือดดาล คนอื่นๆ ชี้ไม้ชี้มือพร้อมวิพากษ์วิจารณ์หลี่ซาน ทว่าหลี่ซานผู้นี้หนังหน้าหนาอย่างยิ่ง ยืนกรานคำเดียวว่าไม่ได้ปล่อยไข่แมลงลงไป
ที่นาใหญ่โตเพียงนี้ ไข่แมลงที่ขนาดเล็กเพียงนั้น จะไปหาเจอได้ที่ไหนกัน?
หร่วนซื่อร้อนใจจนร้องห่มร้องไห้
เพลี้ยไฟเหล่านี้ไม่เพียงแต่กัดกินรากต้นข้าว แต่ยังกินคุณประโยชน์อื่นๆ ด้วย หากแพร่พันธุ์ในบริเวณนี้ขึ้นมา เกรงว่าภายภาคหน้าที่นาผืนนี้ของครอบครัวนางคงต้องประสบปัญหาจากเพลี้ยไฟไปอีกยาวนาน
ซ่งอิงมุ่นคิ้ว เห็นมารดาร้องไห้ด้วยความปวดใจ ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วรีบกล่าว “ท่านแม่ อย่าเพิ่งร้อนใจไป ข้ามีวิธีการจัดการเพลี้ยไฟเหล่านี้เจ้าค่ะ”
หร่วนซื่อไม่ได้เก็บมาคิดเป็นจริงเป็นจัง คิดเพียงว่าซ่งอิงกำลังปลอบใจนาง
ในชีวิตก่อนหน้าซ่งอิงเป็นนักวิจัยผู้โดดเด่นมากความสามารถ ความรู้ที่ร่ำเรียนในตอนแรก เกรงว่าในชีวิตนี้คงใช้ไม่ได้เสียแล้ว ทว่านางเคยอ่านหนังสือมาไม่ใช่น้อยๆ เช่นกัน จึงรู้ว่ามีวิธีในการกำจัดเพลี้ยไฟพวกนี้อย่างง่ายดายอยู่จริง
เพียงแต่นางไม่เคยทดลองดูเช่นกัน
หร่วนซื่ออุปนิสัยไม่เกรี้ยวกราดพอ ในยามนี้เอง ผู้คนที่อยู่แปลงนาใกล้เคียงต่างก็พากันมาเอาเรื่องหลี่ซาน ทว่าหร่วนซื่อกลับกล่าวคำอะไรที่ดูเลวร้ายเกินไปไม่ออก
โดยเฉพาะนั่นคือหลี่ซานที่มีใบหน้าอำมหิตไม่เหมาะจะมีปัญหาด้วย เมื่อครู่หร่วนซื่อแข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อยได้ก็เพราะโกรธจัด ทว่าพอสงบสติอารมณ์ลงได้ ความเกรี้ยวกราดก็พลันมลายหายไปแล้ว
[1] หลี่ซาน (李三) ‘หลี่’ คือแซ่ของตัวละคร ‘ซาน’ หมายถึงสาม ในที่นี้เป็นการระบุถึงตัวละครคือบุตรลำดับสามของครอบครัว
[2] หลี่ต้า (李大) ‘หลี่’ คือแซ่ของตัวละคร ‘ต้า’ หมายถึงใหญ่ ในที่นี้เป็นการระบุถึงตัวละครคือบุตรคนโตของครอบครัว
[3] เหล่าซาน (老三) คำเรียกขานบุตรลำดับสามของครอบครัวในภาษาจีน