ตอนที่ 23 ไม่เกี่ยวข้อง ตอนที่ 24 หนึ่งเทียบเท่าสอง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 23 ไม่เกี่ยวข้อง

ศิลปะสี่แขนงที่เหล่าปัญญาชนต้องเรียนรู้อย่างกู่ฉิน หมากรุก เขียนอักษร และวาดภาพเรียนไม่เป็นผลสำเร็จ เจ้าของร่างทำได้เพียงงานปักลายผ้าเท่านั้น

ที่เจ้าของร่างฝึกปรือมาตั้งแต่เด็ก ก็คือดอกไม้ป่าและหญ้าป่าเหล่านั้นบนขุนเขาซิ่ง ไม่เคยได้เรียนรู้สิ่งใดๆ อย่างลึกซึ้ง มีเพียงความมุมานะพยายาม ไม่มีการปรับแต่ง บัดนี้ตัวกลางสำคัญกลายเป็นนาง ในด้านความนึกคิดนี้ จึงมีการผันเปลี่ยนไปบ้างเช่นกัน

หร่วนซื่ออยากคลุกคลีอยู่กับบุตรสาวจะแย่ ดังนั้นครั้นนางเอ่ยพูดดังกล่าว หร่วนซื่อก็ตกปากรับคำทันที

วันถัดมา เป็นไปตามความคาดหมาย หร่วนซื่อไม่ได้ไป

“พี่สะใภ้รอง นี่ก็เช้าตรู่แล้วยังมัวขี้เกียจอยู่บนเตียงอีกหรือ ขืนชักช้าต่อไปคงถึงเที่ยงวัน และหากช้ากว่านี้อีกหน่อย งานการวันนี้ก็ทำไม่เสร็จกันพอดี!” เจียวซื่อบ้านสามแผดเสียงตะโกนอยู่ด้านนอก

ในลานบ้าน มีบุตรชายคนโตและคนเล็กทั้งสามยืนอยู่ด้วย แต่ละคนรอให้หร่วนซื่อออกมาอย่างหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย

หร่วนซื่อมองบุตรสาวแวบหนึ่งอย่างลำบากใจ

ซ่งอิงเหลืออด ตรงไปเปิดบานหน้าต่างแล้วยื่นศีรษะออกไปด้านนอก “อาสะใภ้สาม แม่ข้าไม่ได้ขี้เกียจหรอกเจ้าค่ะ มิใช่ท่านกล่าวเองว่าวันนี้ไม่ต้องการให้แม่ข้าไปทำงานแล้วหรอกหรือ ซึ่งก็ดีไปเลย ข้าเองจะได้มีเวลาให้ท่านแม่อยู่บ้านสอนข้าปักกระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิก”

เจียวซื่อตะลึงงัน “ไม่ไป?”

“ใช่สิเจ้าคะ ก็ท่านไม่ให้ท่านแม่ข้าไปนี่?” ซ่งอิงแสร้งปั้นหน้าซื่อ

หร่วนซื่อต้องการโผล่หน้าออกมาพูดจา แต่กลับถูกซ่งอิงดันไปด้านข้าง ไม่ให้นางเอ่ยปาก

ด้วยนิสัยหร่วนซื่อเช่นนี้ ไม่พูดจะเป็นการดีกว่า เมื่อพูดเป็นอันต้องทิ้งช่องโหว่มากมาย คำพูดอ่อนปวกเปียกง่ายต่อการถูกรังแก ปะทะคารมเจียวซื่อที่รู้จักกระหน่ำพูดอย่างบ้าคลั่งไม่ได้แม้แต่น้อย

“หนูอิง บ้านพวกข้าที่ดินมากมาย ไม่มีแม่เจ้าช่วย นี่…นี่ก็คงทำงานให้เสร็จไม่ได้ เจ้าก็ทำๆ มันไปก่อน ปล่อยแม่เจ้าออกมา ไว้ตอนเย็นอาสะใภ้จะต้มไข่ให้เจ้ากินสักฟอง!” เจียวซื่อกล่าว

ซ่งอิงหัวเราะ “จะให้รับสิ่งของของบ้านอาสะใภ้สามคงไม่ดีกระมัง ตอนนี้แยกครอบครัวกันแล้ว ที่ท่านแม่ข้าช่วยงานท่านนั่นถือเป็นน้ำใจ จะไม่ไปทำงานให้บ้านท่านก็เป็นอะไรที่พึงกระทำได้เช่นกัน เมื่อวานท่านแม่ข้าทั้งทำกับข้าวทั้งดำต้นกล้า ยังเหน็ดเหนื่อยอยู่เลย”

เจียวซื่อเกิดความอึดอัดใจเล็กน้อย

นางรู้อุปนิสัยของหร่วนซื่อ นิสัยที่ไม่ว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ทำให้นางขอให้หร่วนซื่อทำอะไรนางก็ทำเช่นนั้น

ใครจะรู้ว่านางเด็กสาวป่าเถื่อนนี่จะร้ายกาจไม่เบา

“ไม่ไปก็ไม่ต้องไป!” เจียวซื่อสบถฮึ ครั้นเห็นพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าเดินออกมาพอดีเช่นกันจึงรีบกล่าวทันควัน “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่สะใภ้รองยังเหนื่อยจากงานเมื่อวาน วันนี้ไม่อยากช่วยบ้านข้าทำงาน ก็คงต้องลำบากท่านทั้งสองมากหน่อยแล้วเจ้าค่ะ!”

หร่วนซื่อได้ยินดังกล่าว พลันบังเกิดความร้อนรนใจ เร่งรีบเตรียมเอ่ยปากอธิบายในทันทีทันใด

ซ่งอิงหรือจะเปิดโอกาสให้หร่วนซื่อ นางมองปู่และย่า ปั้นหน้ายิ้มจนตาหยีแล้วกล่าว “ท่านปู่ท่านย่า ความจริงไม่ใช่แม่ข้าไม่อยากไป แต่เป็นเพราะความต้องการของอาสะใภ้สามสูงเกินไปแล้วต่างหาก เมื่อวานแม่ข้าทำงานตลอดทั้งช่วงเช้า ตนเองไม่ได้กินข้าวเช้าสักคำเลยด้วยซ้ำ แล้วยังต้องนำอาหารไปส่งให้อาสะใภ้สามก่อน ใครจะรู้ว่ายังถูกอาสะใภ้สามดูถูกกับข้าวที่ทำไปว่าไม่เหมาะสม ข้าวสารอาหารแห้งบ้านข้าใกล้จะเกลี้ยงถังแล้ว จึงทำปิ่งจื่อดีๆ ออกมาจำนวนมากมายเพียงนั้นไม่ได้จริงๆ ท่านแม่ข้าเป็นกังวลใจตลอดทั้งคืน วันนี้สภาพจิตใจไม่ดี ร้องไห้จนหน้ามืดตาลายดวงตาบวมเป่งหมดแล้วเจ้าค่ะ…”

ทันทีที่พ่อเฒ่าแม่เฒ่าได้ยินดังกล่าวก็ขมวดคิ้ว

“ว่ากันตามหลักก็เป็นที่ดินของบ้านอาสะใภ้สาม ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านข้า จึงต้องรบกวนอาสะใภ้สามทำด้วยตนเองแล้วละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

จริงอยู่ที่ซ่งเหล่าเกินและหม่าซื่อมีใจเข้าข้างบ้านครอบครัวบุตรคนโต แต่ก็เป็นผู้ที่มีเหตุมีผลเช่นกัน

เมื่อวานหร่วนซื่อและเจียวซื่อ ใครถูกใครผิดกันแน่ พวกเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ เพียงแต่เมื่อวานในแปลงนาครอบครัวเจียวซื่อ บรรดาหลานๆ ของบ้านสามนี้ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า จึงว่ากล่าวหร่วนซื่อไป เพื่อให้เจียวซื่อไม่เสียหน้าต่อหน้าบรรดาเด็กๆ

แต่วันนี้ อยู่ในที่บ้านของทุกคน แต่ละบ้านล้วนเอี้ยวหูฟังกันอยู่ จึงไม่เหมาะที่จะแสดงความลำเอียงเข้าข้างใคร

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ท่านแม่เจ้าพักผ่อนเถอะ งานที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้มากมายแล้วเช่นกัน” ซ่งเหล่าเกินมองซ่งอิงแวบสายตาหนึ่ง ใบหน้าแสดงถึงความไม่พึงพอใจเล็กน้อยขณะเอ่ยพูด

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ของครอบครัวตนเอง อยากจะให้มองด้วยความรู้สึกไม่ขัดหูขัดตาคงเป็นเรื่องยากเช่นกัน

ตอนที่ 24 หนึ่งเทียบเท่าสอง

ถึงอย่างไรหากซ่งเหล่าเกินจะคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กรุ่นหลังก็คงไม่ดีนัก จึงกล่าวเพียง “ให้ท่านแม่เจ้าอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน เจ้าเองจะได้เรียนรู้จากแม่เจ้าให้มากๆ หน่อย เป็นเด็กผู้หญิงของครอบครัว จะมีนิสัยกร้าวร้าวแบบนี้ไม่ดีนัก อาสะใภ้สามเจ้าเป็นผู้อาวุโส เจ้าส่งเสียงแว้ดๆ แบบนี้ ดูเหมือนอะไรกัน?”

กล่าวจบก็ถลึงตาใส่บ้านสามแวบหนึ่ง ก่อนเดินตัวงอพ้นประตูบ้านออกไป

ถูกตำหนิสองสามประโยคเท่านั้นเอง ไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด ซ่งอิงหนังหน้าหนาพอจะทนรับไหว

เจียวซื่อไม่พึงพอใจเท่าใดนัก

หร่วนซื่อทำงานคล่องแคล่วว่องไว ขาดนางช่วยงาน นางและบุตรชายสามคนกับบุตรสาวคนหนึ่งของครอบครัว จำต้องเปลืองแรงมากขึ้นอีกเท่าใดล่ะทีนี้

ทว่าตาผู้เฒ่านั่นพูดออกมาแล้ว นางเป็นลูกสะใภ้จะปากมากคงไม่ดีนัก ได้แต่ถอนหายใจแรงแล้วตะคอกใส่บรรดาลูกๆ “ยังมัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่อีก?! อยากอยู่บ้านว่างงานเหมือนเด็กสาวนั่นหรือไร พวกเจ้าไม่มีวาสนานี้หรอก!”

ซ่งอิงหัวเราะหยัน

นางไม่ใช่เจ้าของร่าง ตอนนี้ในใจจึงไม่มีความกดดันใดๆ แม้แต่น้อย

“ท้องฟ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วสินะ นางเด็กนี่ของบ้านน้องสองจากไปสองปี ปรากฏว่าแตกต่างไปแล้วจริงๆ!” ในห้องบ้านใหญ่ เหยาซื่อบ้านใหญ่เอ่ยพูดกับน้องสะใภ้เล็กอย่างเหยาซื่อบ้านเล็กผู้นี้

“ก็นั่นน่ะสิ เพิ่งหายป่วยสองวัน นี่ต่อปากต่อคำไม่ลดราวาศอกไปกี่คราแล้ว” เหยาซื่อบ้านเล็กจงใจแย้มยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกว่ามีความน่าสนใจ

เรื่องที่แยกครอบครัว บ้านใหญ่ได้ผลประโยชน์ไม่ใช่น้อยๆ

ตอนแรกยามที่ซ่งอิงถูกรับตัวไป เงินที่ได้มาหนึ่งร้อยตำลึงเงินล้วนหมดไปกับบ้านใหญ่ นางจึงอยากให้ซ่งอิงโวยวายให้เต็มที่แทบแย่

แน่นอนละว่าก็เป็นเพียงการนึกคิดเท่านั้น บางคำพูดนางซึ่งเป็นลูกสะใภ้ไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก

ทางด้านหร่วนซื่อนั้น วิตกกังวลอยู่เล็กน้อย

แต่เห็นบุตรสาวสุขใจดี ความวิตกกังวลอันน้อยนิดนั้นก็พลันมลายไปเช่นกัน

นางก็มีความรู้สึกส่วนตัวเช่นกัน และก็ไม่อยากเหน็ดเหนื่อยแทนคนอื่น เพียงแต่นางนิสัยใจคอไม่ค่อยกล้าโต้แย้ง

กระทั่งตอนนี้เองหร่วนซื่อถึงได้ออกจากห้อง เตรียมไปกวาดมูลไก่ และเก็บกวาดในบ้านให้เรียบร้อย

เพียงแต่เมื่อไปถึงลานหลังบ้าน หร่วนซื่อเป็นอันต้องตกตะลึง

นั่น…นั่นคือไข่ไก่?!

สิ่งที่ขนาดใหญ่โตเท่าหนึ่งกำปั้นมือเรียกว่าไข่ไก่ได้หรือ?!

หร่วนซื่อรู้สึกเหลือเชื่อ เร่งรีบไปเรียกซ่งอิงมาทันที

“อาอิง ไก่ตัวนี้ที่ครอบครัวหลี่ให้พวกเรา ทำไมถึงออกไข่ขนาดใหญ่โตเพียงนี้ละ!” หร่วนซื่อกล่าวอย่างเหลือเชื่อ

ซ่งอิงมองเห็นไข่ไก่นี้ก็ตระหนกตกใจไม่แพ้กัน

ไก่ตัวนี้ไม่ได้ตัวใหญ่แต่อย่างใด ส่วนตัวอื่นๆ ล้วนเป็นลูกเจี๊ยบ มีเพียงตัวนี้ที่ครอบครัวหลี่มอบให้แทนคำขอโทษที่ตัวโตเต็มไวแล้ว แต่เมื่อวานตอนที่ถูกครอบครัวหลี่ส่งมาให้ ไก่นี่มองดูแล้วไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าเท่าไร ขนไก่ก็แหว่งๆ มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นไก่แก่ที่อยู่มาหลายปีแล้ว

“นี่มัน…ไม่น่าเป็นไปได้สิ! แม่ไก่แก่ตัวนี้ที่ครอบครัวหลี่มอบให้ไม่น่าจะออกไข่ให้ได้แล้วด้วยซ้ำ เหตุใดจู่ๆ ถึง…” หร่วนซื่อรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหลมาก ในสายตานางนี้ไม่ต่างจากหอยเก่าแก่ให้ไข่มุกเม็ดงาม ถึงขั้นรู้สึกอัศจรรย์ใจก็ว่าได้!

“อาจเป็นไปได้ว่า…บ้านเราดินน้ำลมดีกระมัง” ซ่งอิงยกยิ้มมุมปาก ภายในใจพอประมาณการณ์บางอย่างได้แล้ว

ไม่ต้องคาดเดา แน่นอนว่าเป็นเพราะเมื่อวานแม่ไก่ตัวนี้กินผักป่าที่นางใช้น้ำทะเลสาบจากช่องว่างระหว่างมิติรด อยู่ๆ ถึงได้ออกไข่ขนาดใหญ่เท่านี้

หร่วนซื่อมองนางแวบหนึ่งอย่างเคลือบแคลงใจ “เมื่อวานเจ้าป้อนอะไรให้ไก่กินแล้วหรือ”

“จริงสิ ไส้เดือนเหล่านั้นที่ข้าจับมาได้เมื่อวาน แม่ไก่ตัวนี้กินแล้วกินอีกจนอิ่มแปล้ จะออกไข่ให้สามสี่ฟองก็คงไม่น่าแปลกอะไรหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวได้หน้าตาเฉย

“…” หร่วนซื่อตกตะลึงเล็กน้อย

นี่ส่งผลให้ออกไข่ง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ

โดยทั่วไป แม่ไก่บางส่วนจะออกไข่สักฟองในระหว่างสามหรือสองวันครั้ง แต่…ตัวนี้ คิดไม่ถึงว่าเพียงข้ามคืนเดียวก็ให้ไข่ถึงสามฟองแล้ว!

อีกทั้งแต่ละฟองล้วนขนาดใหญ่เท่ากำปั้นมือ ฟองเดียวเทียบเท่ากับสองฟองก็ว่าได้!

ซ่งอิงถือโอกาสมองลูกเจี๊ยบตัวอื่นๆ ไปด้วย มองดูพวกมันมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ขนอ่อนๆ นั่นกลายเป็นสีสันที่เงางามเป็นพิเศษ

“สวินเอ๋อร์เหนียง! มีคนทะเลาะกันในแปลงที่ดินบ้านเจ้าแล้ว!”