ตอนที่ 21 ไก่ป่วยโรคห่า?
ตามจริงหร่วนซื่อก็ไม่ค่อยชอบใจเช่นกัน เพียงแต่นางเป็นคนยอมคนมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดออกไปเท่านั้นเอง
ตอนนี้มองเห็นบุตรสาวคำนึงเพื่อนางสารพัด จึงรู้สึกอบอุ่นในจิตใจ “อาซ่ง แม่ก็เข้าใจหลักการที่เจ้าว่าเช่นกัน เพียงแต่…หากมีเพียงอาสามเจ้าครอบครัวเดียวก็แล้วไป แต่นี่ท่านปู่ท่านย่าเจ้าก็อยู่ด้วยน่ะสิ หากข้าแอบไปทำกับข้าวที่บ้านสาม ท่านปู่ท่านย่าเจ้าจะไม่คิดว่าข้าอกตัญญู? แม้กระทั่งแป้งที่บดจากข้าวสารก็ไม่ยินยอมสละให้?”
ซ่งอิงมุ่นคิ้ว
หลังครุ่นคิดชั่วครู่ คว้าตะกร้าจากมือมารดาของนางมาถือไว้ “บ้านเรายังมีแป้งขาว[1]อยู่สินะเจ้าคะ? เช่นนั้นก็ใช้แป้งขาวทำปิ่งจื่อให้ท่านปู่ท่านย่าเสียหน่อย แล้วค่อยไปบ้านอาสามใช้ธัญพืชทำให้พวกเขา เช่นนี้ก็เป็นอันสมเหตุสมผลดีแล้วเจ้าค่ะ”
หร่วนซื่อมองนางอย่างประหลาดใจพริบตาหนึ่ง แต่แล้วก็คิดว่าวิธีการประเภทนี้ก็น่าจะได้เช่นกัน
เพียงแต่ว่า…
กลัวบ้านสามนั่นจะไม่พึงพอใจ เพื่อแป้งที่บดจากข้าวสารนี้ทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด และอีกเดี๋ยวสามีกลับมาแล้ว จะถูกน้องชายพูดจาตำหนิติเตียนเอาได้อีก
อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน อย่างไรก็ต้องเจอะเจอหน้ากันตลอด…
ซ่งอินเห็นมารดาเผยสีหน้าลำบากใจ จึงทอดถอนใจ “ช่างเถอะท่านแม่ เอาเป็นว่าแค่สองครานี้เท่านั้น ในเมื่อท่านรู้สึกไม่สบายใจก็เอาตามที่ท่านว่า เพียงแต่อีกเดี๋ยวตอนไปทำงาน อย่าได้เหน็ดเหนื่อยจนเกินไปเชียว ลูกเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
ตอนนี้นางร่างกายแข็งแรงแล้ว จึงพอช่วยแบ่งเบาภาระงานหร่วนซื่อได้บ้าง แต่ด้วยนิสัยของหร่วนซื่อ คงต้องไม่ตอบตกลงเป็นแน่
“อื้อ!” เวลานี้เอง หร่วนซื่อส่งเสียงขานรับอย่างดีใจ
คว้าตะกร้าได้ก็เดินจากไปทันที
ซ่งอิงยอมถอยหนึ่งก้าว มิใช่เพราะเกรงกลัวผู้ใด เพียงแต่กลัวหร่วนซื่อไม่สบายใจ หลายปีมานี้หร่วนซื่อล้วนปฏิบัติต่อผู้คนอย่างอะไรยอมได้ก็ยอมไป จู่ๆ จะให้นางแข็งข้อคิดเล็กคิดน้อยขึ้นมา คงนำมาซึ่งปฏิกิริยาใหญ่โตอยู่บ้าง
ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน
ต้องคิดวิธีหาเงินให้ได้แล้วออกไปสร้างเรือนหลังใหม่โดยเร็วไว เช่นนี้ถึงทำให้หร่วนซื่อผ่อนคลายสบายใจได้หน่อย มิเช่นนั้นทั้งครอบครัวใหญ่โตนี้ ใครหน้าไหนก็เรียกใช้หร่วนซื่อได้ตามอำเภอใจ ทำให้นางไม่สบายใจเอาเสียเลย
ทันทีที่หร่วนซื่อเดินจากไป ซ่งอิงมองดูผักป่าเหล่านั้นที่นางรดน้ำไว้
แต่ครั้นมองไป นางตระหนกตกใจทันที
ช่วงเวลาอันสั้น คิดไม่ถึงว่าผักป่าของนางจะกลายเป็นสีเขียวขจี ไม่มีลักษณะน่าอนาถเหี่ยวเฉาจนออกสีเหลืองอย่างเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
ซ่งอิงคิดว่าตนเองตาฝ้าฟางไปแล้วเสียอีก แต่เห็นได้ชัดเจนยิ่งว่าพื้นที่ซึ่งผ่านการรดน้ำช่างดูแตกต่างออกไป!
ซ่งอิงถอนผักป่าขึ้นมาต้นหนึ่งแล้วมองดูอย่างถี่ถ้วน รากของมันดูแข็งแรงและสดใหม่อย่างยิ่ง!
ในผักป่าเหล่านั้นมีต้นกล้าเล็กๆ บางส่วนที่ดูไม่แข็งแรงปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น…น้ำทะเลสาบจากช่องว่างระหว่างมิติไม่ได้ให้ผลเร่งการเจริญเติบโต เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพของต้นพืช?
ซ่งอิงยังคงดีใจไม่ต่างจากเดิม
เวลานี้ ลูกเจี๊ยบเจ็ดแปดตัวในลานบ้านนี้ รวมไปถึงแม่ไก่ที่ครอบครัวหลี่เพิ่งนำมาให้เมื่อครู่ คล้ายกับค้นพบของอร่อยแล้ว ถึงได้พากันเข้ามารายล้อม เห็นได้ชัดว่าดูชื่นชอบผักป่าเหล่านี้อย่างยิ่ง
ซ่งอิงมองด้วยสีหน้าแววตาสุขใจ หลังครุ่นคิดชั่วขณะ นางเด็ดผักป่าจำนวนหนึ่งวางลงบนกองดินคุณภาพดีที่อยู่ข้างๆ ใช้เป็นอาหารให้ไส้เดือน
น่าเสียดาย เพิ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิ ทางครอบครัวก็เลยไม่ได้ปลูกพวกแตงและผักสด โดยเฉพาะในลานบ้านของนางนี้ นอกจากให้อาหารลูกเจี๊ยบเหล่านี้ก็ไม่มีเรื่องอื่นใดให้ทำแล้ว
ในห้องครัวยังมีผักกาดขาว แตงกวา และผักดองอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ล้วนเป็นผักตายแล้วที่เอาลงดินไม่ได้ ซึ่งซ่งอิงก็รู้ได้ว่า น้ทะเลสาบจากช่องว่างระหว่างมิติใช้กับของเหล่านั้นไม่เกิดประโยชน์
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้น้ำทะเลสาบมีคุณประโยชน์เช่นนี้ก็ทำให้นางพึงพอใจมากแล้ว
ซ่งอิงรดน้ำให้ผักป่าที่มีทั้งหมดอีกรอบ
ตกเย็นยามที่หร่วนซื่อกลับมา นางตระหนกตกใจร้องเสียงแหลม
เพราะแม่ไก่รวมไปถึงบรรดาลูกเจี๊ยบเหล่านั้น…คุดคู้อยู่กลางดงผักเหล่านั้นไม่เคลื่อนไหว! ตายแล้วหรือ!
“มิใช่ว่าไก่เกิดป่วยโรคห่าขึ้นมาแล้วกระมัง! แต่ช่วงกลางวันข้ายังเห็นพวกมันอยู่ดีกันเลยนี่!?” หร่วนซื่อตื่นตกใจไม่เบา
หากไก่เป็นโรคห่าขึ้นมา นั่นก็คงแย่แล้ว!
ถึงขั้นต้องรายงานออกไป โดยเฉพาะต้องเป็นภายในหนึ่งวัน คิดไม่ถึงว่าไก่ที่จำนวนมากเพียงนี้จะล้มตายเกลี้ยงเสียแล้ว และใครจะรู้ได้ว่านี่จะแผ่กระจายสู่คนด้วยหรือไม่?
ตอนที่ 22 ไม่ไปแล้ว!
“ท่านแม่ พวกมันก็แค่กินเยอะเกินไป เลยอิ่มแปล้น่ะเจ้าค่ะ” ซ่งอิงลูบๆ จมูก รู้สึกวิตกกังวลกลัวความแตกอยู่เล็กน้อย
นางได้เห็นลูกเจี๊ยบเหล่านี้กินผักป่าไม่บันยะบันยังกับตาตัวเอง ลูกเจี๊ยบแต่ละตัวล้วนกินกันจนแทบยืนไม่อยู่
“กินจนอิ่มแปล้?” หร่วนซื่อมองมันอย่างประหลาดใจ จากนั้นรวบรวมความกล้าเดินหน้าเข้าไปมองสำรวจ กลับมองเห็นช่วงหน้าอกของไก่เหล่านั้นนูนขึ้นมาอย่างเด่นชัดจริงๆ ด้วย ดูท่าคงกินเข้าไปไม่น้อยถึงได้คล้ายจะระเบิดออกมาแล้ว
หร่วนซื่อพรูลมหายใจอย่างโล่งอก “ช่างเป็นเรื่องประหลาดจริงๆ…”
หร่วนซื่อเอ่ยพูดจบ มองเห็นผักป่าเหล่านั้น พลันขมวดคิ้ว
ผักป่าในบ้านนี่โตดีจริงๆ นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ใบพวกมันเหี่ยวเฉาเกือบหมดแล้ว…
แต่หร่วนซื่อก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพียงแค่คิดว่าเป็นสาเหตุจากการรดน้ำให้มันใหม่อีกครั้ง
“ไม่ใช่โรคห่าในไก่ก็ดีไป ทำแม่ตกอกตกใจแทบแย่” หร่วนซื่อตบๆ หน้าอกอย่างเบามือ มองซ่งอิงด้วยสายตาที่หลบเลี่ยงเล็กน้อย
ซ่งอิงจับสังเกตได้รวดเร็ว ค้นพบว่าดวงตาหร่วนซื่อแดงระเรื่อเล็กน้อย คล้ายพึ่งผ่านการร้องไห้มาอีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านแม่ ใครรังแกท่านแล้วหรือเจ้าคะ” ซ่งอิงวางท่าทางราวต้องกับจะหยิบมีดไปฟาดฟันคน
หร่วนซื่อหัวเราะแห้งเล็กน้อย “แม่ถูกใครเขารังแกเสียที่ไหนเล่า? ก็แค่เมื่อครู่ตกใจ คิดว่าไก่เป็นโรคอันใดแล้วเสียอีกน่ะ…”
“บรรดาอาสะใภ้สามพวกนางพูดอะไรแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยถามสวนขึ้นไปทันที
หร่วนซื่อมองนางแวบสายตาหนึ่ง
ลูกสาวชาญฉลาด นางคิดจะเก็บงำว่าก็คงไม่ได้เช่นกัน
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใดหรอก แค่เมื่อกลางวันตอนที่นำอาหารไปให้ อาสะใภ้สามเจ้าว่ากล่าวแม่สองสามประโยค แม่พลันนึกเดือดดาลขึ้นมาก็เลยโต้เถียงกลับไปนิดหน่อย อาสะใภ้สามเจ้าก็กล่าวว่าแม่คิดเล็กคิดน้อย พรุ่งนี้ไม่กล้าให้แม่ไปช่วยงานแล้ว” หร่วนซื่อเอ่ยพูด
เพราะครอบครัวหลี่มาหาเรื่องถึงบ้าน ดังนั้นนางเสียเวลาไปชั่วขณะหนึ่งจึงไปช้า คนที่ทำงานในไร่ล้วนหิวจะแย่ ครั้นเห็นนางก็เลยระเบิดอารมณ์ใส่
ทั้งยังตำหนินางว่าหมั่นโถวนี่กินแล้วฝืดคอ ไยถึงไม่ใช่แป้งเนื้อละเอียดใส่เข้าไปด้วยหน่อย
ในใจนางก็เกิดโมโห จึงกล่าวว่า ในบ้านมีเพียงแป้งเนื้อหยาบเหล่านี้เท่านั้น ไว้พรุ่งนี้จะใช้ห้องครัวของบ้านน้องสามทำหมั่นโถวเนื้อเนียนนุ่มให้ท่านพ่อท่านแม่กินแล้วกัน…
ทว่าทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป บ้านน้องสามก็ปั้นหน้าเศร้าสร้อย กล่าวว่านางคงเสียดายแป้งที่บดจากข้าวสาร แม้แต่ของเล็กๆ น้อยๆ ยังต้องคิดเล็กคิดน้อย เสียดายเกินกว่าจะสละให้ผู้ชราเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ ให้คนชราได้กินดีดื่มดี…
พ่อเฒ่าแม่เฒ่าก็เข้าข้างทางด้านบ้านสามนั่น กล่าวตำหนิสั่งสอนนางไปหลายประโยค
หลังซ่งอิงได้ฟังจนจบ ใบหน้าพลันขมึงทึงขึ้นมาทันที
“ท่านแม่ ในเมื่อนางเอ่ยแล้วว่าไม่ขอร้องท่านให้ไปช่วย เช่นนั้นพรุ่งนี้ท่านก็อย่าได้ไปอีก! ท่านลำบากและเหน็ดเหนื่อยปานนี้ ไม่กล่าวขอบคุณสักคำแล้วยังรังแกท่านอีก มีสิทธิ์อันใด หากท่านพ่อและพี่ชายรับรู้เข้า ก็คงเสียใจเช่นกัน!” ซ่งอิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวทันที
“จะทำเช่นนั้นได้ที่ไหนกันละ หากไม่ไป ท่านปู่ท่านย่านั่นจะยิ่งไม่พึงพอใจเอาได้น่ะสิ?” หร่วนซื่อถอนหายใจ
“ต่อให้ท่านไป พวกเขาก็ไม่นึกขอบคุณท่านแม้แต่น้อย แล้วไยต้องเดือดเนื้อร้อนใจเพียงนี้ไปด้วยล่ะเจ้าคะ ท่านปู่ท่านย่าเดิมทีก็ไม่ถูกชะตาท่านแม่อยู่แล้ว ท่านทำไปมากเท่าใด พวกเขาก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี ดีไม่ดียังจะถูกตำหนิเอาอีก ไม่สู้หลบอยู่ในบ้านสงบๆ ยังดีเสียกว่า!” ซ่งอิงยืนกรานหนักแน่น
ซ่งเหล่าเกินคู่สามีภรรยาทั้งสองไม่ชอบหร่วนซื่อจริงๆ
หร่วนซื่อไม่ค่อยเหมือนกับสตรีคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน รูปร่างค่อนข้างผอมแห้ง มองดูแล้วเป็นลักษณะประหนึ่งว่าเพียงลมพัดมาก็ปลิวได้แล้ว
ไม่เหมือนอย่างเหยาซื่อบ้านใหญ่และเหยาซื่อบ้านสี่ ตลอดจนเจียวซื่อบ้านสาม รูปลักษณ์ดูอวบอิ่มอุดมสมบูรณ์
อีกทั้ง นางให้กำเนิดบุตรน้อยคนจริงๆ
ดังนั้นจึงยิ่งถูกเพิกเฉยละเลยไปกันใหญ่
ใบหน้าซ่งอิงเต็มไปด้วยความกังวลใจ หร่วนซื่อมองท่าทีนาง พลันใจอ่อนขึ้นมาเช่นกัน จึงรีบเอ่ยปากตอบรับ “ตกลง พรุ่งนี้แม่ไม่ไปแล้ว เพียงแต่บ้านเราที่ดินน้อยนิด แม่ก็ไม่อยากจะอยู่บ้านเฉยๆ นัก…”
ซ่งอิงครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนเผยรอยยิ้มขึ้นทันควัน “ท่านแม่ก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนข้าให้สบายใจอย่างไรล่ะเจ้าคะ จริงสิ ข้าเรียนปักลายผ้าจำนวนไม่น้อยครั้งอยู่จวนโหว พรุ่งนี้ลองทบทวนฝีมือกับท่านแม่ ดีหรือไม่เจ้าคะ”
นางมีความทรงจำของเจ้าของร่าง บางทียามที่เย็บปักมือไม้อาจดูงุ่มง่ามไปหน่อย แต่นางทำได้หลายลายทีเดียว
ยามที่เจ้าของร่างอยู่จวนโหว นั่นเรียกได้ว่าทั้งต้องอดทนต่อความยากลำบาก และอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตัดทอนระยะเวลาของการเดินทางไปและกลับ ช่วงเวลาที่เจ้าของร่างถูกกักอยู่ในลานบ้านพื้นที่ขนาดย่อมของจวนโหวก็กินเวลาไปกว่าครึ่งปี ซึ่งระยะเวลาช่วงดังกล่าวนี้ ล้วนเป็นการเรียนรู้สิ่งต่างๆ นานา
[1] แป้งขาว (白面) เป็นผงแป้งอเนกประสงค์ใช้ทำอาหารเช่น ขมนปัง หมั่นโถว เส้นก๋วยเตี๋ยว แผ่นแป้งทอด ซาลาเปา เป็นต้น