ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงอยู่บนฟ้าแล้ว แสงแดดสีขาวที่ลอดเข้ามาทางช่องว่างของผ้าม่านก็จ้าจนแสบตาเลย
ปวดหัวจัง ตัวก็ชุ่มเหงื่อไปหมด เมื่อคืนฉันหลับไปตอนกี่โมงล่ะเนี่ย?
“อึก… อ่า”
ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมกับเสียงครางเหมือนซอมบี้ ขยี้ตาที่ยังงัวเงีย ก่อนจะจับไปที่ผ้าม่านอย่างที่ทำเป็นประจำ แล้วก็เปิดมันออกแบบไม่ได้คิดอะไร ทันใดนั้น อากาศโชยสบายๆ จากแอร์กับลมเย็นๆ จนถึงเมื่อกี้นี้ก็ถูกแทนที่ด้วยแสงแดดจ้าที่รุนแรง
บนเตียงข้างๆ ตัวฉัน โทริโกะก็ร้องออกมา ก่อนจะเอาหน้าซุกเข้าไปในหมอนเลย
“ทำอะไรของเธอเนี่ยยยย!?”
ฉันก้มไปมองที่ตัวโทริโกะ ไม่รู้จะตอบคำโวยวายเสียงอู้อี้ของเธอยังไง แล้วก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยด้วย เธอนอนหันข้าง ขดตัวกลมเป็นลูกบอลอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง กอดหมอนไว้แน่นเพื่อกันแดดที่แผดเผาเข้ามา ฉันก็เลยเห็นแค่ผมสีทองบนหัวของเธอที่เป็นประกายระยิบระยับจากแสงแดดเท่านั้นเอง
…ไหงโทริโกะถึงนอนอยู่ข้างฉันได้ล่ะเนี่ย?
ฉันลองก้มมองดูตัวเอง ก็เห็นว่าตัวเองกำลังสวมเสื้อยืดที่จำไม่ได้ สติของฉันที่ยังมึนๆ เพราะเพิ่งตื่นก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมามากขึ้นๆ แล้วคำถามมากมายก็เริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
ที่นี่ที่ไหนเนี่ย? เป็นไม้สวยเลยด้วย …กระท่อม? บังกะโล? ฉันมาทำอะไรที่นี่?
แล้วทำไมมันถึงสว่างขนาดนี้ล่ะ? แดดแรงจนทำเอาตาพร่าไปเลย นี่มันยังกับว่าอยู่ในเขตร้อนยังงั้นแหละ…
อะ
แล้วเรื่องมันก็ค่อยๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัว
ฉันหรี่ตา หันมองออกไปรอบๆ ข้างนอกหน้าต่างอีกรอบนึง ท้องฟ้าสูง แล้วก็เป็นสีฟ้าสวยเลย ตัดกับแสงสว่างสีขาวที่สะท้อนกับตึกรามบ้านช่องอย่างชัดเจน
จริงสิ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่โอกินาว่า―ที่เมืองนาฮะ ที่นี่คือบ้านพักตากอากาศที่ฉันมาสลบเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ดื่มเบียร์โอริออนไปเพียบกับเหล้าอาวาโมริอีกนิดหน่อย
เรียกว่าบ้านพักตากอากาศอาจจะทำให้นึกถึงรีสอร์ทที่ไหนใช่มั้ย แต่ที่นี่มันอยู่กลางเมืองเลย บ้านพักเรือนไม้บนหลังคาตึก 3 ชั้น ข้างนอกหน้าต่างของพวกเรานี่ มองผ่านแนวต้นปาล์มที่เรียงรายตามท้องถนน ก็มีป้ายบิลบอร์ดอันใหญ่ของบริษัทสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคตั้งอยู่
“นี่กี่โมงแล้วเนี่ย?”
โทริโกะถามทั้งๆ ที่ยังกอดหมอนไว้แน่นอยู่ ฉันมองดูนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ตอบ
“เพิ่งเลย 10 โมงมาเอง”
“งือ… ต้องเช็คเอาท์กี่โมงนะ…?”
“ไม่รู้สิ”
คือ เอาแค่ว่าเช็คอินตอนไหน ฉันยังจำไม่ได้เลย
ฉันบิดขี้เกียจพลางก้มลงไปมองที่พื้น บนพื้นไม้มันวาวมีเสื้อผ้าของพวกเราถอดกระจัดกระจายเกลื่อนอยู่ นี่ที่ฉันหลับอยู่ในสภาพที่ยังมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่ มันเป็นเพราะฉันเหลือสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง หรือว่าฉันแค่หลับไปทั้งๆ ที่ยังอยู่ระหว่างถอดเสื้อผ้าออกกันล่ะเนี่ย…?
หิวน้ำจัง อยากอาบน้ำด้วย
ฉันลุกขึ้นจากเตียง เหยียบพื้นเย็นๆ ด้วยเท้าเปล่า ก่อนจะเดินตรงไปทางประตู แล้วฉันก็สังเกตเห็นชักโครกแบบตะวันตกติดตั้งอยู่ในห้องนี้ด้วย
“เอ๊ะ?”
ไม่ว่าจะมองยังไง นี่มันก็คือชักโครกแน่ๆ แล้วก็มีอ่างล้างหน้าด้วย กั้นกับห้องนอนด้วยฉากกั้นสูงระดับเอวเท่านั้นเอง
นี่หรือว่าที่ที่ฉันเข้าใจว่าเป็นบ้านพักตากอากาศนี่ จริงๆ แล้วเป็นคุกแบบดูดีของสถานีตำรวจที่ไหนหรือเปล่าเนี่ย? ตอนที่ฉันเปิดประตูออกไปทั้งที่ยังงงๆ ก็เจอส่วนห้องครัวกับห้องนั่งเล่น อีกฟากนึงของประตูในห้องนั่งเล่นนี่ก็มีอ่างล้าง ฝักบัว แล้วก็ชักโครกอีกอันนึงที่แยกมาจากอันที่อยู่ในห้องนอน โล่งอกไปที
หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จ แล้วมาดูสภาพของตัวเองที่กระจกเหนืออ้างล่างหน้า ฉันก็เห็นตัวเองกับทรงผมกระเซอะกระเซิงหลังตื่นจ้องกลับมา เสื้อยืดมีลาย [島んちゅ] (Shimanchu แปลว่า ชาวเกาะ) ที่เหมือนเขียนด้วยพู่กัดหนาๆ เขียนเอาไว้ด้วย
ฉันเดินกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่นอย่างมึนๆ แล้วตรงนั้น ฉันก็มองเห็นถุงพลาสติกไวนิล 2 ใบจากร้านดองกิโยนเอาไว้บนโซฟา ระหว่างที่ฉันรื้อของข้างในถุงออกมา ความทรงจำจากเมื่อคืนก็ค่อยๆ กลับเข้ามาหาฉันมากขึ้นๆ…
TN: Don Don Donki หรือ Don Quijote เป็นร้านค้าขายของลดราคาจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งใน 5 กันยายน พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) มีสาขามากกว่า 160 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศอีก 10 สาขา
โทริโกะกับฉันออกไปช่วยกองกำลังสหรัฐที่ถูกทิ้งอยู่ที่สถานีคิซารากิ หนีไปไหนไม่ได้ แล้วพวกเราก็ช่วยคุ้มกันจนพาพวกผู้รอดชีวิตกลับไปที่ที่พวกเขาจากมาได้สำเร็จ―ลานฝึกของกองกำลังสหรัฐในโอกินาว่า
พอพวกเราส่งกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากองพันเพลฮอร์สเรียบร้อยแล้ว เราก็เจอเกทอีกอันอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นเท่าไหร่ เราก็ใช้มันกลับมาที่โลกเบื้องหน้า นั่นคือเรื่องของเมื่อวาน
เกทที่พวกเราเจอไปโผล่ที่หลังคาตึกที่เหมือนจะตั้งอยู่ในถนนโคคุไซโดริ ถนนแสนวุ่นวายที่เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวของเมืองนาฮะ จังหวัดโอกินาว่า
พวกเราก็ดีใจกันที่มาโผล่ในที่ที่สะดวกสบายแบบนี้เลย ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ในการเดินทางทั้งหมดของเราใส่กระเป๋า โดยเฉพาะปืนน่ะนะ พอลงมาถึงชั้น 1 สิ่งแรกที่พวกเราทำก็คือฉลองหลังจบการเดินทางครั้งนี้กัน
เพื่อปลดปล่อยความเครียดที่เพิ่งเจอมา กับเรื่องน่ายินดีที่จู่ๆ ก็มาโผล่ที่โอกินาว่าแบบนี้ด้วย พวกเราก็คึกกันสุดๆ ไปเลย แรกสุด พวกเราก็ไปหาร้านที่มีห้องส่วนตัวกับอาหารท้องถิ่นโอกินาว่ากินกัน โทริโกะก็สั่งมาเกินตัวอย่างทุกทีนั่นแหละ พนักงานร้านเองก็เป็นห่วงว่าพวกเรา 2 คนจะกินกันหมดมั้ย แต่เราก็ซัดกันเกลี้ยงแทบจะทันทีที่พวกมันวางถึงโต๊ะเลยล่ะนะ เต้าหู้จีมามี, สมุนไพรเทมปุระสไตล์โอกินาว่า, สาหร่ายพวงองุ่น, หมูราฟุเตะ, ปลาแสงอาทิตย์ทอดเนย, พาพายะจัมปูรุ, ซาซิมิเนื้อแพะ แล้วก็ข้าวผัดมะระ เราสั่งเครื่องดื่มมาก๊งกันอีกหลายยก ท้ายสุดก็ดื่มกันไปเกือบ 2 ชั่วโมง จากตรงนั้น พวกเราก็ออกไปเดินที่ชายหาด แล้วก็คุยกันเรื่องตระเวนดื่มกัน
ได้ทำอะไรครั้งแรกกับโทริโกะหลายเรื่องเลยนะเนี่ย เรื่องตระเวนดื่มนี่ก็เหมือนกัน พวกเราเข้าไปที่ย่านการค้าจากถนนโคคุไซโดริ เลี้ยวไปเลี้ยวมาแบบไม่รู้ทิศทางเลยว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน จนไปเจอบาร์แห่งนึงบนถนนลาดชัน แล้วก็สั่งค็อกเทลด้วย… หรือเปล่านะ? หลังจากดื่มกันไปสองสามแก้ว เราก็คุยกันเรื่องที่ว่า ที่คนเขาไหลแก้ววิสกี้ไปบนเคาน์เตอร์ แล้วบอกว่า ‘แก้วนี้ฉันเลี้ยงเอง’ เนี่ย มันทำได้จริงหรือเปล่า แล้วก็ตกลงปลงใจจะลองทำดู แต่ฉันอยากจะเชื่อว่าเราไม่ได้ทำแบบนั้นกันจริงล่ะนะ
…ดูท่าจะไม่ได้จบอยู่แค่เบียร์โอริออนหลายขวดกับเหล้าอาวาโมรินิดหน่อยซะแล้วสิ
ก็ ยังไงก็เถอะ พวกเราออกมาจากบาร์นั้น ไปกินโอกินาวะโซบะ ที่ร้านอาหารแถวๆ นั้นกันต่อ แล้วก็เพราะเราสนุกกันสุดเหวี่ยงเลย เราก็เลยเลือกมองหาที่ค้างคืนกัน พวกเราเหงื่อท่วมตัวกันทั้งคู่ ก็เลยแวะไปที่ร้านดองกิ หาซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนกัน แล้วก็ไปซื้ออาหารกับเครื่องดื่มกันแบบเมาๆ นั่นแหละ แล้วก็โบกแท็กซี่ ก่อนจะเข้าเช็คอินที่โรงแรมที่เราเลือกไปแบบสุ่มๆ แล้วจองห้องออนไลน์ไป
ผลก็นั่นแหละ
ฉันหยิบซองไอติมที่ข้างในเหลวเป็นน้ำไปหมดแล้วขึ้นมาแล้วก็ถอนหายใจ อาหารอื่นๆ ข้างในถุงก็มีชิกูวะ ที่เดาสาเหตุที่สั่งมาได้แค่ข้อเดียว ก็คือเอามาแกล้มระหว่างดื่มนั่นแหละ บางที สแปมโอนิกิริกับทาโก้ซูชิโรลนี่ก็คงซื้อมาเป็นคาร์โบไฮเดรตเพื่อปิดมื้ออาหารด้วยก็ได้ พวกเครื่องดื่มนี่ก็มีกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิดเลยอยู่ 2 กระป๋อง กับชูไฮ ที่เขียนอยู่บนฉลากว่า [เฉพาะโอกินาว่า] อยู่ด้วยอีก 2 กระป๋อง แล้วก็มีชาอู่หลงอีกขวดนึงด้วย นี่พวกเรากะจะดื่มกันขนาดไหนเนี่ย? ฉันพอเข้าใจอยู่นะเรื่องจะซื้อกาแฟสำเร็จรูปมาน่ะ แต่ระหว่างมาเที่ยวพักร้อนแบบนี้ มันจำเป็นต้องซื้อมาทั้งโหลแบบนี้ด้วยหรือไง? โหลนี่มันเขียนไว้ว่าชงได้ 45 แก้วเลยนะ
ส่วนถุงอีกใบก็มีแพ็คถุงเท้าใหม่ ชุดชั้นในใหม่ แล้วก็เสื้อยืดด้วย ตอนที่เมากันอยู่ ฉันว่าเราแค่ซื้อเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเฉยๆ เองนี่ แต่นี่ซื้อมาเยอะเกินไปแล้วมั้ง เอาซะเต็มถุงจนแน่นเลย ไว้เดี๋ยวค่อยรื้อดูอีกทีแล้วกัน
TN: ORION beer เป็นโรงเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น บริษัทควบคุมตลาดเบียร์ 60% ในโอกินาว่า สินค้าเด่นดังที่กระจายไปในห้างสรรพสินค้ามากมายทั่วญี่ปุ่น และกระจายเป็นสินค้าส่งออกไปยังหลายประเทศอีกด้วย
เหล้าอะวาโมริ (泡盛 : Awamori) เป็นเหล้ากลั่นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เหล้าพื้นบ้านของโอกินาว่าและเหล้าชนิดเดียวในญี่ปุ่นที่ใช้ข้าวไทยในการหมัก ว่ากันว่ามีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี โดยทั่วไปแล้วจะมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 30-43% จัดเป็นเหล้าญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง เป็นการนำข้าวไทย (ข้าว Indica) หมักด้วยเชื้อคุโรโคจิ (黒麹) ที่พบได้ในท้องถิ่นโอกินาว่าเพื่อแปรรูปเป็นข้าวโคจิ (麹) ก่อน จากนั้นจึงนำข้าวโคจิไปผสมกับน้ำและยีสต์หมักทิ้งไว้ 2 สัปดาห์จนได้โมโรมิ (醪) หรือข้าวหมักที่มีสภาพบวมน้ำและมีแอลกอฮอล์ ในขั้นสุดท้ายจึงนำไปกลั่นในหม้อต้มสุรา เรียกว่ากระบวนการหมักแบบ Zen-koji Shikomi (全麹仕込み) หรือการเตรียมข้าวโคจิทั้งหมด
ว่ากันว่า ต้นกำเนิดของอะวาโมริก็คือเหล้าขาวบ้านเรานี่แหละ
เต้าหู้จีมามี (ジーマミー豆腐 Jimami Tofu) เป็นเต้าหู้ท้องถิ่นของโอกินาว่า ทำจากถั่วลิสง ต้นตำรับนิยมกินกับโชยุปรุงรสเค็มๆ หวานๆ
คากิอาเงะ (かき揚げ) เป็นเทมปุระประเภทหนึ่งที่ทำโดยการห่ออาหารอย่างอาหารทะเลหรือผักชิ้นเล็ก ๆ ในแป้งที่ทำจากแป้งสาลี แล้วทอดในน้ำมันปรุงอาหาร
ราฟุเตะ (ラフテー) หรือหมูตุ๋นโชยุสไตล์โอกินาว่า หมูสามชั้นเนื้อนุ่มละลายในปาก อาหารขึ้นชื่อของโอกินาว่า ปรุงด้วยเหล้าอะวาโมริ และใช้น้ำตาลทรายแดงของโอกินาวะ หมูสามชั้นที่ใช้จะมีหนังติดมาด้วย ทานกับข้าวหรือราเมงก็อร่อย
จัมปูรุ (チャンプルー) เป็นอาหารโอกินาวะที่มีชื่อเสียง มีส่วนประกอบหลักคือเต้าหู้, ผักรวม, เนื้อหรือปลา, เนื้อตัดเย็นหั่นบาง, ไข่, ถั่วงอก, มะระ และเครื่องปรุงรสอื่นๆ เอาทุกอย่างมาผัด อย่างพาพายะจัมปูรุ(パパヤーチャンプルー) หรือก็คือมะละกอนั่นแหละ จะใช้มะละกอดิบฝานเป็นเส้นๆ ผัดกับเนื้อหมูแล้วก็แครอท จะไม่นิยมผัดกับเต้าหู้ ส่วนถ้าใช้มะระ ก็จะเป็นโกยะจัมปูรุ (ゴーヤーチャンプルー ; ゴーヤ โกยะ เป็นภาษาถิ่นโอกินาว่า แปลว่ามะระ) ถือว่าเป็นจานขึ้นชื่อที่ดังที่สุดของจัมปูรุเลยล่ะครับ
ซาชิมิเนื้อแพะ เนื่องจากว่าแพะเป็นสัตว์ที่เพาะพันธุ์ง่ายและเต็มเปี่ยมด้วยสารอาหาร เนื้อแพะจึงเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญของวัฒนธรรมการกินของโอกินาว่า หน้าตาเหรอ ก็เนื้อดิบนั่นแหละ
โอกินาวะโซบะ (沖縄そば) เป็นอาหารโอกินาว่าที่ใส่เส้นโซบะซึ่งเกิดจากการนวดแป้งสาลีลงไปในน้ำซุปดาชิอุ่นๆ ที่มีปลาคัตสึโอะตากแห้งและกระดูกหมูเป็นส่วนประกอบ แล้วเติมท็อปปิ้งด้วยการวางเนื้อหมูและผักไว้ข้างบน
ชิกูวะ (竹輪) เป็นผลิตภัณฑ์อาหารของญี่ปุ่น ทำจากส่วนผสมได้แก่ เนื้อปลาบด เกลือ น้ำตาล แป้ง ผงชูรส และไข่ขาว นำมาผสมให้เข้ากันแล้วนำมาพันรอบไม้ไผ่หรือแท่งโลหะ จากนั้นนำไปนึ่งหรือต้ม (ก็เหมือนไส้กรอกล่ะนะ)
ชูไฮ (チューハイ) ทำจากเหล้ากลั่นและน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ย่อมาจากคำว่า โชจูไฮบอล (Shochu highball ; ไฮบอลนี่ก็คือวิสกี้ผสมโซดานะครับ) เหล้าที่ใช้จึงมักจะเป็นโชจู แต่จะเป็นวอดก้าหรือเหล้าอื่นๆ ก็ได้ มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 5-6%
สแปมโอนิกิริ (スパムおにぎ) เป็นเมนูที่ทำจากเนื้อหมูกระป๋อง (Pork Luncheon Meat) ของโอกินาว่า อย่างสแปมโอนิกิริ จะเอาแฮมปรุงรสยี่ห้อสแปมมาทอดแล้ววางโปะลงบนข้าวพร้อมกับไข่ ซึ่งแฮมที่ว่านี้ได้ขยายเข้ามาที่โอกินาว่าพร้อมกับผู้อพยพนั่นเอง
ฉันว่าตอนนี้ ฉันดื่มกาแฟซักแก้วดีกว่า ก่อนจะเทน้ำลงไปในกาต้มน้ำไฟฟ้า กดเปิดต้มน้ำ ระหว่างนั้น ฉันก็เห็นมือถือตัวเองเสียบชาร์จเอาไว้ที่ปลั๊กในครัวพอดี แล้วก็เก็บมันกลับมาด้วย ขนาดเมาแอ๋แบบนั้นก็ยังไม่ลืมชาร์จแบตเลยนะเนี่ย เก่งมาก ตัวฉัน
ฉันลองเช็คประวัติในเครื่องก็เห็นว่ามีโทรไปหาคุณโคซากุระเมื่อตอนประมาณ 3 ทุ่มเมื่อคืนก่อนด้วยครั้งนึง คงจะไปรายงานว่าฉันกับโทริโกะกลับมาจากโลกเบื้องหลังได้แล้วนั่นแหละ แล้วหลังจากนั้น ฉันกับโทริโกะก็ทรมานเธอด้วยรูปภาพอาหารและเครื่องดื่มจากโอกินาว่าต่อเนื่องยาว 4 ชั่วโมงเต็ม ทุกข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว คำตอบอันเดียวที่เธอส่งกลับมาคืออิโมจิรูปสัตว์น่ารักที่มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้า เป็นสัญลักษณ์แสดงความโกรธ ╬ ออกมา
TN: สำหรับคนที่อ่านมังงะนะครับ นิยายสั้นท้ายเล่ม 6 “บทคั่น ไลฟ์ยั่วน้ำลายของพี่โยซากุระ” จะเป็นเหตุการณ์จากฝั่งผู้ประสบภัยยามดึก โคซากุระ ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ทั้งหมดนั่นมาเมื่อคืนก่อนนะครับ
แอลกอฮอล์นี่น่ากลัวชะมัด… ตอนที่ฉันคิดได้แบบนั้นขึ้นมา น้ำก็เดือดพอดี ฉันเจอแก้วอยู่ในครัว ก่อนจะเปิดฝากระปุกเนสกาแฟ โกลด์ เบลนด์ แล้วก็ชงกาแฟซักหน่อย
ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน แล้วตรงหน้าของฉันก็มีชักโครกตั้งอยู่หลังฉากกั้นไม้ อืม แปลกสุดๆ เลย หรือถ้าไม่ใช่แบบนั้น บางที อาจจะผิดที่อคติของฉันเองก็ได้นะ จริงๆ แล้ว นี่อาจจะไม่ใช่ห้องนอนที่มีชักโครกในตัว แต่เป็นห้องสุขาที่มีเตียงในตัวก็ได้
ฉันวางแก้ว 2 ใบที่ส่งกลิ่นหอมลอยออกมาไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะไปเขย่าตัวโทริโกะ
“โทริโกะ ฉันเอากาแฟมาให้นะ”
“อยากดื่มกาแฟจัง…”
“ก็ถึงได้ชงมาให้แล้วไง”
ได้ยินเธองึมงำมาแบบงัวเงียแบบนี้ก็ตลกดีแฮะ
“เร็วเข้า ตื่นได้แล้วน่า นี่มัน 10 โมงครึ่งแล้วนะ”
ฉันเอามือจับผ้าห่มผืนบาง แล้วก็ดึงมันออกมาจากตัวโทริโกะ
“อุหวา!?”
ฉันรีบปาผ้าห่มในมือกลับไปที่เดิมเลย ส่วนโทริโกะก็ส่งเสียงงึมงำไม่พอใจ ก่อนจะดึงผ้าห่มเข้าไปหาตัว
ล- แล้วไหงยัยผู้หญิงคนนี้ถึงนอนแก้ผ้าอยู่แบบนี้ล่ะ!?
ตอนที่ฉันก้าวถอยออกมา เท้าก็ไปแตะโดนพวกเสื้อผ้าที่ถอดกระจายอยู่กับพื้น พอลองก้มไปมองดู ถึงได้เห็นว่าในนั้น ก็ใช่ มีกางเกงในปนอยู่ในกองด้วย เฮ่ เดี๋ยวนะ แป๊บนึงก่อน นี่หมายความว่าฉันนอนอยู่ข้างโทริโกะที่นอนแก้ผ้าอยู่แบบนี้ทั้งคืนเลยเนี่ยนะ? หวาาาา…?
สำหรับฉันที่จะตอนมอต้นหรือมอปลายก็ไม่มีเพื่อนเลยเนี่ย แค่สัมผัสกับคนอื่นก็ยังแทบจะไม่มี เจอเรื่องที่มารู้อย่างกะทันหันว่าตัวเองนอนร่วมเตียงกับเพื่อนที่นอนแก้ผ้าแบบนี้มันตกใจเกินไปสำหรับฉันแล้วนะ
ฉันยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก แุถมยังละสายตาออกไปจากผืนผ้าบนเตียงที่ขยับขึ้นลงตามที่เธอหายใจเข้าออกไม่ได้เลยด้วย
ควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดีล่ะเนี่ย?
ไม่สิ หรืออันที่จริง ฉันไม่ต้องคิดมากกับมันก็ได้นี่นา คนส่วนมากเข้าอาจจะนุ่งลมห่มฟ้านอนกันก็ได้ แล้วฉันก็แค่ไม่เคยรู้มาก่อนเฉยๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องไปยุ่งกับคนอื่นเลยด้วย ก็นะ ฉันเริ่มจะรู้สึกว่าการยกเรื่องที่ว่าคนเขานอนหลับกันในสภาพไหนเนี่ยมันก็เสียมารยาทด้วยสิ อื้อ นั่นสินะ ถึงคนเราจะใส่เสื้อผ้า แต่ใต้สิ่งเหล่านั้น ร่างของมนุษย์ก็เปลือยเปล่าอยู่แล้วนี่เนอะ…
“ฮัดชิ่ว!”
ตอนที่ฉันกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง โทริโกะก็จาม ก่อนจะเริ่มทำจมูกฟุดฟิด พลางกอดหมอนของเธอแน่นขึ้นอีก
“หนาวจัง”
…ก็ไปใส่เสื้อผ้าซะซี่!
“เอ้านี่ กาแฟร้อนนะ ระวังด้วย”
ฉันบอกพลางยื่นแก้วกาแฟให้
“อืม”
“เห็นเขาว่าเช็คเอาท์ตอนเที่ยงนะ”
“อืม”
โทริโกะแต่งตัวแล้วเรียบร้อย ก่อนที่จะมานั่งตรงข้ามกับฉันที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น แต่สติอาจจะยังสะลึมสะลืออยู่นะ ดูจากที่เธอตอบรับคำพูดของฉันมาได้แค่นี้เอง
“น-… นี่เธอแก้ผ้านอนตลอดเลยงั้นเหรอ?”
“อืม ก็แล้วแต่อารมณ์นะ”
หมายความว่ายังไงล่ะนั่นน่ะ? อารมณ์แบบ วันนี้ชุดนอนดีกว่า ไม่ก็ วันนี้นอนตัวเปล่าละกัน แบบนี้น่ะเหรอ? ไม่เข้าใจเลยซักนิด
“มีข้าวปั้นกับซูชิโรลนะเป็นมื้อเช้า เธออยากกินอันไหนล่ะ โทริโกะ?”
“เอาทั้งคู่เลย”
“หา? ก็ได้ แบ่งกันคนละครึ่งนะ”
ฉันแกะห่อสแปมโอนิกิริออก แบ่งครึ่ง แล้วก็ยื่นครึ่งนึงให้โทริโกะ เธอก็รับไปแล้วก็เริ่มเคี้ยวเลย ทั้งๆ ที่ตายังปรือๆ อยู่นั่นแหละ
เสื้อยืดของโทริโกะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ลายเป็นภาพวาดโครงเส้นง่ายๆ ของปลาบินสีขาว ก็ดูเรียบๆ น่ารักดีนะ พอมองกลับมาที่เสื้อยืดชาวเกาะของฉันแล้วเนี่ย ไม่เข้าใจเลยแฮะ ทำไมฉันต้องเลือกลายที่มันเหมือนพวกนักท่องเที่ยวจ๋าเขาเลือกกันด้วยล่ะเนี่ย…?
…เอาเถอะ เมื่อคืนฉันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นี่นา จำไม่ได้ทั้งหมดขนาดนั้นหรอก แต่ก็อยากจะหวังว่าฉันจะไม่ได้ทำอะไรที่มันไร้สาระไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน
“นี่… ที่ห้องมันไม่มีอะไรแปลกๆ เลยเหรอ?”
โอ้ ดูเหมือนโทริโกะจะค่อยๆ ได้ความสามารถในการพูดกลับมาแล้ว
“อะไรที่ว่านี่ หมายถึง?”
“ชักโครกน่ะ…”
“อ้อ เห็นว่าเป็นสไตล์แบบนิวยอร์คน่ะ”
ตอนที่ฉันเปิดเว็บไซด์ของที่พักที่นี่ขึ้นมาเพื่อจะเช็คว่าต้องเช็คเอาท์กี่โมง เรื่องนี้มันก็เขียนเอาไว้ในนั้นด้วย
“ช่างออกแบบภายในบอกว่ารูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมในนิวยอร์คตอนนี้คือการรวมห้องน้ำกับสุขาไว้ด้วยกัน ผลสัมฤทธิ์ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้น่ะสิ”
พอได้ยินคำอธิบายแบบนั้น โทริโกะก็ย่นคิ้วเข้าหากันเลย
“ฉันว่าต้องมีซักคนโดนหลอกแล้วล่ะ ว่ามั้ย?”
“ฉันก็ว่างั้น”
“ถึงจะพอถูไถให้ว่าเป็นเรื่องของสไตล์ก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นมีส่วนห้องอาบน้ำเลยนะ ไม่เข้าใจ… ทำไมถึงมีแค่ชักโครกล่ะเนี่ย?”
เธอหลับตาปี๋ เหมือนพยายามจะปลุกให้สมองที่ยังง่วงๆ ของเธอตื่นตัวขึ้นมาซักหน่อย โดยที่ยังปล่อยให้คิ้วขมวดอยู่แบบนั้นเหมือนเดิม
“อืม บางที เวลาพวกคนดังนิวยอร์คเขาปาร์ตี้มา ต่อให้จะเมาเละเทะจนต้องหามตัวไปนอนแล้ว เกิดจู่ๆ เขาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ชักโครกก็อยู่ตรงนี้ให้เขาพุ่งไปอ้วกได้เลย อะไรแบบนี้หรือเปล่า…”
“เอ๊ะ? คิดว่าเป็นงั้นเหรอ?”
“ไม่ก็ ตอนที่สูดโคเคนแล้วเกิดรู้สึกไม่ดี ก็พุ่งไปทำอย่างเดียวกันได้ด้วย…”
“นี่ โทริโกะ รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า? อยากจะไปอ้วกหน่อยมั้ย?”
“ฉันไม่เป็นไร… ก็นิดนึงอะนะ ฉันว่าอาบน้ำซักหน่อย น่าจะช่วยให้หัวโล่งขึ้นได้อยู่”
“ตามนั้นละกัน”
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านี่มันเป็นสไตล์นิวยอร์คหรือเปล่า ต้องหวังว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำเรื่องชวนเข้าใจผิดแบบนี้นะ พอจู่ๆ ไปเจอกับอะไรซักอย่างผิดที่ผิดทางทีไร ก็ชวนให้นึกว่ามันเป็นสัญญาณเตือนก่อนจะเข้าไปที่โลกเบื้องหลังหรือเปล่าทุกทีเลย
พวกเราจัดการโอนิกิริกับซูชิโรลกันเรียบร้อย ก่อนจะค่อยๆ จิบการแฟกัน ทางฉันก็มองรูปร่างของแก้วที่เบี้ยวไปตามมือซ้ายที่โปร่งแสงของโทริโกะไปด้วย
“โทริโกะ ถ้าเธออยากจะอาบน้ำก็รีบเลยนะ พวกเราไม่ได้มีเวลาเยอะขนาดนั้นน่ะ”
“ได้เลย”
“อ้อ จริงด้วย แล้วเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับโหลนี่จะเอายังไงดีล่ะ? ปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ก็ไม่ได้ด้วย จะหอบของน้ำหนักขนาดนี้ขึ้นสนามบินมันก็กะไรอยู่ แต่จะดื่มให้หมดตอนนี้เลยก็ไม่ได้ด้วยสิ งั้น―”
“ที่ว่าสนามบินนี่ หมายความว่าไงน่ะ?”
“หา? ก็สนามบินนาฮะไง”
“ทำไมต้องไปสนามบินด้วยล่ะ?”
“เอ๊ะ? แหงอยู่แล้ว ก็กลับบ้านน่ะสิ รู้ใช่มั้ยว่าวันนี้วันจันทร์แล้วนะ? ฉันเลิกคิดเรื่องจะเข้าเรียนวันนี้แล้วล่ะ แต่พรุ่งนี้ ฉันต้องเข้ามหาลัย”
“ทั้งๆ ที่อุตส่าห์มาเที่ยวถึงโอกินาว่าน่ะเหรอ?”
น้ำเสียงของโทริโกะดูไม่ค่อยพอใจนัก ส่วนทางฉันก็มองกลับไปหาเธออย่างสงสัย
“มาถึงแล้วมันยังไงล่ะ?”
“โซราโอะ จำที่สัญญาเอาไว้เมื่อวานไม่ได้เหรอ?”
พูดเรื่องอะไรของเธออยู่กันล่ะเนี่ย แล้วก็เหมือนว่าโทริโกะจะเห็นสีหน้างุนงงของฉัน เธอถึงได้บุ้ยปากเลย
“เราบอกว่าเราจะไปทะเลกันไม่ใช่หรือไง?”
“…ทะเล?”
ฉันพูดคำเดิมซ้ำกลับไปเหมือนนกแก้ว
“ก็ใช่น่ะสิ! พวกเราตื่นเต้นกับชายหาดโอกินาว่ามากๆ เลยนะ ถึงขนาดไปซื้อชุดว่ายน้ำกันมาแล้วด้วยซ้ำ!”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความง่วงซึมก่อนหน้านี้ของเธอนะ แต่ตอนนี้เนี่ย ตาของโทริโกะนี่เปล่งประกายออกมาเลย
“ทะเลสีคราม! หาดทรายสีขาว! อากาศก็สมบูรณ์แบบ! ยังไงพวกเราก็ต้องไปนะ! ไปพักรีสอร์ทหน้าร้อนกันเถอะ โซราโอะ!”
ฉันจ้องกลับไปหาโทริโกะที่ปลุกความคึกคักของตัวเองกลับมาถึงระดับปกติแล้วด้วยสายตาที่เหม่อลอย
พวกเราซื้อชุดว่ายน้ำ? ด้วยกัน?
ฉัน ไปทะเล ชุดว่ายน้ำ
ชายหาด… ร- รีสอร์ท
“จริงง่ะ…?”
TN: พรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
มาตรา 3 ย่อหน้า 4 : “โฆษณา” หมายความว่า การกระทำ ไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึง การสื่อสารการตลาด
มาตรา 32 : ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใด ๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ให้กระทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแต่เป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติในวรรค 1 และวรรค 2 มิให้ใช้บังคับกับการโฆษณาที่มีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร
ฉะนั้น ตรงนี้ก็จะเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้นนะครับ ไม่ได้มีเจตนาเชิญชวนให้ดื่มแต่อย่างใด
ป.ล. ตอนนี้มีรูปที่ดีต่อใจ แต่ไม่ดีกับการเปิดในที่สาธารณะ ตอนอ่านก็ระวังๆ กันด้วยล่ะ
…เตือนช้าไปหรือเปล่าเนี่ย?