ดวงจันทร์สีแดง
มันคือสีของดวงจันทร์ปกติยามค่ำคืนของโลกแห่งนี้
แต่ทว่า . .
คืนนี้ ดวงจันทร์กลับเข้มกว่าปกติจนดูราวสีของเลือด
[ ชิ , น่าขนลุกชะมัด ]
ที่มือขวาของเขายังคงถือขวดสาเก ชายหนุ่มที่เดินเตร็ดเตร่อย่างโซเซจ้องมองขึ้นไปยังจันทร์สีแดงเลือดที่ยังคงส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี
แม้ว่าเขาจะยังคงเมาอยู่ แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกเสียวสันหลัง. .
วันนี้ช่างเป็นวันที่โชคร้ายสำหรับเขา เพราะที่ทำงาน ลูกน้องของเขาทำงานผิดพลาดและนั้นทำให้คนที่ต้องรับผิดชอบตกมายังที่เขา
พอเมื่อเขาตัดสินใจจะไปดื่มที่ร้านประจำสักหน่อย แต่ช่างโชคร้ายอีกที่ดันมีหญิงสาวผมดำที่ไหนไม่รู้มาฟาดทุกอย่างที่ร้านจนเกลี้ยง แม้สุราร้านที่เขาชื่นชอบยังไม่เหลือให้เขาดื่มสักนิด
และยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่โชคร้ายมากกว่านั้นในวันนี้ สำหรับเขาแล้ว วันนี้คือวันมหาซวยชัดๆ
เพราะจันทราได้ถูกเหล่าหมู่เมฆบดบัง ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นเงาของคนคนหนึ่งที่เดินโทงเทงอยู่บนทางเท้า
[ ชิ เห้ย !! ไอ้เวรนี่ อย่ามาขวางทางสิวะ !! ]
อาจเพราะตอนนี้เขากำลังอารมณ์เสียอยู่ แม้จะเป็นเขาที่เดินชนร่างๆหนึ่งที่จู่ๆก็โผล่มาในสายตาของเขา แต่เขายังตะโกนด่าออกมา และเริ่มเดินต่อทั้งเซๆ
*กรั๊กๆ*
[ หือ? ]
ชายคนนั้นถึงกับหยุดเดินเพราะเสียงแปลกๆที่จู่ๆก็ดังขึ้นนั้น
* กรั๊กๆๆๆ * . . .
[ นั้นมัน , เสียงอะไรวะ ? ]
* กรั๊กๆๆๆๆ * . . . .
เสียงที่ดังขึ้นนั้นมันทำให้ชายหนุ่มถึงกับรู้สึกสยอง
[ เห้ย นั้นแกเป็นคนทำหรอ ? ]
เขาหันไปถามร่างของคนที่เขาเดินชนเมื่อสักครู่ และร่างนั้นได้ตอบกลับมาด้วยเสียง
* กรั๊กๆๆๆๆ *
[ หยุดโว้ยยย!! หยุดกวนประสาทได้แล้วโว้ยย ]
แม้เขาจะดื่มมาพอสมควร แต่เขายังมีสติ และนั้นทำให้เขาสังเกตุเห็นบางสิ่ง
ที่ร่างนั้น แม้จะเป็นร่างของมนุษย์
แต่นั้นไม่ใช่มนุษย์
[ เห้ยแก !! . . . . เฮือกกกก !? ]
ในจังหวะเดียวกันที่หมู่เมฆเลิกบดบังจันทรา ความเจ็บปวดได้แล่นสู่ที่หน้าอกของเขา พร้อมกับชีวิตของเขาที่ดับลง . .
เมื่อแสงของจันทราสีแดงสาดส่องมาก็ปรากฎให้เห็นร่างของมอนเตอร์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากกระดูกของมนุษย์ หรือก็คือ ” ทหารโครงกระดูก ”
อาจเพราะหมดความสนใจในร่างของชายที่ล่วงลงสู่พื้น ทหารโครงกระดูกสะบัดคาบเลือดออกจากดาบและเริ่มเดินต่อท่ามกลางเสียง *กรั๊กๆๆ* ตลอดทาง
* กรั๊กๆ กรั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กรั๊กๆๆๆๆ *
ที่ท้องถนน ทหารไร้ชีวิตมากมายเดินมารวมตัวกัน
มันมาจากทั่วทุกสาระทิศอย่างไม่หยุดหย่อน และแล้วจำนวนของทหารไร้ชีวิตก็เต็มทั้งท้องถนน
* กรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊ก *
มันมากมายหลายร้อยแล้วตอนนี้
———————–
[ มาน่า , ตื่นเร็ว ]
[ งืมๆ . . . เอริ มีอะไรหรอ ? ถึงมาปลุกในกลางดึกแบบนี้ ]
ที่หอพักนักเรียนของโรงเรียนลิสวาเดีย มาน่า ลูเร่ ที่กำลังหลับสนิทในหอพักของนักเรียนชั้นปีที่ 2
เธอถูกปลุกให้ตื่น โดย เอริ เทสโตเรีย ที่เป็นรูมเมดและเพื่อนสนิทของเธอ
เธอหยิบแว่นตามาสวมที่อยู่ข้างๆเตียงของเธออย่างคุ้นเคย
เพราะว่ารอบๆยังคงมืดสนิท ทำให้เธอทราบได้ทันทีว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงกลางดึก
[ มีบางอย่างเกิดขึ้น รีบๆเตรียมตัวเร็วเข้า ]
เอริ เทสโตเรียนั้นปกติจะทำให้ไร้อารมณ์อยู่ตลอด แต่ ณ ตอนนี้ใบหน้าของเธอกับแสดงถึงความร้อนรน
[ อะ , อืม ]
แม้เธอจะตกใจพอสมควรที่จู่ๆเพื่อนสนิทของเธอก็เปลี่ยนไปจากปกติอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงลุกจากเตียงและเปลี่ยนชุดจากชุดนอนเป็นปกติ
และช่วงที่เธอกำลังสวมผ้าคลุมของทางโรงเรียนอยู่นั้น มีเสียงบางอย่างเข้ามาในโสตประสาทของเธอ
[ . . . นะ-, นั้นมัน เสียงกรีดร้อง ? ]
แค่เสียงนั้นก็ทำให้เครียดพอแล้ว ยังมีอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงของดาบประทะกันอยู่ไม่ใกลนัก
[ มาน่า เร็วเข้า ]
มาน่าที่กำลังพึมพัมกับตัวเอง ถูกเอริเรียกเพื่อกระตุ้นไว้เธอไวขึ้นอีกหน่อย
[ อืออ ]
เธอไม่ลืมที่จะหยิบไม้กวาดที่ได้รับจากยูมาไว้ในมือ
มาน่าและเอริ ก็ได้ออกจากหอพักไป . .
[ รีบเข้าไปที่ชั้นในของทางโรงเรียน เร็วเข้า !! ]
[ พวกชั้นปีสูงกว่ารีบพาพวกชั้นปีต่ำกว่าเข้าไปเร็วเข้า พวกมันกำลังมาแล้ว !! ]
คลื่นมนุษย์และเสียงกรีดร้อง คือภาพที่สองสาวพบหลังจากออกมาจากหอพักของทางโรงเรียน
เหล่าผู้คนกำลังอพยพเข้าไปยังชั้นในของทางโรงเรียน
[ อะไรกำลังมาหรอ ? ]
[ น่าจะเป็นมอนเตอร์ได้บุกเข้ามาน่ะ . . ที่สำคัญ ชั้นคาดว่า มันต้องมีจำนวนมากๆแน่ๆ ]
[ มะ-,มอนเตอร์ !! ตะ-, แต่ว่า ทางโรงเรียนมีบาเรียป้องกันอยู่นะ !! ]
ที่เมือง ลิสวาเดียนั้น ได้สร้างบาเรียป้องกันมอนเตอร์ขึ้นมา เวทย์มนตร์นั้นมีโรงเรียนเป็นศูนย์กลาง นั้นเพราะมันถูกสร้างขึ้นบนกระแสพลังเวทย์ [ Ryuumyak (ซีพจรมังกร) ] ที่ไหลผ่านมาจาก อาณาจักรลัคซีเรีย และใช้กระแสเวทย์มนตร์นี้ สร้างสุดยอดบาเรียอันแข็งแกร่งเพื่อปกป้องเมืองจากเหล่ามอนเตอร์ แต่ . .
[ . . . มันน่าจะถูกทำลายไปแล้ว มันคือสิ่งเดียวที่ชั้นคิดออกในกรณีนี้ ]
[ ! ]
ในหัวของมาน่าตอนนี้กลายเป็นขาวโพลนไปหมด อาจเพราะนั้นทำให้เธอถึงกับหมดแรง เธอจึงหยุดเดินลง
โรงเรียนเวทย์มนตร์ลิสวาเดีย นั้น ได้ขยายบาเรียให้ปกป้องได้ทั้งเมือง เนื่องจากจู่ๆมอนเตอร์ในป่าก็ดุร้ายมากขึ้นตั้งแต่ เมื่อ 3 ปีก่อน
บาเรีย ที่ปกป้องโรงเรียนมาตลอดพันปีไม่เคยมีสักครั้งที่ถูกทำลาย
แต่บัดนี้ มันกับถูกทำลายลง
เพราะเธอเข้าใจเหตุผลนั้นดี และนั้นมันทำให้เธอแทบจะเป็นลม
[ สำหรับตอนนี้ รีบไปที่หลบภัยกันเถอะ นั้นคือสิ่งที่พวกเราควรจะทำในตอนนี้ ]
[ เอริ . . อือ ไปกันเถอะ ]
เอริได้จับมือของมาน่าและเริ่มต้นออกวิ่ง
เธอได้แต่ขอบคุณให้กับคำพูดของเอริอยู่ในใจ เพราะเอรินั้นยังเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอทั้งๆที่ตัวเองก็อยู่ในสถานะการฉุกเฉินเหมือนกันแท้ๆ
[ ชั้นหวังว่า . . ท่านอาจารย์ยาชิโระคงจะปลอดภัยนะ . . ]
[ เขานะหรอ . . ถ้าเป็นเขาล่ะก็ ป่านนี้ก็คงเดินเตะมอนเตอร์พวกนั้นเล่นสบายๆอยู่แล้วล่ะ ]
[ ฟุ ฮ่าฮ่าๆ มันก็จริงๆอย่างที่เอริว่ามานั้นแหละ ]
จากคำพูดที่เอริพูดออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพของยูที่กำลังกระโดดเตะขาคู่ใส่พวกมอนเตอร์จนปลิวผุดเข้ามาอยู่ในหัวของเธอ
และนั้นมันทำให้ มาน่าถึงกับหัวเราะออกมา
[ อือ . . . เพราะงั้นเขาไม่เป็นอะไรหรอก สิ่งที่เราต้องคำนึงอย่างแรกตอนนี้ พวกเราต้องมีชีวิตรอดนะ ]
[ ชั้นเข้าใจแล้ว เอริ ]
สองเด็กสาวที่วิ่งไปพร้อมกับจับมือกันอย่างมั้นคง
พวกเธอวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงชนที่กำลังอพยพอยู่ ณ ตอนนี้ . . .
——————–
[ พวกมันบุกเข้ามาแล้ว !! ชั้นปีสูงๆ ระ— อึกก!? ]
เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งที่กำลังร้องเตือนคนอื่นๆ ได้ถูกทหารโครงกระดูกใช้ดาบยาวฟันไส่ และได้เสียชีวิตลง
[ แก !! ไอ้ชั่วววว ]
ทหารซากศพที่ฟันใส่นักเรียนขายคนนั้นถูกเวทย์ระเบิดตัวตัวระเบิดกระจายไปทั่ว
แต่ยังมีกองทัพทหารซากศพที่ดูแข็งแกร่งกว่าอีกมากมายกำลังเดินเหยียบซากกระดูกที่โดนะระเบิดสักครู่เข้ามา
[ บ้าเอ้ย พวกมันมีมากเกินไป ใช้เวทย์มนตร์วงกว้างซะ !! ]
[ เป็นหน้าที่ของชั้นเอง “กำแพงเพลิง”!! ]
นักเรียนหญิงคนหนึ่งก้าวออกมาด้านหน้าและใช้เวทย์มนตร์ของเธอ เปลวไฟได้ลุกไหม้ขึ้นจากพื้นดิน และจุดที่เหล่าทหารซากศพอยู่นั้น
ได้เกิดเสาเพลิงพุ่งขึ้นมา
แม้ว่าพวกมันมากกว่าครึ่งจะถูกเผาเต็มๆ แต่พวกมันก็ยังเดินผ่านกำแพงเพลิงเข้ามาพร้อมกับเสียง *กรั๊กๆๆๆ* โดยไม่เป็นอะไรเลย
[ นะ-, นั้นมันบ้าอะไรกัน เจ้าพวกนั้น . . . . อุก ระวังนะ พวกมันไม่ใช่ทหารโครงกระดูกธรรมดา !!!! ]
[ พวกมันแข็งแกร่งมาก แถมยังรวดเร็วอีกด้วย !! ]
โดยปกติแล้ว ทหารโครงกระดูกนั้นเป็นมอนเตอร์ที่ถือว่าอ่อนแอ ความเก่งของมันเทียบเท่ากับก๊อบลินเท่านั้นเอง
ปกติแล้วเจ้าศพที่ในมือถืออาวุธเดินได้ควรจะเป็นแค่มอนเตอร์ระดับต่ำที่แม้นักเรียกชั้นปีแรกๆยังจัดการได้ไม่มีปัญหาแท้ๆ
[ บ้าเอ้ย เร็วเข้า เหล่าอาจารย์กำลั– อ๊ากก!? ]
[ โยดา !!!!!! แก๊ ไอ้โครงกระดูกชาติชั่ว !! ]
[ เดี่ยวก่อน โทรุ พวกนั้นมันไม่ใช่ทหารโครงกระดูกธรรมดา ถ้าแกวู่วามล่ะก็ !! – – ]
[ นี่สำหรับที่แกทำกับ โยดา !! อุก . . อั๊กก คร๊อก . ]
[ โทรุ !!!!!!! ]
เหล่านักเรียนชั้นปีสูงๆของโรงเรียนลิสวาเดีย ที่กำลังปะทะอยู่กับกองทัพทหารโครงกระดูกที่ควรจะเป็นเพียงมอนเตอร์ระดับต่ำ
บัดนี้ภาพของเหล่าเพื่อนนักเรียนเริ่มล้มตายกันปรากฎต่อสายตาทุกๆคน
———————-
[ ใครกัน . . ไอ้เลวคนไหนที่มันทำเรื่องแบบนี้กันนะ !! ]
โรงเรียนเวทย์มนตร์ลิสวาเดีย มีผู้นำของเหล่านักเรียนที่เรียนอยู่ ณ ตอนนี้ [ ท่านประธานนักเรียน ] ” โคนิส ลูเร่ ”
เธอถูกปกป้องโดยเหล่านักเรียนที่ติดอาวุธอยู่รอบๆตัวเธอ
ด้วยผมเปียสีน้ำตาลของเธอ สาวแว่นท่านประธานพึมพัมออกมาระหว่างคิดว่าใครคือผู้ร้ายในเหตุการณ์นี้
[ สามารถทำลายบาเรียป้องกันที่ไม่เคยถูกทำลายมานับพันปี แถมยังทหารโครงกระดูกนั้น ที่แม้นักเรียนชั้นปีสูงๆของทางโรงเรียนยังไม่สามารถต่อกรได้ รึว่า . . คงไม่ใช่ฝีมือของคนๆนั้นนะ ]
โคนิสหันกลับไปที่ด้านหลังของเธอ เพื่อสอบถามเด็กสาวผมสีเงินที่กำลังนั่งด้วยเข่าของเธอ และมือของเธออยู่ที่พื้น
[ รึว่าจะเป็น . . นักเวทย์ผู้ใช้มนตราต้องห้ามคนนั้น. . . .ว่ากันว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มของท่านผู้กล้าคนก่อนไปแล้วไม่ใช่หรอ ]
[ มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ]
หญิงสาวผมสีเงินลุกยืนขึ้นพลางปัดฝุ่นออกจากหัวเข่าของเธอ
เธอเห็นด้วยกับความคิดของโคนิส
[ น่าจะใช่จอมเวทย์ปีศาจคนนั้น . . มันเคยถูกท่านพี่คนโตของดิชั้นจัดการมาแล้วครั้งหนึ่ง ]
เด็กสาวผมสีเงิน . . .
หรือก็คือ อลิเซีย เธอมองขึ้นไปยังจันทราสีเลือดนั้นและกล่าวออกมา
[ จอมเวทย์ผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ ดยุคคนที่ 7 “ผู้อัญเชิญซากศพ”(Necromancer) อัมบร้า . . .ไม่ผิดแน่ เป็นฝีมือของหมอนั้นไม่ผิดแน่ ]