ตอนที่ 46 ราตรีที่จันทราสุกสกาว เหล่าผู้วายชนม์ลุกเดิน 1

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ดวงจันทร์สีแดง

มันคือสีของดวงจันทร์ปกติยามค่ำคืนของโลกแห่งนี้ 

แต่ทว่า . . 

คืนนี้ ดวงจันทร์กลับเข้มกว่าปกติจนดูราวสีของเลือด

 

[ ชิ , น่าขนลุกชะมัด ]

 

ที่มือขวาของเขายังคงถือขวดสาเก ชายหนุ่มที่เดินเตร็ดเตร่อย่างโซเซจ้องมองขึ้นไปยังจันทร์สีแดงเลือดที่ยังคงส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี

แม้ว่าเขาจะยังคงเมาอยู่ แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกเสียวสันหลัง. . 

วันนี้ช่างเป็นวันที่โชคร้ายสำหรับเขา เพราะที่ทำงาน ลูกน้องของเขาทำงานผิดพลาดและนั้นทำให้คนที่ต้องรับผิดชอบตกมายังที่เขา

พอเมื่อเขาตัดสินใจจะไปดื่มที่ร้านประจำสักหน่อย แต่ช่างโชคร้ายอีกที่ดันมีหญิงสาวผมดำที่ไหนไม่รู้มาฟาดทุกอย่างที่ร้านจนเกลี้ยง แม้สุราร้านที่เขาชื่นชอบยังไม่เหลือให้เขาดื่มสักนิด

และยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่โชคร้ายมากกว่านั้นในวันนี้ สำหรับเขาแล้ว วันนี้คือวันมหาซวยชัดๆ

เพราะจันทราได้ถูกเหล่าหมู่เมฆบดบัง ทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็นเงาของคนคนหนึ่งที่เดินโทงเทงอยู่บนทางเท้า

 

[ ชิ เห้ย !! ไอ้เวรนี่ อย่ามาขวางทางสิวะ !! ]

 

อาจเพราะตอนนี้เขากำลังอารมณ์เสียอยู่ แม้จะเป็นเขาที่เดินชนร่างๆหนึ่งที่จู่ๆก็โผล่มาในสายตาของเขา แต่เขายังตะโกนด่าออกมา และเริ่มเดินต่อทั้งเซๆ

 

*กรั๊กๆ*

[ หือ? ]

 

ชายคนนั้นถึงกับหยุดเดินเพราะเสียงแปลกๆที่จู่ๆก็ดังขึ้นนั้น

 

* กรั๊กๆๆๆ * . . .

[ นั้นมัน , เสียงอะไรวะ ? ]

* กรั๊กๆๆๆๆ * . . . . 

 

เสียงที่ดังขึ้นนั้นมันทำให้ชายหนุ่มถึงกับรู้สึกสยอง

 

[ เห้ย นั้นแกเป็นคนทำหรอ ? ]

 

เขาหันไปถามร่างของคนที่เขาเดินชนเมื่อสักครู่ และร่างนั้นได้ตอบกลับมาด้วยเสียง

 

 * กรั๊กๆๆๆๆ *

[ หยุดโว้ยยย!! หยุดกวนประสาทได้แล้วโว้ยย ]

 

แม้เขาจะดื่มมาพอสมควร แต่เขายังมีสติ และนั้นทำให้เขาสังเกตุเห็นบางสิ่ง

ที่ร่างนั้น แม้จะเป็นร่างของมนุษย์ 

แต่นั้นไม่ใช่มนุษย์

 

[ เห้ยแก !! . . . . เฮือกกกก !? ]

 

ในจังหวะเดียวกันที่หมู่เมฆเลิกบดบังจันทรา ความเจ็บปวดได้แล่นสู่ที่หน้าอกของเขา พร้อมกับชีวิตของเขาที่ดับลง . .

เมื่อแสงของจันทราสีแดงสาดส่องมาก็ปรากฎให้เห็นร่างของมอนเตอร์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากกระดูกของมนุษย์ หรือก็คือ ” ทหารโครงกระดูก ”

อาจเพราะหมดความสนใจในร่างของชายที่ล่วงลงสู่พื้น ทหารโครงกระดูกสะบัดคาบเลือดออกจากดาบและเริ่มเดินต่อท่ามกลางเสียง *กรั๊กๆๆ* ตลอดทาง

 

* กรั๊กๆ กรั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กรั๊กๆๆๆๆ *

 

ที่ท้องถนน ทหารไร้ชีวิตมากมายเดินมารวมตัวกัน 

มันมาจากทั่วทุกสาระทิศอย่างไม่หยุดหย่อน และแล้วจำนวนของทหารไร้ชีวิตก็เต็มทั้งท้องถนน

 

* กรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊กกรั๊ก *

 

มันมากมายหลายร้อยแล้วตอนนี้

 

———————–

 

[ มาน่า , ตื่นเร็ว ]

[ งืมๆ . . . เอริ มีอะไรหรอ ? ถึงมาปลุกในกลางดึกแบบนี้ ]

 

ที่หอพักนักเรียนของโรงเรียนลิสวาเดีย มาน่า ลูเร่  ที่กำลังหลับสนิทในหอพักของนักเรียนชั้นปีที่ 2

เธอถูกปลุกให้ตื่น โดย เอริ เทสโตเรีย ที่เป็นรูมเมดและเพื่อนสนิทของเธอ 

เธอหยิบแว่นตามาสวมที่อยู่ข้างๆเตียงของเธออย่างคุ้นเคย

เพราะว่ารอบๆยังคงมืดสนิท ทำให้เธอทราบได้ทันทีว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงกลางดึก

 

[ มีบางอย่างเกิดขึ้น รีบๆเตรียมตัวเร็วเข้า ]

 

เอริ เทสโตเรียนั้นปกติจะทำให้ไร้อารมณ์อยู่ตลอด แต่ ณ ตอนนี้ใบหน้าของเธอกับแสดงถึงความร้อนรน

 

[ อะ , อืม ]

 

แม้เธอจะตกใจพอสมควรที่จู่ๆเพื่อนสนิทของเธอก็เปลี่ยนไปจากปกติอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงลุกจากเตียงและเปลี่ยนชุดจากชุดนอนเป็นปกติ

และช่วงที่เธอกำลังสวมผ้าคลุมของทางโรงเรียนอยู่นั้น มีเสียงบางอย่างเข้ามาในโสตประสาทของเธอ

 

[ . . . นะ-, นั้นมัน เสียงกรีดร้อง ? ]

 

แค่เสียงนั้นก็ทำให้เครียดพอแล้ว ยังมีอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงของดาบประทะกันอยู่ไม่ใกลนัก

 

[ มาน่า เร็วเข้า ]

 

มาน่าที่กำลังพึมพัมกับตัวเอง ถูกเอริเรียกเพื่อกระตุ้นไว้เธอไวขึ้นอีกหน่อย

 

[ อืออ ]

 

เธอไม่ลืมที่จะหยิบไม้กวาดที่ได้รับจากยูมาไว้ในมือ

มาน่าและเอริ ก็ได้ออกจากหอพักไป . . 

 

[ รีบเข้าไปที่ชั้นในของทางโรงเรียน เร็วเข้า !! ]

[ พวกชั้นปีสูงกว่ารีบพาพวกชั้นปีต่ำกว่าเข้าไปเร็วเข้า พวกมันกำลังมาแล้ว !! ]

 

คลื่นมนุษย์และเสียงกรีดร้อง คือภาพที่สองสาวพบหลังจากออกมาจากหอพักของทางโรงเรียน 

เหล่าผู้คนกำลังอพยพเข้าไปยังชั้นในของทางโรงเรียน

 

[ อะไรกำลังมาหรอ ? ]

[ น่าจะเป็นมอนเตอร์ได้บุกเข้ามาน่ะ . .  ที่สำคัญ ชั้นคาดว่า มันต้องมีจำนวนมากๆแน่ๆ ]

[ มะ-,มอนเตอร์ !! ตะ-, แต่ว่า ทางโรงเรียนมีบาเรียป้องกันอยู่นะ !! ] 

 

ที่เมือง ลิสวาเดียนั้น ได้สร้างบาเรียป้องกันมอนเตอร์ขึ้นมา เวทย์มนตร์นั้นมีโรงเรียนเป็นศูนย์กลาง นั้นเพราะมันถูกสร้างขึ้นบนกระแสพลังเวทย์ [ Ryuumyak (ซีพจรมังกร) ] ที่ไหลผ่านมาจาก อาณาจักรลัคซีเรีย และใช้กระแสเวทย์มนตร์นี้ สร้างสุดยอดบาเรียอันแข็งแกร่งเพื่อปกป้องเมืองจากเหล่ามอนเตอร์ แต่ . .

 

[ . . . มันน่าจะถูกทำลายไปแล้ว มันคือสิ่งเดียวที่ชั้นคิดออกในกรณีนี้ ]

[ ! ]

 

ในหัวของมาน่าตอนนี้กลายเป็นขาวโพลนไปหมด อาจเพราะนั้นทำให้เธอถึงกับหมดแรง เธอจึงหยุดเดินลง

โรงเรียนเวทย์มนตร์ลิสวาเดีย นั้น ได้ขยายบาเรียให้ปกป้องได้ทั้งเมือง เนื่องจากจู่ๆมอนเตอร์ในป่าก็ดุร้ายมากขึ้นตั้งแต่ เมื่อ 3 ปีก่อน

บาเรีย ที่ปกป้องโรงเรียนมาตลอดพันปีไม่เคยมีสักครั้งที่ถูกทำลาย

แต่บัดนี้ มันกับถูกทำลายลง

เพราะเธอเข้าใจเหตุผลนั้นดี และนั้นมันทำให้เธอแทบจะเป็นลม

 

[ สำหรับตอนนี้ รีบไปที่หลบภัยกันเถอะ นั้นคือสิ่งที่พวกเราควรจะทำในตอนนี้ ]

[ เอริ . . อือ ไปกันเถอะ ]

 

เอริได้จับมือของมาน่าและเริ่มต้นออกวิ่ง

เธอได้แต่ขอบคุณให้กับคำพูดของเอริอยู่ในใจ เพราะเอรินั้นยังเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอทั้งๆที่ตัวเองก็อยู่ในสถานะการฉุกเฉินเหมือนกันแท้ๆ

 

[ ชั้นหวังว่า . . ท่านอาจารย์ยาชิโระคงจะปลอดภัยนะ . .  ]

[ เขานะหรอ . . ถ้าเป็นเขาล่ะก็ ป่านนี้ก็คงเดินเตะมอนเตอร์พวกนั้นเล่นสบายๆอยู่แล้วล่ะ ]

[ ฟุ ฮ่าฮ่าๆ มันก็จริงๆอย่างที่เอริว่ามานั้นแหละ ]

 

จากคำพูดที่เอริพูดออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพของยูที่กำลังกระโดดเตะขาคู่ใส่พวกมอนเตอร์จนปลิวผุดเข้ามาอยู่ในหัวของเธอ 

และนั้นมันทำให้ มาน่าถึงกับหัวเราะออกมา

 

[ อือ . . . เพราะงั้นเขาไม่เป็นอะไรหรอก สิ่งที่เราต้องคำนึงอย่างแรกตอนนี้ พวกเราต้องมีชีวิตรอดนะ ]

[ ชั้นเข้าใจแล้ว เอริ ]

 

สองเด็กสาวที่วิ่งไปพร้อมกับจับมือกันอย่างมั้นคง

พวกเธอวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงชนที่กำลังอพยพอยู่ ณ ตอนนี้ . . .

 

——————–

 

[ พวกมันบุกเข้ามาแล้ว !! ชั้นปีสูงๆ ระ— อึกก!? ]

 

เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งที่กำลังร้องเตือนคนอื่นๆ ได้ถูกทหารโครงกระดูกใช้ดาบยาวฟันไส่ และได้เสียชีวิตลง

 

[ แก !! ไอ้ชั่วววว ]

 

ทหารซากศพที่ฟันใส่นักเรียนขายคนนั้นถูกเวทย์ระเบิดตัวตัวระเบิดกระจายไปทั่ว

แต่ยังมีกองทัพทหารซากศพที่ดูแข็งแกร่งกว่าอีกมากมายกำลังเดินเหยียบซากกระดูกที่โดนะระเบิดสักครู่เข้ามา

 

[ บ้าเอ้ย พวกมันมีมากเกินไป ใช้เวทย์มนตร์วงกว้างซะ !! ]

[ เป็นหน้าที่ของชั้นเอง “กำแพงเพลิง”!! ]

 

นักเรียนหญิงคนหนึ่งก้าวออกมาด้านหน้าและใช้เวทย์มนตร์ของเธอ เปลวไฟได้ลุกไหม้ขึ้นจากพื้นดิน และจุดที่เหล่าทหารซากศพอยู่นั้น

ได้เกิดเสาเพลิงพุ่งขึ้นมา

แม้ว่าพวกมันมากกว่าครึ่งจะถูกเผาเต็มๆ แต่พวกมันก็ยังเดินผ่านกำแพงเพลิงเข้ามาพร้อมกับเสียง *กรั๊กๆๆๆ* โดยไม่เป็นอะไรเลย

 

[ นะ-, นั้นมันบ้าอะไรกัน เจ้าพวกนั้น . . . . อุก ระวังนะ พวกมันไม่ใช่ทหารโครงกระดูกธรรมดา !!!! ]

[ พวกมันแข็งแกร่งมาก แถมยังรวดเร็วอีกด้วย !! ]

 

โดยปกติแล้ว ทหารโครงกระดูกนั้นเป็นมอนเตอร์ที่ถือว่าอ่อนแอ ความเก่งของมันเทียบเท่ากับก๊อบลินเท่านั้นเอง

ปกติแล้วเจ้าศพที่ในมือถืออาวุธเดินได้ควรจะเป็นแค่มอนเตอร์ระดับต่ำที่แม้นักเรียกชั้นปีแรกๆยังจัดการได้ไม่มีปัญหาแท้ๆ

 

[ บ้าเอ้ย เร็วเข้า เหล่าอาจารย์กำลั– อ๊ากก!? ]

[ โยดา !!!!!! แก๊ ไอ้โครงกระดูกชาติชั่ว !! ] 

[ เดี่ยวก่อน โทรุ พวกนั้นมันไม่ใช่ทหารโครงกระดูกธรรมดา ถ้าแกวู่วามล่ะก็ !! – – ]

[ นี่สำหรับที่แกทำกับ โยดา !! อุก  . . อั๊กก คร๊อก . ]

[ โทรุ !!!!!!! ]

 

เหล่านักเรียนชั้นปีสูงๆของโรงเรียนลิสวาเดีย ที่กำลังปะทะอยู่กับกองทัพทหารโครงกระดูกที่ควรจะเป็นเพียงมอนเตอร์ระดับต่ำ

บัดนี้ภาพของเหล่าเพื่อนนักเรียนเริ่มล้มตายกันปรากฎต่อสายตาทุกๆคน

 

———————-

 

[ ใครกัน . . ไอ้เลวคนไหนที่มันทำเรื่องแบบนี้กันนะ !! ]

 

โรงเรียนเวทย์มนตร์ลิสวาเดีย มีผู้นำของเหล่านักเรียนที่เรียนอยู่ ณ ตอนนี้ [ ท่านประธานนักเรียน ] ” โคนิส ลูเร่ ”

เธอถูกปกป้องโดยเหล่านักเรียนที่ติดอาวุธอยู่รอบๆตัวเธอ 

ด้วยผมเปียสีน้ำตาลของเธอ สาวแว่นท่านประธานพึมพัมออกมาระหว่างคิดว่าใครคือผู้ร้ายในเหตุการณ์นี้ 

 

[ สามารถทำลายบาเรียป้องกันที่ไม่เคยถูกทำลายมานับพันปี แถมยังทหารโครงกระดูกนั้น ที่แม้นักเรียนชั้นปีสูงๆของทางโรงเรียนยังไม่สามารถต่อกรได้ รึว่า . . คงไม่ใช่ฝีมือของคนๆนั้นนะ ]

 

โคนิสหันกลับไปที่ด้านหลังของเธอ เพื่อสอบถามเด็กสาวผมสีเงินที่กำลังนั่งด้วยเข่าของเธอ และมือของเธออยู่ที่พื้น

 

[ รึว่าจะเป็น . . นักเวทย์ผู้ใช้มนตราต้องห้ามคนนั้น. . . .ว่ากันว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มของท่านผู้กล้าคนก่อนไปแล้วไม่ใช่หรอ ]

[ มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ]

 

หญิงสาวผมสีเงินลุกยืนขึ้นพลางปัดฝุ่นออกจากหัวเข่าของเธอ 

เธอเห็นด้วยกับความคิดของโคนิส

 

[ น่าจะใช่จอมเวทย์ปีศาจคนนั้น  . . มันเคยถูกท่านพี่คนโตของดิชั้นจัดการมาแล้วครั้งหนึ่ง ]

 

เด็กสาวผมสีเงิน . . . 

หรือก็คือ อลิเซีย เธอมองขึ้นไปยังจันทราสีเลือดนั้นและกล่าวออกมา

 

[ จอมเวทย์ผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ ดยุคคนที่ 7 “ผู้อัญเชิญซากศพ”(Necromancer) อัมบร้า . . .ไม่ผิดแน่  เป็นฝีมือของหมอนั้นไม่ผิดแน่ ]