[ นะ-, นักรบเขี้ยวมังกร อย่างงั้นรึ !? ]
[ ใช่, นักรบเขี้ยวมังกร ที่จริงมันเป็นเพียงแค่ชื่อไว้เปรียบเปรย เพราะเจ้าตุกตาพวกนั้นมันถูกสร้างมาจากชิ้นส่วนเขี้ยวของมังกร แม้พวกมันจะถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับนักรบโครงกระดูกเป็นอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันคือของจริงและแทบจะเทียบเท่ากองทัพอมตะเลยทีเดียว ที่สำคัญพวกมันยังไม่ใช่พวกอันเดด(ผีดิบ)อีกด้วยเพราะฉนั้นการรอจนพระอาทิตย์ขึ้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ]
อาจารย์คนหนึ่งของทางโรงเรียนลิสวาเดียหรือก็คืออาจารย์ เลซีลิโด้ โดโตเรกเก้ เขาหยิบชิ้นส่วนของนักรบเขี้ยวมังกรที่ถูกจัดการลงขึ้นมาตรวจสอบ และอธิบายมันแก่อาจารย์ท่านอื่น
หลังจากได้ฟังทำอธิบายของอาจารย์โดโตเรกเก้ อาจารย์ผู้ชายอีกท่านถึงกลับเงียบลง พร้อมด้วยใบหน้าที่ซีดจนหน้ากลัว
[ นะ-,นี่เราต้องสู้กับศัตรูพ-,พวกนั้นจริงๆงั้นรึ . . .]
[ พวกเรายังมีโอกาสที่จะชนะมันได้อยู่นะ นี่คือสิ่งที่องค์หญิงแห่งอาณาจักรลีซาเลี่ยนเป็นคนบอกมา ]
โดโต้เรกเก้ ผู้มีใบหน้าที่หน้ากลัวกว่าซอมบี้พวกนั้นกล่าวออกมาพร้อมใช้ไม้เท้าเหวี่ยงไปยังอาจารย์ท่านนั้นเพื่อเรียกสติกลับ
[ เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรลีซาเลี่ยน ?? รึว่าคุณหมายถึง “เด็กมหัศจรรย์” คนนั้น ]
[ ครับ จากที่เธอบอกมา แม้นักรบเขี้ยวมังกรจะทนต่อการโจมตีทางกายภาพเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเราใช้เวทย์มนตร์ล่ะก็สู้ได้แน่ ยิ่งถ้าเป็นเวทย์มนตร์ประเภทบาเรียแล้วพวกมันยิ่งอ่อนแอเป็นพิเศษ หมายความว่าถ้าหากพวกเราสามารถทำให้บาเรียของเมืองกลับมาทำงานได้อีกครั้งพวกมันจะอ่อนแอลง และนั้นอาจจะทำให้พวกมันไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ และวิธีนี้มันจะทำให้พวกพ้องของเรารอดจากสถานการณ์เช่นนี้ไปได้ครับ ]
เหล่าอาจารย์ 10 คน ที่นำโดยอาจารย์โดโตเรกเก้กำลังมุ่งไปยังปลายทางและจัดการนักรบเขี้ยวมังกรที่ดูราวกับนักรบโครงกระดูกไปตามทาง
[ ถ้าหากพวกเราฟื้นฟูบาเรียได้ล่ะก็ . ทุกอย่างก็จะจบลง ]
เพราะคำพูดของท่านอาจารย์โดโต้เรกเก้ ทำให้เหล่าอาจารย์ที่สิ้นหวังกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
( ไงก็ตาม เรายังไม่เห็นตัวผู้ร่ายเวทย์ ที่สำคัญ ผู้ที่สามารถทำลายบาเรียของทางโรงเรียนได้นั้น ต่อให้เป็นระดับดยุค ก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำลายบาเรียได้,มันทำได้ยังไงกันนะ . . )
กลุ่มของอาจารย์ที่นำโดยโดโตเรกเก้จัดการเหล่านักรบเขี้ยวมังกรในระหว่างทางที่พวกเขามุ่งไป สถานที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของบาเรียเพื่อซ่อมแชมมัน . . .
——————–
[ อย่าแตกกลุ่ม !! ทิ้งระยะห่างด้วย และก็จัดการพวกมันซะ !! ]
ที่ถนนเส้นหลัก มันคือที่นี่ ที่ๆกองทัพนักรบเขี้ยวมังกรเดินทัพเข้ามา
และเหล่าอาจารย์มากกว่าครึ่งพร้อมด้วยนักเรียนชั้นปีสูงตั้งแต่4-6 กระจายตัวสร้างแนวป้องกัน
พวกเขาต่อสู้กับเหล่านักรบเขี้ยวมังกร แม้พวกมันจะถูกกำจัดไปจำนวนมากแต่ก็ยังมีอีกมากที่เดินทัพเข้ามาแทนที่พวกที่ตายไป เหล่าอาจารย์และนักเรียนพวกเขาเองก็ไม่แพ้กัน พวกเขาต่อสู้โดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เพื่อปกป้องโรงเรียนของพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง
[ อย่างไรก็ตาม ปันหาของพวกเราตอนนี้คือพวกเราจะต้องสู้แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ]
ท่านอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนลิสวาเดีย รูการอนพึมพัมออกมาในขณะที่มองไปยังสนามรบที่ยังคงรักษาแนวป้องกันไว้ได้
แม้ว่าทางโรงเรียนจะมีเหล่าจอมเวทย์ชั้นยอดมากมายเพียงใด แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ พวกเขาก็ยังมีขีดจำกัด
( ถึงแม้พวกเราจะสามารถต่อกรกับเหล่านักรบเขี้ยวมังกรได้ก็เถอะ แล้วผู้ร่ายเวทย์ควบคุมกองทัพเขี้ยวมังกรล่ะ ? ไอ้ดยุคคนที่ 7 นั้น. . ข้าไม่มีทางเชื่อหรอกว่าทุกอย่างจจะจบลงเพียงแค่นี้ )
รูการอน จมกับความคิดอีกครั้งพร้อมกับลูบเคราที่ภาคภูมิใจของเขา
( และที่สำคัญข้ายังคิดไม่ออกเลย เป้าหมายของมันคืออะไรกัน ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด. . )
นั้นคือข้อสรุปของรูการอน
และแล้ว. . .
เขาก็ลุกขึ้น
[ ในเมื่อพวกเราอพยพชาวเมืองออกจากถนนสายหลักได้หมดแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องออกโรงบ้างล่ะ ]
ผู้อยู่เหนือกฎเกณ และ ราชัน
คือฉายาของชายผู้นี้ ชายผู้ครอบครองทวีปกว่าครึ่งโลกได้ลุกขึ้นยืน . .
[ ครับท่าน!!! หน่วยที่ 17 !! ถอยออกมาและเปิดทางให้ด้วย ท่านจารย์ใหญ่กำลังเดินทางไปยังแนวหน้าแล้ว !!! ]
อาจารย์ผู้รับคำสั่งจากรูการอนตะโกนสั่งคำสั่งออกมาอย่างสุดเสียง
[ โฮ โฮ เอาล่ะ ถึงเวลาพวกเราออกโรงแล้ว “เหล่าทหารของข้า” ]
เขากล่าวออกมาพร้อมกับ ยกมือขึ้นไปยังท้องฟ้า
ที่ด้านหลังของรูการอน ,สิบ,ไม่สิ
โครงสร้างเวทย์มนตร์หลายร้อยวงปรากฎขึ้น
[ Dima yolge twolstouren elementia – – (ได้โปรดตอบรับความปราถนาข้า เหล่าภูติแห่งพสุธา ) ]
สิ่งที่ปรากฎออกมาคือเหล่าทหารพร้อมชุดเกราะเหล็กหลายร้อยหลายพันตัว .
[ ถ้าพูดถึง “กองทัพ” ล่ะก็ , มันคือสิ่งที่ข้าคนนี้ชำนาญยิ่งนัก !! ]
ทหารเหล็กเหล่านั้นในมือของพวกมันมีทั้ง ดาบ หอก ค้อน มากมายๆปะปนกัน
ไม่มีเสียงร้องจากทหารเหล็กเหล่านั้นเลยสักนิด มีเพียงเสียงของเหล็กและเหล็กกระทบกันให้ยินเพียงเท่านั้น
[ เอาละ ไหนดูซิ “นักเล่นแร่แปรธาตุ”อย่างข้า กับ ” ผู้อัญเชิญซากศพ ” ใครจะเหนือกว่ากัน !! ]
แนวป้องกันถูกขยายให้กว้างขึ้น
และพวกมัน . . .
เหล่าทหารเหล็กทั้งหลายวิ่งออกไปปะทะกับกองทัพซากศพ . .
[ จงเหยียบย่ำพวกมันซะ อสูรพสุธา !! ]
ที่แนวหน้าของสนามรบ . .
สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว . .
……………….
[ ขอบคุณพระเจ้า ท่านเฮสเรียสต้าเองก็อพยพมาเหมือนกันสินะคะ ]
[ เช่นกันค่ะ ขอบคุณจริงๆที่เธอเองก็ปลอดภัย ]
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่อยู่ของผู้อพยพ มาน่าและเอริได้เข้ามารวมกับเฮนเรียสต้า
[ หลังจากที่พวกเราจบจากการฝึก ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้กัน และดิชั้นก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้เลย ]
มาน่าและเอริเห็นด้วยกับสิ่งที่เฮสเรียสต้าพูดออกมา และตอบกับพร้อมยิ้มเล็กๆออกมา
[ เพราะว่าคุณเป็นถึง “เจ้าหญิงอัศวิน” เราหลงคิดไปว่าคุณเองก็กำลังต่อสู้อยู่ด้านนอก ]
[ ดิชั้นก็ต้องการที่จะสู้นะคะ !! แต่นั้น มีเพียงแค่อลิเซียซังที่ได้รับเลือกให้ออกไปสู้!! และดิชั้นถูกบังคับให้รับหน้าที่สแตนบายอยู่ที่นี่ คุ . .ทั้งๆที่ดิชั้นมีโอกาสที่จะแสดงให้อลิเซียซังเห็นแล้วว่าดิชั้นเก่งแค่ไหนแล้วแท้ๆ ]
เพราะคำพูดของเอริ มันทำให้เฮนเรียสต้าบ่นความรู้สึกของเธอออกมาพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเธอ
[ ถะ- , ถ้าอลิเซียซังเห็นถึงความพยายามของดิชั้นแล้วล่ะก็ !! หัวใจของอลิเซียซังจะต้องหันมาหาดิชั้นแน่นอน . . อุ เฮะๆ ~~ ]
[ เอ่อคือ ท่านเฮนเรียสต้าคะ เมื่อเร็วๆนี้ เหมือนท่านจะมีข่าวเกี่ยวเรื่องพวกนี้ใช่รึปล่าวคะ ]
[ ใช่แล้วมาน่า ที่สำคัญ ท่านอาจารย์ยาชิโระ ที่เป็นคู่แข่งทางความรักจู่ๆก็โผล่มา และนั้นทำให้เธอกลายเป็นบ้าไปเลย ]
[ อย่างน้อยดิชั้นก็ยังไม่ได้บ้าน๊าาาา !!! เดี่ยวนก่อนนะ เธอเห็นอาจารย์ยาชิโระบ้างมั้ย? ]
[ มาน่าและชั้นไม่เห็นเขาเลย ]
[ ถ้างั้น แสดงว่าเขาไม่ได้มาที่นี่สินะคะ ]
มาน่าที่กำลังมองหาเขาดูรอบๆห้องนี้
แม้อาจารย์ยาชิโระมีลักษณะที่แตกต่างจากคนทั่วๆไปค่อนข้างชัด(ผมดำ) แต่เธอก็หาเขาไม่พบในห้องนี้
[ เขาไม่ , อยู่ในห้องนี้ ? ]
[แม้ห้องโถงนี้จะมีทางออกเชื่อมไปยังหานาฬิกาและสนามฝึก เค้าคงอยู่ใดซักที่ใน 2ตัวเลือกนี้ . . แต่ชั้นไม่ของยืนยันนะ ว่าเขาจะอยู่ที่นั้นจริงๆ ]
[ งั้นรึคะ ตะ-แต่ว่า นั้นอาจารย์ยาชิโระเลยนะคะ !! ชั้นคิดว่าถ้าเป็นเขาล่ะก็ เขาคงไม่เป็นอะไรหรอกเนาะ จริงมั้ย ]
[ ทำไมเธอถึงพูดออกมาอย่างนั้นละคะ? ]
[ เพราะชั้นจินตนาการว่าเขาจะพลาดท่าไม่ออกเลยนะสิคะ ]
เพราะคำพูดของมาน่า ทำให้เฮสเรียสต้าที่คิดภาพตามถึงกับหัวเราะออกมาเล็กๆ
[ ไงก็ตาม มาน่าซัง ดิชั้นขอยืมพลังของคุณได้รึปล่าวคะ ]
[ เอ๊ะ ? ]
มาน่าที่กำลังตกใจกับหัวของการสนทนาที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป แต่เฮนเรียสต้าเธอก็พูดต่อโดยไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของมาน่านัก
[ ดิชั้นผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นถึง “เจ้าหญิงอัศวิน” .และนั้นดิชั้นไม่สามารถที่จะทำให้ชื่อที่สองของดิชั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกหลวงได้หรอกนะคะ เพราะฉนั้น ได้โปรด เธอช่วยพาดิชั้นไปส่งที่สนามรบได้มั้ยคะ ? ]
เฮนเรียสต้าขอร้องแก่มาน่า ผู้ที่กอดสิ่งสำคัญของเธออยู่กับตัว มันคือไม้กวาดที่สามารถพาผู้คนโบยบินไปยังท้องนภา . .
————————-
[ ฟูมุว น่าตกใจจริงๆกับจำนวนกองทัพนั้น เจ้าพวกจอมเวทย์ยุคปัจจุบันไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่ ]
ขณะมองลงมายังถนนหลักของลิสวาเดีย ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสนามรบ
ร่างของบางสิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมรุ่งริ่งนั้นได้พึมพัมออกมา
[ อืม พวกนักรบเขี้ยวมังกรมันก็เป็นเพียงแค่เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้นแหละ เอาล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องทำให้มันสนุกขึ้นอีกสักหน่อย ]
บางสิ่งที่สวมผ้าคลุมนั้น มองขึ้นไปบนจันทร์สีเลือดนั้น
มันเปิดปากของมัน ปากที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม
[ จงออกมา !! กลืนกินสิ่งมีชิวิตพวกนั้นซะ พวกมันคืออาหารของพวกเจ้าา !!!!! ]
บางสิ่งพุ่งออกมาจากสองแขนของร่างนั้น มันมากว่า หลายสิบ ไม่สิ หลายร้อย . .
มันคือกองทัพขนาดยักของสิ่ง. . .
สิ่งที่สืบเชื้อสายมาจากมังกรได้ปรากฎขึ้น
ที่ท่ามกลางท้องฟ้าของลิสวาเดีย . .