ตอนที่ 47 เหล่าผู้วายชนม์ลุกเดิน 2

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

[ นะ-, นักรบเขี้ยวมังกร อย่างงั้นรึ !? ]

[ ใช่, นักรบเขี้ยวมังกร ที่จริงมันเป็นเพียงแค่ชื่อไว้เปรียบเปรย เพราะเจ้าตุกตาพวกนั้นมันถูกสร้างมาจากชิ้นส่วนเขี้ยวของมังกร   แม้พวกมันจะถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับนักรบโครงกระดูกเป็นอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันคือของจริงและแทบจะเทียบเท่ากองทัพอมตะเลยทีเดียว ที่สำคัญพวกมันยังไม่ใช่พวกอันเดด(ผีดิบ)อีกด้วยเพราะฉนั้นการรอจนพระอาทิตย์ขึ้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ]

 

อาจารย์คนหนึ่งของทางโรงเรียนลิสวาเดียหรือก็คืออาจารย์ เลซีลิโด้ โดโตเรกเก้ เขาหยิบชิ้นส่วนของนักรบเขี้ยวมังกรที่ถูกจัดการลงขึ้นมาตรวจสอบ และอธิบายมันแก่อาจารย์ท่านอื่น

หลังจากได้ฟังทำอธิบายของอาจารย์โดโตเรกเก้ อาจารย์ผู้ชายอีกท่านถึงกลับเงียบลง พร้อมด้วยใบหน้าที่ซีดจนหน้ากลัว

 

[ นะ-,นี่เราต้องสู้กับศัตรูพ-,พวกนั้นจริงๆงั้นรึ  . . .]

[ พวกเรายังมีโอกาสที่จะชนะมันได้อยู่นะ นี่คือสิ่งที่องค์หญิงแห่งอาณาจักรลีซาเลี่ยนเป็นคนบอกมา ]

 

โดโต้เรกเก้ ผู้มีใบหน้าที่หน้ากลัวกว่าซอมบี้พวกนั้นกล่าวออกมาพร้อมใช้ไม้เท้าเหวี่ยงไปยังอาจารย์ท่านนั้นเพื่อเรียกสติกลับ

 

[ เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรลีซาเลี่ยน ?? รึว่าคุณหมายถึง “เด็กมหัศจรรย์” คนนั้น ]

[ ครับ จากที่เธอบอกมา แม้นักรบเขี้ยวมังกรจะทนต่อการโจมตีทางกายภาพเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเราใช้เวทย์มนตร์ล่ะก็สู้ได้แน่ ยิ่งถ้าเป็นเวทย์มนตร์ประเภทบาเรียแล้วพวกมันยิ่งอ่อนแอเป็นพิเศษ หมายความว่าถ้าหากพวกเราสามารถทำให้บาเรียของเมืองกลับมาทำงานได้อีกครั้งพวกมันจะอ่อนแอลง และนั้นอาจจะทำให้พวกมันไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ และวิธีนี้มันจะทำให้พวกพ้องของเรารอดจากสถานการณ์เช่นนี้ไปได้ครับ ]

 

เหล่าอาจารย์ 10 คน ที่นำโดยอาจารย์โดโตเรกเก้กำลังมุ่งไปยังปลายทางและจัดการนักรบเขี้ยวมังกรที่ดูราวกับนักรบโครงกระดูกไปตามทาง

 

[ ถ้าหากพวกเราฟื้นฟูบาเรียได้ล่ะก็  . ทุกอย่างก็จะจบลง ]

 

เพราะคำพูดของท่านอาจารย์โดโต้เรกเก้ ทำให้เหล่าอาจารย์ที่สิ้นหวังกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง

 

( ไงก็ตาม  เรายังไม่เห็นตัวผู้ร่ายเวทย์ ที่สำคัญ ผู้ที่สามารถทำลายบาเรียของทางโรงเรียนได้นั้น ต่อให้เป็นระดับดยุค ก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำลายบาเรียได้,มันทำได้ยังไงกันนะ . . )

 

กลุ่มของอาจารย์ที่นำโดยโดโตเรกเก้จัดการเหล่านักรบเขี้ยวมังกรในระหว่างทางที่พวกเขามุ่งไป สถานที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของบาเรียเพื่อซ่อมแชมมัน . . .

 

——————–

 

[ อย่าแตกกลุ่ม !! ทิ้งระยะห่างด้วย และก็จัดการพวกมันซะ !! ]

 

ที่ถนนเส้นหลัก มันคือที่นี่ ที่ๆกองทัพนักรบเขี้ยวมังกรเดินทัพเข้ามา 

และเหล่าอาจารย์มากกว่าครึ่งพร้อมด้วยนักเรียนชั้นปีสูงตั้งแต่4-6 กระจายตัวสร้างแนวป้องกัน

พวกเขาต่อสู้กับเหล่านักรบเขี้ยวมังกร แม้พวกมันจะถูกกำจัดไปจำนวนมากแต่ก็ยังมีอีกมากที่เดินทัพเข้ามาแทนที่พวกที่ตายไป เหล่าอาจารย์และนักเรียนพวกเขาเองก็ไม่แพ้กัน พวกเขาต่อสู้โดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เพื่อปกป้องโรงเรียนของพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง

 

[ อย่างไรก็ตาม ปันหาของพวกเราตอนนี้คือพวกเราจะต้องสู้แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ]

 

ท่านอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนลิสวาเดีย รูการอนพึมพัมออกมาในขณะที่มองไปยังสนามรบที่ยังคงรักษาแนวป้องกันไว้ได้

แม้ว่าทางโรงเรียนจะมีเหล่าจอมเวทย์ชั้นยอดมากมายเพียงใด แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ พวกเขาก็ยังมีขีดจำกัด

 

( ถึงแม้พวกเราจะสามารถต่อกรกับเหล่านักรบเขี้ยวมังกรได้ก็เถอะ แล้วผู้ร่ายเวทย์ควบคุมกองทัพเขี้ยวมังกรล่ะ ? ไอ้ดยุคคนที่ 7 นั้น. . ข้าไม่มีทางเชื่อหรอกว่าทุกอย่างจจะจบลงเพียงแค่นี้ )

 

รูการอน จมกับความคิดอีกครั้งพร้อมกับลูบเคราที่ภาคภูมิใจของเขา

 

( และที่สำคัญข้ายังคิดไม่ออกเลย เป้าหมายของมันคืออะไรกัน ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด. . )

 

นั้นคือข้อสรุปของรูการอน

และแล้ว. . . 

เขาก็ลุกขึ้น

 

[ ในเมื่อพวกเราอพยพชาวเมืองออกจากถนนสายหลักได้หมดแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องออกโรงบ้างล่ะ ]

 

ผู้อยู่เหนือกฎเกณ และ ราชัน 

คือฉายาของชายผู้นี้ ชายผู้ครอบครองทวีปกว่าครึ่งโลกได้ลุกขึ้นยืน . .

 

[ ครับท่าน!!! หน่วยที่ 17 !! ถอยออกมาและเปิดทางให้ด้วย ท่านจารย์ใหญ่กำลังเดินทางไปยังแนวหน้าแล้ว !!! ]

 

อาจารย์ผู้รับคำสั่งจากรูการอนตะโกนสั่งคำสั่งออกมาอย่างสุดเสียง

 

[ โฮ โฮ  เอาล่ะ ถึงเวลาพวกเราออกโรงแล้ว  “เหล่าทหารของข้า” ]

 

เขากล่าวออกมาพร้อมกับ ยกมือขึ้นไปยังท้องฟ้า 

ที่ด้านหลังของรูการอน ,สิบ,ไม่สิ 

โครงสร้างเวทย์มนตร์หลายร้อยวงปรากฎขึ้น

 

[ Dima yolge twolstouren elementia – – (ได้โปรดตอบรับความปราถนาข้า เหล่าภูติแห่งพสุธา ) ]

 

สิ่งที่ปรากฎออกมาคือเหล่าทหารพร้อมชุดเกราะเหล็กหลายร้อยหลายพันตัว . 

 

[ ถ้าพูดถึง “กองทัพ” ล่ะก็ , มันคือสิ่งที่ข้าคนนี้ชำนาญยิ่งนัก !! ]

 

ทหารเหล็กเหล่านั้นในมือของพวกมันมีทั้ง ดาบ หอก ค้อน มากมายๆปะปนกัน

ไม่มีเสียงร้องจากทหารเหล็กเหล่านั้นเลยสักนิด มีเพียงเสียงของเหล็กและเหล็กกระทบกันให้ยินเพียงเท่านั้น

 

[ เอาละ ไหนดูซิ “นักเล่นแร่แปรธาตุ”อย่างข้า กับ ” ผู้อัญเชิญซากศพ ” ใครจะเหนือกว่ากัน !! ]

 

แนวป้องกันถูกขยายให้กว้างขึ้น 

และพวกมัน . . . 

เหล่าทหารเหล็กทั้งหลายวิ่งออกไปปะทะกับกองทัพซากศพ . .

 

[ จงเหยียบย่ำพวกมันซะ อสูรพสุธา !! ]

 

ที่แนวหน้าของสนามรบ . .

สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว . . 

 

……………….

 

[ ขอบคุณพระเจ้า ท่านเฮสเรียสต้าเองก็อพยพมาเหมือนกันสินะคะ ]

[ เช่นกันค่ะ ขอบคุณจริงๆที่เธอเองก็ปลอดภัย ]

 

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่อยู่ของผู้อพยพ มาน่าและเอริได้เข้ามารวมกับเฮนเรียสต้า

 

[ หลังจากที่พวกเราจบจากการฝึก ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้กัน และดิชั้นก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้เลย ]

 

มาน่าและเอริเห็นด้วยกับสิ่งที่เฮสเรียสต้าพูดออกมา และตอบกับพร้อมยิ้มเล็กๆออกมา

 

[ เพราะว่าคุณเป็นถึง “เจ้าหญิงอัศวิน” เราหลงคิดไปว่าคุณเองก็กำลังต่อสู้อยู่ด้านนอก ]

[ ดิชั้นก็ต้องการที่จะสู้นะคะ !! แต่นั้น  มีเพียงแค่อลิเซียซังที่ได้รับเลือกให้ออกไปสู้!!  และดิชั้นถูกบังคับให้รับหน้าที่สแตนบายอยู่ที่นี่ คุ . .ทั้งๆที่ดิชั้นมีโอกาสที่จะแสดงให้อลิเซียซังเห็นแล้วว่าดิชั้นเก่งแค่ไหนแล้วแท้ๆ ]

 

เพราะคำพูดของเอริ มันทำให้เฮนเรียสต้าบ่นความรู้สึกของเธอออกมาพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเธอ

 

[ ถะ- , ถ้าอลิเซียซังเห็นถึงความพยายามของดิชั้นแล้วล่ะก็ !! หัวใจของอลิเซียซังจะต้องหันมาหาดิชั้นแน่นอน . . อุ เฮะๆ ~~ ]

[ เอ่อคือ ท่านเฮนเรียสต้าคะ เมื่อเร็วๆนี้ เหมือนท่านจะมีข่าวเกี่ยวเรื่องพวกนี้ใช่รึปล่าวคะ ]

[ ใช่แล้วมาน่า ที่สำคัญ ท่านอาจารย์ยาชิโระ ที่เป็นคู่แข่งทางความรักจู่ๆก็โผล่มา และนั้นทำให้เธอกลายเป็นบ้าไปเลย ]

[ อย่างน้อยดิชั้นก็ยังไม่ได้บ้าน๊าาาา !!!  เดี่ยวนก่อนนะ  เธอเห็นอาจารย์ยาชิโระบ้างมั้ย? ]

[ มาน่าและชั้นไม่เห็นเขาเลย ]

[ ถ้างั้น  แสดงว่าเขาไม่ได้มาที่นี่สินะคะ ]

 

มาน่าที่กำลังมองหาเขาดูรอบๆห้องนี้ 

แม้อาจารย์ยาชิโระมีลักษณะที่แตกต่างจากคนทั่วๆไปค่อนข้างชัด(ผมดำ) แต่เธอก็หาเขาไม่พบในห้องนี้

 

[ เขาไม่ , อยู่ในห้องนี้ ? ]

[แม้ห้องโถงนี้จะมีทางออกเชื่อมไปยังหานาฬิกาและสนามฝึก เค้าคงอยู่ใดซักที่ใน 2ตัวเลือกนี้ . .  แต่ชั้นไม่ของยืนยันนะ ว่าเขาจะอยู่ที่นั้นจริงๆ ]

[ งั้นรึคะ  ตะ-แต่ว่า นั้นอาจารย์ยาชิโระเลยนะคะ !! ชั้นคิดว่าถ้าเป็นเขาล่ะก็ เขาคงไม่เป็นอะไรหรอกเนาะ จริงมั้ย ]

[ ทำไมเธอถึงพูดออกมาอย่างนั้นละคะ? ]

[ เพราะชั้นจินตนาการว่าเขาจะพลาดท่าไม่ออกเลยนะสิคะ ]

 

เพราะคำพูดของมาน่า ทำให้เฮสเรียสต้าที่คิดภาพตามถึงกับหัวเราะออกมาเล็กๆ

 

[ ไงก็ตาม มาน่าซัง ดิชั้นขอยืมพลังของคุณได้รึปล่าวคะ ]

[ เอ๊ะ ? ]

 

มาน่าที่กำลังตกใจกับหัวของการสนทนาที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป แต่เฮนเรียสต้าเธอก็พูดต่อโดยไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของมาน่านัก

 

[ ดิชั้นผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นถึง “เจ้าหญิงอัศวิน”  .และนั้นดิชั้นไม่สามารถที่จะทำให้ชื่อที่สองของดิชั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกหลวงได้หรอกนะคะ เพราะฉนั้น ได้โปรด เธอช่วยพาดิชั้นไปส่งที่สนามรบได้มั้ยคะ ? ]

 

เฮนเรียสต้าขอร้องแก่มาน่า ผู้ที่กอดสิ่งสำคัญของเธออยู่กับตัว มันคือไม้กวาดที่สามารถพาผู้คนโบยบินไปยังท้องนภา . . 

 

————————-

 

[ ฟูมุว น่าตกใจจริงๆกับจำนวนกองทัพนั้น เจ้าพวกจอมเวทย์ยุคปัจจุบันไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่ ]

 

ขณะมองลงมายังถนนหลักของลิสวาเดีย ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสนามรบ 

ร่างของบางสิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมรุ่งริ่งนั้นได้พึมพัมออกมา

 

[ อืม พวกนักรบเขี้ยวมังกรมันก็เป็นเพียงแค่เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้นแหละ เอาล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องทำให้มันสนุกขึ้นอีกสักหน่อย ]

 

บางสิ่งที่สวมผ้าคลุมนั้น มองขึ้นไปบนจันทร์สีเลือดนั้น

มันเปิดปากของมัน ปากที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม

 

[ จงออกมา !! กลืนกินสิ่งมีชิวิตพวกนั้นซะ พวกมันคืออาหารของพวกเจ้าา !!!!! ]

 

บางสิ่งพุ่งออกมาจากสองแขนของร่างนั้น มันมากว่า หลายสิบ ไม่สิ หลายร้อย . . 

มันคือกองทัพขนาดยักของสิ่ง. . . 

สิ่งที่สืบเชื้อสายมาจากมังกรได้ปรากฎขึ้น

ที่ท่ามกลางท้องฟ้าของลิสวาเดีย . .