ตอนที่ 42 จริงๆ แล้วพวกเราถนัดเรื่องตบตี

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 42 จริงๆ แล้วพวกเราถนัดเรื่องตบตี

ไป๋เยี่ยสังเกตว่ารถบิวอิกค์คันนี้สะกดรอยตามพวกเขามาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ต่อให้รถในปักกิ่งจะเยอะ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไปที่ไหนก็เจอรถคันเดิม

ไป๋เยี่ยคอยสังเกตป้ายทะเบียนรถอยู่ และตามคาด รถคันนี้ตามพวกเขามาถึงร้านคาราโอเกะ ทำให้ไป๋เยี่ยระมัดระวังตัวมากขึ้น

ตอนแรกเขาว่าจะแจ้งตำรวจแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีหลักฐานพอ แจ้งไปก็ไม่มีเหตุผล

แต่เมื่อคิดว่าข้างๆ เขายังมีผู้ใหญ่อยู่ตั้งสิบคน เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

พวกเขาไม่ได้ดื่มเหล้าที่ร้านเฉวียนจวี้เต๋อ ทว่าหลังจากที่มาถึงคาราโอเกะและโชว์พลังเสียงกันคนละนิดแล้ว พวกเขาก็เริ่มดื่มเหล้า ไป๋เยี่ยจึงค้นพบว่าที่แท้ก็มีเสือร้ายซุกซ่อนอยู่ภายในร่างของเด็กเรียนพวกนี้

จางจี๋เซียนดูเหมือนจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่เขายังไม่วางแก้วเหล้าในมือลงเลย

คนที่ดื่มได้น้อยที่สุดกลับกลายเป็นไป๋เยี่ยแทนเสียได้! ไป๋เยี่ยได้ค้นพบว่าในกลุ่มสิบคนนี้มีแพทย์ศัลยกรรมกระดูกสี่คนและแพทย์ศัลยกรรมทั่วไปสองคน ซึ่งพวกเขาดื่มเหล้ามานานแล้ว

หลังจากที่ครื้นเครงกันมาพักหนึ่งแล้ว บรรยากาศก็เริ่มกลมกลืนกัน ทุกคนพูดคุยกันมากขึ้น แม้แต่สวี่จงเหล่ยยังตบบ่าไป๋เยี่ยแล้วเรียกเขาว่าพี่ชาย

ทุกคนสนุกกันจนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับอย่างมีความสุข

ทว่ารถบิวอิกค์คันนั้นก็ยังคงจอดอยู่ใกล้ๆ ร้านคาราโอเกะ

มีคนเจ็ดคนกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ในรถ ที่นั่งข้างคนขับมีชายผู้มีรอยสักเต็มร่างนั่งขมวดคิ้วอยู่ เขาดับบุหรี่ทิ้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “นี่ก็ตามมาทั้งวันแล้ว ไอ้พวกนี้มันเป็นด็อกเตอร์จริงเปล่าวะ ทำไมเสียงดังกันขนาดนี้วะ”

ชายคนขับแสยะยิ้ม “เอาน่าลูกพี่ รอมาตั้งหนึ่งวันก็ไม่เห็นว่าไป๋เยี่ยมันจะทำอะไรได้นี่นา”

ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างเสริม “ใช่ ไอ้พวกเด็กเรียนพวกนี้ทำอะไรได้บ้าง แค่ทำให้พวกมันกลัว เดี๋ยวพวกมันก็หนีกันแล้ว ค่อยจับไอ้ไป๋เยี่ยมาซ้อมก็พอแล้ว”

ชายที่มีรอยสักเต็มร่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จัดแม่งซิ โกวจื่อ รอพวกมันออกมาแล้วไปหาเรื่องพวกมันซะ จับตัวไอ้ไป๋เยี่ยมา เดี๋ยวพวกเราจะจัดการมันเอง ขับรถดีๆ นะเสียวอู่ จบนี่เราจะหนีกัน”

คนอื่นๆ พยักหน้า

ด้านไป๋เยี่ย พวกเขากำลังช่วยพยุงกันและกันออกมา

แม้ว่าไป๋เยี่ยจะอายุน้อยที่สุด แต่เขาก็ไม่ใช่คนตัวเล็ก เขาเป็นคนแบกสวี่จงเหล่ยออกมาจากร้าน

ทันทีที่เดินออกมาก็พบกับรถบิวอิกค์คันนั้นจอดอยู่ไกลๆ ทำให้ไป๋เยี่ยพอสร่างเมานิดหน่อย

ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาทางร้านคาราโอเกะ และเข้ามาประจันหน้าพวกไป๋เยี่ย

ชายคนนั้นมีรูปร่างแข็งแรง เขาสูงกว่าไป๋เยี่ยเล็กน้อย เขาทำทีเดินเล่นโทรศัพท์ไปด้วยและตั้งใจเดินชนไป๋เยี่ย

ทันใดนั้น ชายผู้นี้ก็หันกลับมาจ้องตาเขม็งใส่ไป๋เยี่ย “โว้ย ตาบอดหรือไงวะ”

ไป๋เยี่ยเข้าใจแล้ว ไอ้หมอนี่กำลังหาเรื่องเรานี่หว่า!

สวี่จงเหล่ยที่กำลังเมาหนักเอ่ยขึ้น “ตาบอดเชี่ยไรวะ อยากมีเรื่องหรือไง”

ชายคนนั้นผงะไปครู่หนึ่ง ฉิบหาย ผิดบทแล้วไง

ไป๋เยี่ยงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ทำไมหมอนี่มันเถื่อนจังวะ

สวี่จงเหล่ยพูดขึ้นอีกครั้ง “เป็นไร”

ชายหนุ่มตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “มองเชี่ยไร”

สวี่จงเหล่ยชะงักไปและหันไปหาไป๋เยี่ยด้วยสายตากรึ่มๆ “ประโยคสุดท้ายว่าไงนะ”

พูดจบเขาก็ล้มตัวลงและกรนเบาๆ

ไป๋เยี่ยเงียบไป เขามองสวี่จงเหล่ยที่เมาหัวราน้ำ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำด่ามากมาย อยู่ๆ ก็หลับเนี่ยนะ ไอ้เวรเอ๊ย! จะหลับเพื่อ! สร้างเรื่องไม่พอยังต้องมาคอยตามล้างตามเช็ดอีก!

ไป๋เยี่ยจึงรีบกล่าวขอโทษชายคนนั้น “ขอโทษครับ พอดีเพื่อนผมดื่มมาหนักน่ะ”

ทว่าชายหนุ่มกลับตะโกนเสียงดังลั่น “ลูกพี่ มานี่หน่อย! มีคนวอนว่ะ!”

ทันใดนั้นก็มีผู้ชายห้าหกคนลงมาจากรถ พวกเขาวิ่งมาทางไป๋เยี่ยพร้อมกับไม้เบสบอลในมือ

ไป๋เยี่ยยืนนิ่งกับที่

โอ้โห มันเตรียมการมาพร้อมเลยแฮะ

พวกไป๋เยี่ยอีกเก้าคนสร่างเมาทันที เหลือแค่สวี่จงเหล่ยที่กำลังนอนหลับปุ๋ยเป็นเด็กในอ้อมแขนของไป๋เยี่ย

ไป๋เยี่ยวางร่างของสวี่จงเหล่ยลงในที่ปลอดภัย ทว่าตอนนี้ชายกลุ่มนั้นก็กำลังวิ่งมาทางไป๋เยี่ยเช่นกัน!

ไป๋เยี่ยหันไปมองสวี่จงเหล่ย สวี่จงเหล่ยโว้ย! เห็นผมเป็นพ่อคุณหรือไงถึงขยันสร้างเรื่องให้เนี่ย!

ไม่ทันไร หกคนนั้นก็ยกไม้เบสบอลขึ้นมาหวังจะฟาดไป๋เยี่ย

ทั้งแปดคนหวาดผวาแต่ก็รีบตอบสนองทันที

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักวิชาการก็ตาม แต่พวกเขาก็มีอาชีพเป็นหมอ ชีวิตคนตั้งกี่คนอยู่ในกำมือของพวกเขา! พวกเขาเห็นฉากเลือดสาดแทบทุกวัน จะไปกลัวอะไรกับแค่การดื่มเหล้า

ถึงจะเป็นหมอ แต่ฝีมือด้านการต่อสู้ก็ใช่ว่าจะเป็นรองใคร!

“มา! สักฝุ่นหน่อยไหม!”

“รังแกคนของเรานักใช่ไหม” หมอกระดูกวิ่งตรงไปหาชายคนหนึ่งพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

สงครามเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ชายที่มีรอยสักเต็มร่างซึ่งเป็นหัวโจกของคนพวกนั้นเริ่มขนลุกแปลกๆ เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ตามบทแล้วพวกมันควรจะเป็นฝ่ายวิ่งหนีไม่ใช่เหรอวะ

แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าพวกเราเริ่มจะกลัวเองซะงั้น…

ทันใดนั้นชายรอยสักก็ร้องลั่นเมื่อเห็นว่าทั้งแปดคนกำลังวิ่งเข้ามาหาตน “หยุดๆๆ!”

จางจี๋เซียนและพวกหยุดมือลง “ไม่หาเรื่องแล้วเหรอ”

ชายคนนั้นเอ่ยเสียงต่ำ “เพื่อนแกเดินชนเพื่อนฉัน แถมยังพูดจาเหยียดหยามใส่ด้วย ส่งตัวเพื่อนแกให้พวกเรา แล้วพวกเราจะปล่อยแกไป”

ตอนนี้เขาถูกคนแปดคนล้อมไว้ ทำให้จู่ๆ เขาก็รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดเมื่อครู่

ใครปล่อยใครไปกันแน่วะ!

ทันใดนั้นก็มีเสียงใครบางคนแว่วมา “ปล่อยก็แย่ละ หาเรื่องรังแกคนนอกนี่หว่า ไอ้พวกชั่ว!”

จู่ๆ ก็มีร่างโซเซร่างหนึ่งชูก้อนอิฐขึ้นปาใส่ชายที่ร่างเต็มไปด้วยรอยสัก!

สวี่จงเหล่ยเดินโซซัดโซเซ พูดจาตะกุกตะกัก แต่กลับแฝงไปด้วยพลัง ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็ฟุบไปกับพื้นอีกแล้ว!

ขว้างอิฐใส่หัวตัวเองซะงั้น…ใช่แล้ว หัวตัวเอง…

แต่ว่า…

เจ้าหมอนี่ก็จุดชนวนทะเลาะขึ้นอีกครั้งจนได้!

ทั้งหมอกระดูกที่เพิ่งดื่มเหล้ามาและหมอผ่าตัดที่ได้จับมีดแทบทุกวันต่างพร้อมลงมือ

แต่ระหว่างนั้นไป๋เยี่ยกลับพบว่ามีบางอย่างแปลกๆ

นั่นก็คือชายทั้งหกคนนั้นเตรียมการมาอย่างดีเพื่อมาหาเรื่องเขาโดยเฉพาะ

ชายในรอยสักคำรามลั่น “เอาแค่ไป๋เยี่ย คนอื่นช่างหัวมัน!”

ไป๋เยี่ยสะดุ้งโหยงพร้อมกับก่นด่าในใจ แต่ถึงกระนั้น มือไม้เขาก็ไม่ได้อ่อนยวบยาบ ด้วยผลจากน้ำยาวิวัฒนาการที่เสริมสร้างยีนของเขาและวิชาป้องกันตัวเลเวลสองของเขานั้น ทำให้เขากลายเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง

“ดื่ม!”

“อ๊าก!”

“ฮ่า!”

ปัง!

พลั่ก!

การต่อสู้สิ้นสุดลงโดยที่ทั้งหกคนล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋เยี่ยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ผิวของเขาไร้ซึ่งรอยขีดข่วน เพราะว่าพวกเขาเป็นคนลงมือทั้งหมด

ทั้งเก้าคนยืนล้อมหกคนที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วมาจากด้านหลัง

“โอ๊ย ใครปาอิฐใส่ฉัน!”

เมื่อทุกคนหันไปก็พบว่าสวี่จงเหล่ยกำลังมองมาที่ทุกคนด้วยท่าทางสะลึมสะลือ พร้อมกับตะโกนโหวกเหวก “ใคร…ใครตีฉัน!”

เขาเดินโซเซไปรอบๆ ไป๋เยี่ยและคนอื่นๆ ก่อนจะหยุดมองคนที่นอนนิ่งบนพื้นและใช้เท้าเขี่ยๆ ดู

“เจ้านายพวกแกส่งมาขโมยของเหรอวะ!”

“แถมยังเอาอิฐทุบหัวอีก…”

“เมื่อกี้แกมองฉันเหรอ มองอะไรวะ!”

ไป๋เยี่ยเงียบ…

คนอื่นๆ ก็เงียบ…

คนที่นอนอยู่บนพื้นยิ่งพูดไม่ออก…

หกคนนั้นก็เช่นกัน…