ตอนที่ 31 ตุ๊กตาที่แตกหัก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 31 ตุ๊กตาที่แตกหัก

ตอนที่ 31 ตุ๊กตาที่แตกหัก

ซูเถาตกใจจนแทบจะโยนเครื่องสื่อสารออกจากร่างกาย หญิงสาวตอบสนองไปตามสัญชาตญาณด้วยการรีบวิ่งกลับไปที่รถแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูก็เห็นขนนกสีแดงสดลอยอยู่เต็มท้องฟ้า และคราบเลือดก็กระเซ็นอยู่เต็มกระจกรถของเธอ

จากนั้นก็มีศพลอยมากระแทกที่กระจกหน้ารถอย่างแรง

ทำให้กระจกรถของเธอแตก

“บัดซบ!” กวานจือหนิงซึ่งนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับสบถอย่างหัวเสียและเบี่ยงตัวหลบเศษกระจกที่แตกลงมา

ซูเถามองเห็นซอมบี้กลายพันธุ์ มันมีปีกสีแดงขนาดใหญ่ มีข้อต่อกระดูกที่แปลกประหลาด เป็นเด็กที่มีใบหน้าสีตะกั่ว มันบินขึ้นไปบนหลังคา กางปีกสยายออกบังแสงอาทิตย์จนทำให้ทำทัศนวิสัยการเห็นของเธอพร่ามัว

มันก้มศีรษะลงใช่ม่านตาสีเทาจ้องมองซูเถา แต่ดูเหมือนว่าร่างกายมันจะหยุดชะงักไปชั่วขณะราวกับว่าจำอะไรบางอย่างได้

ในจังหวะนั้นซูเถาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ลูกกระสุนปืนลอยพุ่งเจาะทะลุปีกซ้ายของมัน ทำให้มันสูญเสียการทรงตัว ในขณะเดียวกันเสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น

[ตรวจพบเบาะแสของภารกิจที่ซ่อนอยู่: โรงรถร้าง]

ซูเถาตกตะลึง

“คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากรถ!” กวานจือหนิงชักปืนออกมาแล้วเตะประตูรถออกไปทันที

ในขณะเดียวกัน เผยตง เฉินเทียนเจียว และกลุ่มของพวกเขาก็มาถึง พวกเขาล้อมรอบเด็กชายที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่ปีกแปลกประหลาดนั้นไว้

“พวกคุณก็อยากที่จะฆ่าผมเหรอ?” เด็กชายเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

ปีกสีแดงฉานนั้นค่อย ๆ พับลงและหายไปด้านหลัง หากไม่มีปีกรูปร่างประหลาดนั่น เขาก็ดูไม่ต่างจากเด็กทั่วไป

“ผมแค่อยากกลับบ้าน แต่ว่าพวกเขาเอาแต่ยั่วยุผม ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้” ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นเหมือนกับประโยคบอกเล่าธรรมดา ใบหน้าเหยเกแสดงสีหน้าเจ็บปวด

กวานจือหนิงใช้พลังความสามารถของเธอ “มันบาดเจ็บ ฉันน่าจะหยุดเขาไว้ได้สักครึ่งนาที ขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้วว่าจะจับเป็นหรือจับตาย!”

เฉินเทียนเจียวยกปืนขึ้นทันที จ่อเข้าไปใกล้ ๆ แล้วยิงไปที่หัวเข่าของซอมบี้เด็ก

ปีกสีแดงนั้นกางสยายขึ้นอีกครั้งและปลายแหลมพุ่งไปที่ตำแหน่งหัวใจของเฉินเทียนเจียว แต่ด้วยพลังของกวานจือหนิงจึงทำให้การเคลื่อนไหวของมันช้าลง ตาสีแดงก่ำของเฉินเทียนเจียวจ้องไปที่ปีกของมันและลั่นกระสุนใส่มันอีกหลายนัด

ขนนกสีแดงสดที่ถูกยิงปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ

นอกจากนี้เผยตงยังใช้ความสามารถในการควบคุมยับยั้ง ฉวยโอกาสตอนที่มันเคลื่อนไหวเชื่องช้าใช้เชือกล่องหนผูกมันไว้แน่นเหมือนโดนงูรัด

“สารเลว ฉันจะจัดการพวกแกให้ได้ เพื่อชดใช้ให้กับพี่น้องของฉัน!”

เฉินเทียนเจียวลั่นกระสุนออกไปอีกสองสามนัด เขาต้องการที่จะยิงต่อแต่ว่าเผยตงก็ตะโกนเสียงดังลั่น

“นายใจเย็น ๆ! ถ้ามันตายนายจะต้องถูกลงโทษ! ออกไปให้พ้น!”

เฉินเทียนเจียวไม่ฟังคำพูดของอีกฝ่าย เขายิงออกไปอย่างดุเดือดที่ปีกประหลาดคู่นั้นจนมันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

เมื่อเผยตงเห็นว่าเขาไม่ได้หมายเอาถึงชีวิตจึงได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยรั้งเขาแต่อย่างใด

ซูเถามองจากมุมนี้ราวกับว่าเห็นตุ๊กตาที่แตกหัก

หญิงสาวเบือนหน้าหนี… มันเหมือนมนุษย์มาก เหมือนกับเด็กห้าหกขวบที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มันช่างเปราะบาง เธอเองก็ยังสับสนมึนงงเล็กน้อย จวงหู่และคู่พี่น้องสกุลเถาถูกมันฆ่าจริง ๆ เหรอ

“จับมันใส่กรงแล้วนำตัวออกไป!” เผยตงสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับโบกมือ

ในที่สุดซอมบี้กลายพันธุ์ทรงพลังตัวนี้ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากก็ถูกจับและส่งตัวไปยังสถาบันวิจัยได้สำเร็จจากความร่วมมือของทุกคน

ความกังวลของเผยตงที่ตึงเครียดมาหลายวันก็ได้ผ่อนคลายลง และหันไปพูดกับซูเถา

“วันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ก็ยังค่อนข้างน่าประหลาดใจ เมื่อก่อนพวกเราทำได้แค่มองมัน เมื่อเข้าใกล้มันได้ก้าวหนึ่งมันก็บินหนีไป มันระวังตัวมาก”

ซูเถารู้สึกว่าเรื่องที่ได้เห็นวันนี้ค่อนข้างใหญ่และมีผลกระทบ เธอลูบหัวตัวเองแล้วพูดว่า “เหมือนมันจะพูดว่าอยากกลับบ้าน หมายความว่ายังไง?”

เผยตงกล่าวว่า “มันอาจจะยังเก็บความทรงจำของการเป็นมนุษย์ไว้ส่วนหนึ่ง แต่เธออย่าไปเดาเลย ไม่ว่ามันจะเคยเป็นอะไรมาก่อน แต่มันก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก จากทารกสู่วัยเด็กจนไปถึงวันที่มันฆ่าคนเป็นจำนวนมาก ความกระหายเลือดของมันทำลายเพื่อนร่วมชาติของเรา พันธมิตรของเราและมันก็เป็นศัตรูที่เราต้องจัดการ”

ซูเถาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ใช่ มันไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของเธอ ต้องกำจัด…

การตายของจวงหู่ยังคงปรากฏชัด เพราะว่าตัวผู้ร้ายยังคงอยู่

“คงกลัวมากล่ะสิ?” เผยตงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ซูเถาส่ายหัว “ฉันแค่ตกใจ โลกที่ฉันเคยรู้จักคุ้นเคยเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย”

เผยตงพยักหน้า น้ำเสียงของเธอฟังดูเหมือนเรื่องนี้มันน่าเหนื่อยใจ “มันเปลี่ยนไปจริง ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี”

ศัตรูมีพลังเพิ่มมากขึ้นและไม่สามารถควบคุมได้

ซูเถาลูบขมับแล้วถามว่า “ในตงหยางมีโรงรถร้างไหม?”

ในฐานะ ‘แผนที่มีชีวิต’ ของตงหยาง เผยตงตอบว่า

“มี มันเป็นโรงรถที่ถูกสร้างก่อนวันสิ้นโลก หลังจากวันสิ้นโลกมันก็ค่อย ๆ ถูกทิ้งร้าง มีแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนถนนซานหลี่ตรงประตูทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันใช้เป็นสถานีฟื้นฟูพลังงาน อีกแห่งอยู่ตรงประตูตะวันตกเฉียงเหนือใกล้ ๆ กับพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งตอนนี้ถูกทางไร่นำไปเป็นโรงหมักปุ๋ยเคมี อีกแห่งก็ตั้งอยู่ตรงสุดทางตะวันออก เดินไปตามคูน้ำแห้งสองร้อยเมตรแล้วเลี้ยวขวา มันถูกสร้างเป็นพื้นที่ใต้ดินสำหรับเป็นที่พักพิงของคนไร้บ้าน เป็นสถานที่ที่มืดมนที่สุดของตงหยาง”

ซูเถาพยักหน้า อีกสองสามวันเธอจะไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้

ในคืนวันนั้น ข่าวที่กองกำลังปกป้องเมืองได้จับซอมบี้ที่ลักลอบเข้าไปในฐานสำเร็จได้แพร่กระจายไปทั่วตงหยาง

ผู้คนในตงหยางเฉลิมฉลองด้วยกันอย่างมีความสุข คนที่เก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานานก็ออกไปเดินเล่นที่ถนนในตงหยาง ตงหยางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากเงียบสงัดมาเป็นเวลานาน

เมื่อจวงหว่านทราบข่าว เธอก็ปิดปากร้องไห้เงียบ ๆ ลูกทั้งสองของเธอเฉินหยางและเฉินซีก็ตาแดงระเรื่อเช่นกัน

วันรุ่งขึ้นเธอพาเฉินหยางและเฉินซีไปเยี่ยมหลุมศพของจวงหู่ เธอร้องไห้และพูดพล่ามไปเรื่อย ๆ จนไม่มีน้ำตาอีกต่อไป

“ไอ้สัตว์ร้ายที่มันฆ่านายถูกจับแล้วนะ ในอนาคตทุกอย่างคงจะดีขึ้นอย่างแน่นอน นายหลับให้สบาย ไม่ต้องมีความโกรธแค้นใด ๆ ฉัน เฉินซีและเฉินหยางสามารถดูแลตัวเองได้ นายไม่ต้องห่วง ฉันไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นแล้ว”

“หู่จือ ต้องขอบคุณพวกพ้องกลุ่มนี้ของนายนะ ที่ช่วยทำตามคำขอของนายและแนะนำให้ฉันได้รู้จักกับเถ้าแก่ซู ไม่เช่นนั้นฉันและลูก ๆ ทั้งสองคงยังต้องคอยพึ่งพาคนอื่นในการดำรงชีวิตอยู่ นายอยู่ตรงนั้นช่วยคุ้มครองเธอด้วยนะ”

……

สัปดาห์ต่อมา ซูเถาได้ยินข่าวส่วนใหญ่เกี่ยวกับ ‘เบิร์ดแมน’ ซึ่งเป็นฉายาที่สาธารณชนตั้งให้ซอมบี้กลายพันธุ์

ซึ่งมันก็เหมาะสมจริง ๆ

แต่มันมีชื่อที่เป็นทางการมากกว่านั้นที่เผยตงแอบกระซิบบอกกับเธอ

“เรียกว่าโบนวิงส์ (Bone Wings) DNA ของมันได้รับการจัดระเบียบขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด มันเป็นการกลายพันธุ์ที่แปลกประหลาดไม่มีรูปแบบ ปีกที่อยู่ด้านหลังของมันสามารถกางได้ถึงสามเมตร ความเร็วในการบินของมันไวกว่านกอินทรีถึงสองเท่า การโจมตีหลักของมันก็คือเดือยหรือกระดูกอ่อนอันแหลมคมที่ยื่นออกมาจากปีกแทงเเข้าที่หัวใจของอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง และมันต้องใช้เลือดจำนวนมากเพื่อไปหล่อเลี้ยงกระดูกและเพิ่มความสามารถของมัน”

ซูเถากล่าวว่า “ยากที่จะจินตนาการจริง ๆ…แล้วพวกคุณมีแผนจะจัดการกับมันอย่างไร? ฆ่าพวกมันเหรอ? แล้วแยกชิ้นส่วนของมันไปวิจัยต่อเหรอ?”

เผยตงส่ายหัว “การฆ่ามันอันตรายเกินไป สถาบันวิจัยต้องนำเนื้อเยื่อจากมันไปทำการศึกษาวิจัยต่อ”

ซูเถาคิดดูแล้วก็เห็นด้วย ต้องใช้คนและทรัพยากรมากมายในการจับมัน ไม่คุ้มที่จะฆ่ามัน

“งั้นก็ต้องดูแลดี ๆ แล้วล่ะ แต่ถ้ามันหนีไปได้ มันจะกลายเป็นเรื่องสยองขวัญหรือเปล่า”

ดวงตาของเผยตงสั่นไหว “…ปากเสีย พวกเราจะหักปีกของมันและดูแลมันอย่างเข้มงวด”