บทที่ 30 ดอกบ๊วยสิบสอง (ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 30 ดอกบ๊วยสิบสอง (ปลาย)

เมื่อได้เห็นบรรยากาศเช่นนี้ ซูอันก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคของเขาชั่วขณะหนึ่ง กลับไปที่ถนนที่เขาคุ้นเคย ที่ซึ่งผู้ชายและหญิงสาวสวยสวมเสื้อผ้าหลากหลายประเภทตามความชอบของแต่ละบุคคลโดยไม่มีวัฒนธรรมใดมาปิดกั้น

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเครื่องแต่งกายในโลกนี้มีกลิ่นอายแบบโบราณไม่ใช่เสื้อผ้าแบบสมัยใหม่เหมือนในโลกก่อนของเขา

ดูเหมือนว่าโลกแห่งการบ่มเพาะนี้เปิดกว้างกว่าจีนโบราณมาก หลังจากที่รู้สึกประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ซูอันก็คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของเขาอย่างรวดเร็ว ยังมีผู้หญิงมากมายในโลกก่อนหน้าของเขาที่สวมชุดฮั่นฝูอยู่ตามท้องถนนอยู่ดี

หืม? ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงมีหูอีกคู่หนึ่งอยู่บนหัวของเธอ? แล้วอะไรกันที่แกว่งไปข้างหลังตรงก้นของเธอ?

น่ากลัวจริง!

ซูอันอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ตอนนั้นเองที่เขานึกถึงประวัติศาสตร์โลกที่เขาเคยได้ยินจากเฉิงโซวผิงก่อนหน้านี้ หนึ่งพันปีก่อนจักรพรรดินำอาณาจักรเข้าสู่สงครามกับชนเผ่าต่างเผ่าพันธุ์ จนในที่สุดก็ขับไล่พวกเขาไปยังสุดพรมแดนของโลก

การต่อสู้ที่กินเวลานานนับพันปีทำให้กลุ่มต่าง ๆ ทุกประเภทมารวมตัวกัน มีชนเผ่าต่างชาติมากมายที่เลือกอาศัยอยู่ในอาณาจักรมนุษย์ซึ่งมนุษย์ก็ไม่ได้ตามล่าพวกมันเช่นกันทั้งสองฝ่ายต่างประนีประนอมกับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

ซูอันให้ความสนใจกับโลกภายนอกตลอดทาง และเขาสังเกตเห็นว่าอัตราส่วนของชนเผ่าต่างดินแดนในหมู่ประชากรยังคงต่ำมาก ซึ่งใกล้เคียงกับความน่าจะเป็นที่จะพบเห็นชาวต่างชาติในบ้านเกิดของเขาในชีวิตก่อนหน้านี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเผ่ามนุษย์เป็นเผ่าที่โดดเด่นในโลกใบนี้

‘ถึงแม้ว่าพวกสาวหูแมวหรือพวกมนุษย์หมาป่าสาว จะดูดีอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่สเป็กข้าสักเท่าไหร่แหะ ว่าแต่แถวนี้มีสาวจิ้งจอกบ้างรึเปล่าหว่า? อยากเห็นจริง ๆ ว่าพวกนางจะเซ็กซี่เหมือนในนิยายหรือในการ์ตูนแบบในโลกของเราบ้างไหมนะ? ’

‘จริงสิ! ที่นี่มีพวกเอลฟ์อยู่บ้างไหมนะ! เอลฟ์เป็นเผ่าที่ข้าชอบที่สุดเลยในหนัง อ้อ ใช่พวกนางเงือกก็สุดยอดเช่นกัน ว่าแต่ในโลกนี้พวกนางเงือกมีขาเหมือนคนหรือมีหางเป็นปลากัน?

อา…แต่ยุคแบบนี้มันต้องมีมังกรอยู่ด้วยแน่ ๆ จริงไหม? แล้วถ้าพวกสาวมังกรสนใจข้าขึ้นมา ข้าต้องทำไงดีหว่า ตัวข้าเล็กแค่นี้ข้าจะถูกพวกนางทับตายก่อนได้สุขสมรึเปล่าเนี่ย?

แต่แล้วเมื่อนึกถึงเรื่องสุขสมและเมื่อคิดถึงสภาพร่างกายในปัจจุบัน ใบหน้าที่ตื่นเต้นของซูอันก็พังทลายลงกลายเป็นสิ้นหวัง “เฮ้อ บ้าเอ๊ยตอนนี้ไอ้นั่นยังใช้ไม่ได้อยู่เลยข้าจะเอาเวลาไปคิดเรื่องแบบนี้ให้มันหดหู่เปล่า ๆ ไปทำไม?”

จู่ ๆ ซูอันก็รู้สึกว่ามีคนมาแตะไหล่เขา เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “น้องซู เจ้ากำลังจะไปไหน?”

เมื่อชายหนุ่มหันกลับไปมองก็เห็นชายชุดดำยืนยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง ชายคนนี้มีไฝสีดำที่กรามล่างของเขา ซึ่งมันเด้งขึ้น ๆ ลง ๆ ขณะพูด นอกจากนี้ยังมีรอยสักที่เด่นชัดบนคอของเขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นอักษรที่หมายความหมายว่า ‘สิบสอง’

ซูอันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีเมื่อถูกชายผู้นี้เดินเข้ามาทัก เพราะเอาแค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ชายคนนี้ดูไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย! เขามีโหงวเฮ้งตามแบบฉบับวายร้ายในหนังเป๊ะ ๆ เลย

นี้่ข้าทำเวรทำกรรมอะไรมาบ้างเนี่ยทำไมปัญหาต่าง ๆ มันถึงได้มารุมเร้าข้าไม่รู้จักหยุดหย่อนขนาดนี้!

เมื่อเห็นว่า ซูอันไม่ตอบสนองต่อเขา ประกายแสงเยือกเย็นฉายชัดผ่านดวงตาของเขา แต่เพียงไม่นานเขาก็รีบซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรงั้นเหรอน้องซูมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? หรือว่าเจ้าจำข้าไม่ได้? ข้าเองไง ดอกบ๊วยสิบสอง! พวกเราเคยร่ำสุราแถมยังเคยเล่นลูกเต๋าด้วยกันไงท่านจะได้ไหม!”

ดอกบ๊วยสิบสอง? คนบ้าอะไรมีชื่อแปลก ๆ แบบนี้กัน?

ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เอ่อ…เป็นไปได้ไหมที่เจ้ามีน้องสาวชื่อว่า ดอกบ๊วยสิบสาม?”

“น้องสาว? ” ดอกบ๊วยสิบสอง ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ “ถ้าน้องชายคนที่สิบสามของข้าได้ยินท่านเรียกเขาแบบนี้ ข้ารับประกันได้ว่าดั้งของท่านหักแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ฮะ? มีดอกบ๊วยสิบสามจริงดิ?

คำใบ้ของความคาดหวังเกิดขึ้นในใจของซูอัน “ถ้างั้นเจ้ารู้จักช่างทำผมที่ชื่ออู่ลิ่วชี ไหม?”

“อู่ลิ่วชี? ช่างออกแบบทรงผม? ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาก่อน เขาเป็นใครงั้นเหรอ?” ดอกบ๊วยสิบสองสับสน

ซูอันส่ายหัว “ข้าไม่รู้จักเขา”

ดอกบ๊วยสิบสองแสดงสีหน้างุนงงมากกว่าเดิมพร้อมกับสบถในใจ ‘ทั้ง ๆ ที่เจ้าเองก็ไม่รู้จักไอ้คนที่ชื่อ อู่ลิ่วชีแล้วเจ้าดันมาถามถึงทำบ้าอะไรกัน? ’

———————————————————————————————

ท่านยั่วยุ ดอกบ๊วยสิบสอง

สำเร็จได้รับคะแนนความโกรธแค้น +10 !

———————————————————————————————

ซูอันมองไปที่ ชายหนุ่มชื่อแปลกคนนี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ แค่นี้ก็โกรธงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนใจแคบไม่น้อยเลยสินะ!

“เอาล่ะไหน ๆ พวกเราก็ได้มาเจอกันแล้ว ท่านไปร่ำสุรากับข้าในที่เงียบ ๆ หน่อยเป็นไง ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านหลายเรื่องเลยเชียวล่ะ ว่าแต่ตอนนี้ท่านดูมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะเนี่ย” ดอกบ๊วยสิบสอง คว้าไหล่ของซูอันและเริ่มบีบมันเล็กน้อย

ไอ้เวรนี่มันคิดจะล่อลวงข้างั้นเหรอ? ซูอันคิดขึ้นพร้อมกับปัดมือของดอกบ๊วยสิบสองออกและพูดว่า “คงเป็นเพราะอาหารดี ๆ ที่ข้ากินในจวนอ๋องล่ะมั้ง”

ซูอันจงใจเอ่ยชื่อตระกูลฉู่ โดยหวังว่าดอกบ๊วยสิบสองจะถอยกลับ ตอนนี้เขามีธุระต้องจัดการดังนั้นเขาจึงไม่อยากก่อเรื่องยุ่งยากใด ๆ โดยไม่จำเป็น

นี่เจ้ากำลังหลอกข้างั้นเหรอ? ไม่ว่าในจวนอ๋องจะให้เจ้ากินอะไร ไม่มีทางที่เจ้าจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงสองวันหรอกนะ ดอกบ๊วยสิบสองคิดในใจ

แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะจินตนาการได้ว่าซูอันจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะในชั่วข้ามคืน

“ท่านกำลังจะไปไหนงั้นเหรอ?” ดอกบ๊วยสิบสองถามขึ้น

“อา…ข้ากำลังจะเดินทางออกไปนอกเมืองเพื่อทำธุระ” ซูอันตอบอย่างคลุมเครือ

ดวงตาของดอกบ๊วยสิบสองเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ! ข้าเองก็จะไปนอกเมืองด้วยเหมือนกัน!”

ซูอันมองดูดอกบ๊วยสิบสองด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออกและถามกลับว่า “งั้นเหรอ? งั้นข้าขอทราบหน่อยได้ไหมว่าท่านกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด?”

ดวงตาของดอกบ๊วยสิบสองกลอกไปมาคิดหาคำตอบอยู่สักพัก ท้ายที่สุดเขาถามกลับ “ว่าแต่น้องซูล่ะจะไปที่ไหน?”

“ข้ากำลังจะไปที่ หุบเขาหมาป่า” ซูอันตอบอย่างตรงไปตรงมา

“โอ้บังเอิญจริง ๆ ข้าเองก็กำลังจะไปที่นั่นเหมือนกัน!” ดอกบ๊วยสิบสองตอบกลับด้วยสีหน้ายินดีแต่ภายในใจของเขากลับคิดว่า ‘ไอ้นี่มันช่างโง่เหมือนเดิมจริง ๆ มันตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนเลยสักนิด เสร็จข้าล่ะ!’

เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมไอ้นี่มันถึงจะไปที่ หุบเขาหมาป่า?

เอาเถอะช่างมัน จะต้องไปสนใจทำไมว่ามันจะไปที่ไหน? อันที่จริงมันเป็นเรื่องดีซะอีกเพราะหุบเขาหมาป่า เป็นสถานที่ที่ดีด้วยซ้ำในการใช้กำจัดไอ้โง่นี่!

ข้าสามารถทำลายหลักฐานได้โดยการโยนมันเข้าไปในฝูงหมาป่าซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนั้นแม้แต่ตระกูลฉู่ก็ไม่สามารถรู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนฆ่ามัน!

เขาล้มเหลวในภารกิจครั้งก่อน เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่ได้แม้จะถูกฟ้าผ่า ซึ่งผลลัพธ์จากความล้มเหลวรอบที่แล้วมันทำให้เขาต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงจากเจ้าสำนักของเขา

รอบนี้เจ้าหนีไม่พ้นความตายที่ข้าหยิบยื่นให้แน่นอน!!