บทที่ 29 ดอกบ๊วยสิบสอง (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 29 ดอกบ๊วยสิบสอง (ต้น)

“เพราะพวกมันดุร้ายเป็นพิเศษ?” ซูอันพยายามเดา

เฉิงโซวผิง ส่ายหัวและตอบว่า “เรื่องดุร้ายมันแน่นอนอยู่แล้วนายน้อย แต่สาเหตุที่ทำให้พวกมันได้รับชื่อนี้ เป็นเพราะพวกมักจะเล็งโจมตีแต่บริเวณก้นของเหยื่อก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อไหร่ที่พวกมันฝังเขี้ยวอันแหลมคมลงไปที่ก้นของเหยื่อได้แล้ว พวกมันจะกัดจนจมเขี้ยวและจะไม่มีทางปล่อย จากนั้นพวกมันจะใช้กรงเล็บอันแหลมคมฉีกกระชากทวารออกเป็นแผลกว้างเพื่อดึงอวัยวะภายในทุกอย่างของเหยื่อออกมาทั้งหมด ซึ่งในบางครั้งลำไส้หรืออวัยวะภายในต่าง ๆ ก็โดนกระซวกออกไปก่อนที่เหยื่อจะรู้ตัวด้วยซ้ำ”

“เฮ้ยไอ้เด็กบ้า! ข้าไม่ว่าอะไรหากเจ้าจะลงรายละเอียดเยอะ แต่เจ้าไม่จำเป้นต้องวิ่งรอบ ๆ ตัวข้าชี้ก้นชี้พุงข้าเป็นภาพประกอบให้ข้าเห็นก็ได้!” ซูอันบ่นอย่างหงุดหงิดในขณะที่เขาเอามือปิดก้นตัวเองอย่างระแวง เขารู้สึกอยากจะเตะก้านคอเฉิงโซวผิงสักทีสองที

เฉิงโซวผิงหัวเราะชอบใจก่อนตอบไปว่า “ก็ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยก้นขาว ๆ ของท่านนี่นา มันมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่ก้นของท่านจะกลายเป็นเหยื่อของหมาป่าเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น หมาป่ากระซวกทวาร มีความพยาบาทอย่างไม่น่าเชื่อและพวกมันชอบที่จะรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ ๆ แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับสูงก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่เลือกที่จะเดินทางอ้อมฝูงของหมาป่ากระซวกทวาร ไป!”

ซูอันรู้สึกเย็นยะเยือกบริเวณด้านหลัง เขาโวยวายอย่างรวดเร็ว “นี่เจ้าคิดว่าข้าจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องน่าขนลุกแบบนี้งั้นเหรอ?”

เฉิงโซวผิงมองซูอันอย่างด้วยสายตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเมื่อเขานึกถึงข่าวลือเรื่องความไม่เอาถ่านของซูอัน เฉิงโซวผิงก็สบายใจขึ้นและพูดว่า “ข้าคงกังวลมากไปเองจริง ๆ นั่นแหละ”

ซูอันคิ้วกระตุกเพราะเขาเห็นได้อย่างชัดเจนถึงแววตาเยาะเย้ยของ เฉิงโซวผิงแต่เขาเลือกที่จะปล่อยผ่านไปก่อนและพูดว่า “เจ้ากลับไปที่คฤหาสน์ซะ จำไว้ว่าอย่าบอกใครว่าข้ามาที่นี่”

เฉิงโซวผิงไม่ต้องการอยู่ที่นี่หลังจากได้ยินว่าแม่นางจี้ไม่อยู่ เขาอยากจะกลับไปที่ตระกูลฉู่และดูว่าพี่เสวี่ยเอ๋อร์กลับมาหรือยัง! ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็นทุบหน้าอกตัวเองและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนายน้อย ท่านคงลืมว่าข้าชื่ออะไร ปากของข้าถูกปิดผนึกแน่นสนิทหมือนจุกบนขวด!”

ซูอันมองไปที่ เฉิงโซวผิงด้วยสายตาเหนื่อยใจเพราะเขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือได้มากสักเท่าไหร่

หลังจากส่ง เฉิงโซวผิงออกไปแล้ว ซูอันก็คว้าผ้าผืนหนึ่งมาปิดใบหน้าของเขาก่อนที่จะแหวกฝูงชน ให้พ้นทางเพื่อเดินไปหา หมอเทวะจี้ ซึ่งกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนหาวอยู่บนเก้าอี้แล้วถามว่า “ท่านรักษาโรคได้ทุกอย่างจริง ๆ ใช่ไหม?”

ซูอันต้องถามให้แน่ใจเสียก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเขาเสี่ยงทำภารกิจอันตรายนี้ได้สำเร็จแต่ตอนผลสุดท้ายความเจ็บป่วยของเขากลับไม่สามารถรักษาได้เหมือนเดิม ทุกอย่างมันก็เสียเปล่า!

“นอกจากโรคยากจน ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ข้ารักษาไม่ได้!” หมอเทวะจี้ ตอบกลับโดยยังเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจไม่สนใจที่จะลืมตามามองเขาเลยแม้แต่น้อย

“แล้วถ้าข้าทำภารกิจสำเร็จแต่ท่านรักษาโรคของข้าไม่ได้ล่ะ?” ซูอันยังคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

หมอเทวะจี้ ลืมตาและมองประเมินเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นในที่สุดดวงตาของเขาก็ตกลงมาระหว่างต้นขาของซูอันและเขากล่าวว่า “ปัญหาของเจ้ามันก็แค่ไอ้เรื่องตรงเป้าในกางเกงไม่ใช่เหรอไง ทำไมถึงคิดว่าโรคของเจ้ามันรักษายากถึงขนาดที่ข้ารักษาไม่ได้?”

คำตอบที่ได้รับทำให้ซูอันรู้สึกเบิกบานขึ้นมาทันที เพราะอีกฝ่ายสามารถรู้ปัญหาของเขาได้อย่างรวดเร็วโดยแค่เพียงการมอง ดูเหมือนว่าโรคของเขาจะสามารถรักษาให้หายขาดได้!

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นแววตาแปลกประหลาดที่คนรอบ ๆ ตัวมองมาที่เขาหลังจากได้ยินว่าเขามีปัญหาที่อวัยวะในเป้ากางเกง พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้สึกสงสารก็ดูถูกเขา

“จุ๊ จุ๊… ยังอยู่ในวัยหนุ่มแท้ ๆ แต่กลายเป็นคนไร้สมรรถภาพซะแล้ว ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มทุกวันนี้จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ สินะ!”

“ลูกแม่ เจ้าต้องดูเอาไว้เป็นบทเรียนนะ! ถ้าเจ้าไม่หมั่นออกกำลังกายบ่อย ๆ ตั้งแต่เด็ก โตขึ้นไปเจ้าอาจจะต้องทุกข์ทรมานแบบพี่ชายคนนี้ก็ได้!”

“เอ๊? เขาเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างนั้นเหรอ? เห้ย นี่ข้าจะติดเชื้อจากการยืนใกล้เขาหรือเปล่าเนี่ย!?”

ซูอันไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคสุดท้ายสุดท้าย ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำถามที่เขาเห็นบนอินเทอร์เน็ตในชีวิตก่อนหน้านี้ว่า ถ้ามีคนเข้ามาในห้องน้ำในขณะที่คุณกำลังถ่ายรูปวาบหวิวของตัวเองลงโซเชียล คุณควรเอามือปิดที่ไหนก่อน? ไม่ต้องคิดเลยว่าคำตอบคือใบหน้า!

ซูอันดีใจที่เขาปิดหน้าของเขาเป็นไอ้โม่งไว้ ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของเขาคงป่นปี้มากไปกว่าเดิมแน่ ๆ

แต่เขาก็นึกโกรธหมอเทวะจี้อยู่ไม่น้อย นี่ไอ้หมอคนนี้มันไม่เคยได้ยินเรื่องการรักษาความลับของผู้ป่วยหรือไงกัน? เขาตะโกนเรื่องส่วนตัวของคนไข้อออกมาแบบนี้ได้ยังไง!

“ได้ ข้าจะยอมรับภารกิจนี้ ว่าแต่ข้าจะหาไอ้พวกหมาป่ากระซวกทวาร ได้ที่ไหน?” เนื่องจากไม่มีใครเห็นใบหน้าของเขา เขาจึงอาจใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์

“เจ้าจะไปทำภารกิจของข้า? ” หมอเทวะจี้ มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่ายหัว “อย่างเจ้าไม่ไหวหรอก อย่าไปหาเรื่องทำให้ก้นของตัวเองถูกกระซวกเลยไอ้หนุ่ม!”

“ท่านไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องก้นของข้า ข้าคงไม่ยอมรับงานนี้ถ้าข้าไม่มั่นใจ” ซูอันตอบ เขากำลังวางแผนที่จะดูก่อน และถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ เขาก็จะถอยออกมาและลองวาดภาพโป๊เปลือยดู

“ในเมื่อเจ้าอยากรนหาที่ตายนักงั้นข้าไม่ห้ามเจ้าก็ได้ นอกเมืองมีหุบเขาหนึ่งที่ถูกเรียกเรียบหุบเขาหมาป่า ที่นั่นแหละเป็นที่ ๆ เจ้าต้องไป” หมอเทวะจี้กลอกตาใส่เขาก่อนที่จะกลับไปงีบหลับตามเดิม

ก่อนที่ซูอันจะออกเดินทาง ชายในฝูงชนพยายามห้ามปรามเขา “เจ้าหนุ่มอย่าเอาชีวิตไปทิ้งเลย!”

อย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านั้นถูกปฏิเสธโดยชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาทันที “ข้าเห็นด้วยกับเขา! ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายเหมือนกันข้าเข้าใจไอ้หนุ่มนี่เพราะถ้าเป็นข้า ข้าก็คงใช้ชีวิตอยู่ต่อไม่ได้เหมือนกันถ้าของสงวนของข้ามันมีปัญหา!”

ซูอันรีบวิ่งออกจากตรงนั้นด้วยความอับอาย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาเดินออกไปไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ก็มีขวดเซรามิกถูกโยนใส่มือของเขา

ฮะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ในขณะที่เขายังคงประหลาดใจกับวัตถุที่ปรากฏอยู่ในมือของเขาอย่างน่าอัศจรรย์ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของเขา “ยาฟื้นฟูนี้มันอาจจะช่วยชีวิตเจ้าได้ หุบเขาหมาป่านั้นอันตรายมาก ดังนั้นจงวิ่งหนีซะหากมองไม่เห็นทางจะสู้ต่อ”

ซูอันรู้ได้ว่านี่เป็นเสียงของหมอเทวะจี้ แต่เมื่อเขาหันกลับมามองก็เห็นว่าผู้พูดกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โยกเหมือนเดิมอย่างเงียบ ๆ ซึ่งฝูงชนรอบ ๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่เลย บรรดาฝูงชนยังคงอ้อนวอนต่อไปอย่างมีความหวัง

ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา ปรากฎว่าหมอเทวะจี้ เป็นคนที่ปากร้ายแต่ใจดีอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ จะมีหมอในโลกที่ไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์ได้อย่างไร?

ในทางกลับกัน ซูอันไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วหมอเทวะจี้กำลังเยาะเย้ยเขาอยู่ในใจอย่างเย็นชา

‘ข้าเห็นนะว่าเมื่อครู่เจ้าเอาชื่อลูกสาวของข้าไปละเลง! เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าให้ลอยนวลไปง่าย ๆ งั้นเหรอ? ที่ข้าให้ยาหนึ่งขวดแก่เจ้าเพื่อให้เจ้ารู้สึกปลอดภัยเพื่อที่เจ้าจะได้ดำดิ่งลึกเข้าไปในหุบเขาหมาป่า ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าไม่รอดแน่ไอ้หนุ่ม!’

คำพูดและการกระทำก่อนหน้านี้ของ ซูอันไม่ได้เล็ดรอดจากดวงตาที่เฉียบคมและหูที่ไวของหมอเทวะจี้แม้แต่น้อย

ชายหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยเดินออกจากเมืองอย่างร่าเริง ครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ก็คืออยู่บนรถม้าของฉู่ชูเหยียน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้ดีเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองไปรอบ ๆ โลกใบใหม่นี้อย่างแท้จริง

บรรยากาศของถนนและอาคารรอบ ๆ นั้นคล้ายกับละครประวัติศาสตร์ในโลกก่อนของเขาเล็กน้อย แม้ว่าการแต่งกายของผู้คนจะแตกต่างกัน

การแต่งกายตามปกติในจีนโบราณเป็นแบบอนุรักษ์นิยม โดยปกปิดผิวหนังให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมของโลกนี้แตกต่างกันเล็กน้อย อันที่จริง เขาเคยเห็นผู้หญิงสองสามคนที่โชว์ต้นขาเรียบเนียน ของพวกเธอขณะเดินไปมา

แม้ว่าพวกเธอจะสวมกระโปรงแต่ก็ไม่ได้เขินอายที่จะอวดรูปร่างของตัวเอง ผู้ชายที่อยู่รอบตัวพวกเธอก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับกับเรื่องนี้เช่นกัน