บทที่ 28 ภารกิจ (ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 28 ภารกิจ (ปลาย)

หมอเทวะจี้จิบเหล้าจากขวดน้ำเต้าที่เขาถืออยู่ โดยไม่สนใจที่จะมองตาเหล่าคนที่กำลังอ้อนวอน จากนั้นเขากล่าวว่า “ข้าจี้เติ้งถูสามารถรักษาโรคได้หลายร้อยโรค แต่ความเจ็บป่วยที่เจ้าเป็นอยู่นอกเหนือความสามารถของข้า”

ชายคนหนึ่งท่ามกลางกลุ่มคนที่ยังคงยืนอยู่แสดงสีหน้าประหลาดใจทันที “ท่านหมอเทวะข้ายังไม่ได้เล่าอาการให้ท่านฟังเลย ท่านรู้ได้ยังไงว่าโรคของข้ารักษาไม่ได้?”

ในที่สุดหมอเทวะจี้ก็เงยหน้าขึ้นมองชายผู้นั้นและพูดว่า “นั่นเป็นเพราะความเจ็บป่วยที่เจ้ากำลังเผชิญอย่างทุกข์ทรมานอยู่ก็คือความยากจน! ข้าจะรักษาเจ้าได้ยังไง?”

“ท่านไม่มีจรรยาบรรณหมอเลย! ท่านทำตัวแบบนี้ยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าหมอเทวะได้ยังไง!?” สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความเดือดจัด เมื่อพูดจบเขาหันหลังกลับและจากไปในทันที

ถึงแม้ว่าจะโดนดูหมิ่นเช่นนั้นหมอเทวะจี้ก็ยังคงเอนหลังอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านพร้อมกับฮัมเพลงราวกับคำดูหมิ่นเขาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ลอยผ่านไป

จากนั้นต่อมาชายผู้หนึ่งที่มีสีหน้าร่าเริงก้าวมาข้างหน้าและยัดหนังสือภาพที่เต็มไปด้วยภาพบุคคลสีสันสดใสลงในมือของจี้เติ้งถู “หมอเทวะจี้ นี่ข้าเพิ่งได้มาเลยนะ สวรรค์บนดินเล่มล่าสุดเนี่ย”

หมอเทวะจี้นั่งตัวตรงทันที เขาหยิบภาพขึ้นมาแล้วพลิกดูอย่างรวดเร็ว ซูอันซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ สามารถมองเห็นได้เลยว่าหนังสือภาพนั้นมันคือหนังสือภาพวาดแนวปลุกใจเสือป่า!

“ไม่เลว ไม่เลว!” หมอเทวะจี้ยัดหนังสือภาพลงในเสื้อของเขาก่อนที่จะตบไหล่ของอีกฝ่ายด้วยท่าทางพึงพอใจ “เจ้าเข้าไปรอข้างใน เดี๋ยวข้าจะดูอาการให้!”

บ้าเอ๊ยแบบนี้ก็ได้งั้นเหรอ!?

ซูอันตะลึงงัน

ต่อมามีชายหลายคนพุ่งเข้าไปหาหมอเทวะจี้พร้อมกับหนังสือหลายเล่มในมือ ซึ่งแน่นอนว่าแนวภาพวาดในแต่ละเล่มมันไม่ต่างอะไรจากเล่มเมื่อครู่เลยและก็เช่นเดิมหมอเทวะจี้ก็อนุญาตให้คนทั้งหลายที่มีหนังสือภาพเข้าไปรอในบ้านของเขาอีกเช่นกัน

“ทำไมพวกนั้นถึงเข้าไปได้?” หลายคนที่ไม่เห็นว่ากลุ่มคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยื่นอะไรให้กับหมอเทวะจี้บ่นกันอย่างไม่พอใจ

หมอเทวะจี้ตอบกลับด้วยใบหน้าเคร่งขรึมทันที “มันไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า! ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะเข้าไปด้วยก็จ่ายมา 100 ตำลึงเงิน หรือไม่ก็ไปเอาของที่ข้าต้องการมา!”

“แต่ภารกิจหาของที่ท่านต้องการมันเป็นเรื่องยากสำหรับเรา!” ใครบางคนบ่นขึ้น

ตอนนั้นเองที่ซูอันสังเกตเห็นป้ายข้างประตูที่มีข้อความเขียนไว้

ภารกิจของวันนี้ : ข้าหมอเทวะจี้ต้องการปรุงโอสถปรับสมดุลพลังชี่

ผู้ใดนำ โก๋วเป่า 10 ชิ้นจากหมาป่ากระซวกทวารมาให้ข้าได้

ข้าจะให้คำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย!

ซูอันเคยได้ยิน โก๋วเป่ามาก่อนเมื่อตอนที่เขายังอยู่ที่โลกเดิม มันเป็นวัตถุคล้ายหินที่งอกขึ้นในท้องของสุนัข โดยทั่วไปแล้วจะมีรูปร่างเป็นทรงกลมหรือเป็นวงรี และมีสีขาวอมเทาหรือดำอมเทา หลายคนเชื่อกันว่ามันมีสรรพคุณทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นมันสามารถขจัดสิ่งอุดตันต่าง ๆ รวมไปถึงล้างพิษได้

ว่าแต่หมาป่ากระซวกทวารมันคือตัวบ้าอะไร? ทำไมชื่อมันประหลาดแบบนี้ หมาป่าพันธุ์นี้มันคงมีแต่ในโลกนี้อย่างเดียวถูกต้องไหม? มันน่าจะเป็นหมาป่าที่กลายพันธุ์จากหมาป่าธรรมดาใช่รึเปล่า?

เมื่อได้ยินคำบ่นมาก ๆ เข้า หมอเทวะจี้มองไปที่ผู้คนที่กำลังบ่นด้วยสีหน้ารำคาญจากนั้นเขาตะคอกกลับว่า “พวกเจ้าเห็นว่าข้าโง่งั้นเหรอ? ถ้ามันง่ายข้าจะใช้ให้คนอื่นไปทำแทนข้าทำบ้าอะไร?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฝูงชนก็ยิ่งบ่นมากขึ้นกว่าเดิม

“แต่หมาป่ากระซวกทวารทุกตัวอย่างน้อยก็อยู่ในระดับ 2 และตัวจ่าฝูงก็อาจจะอยู่ในระดับ 3 ด้วยซ้ำ!”

“พวกมันมักจะรวมตัวกันเป็นฝูงซึ่งแต่ละฝูงก็มีไม่ต่ำกว่า 20 ตัวไปจนถึง 100 ตัว! คนธรรมดาที่ไหนจะทำภารกิจของท่านได้สำเร็จกันท่านจะบ้ารึไง!?”

“ยิ่งไปกว่านั้น โก๋วเป่าก็สุดแสนโคตรจะหายาก! อย่างโชคดีที่สุดก็คงต้องฆ่าหมาป่ากระซวกทวารสัก 10 ตัวถึงจะได้เจอกับโก๋วเป่าอยู่สักชิ้น!”

“หุบปาก! ไปได้แล้วไอ้พวกไม่เอาถ่าน!” หมอเทวะจี้ตวาดไปที่ฝูงชน

“มันไม่ใช่ว่าหมาป่ากระซวกทวาร มันเก่งเกินไปแต่มันเป็นพวกเจ้าทุกคนต่างหากที่อ่อนแอที่กระจอก! ถ้าพวกเจ้าคนใดมีระดับการบ่มเพาะถึงระดับ 4 พวกเจ้าจะไม่บ่นอะไรแบบนี้ออกมาเลยแม้แต่ครึ่งคำ!”

เส้นเลือดปูดขึ้นมาจากขมับของฝูงชนขณะที่พวกเขาตะโกน “ผู้บ่มเพาะคนใดที่ไปถึงระดับ 4 ก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าเมืองแล้ว! ท่านเอาเราไปเปรียบกับคนประเภทนั้นได้ยังไงและถ้าหากพวกเราเป็นเจ้าเมืองป่านนี้พวกเราคงมีปัญญาจ่ายเงินให้ท่านไปแล้ว!”

ซูอันยืนมองอย่างเงียบ ๆ จากด้านข้าง ฟังจากคำพูดที่โกรธเคืองของฝูงชน เขาตระหนักได้ว่าผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในระดับ 2 ส่วนระดับ 3 น่าจะหาได้ยากพอสมควรดังนั้นหากใช้มาตรฐานนี้มาวัด มันก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้นับได้ว่าพอไปวัดไปวาได้เหมือนกันจริงไหม?

“โอยยยย หยุดเห่ากันได้แล้ว เอาของที่ข้าต้องการมาให้ได้ไม่อย่างนั้นก็กลับไปให้แม่เจ้าที่บ้านรักษาให้ซะ! ข้าไม่ได้บังคับให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งมาที่นี่!” หมอเทวะจี้หมดความอดทน

“ใครที่คิดว่าทำไม่ได้ก็นู่นเลยไปไกล ๆ หน้าบ้านข้าอย่ามาขวางธุรกิจของข้าไป ชิ่ว ชิ่ว ไป! ไป!”

ซูอัน สะกิดแขนของเฉิงโซวผิงและถามว่า “ไอ้หมอนี่ปากหมาขนาดนี้ เขาไม่กลัวโดนรุมประชาทัณฑ์หรือไง?”

เฉิงโซวผิงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขารีบยกนิ้วขึ้นบอกให้ซูอันเงียบ ก่อนจะดึงเขาออกมาให้ไกลอย่างรวดเร็ว “นายน้อย หมอเทวะจี้ไม่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะ เขามีพลังที่กล้าแกร่งเป็นอย่างมาก อันที่จริงก่อนหน้านี้มีผู้คนมากมายพยายามบังคับเขาให้รักษาอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วท่านท่านรู้หรือไม่ ว่าเกิดขึ้นอะไรขึ้นกับพวกคนเหล่านั้นบ้าง?”

“โดนไล่ออกมาเหรอ?” ซูอันถามกลับ

เฉิงโซวผิง มองที่ซูอันแล้วแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ‘ท่านนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย’ จากนั้นเขาตอบว่า “ตอนนี้พวกเขาทุกคนกำลังนอนสบายอยู่ในหลุมฝังศพ!”

“โอ้ นี่เขาโหดเหี้ยมขนาดนั้นเลย?” ซูอัน ลูบกรามของเขาด้วยความประหลาดใจ “ว่าแต่เขาฆ่าคนแล้วกฎหมายบ้านเมืองใช้กับเขาไม่ได้เหรอ?”

เฉิงโซวผิง อธิบายว่า “โธ่ นายนายน้อยกฎหมายบ้านเมืองจะทำอะไรกับเขาได้ มีผู้เชี่ยวชาญรวมไปถึงขุนนางมากมายนับไม่ถ้วนที่เป็นหนี้ชีวิตเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่เจ้าเมืองยังต้องแสดงความเคารพต่อหน้าเขาดังนั้นไม่ว่าเขาจะก่อคดีไปสักกี่คดี หากมันไม่ใช่คดีที่ทำให้บ้านเมืองพังพินาศ ทุกคดีมันก็จะจบลงโดยไม่มีการลงโทษใด ๆ เลย”

ซูอัน ยังคงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้เช่นนี้ “พวกเราไม่มีทางหาของที่เขาต้องการได้จริง ๆ เหรอ?”

“มันก็คงเป็นแบบนั้น” เฉิงโซวผิง ถอนหายใจ “อันที่จริงทุกภารกิจที่หมอเทวะจี้คิดขึ้นหากไม่ใช่ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับ 4 มันก็คงไม่มีทางทำภารกิจของเขาได้สำเร็จแน่ ซึ่งการที่เขาคิดแต่ภารกิจยาก ๆ แบบนี้ขึ้นนั้นก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีคนจำนวนมากบ่นเรื่องค่ารักษาของเขาที่แพงจนไม่มีทางที่คนธรรมดาจะจ่ายไหว ดังนั้นหมอเทวะจี้จึงคิดภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เหล่านี้เพื่ออุดปากพวกขี้บ่นทั้งหลาย”

“ไม่แปลกใจเลย!” ซูอันพยักหน้ารับรู้ แพทย์ขี้เมาผู้นี้ได้ตั้งภารกิจเหล่านั้นด้วยความตั้งใจที่จะให้เหล่าคนธรรมดาไม่สามารถทำได้สำเร็จตั้งแต่แรก!

เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ! จู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของซูอัน จากนั้นเขาก็จ้องเขม็งมองไปที่เฉิงโซวผิงทันที

ไอ้เด็กบ้า! เจ้ารู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ แต่เจ้าก็ไม่บอกล่วงหน้าก่อนที่จะพาข้ามาที่นี่ นี่เจ้าหลอกให้ข้าพาเจ้ามาที่เพื่อให้เจ้าได้มาเห็นหน้าแม่นางจี้อะไรนั่นใช่ไหม!?

สีหน้าของซูอันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นมืดหม่นจากนั้นเขาพูดกับเฉิงโซวผิงว่า “เจ้ากลับไปที่คฤหาสน์ก่อน ต่อจากนี้ข้าจะหาทางด้วยตัวข้าเอง!”

ความสุขของเขาถูกเดิมพันกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจะต้องลองดูไม่ว่าจะยากแค่ไหน! เขามีมีดพิษและยาพิษอยู่แล้ว หากเขาเพิ่มความระมัดระวังสักหน่อยอาจจะสามารถทำภารกิจหินนั่นให้สำเร็จได้

แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาต้องไม่ให้ตระกูลฉู่รับรู้ ตระกูลฉู่คิดว่าเขาเป็นเพียงขยะแถมมีศัตรูมากมายซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดคอยจังหวะที่จะปลิดชีพเขา หากพวกมันรู้ว่าเขาสามารถยกระดับการบ่มเพาะของเขาไปสู่ระดับ 2ได้ ย่อมไม่เป็นผลดีกับเขาแน่นอน

การมองโลกในแง่ร้ายและทำตัวไม่เป็นจุดเด่นเป็นกุญแจของความอยู่รอด!

เฉิงโซวผิงประหลาดใจ “นายน้อย ท่านคงไม่คิดจะทำภารกิจนี้ใช่ไหม?”

ซูอัน ขมวดคิ้วทันทีสงสัยว่าเขาแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไปงั้นเหรอ?

แต่ก่อนที่เขาจะสามารถหาข้อแก้ตัว เฉิงโซวผิงก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า “นายน้อยท่านรู้ไหมว่าทำไมหมาป่าเหล่านั้นถึงถูกเรียกว่า หมาป่ากระซวกทวาร ?”