ตอนที่ 27 ลับลมคมใน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

เช้าวันต่อมา หลังจากไป๋ชิงเหยียนรับประทานอาหารเช้าเสร็จ สาวใช้เข้ามารายงานว่าครอบครัวของสาวใช้ทั้งห้าคนคุกเข่าอยู่ที่หน้าจวนขอร้องให้ไป๋จิ่นซิ่วช่วยถามแม่สามีของนางว่า…ขายบุตรสาวของพวกตนไปที่ใด

พวกเขาได้ยินว่าคุณหนูรองจิตใจเมตตา อนุญาตให้ครอบครัวของหมิงอวี้ไถ่ตัวบ่าวผู้ทรยศนายอย่างนางกลับไปได้ บุตรสาวของพวกเขาซื่อสัตย์ภักดี แม้รับใช้ไม่ดีจนถูกขาย อย่างน้อยขายกลับให้ครอบครัวก็ยังดี

ครอบครัวยากจนทั่วไปล้วนไม่อยากส่งบุตรสาวไปที่หอนางโลม แต่ไม่มีทางเลือกจึงต้องส่งตัวพวกนางไปเป็นบ่าวรับใช้ตามจวนสูงศักดิ์ต่างๆ หวังแค่บุตรสาวมีข้าวกิน ไม่อดตายเท่านั้น

คนแต่ละรุ่นในจวนเจิ้นกั๋วกงล้วนมีจิตใจเมตตา บุตรสาวได้ติดตามเป็นสาวใช้ข้างกายของคุณหนูรองถือว่าโชคดียิ่งนัก หากถูกขายต่อ พวกเขากลัวว่าบุตรสาวจะมีจุดจบเช่นเดียวกับหมิงอวี้ที่โดนขายไปที่ซ่องโสเภณี ต้องทรมานเหมืนตายทั้งเป็น

หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องปากบ้วนน้ำลงในกระโถน จากนั้นกล่าวขึ้น “ชุนเถา เจ้าไปนำสัญญาทาสของสาวใช้ห้าคนนั่นมาจากคุณหนูรองแล้วนำไปให้พ่อบ้านเหา ให้พ่อบ้านส่งผู้ดูแลที่ฝีปากกล้าหน่อย นำสัญญาทาสของสาวใช้เหล่านั้นคืนให้แก่พ่อแม่ของพวกนาง บอกว่าหลังจากคุณหนูรองตกน้ำก็สลบไม่ได้สติตลอดเวลา ไม่รู้ว่าสาวใช้เหล่านั้นถูกขายไปที่ใด ตอนนี้จวนเจิ้นกั๋วกงกำลังสืบอยู่ว่าผู้ใดบังอาจกล้ารับซื้อตัวสาวใช้ที่ไม่มีสัญญาทาส หากหาตัวสาวใช้ทั้งห้าไม่เจอ เราจะไปแจ้งทางการ”

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารับคำเดินออกจากห้อง เร่งฝีเท้าวิ่งไปยังเรือนชิงจู๋ของไป๋จิ่นซิ่ว

พ่อบ้านเหาได้รับคำสั่งจึงรีบสั่งการให้ผู้ดูแลหลิวซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการจัดซื้อหาของนำสัญญาทาสไปที่หน้าจวน

ก่อนที่ผู้ดูแลหลิวจะจากไป พ่อบ้านเหาลูบเคราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น “เช้าวันนี้ข้าได้รับคำสั่งจากฮูหยินซื่อจื่อให้ส่งคนไปสืบหาเบาะแสของสาวใช้ติดตามทั้งห้าของคุณหนูรองจากพวกพ่อค้าทาสในเมืองหลวง ฮูหยินไม่ถามจากฮูหยินโหวแต่กลับส่งคนไปสืบหาเอง อีกทั้งท่านเขยก็สละตำแหน่งซื่อจื่อแล้ว! เห็นที…จวนของเรากับจวนจงหย่งโหวคงแตกหักกันแล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าไม่ต้องเกรงใจว่าจวนโหวเป็นดองกับจวนของเรา เจ้าแสดงให้ชัดเจนว่าคุณหนูรองของเราน่าสงสารแค่ไหนก็พอ”

“พ่อบ้านเหาวางใจได้!” ผู้ดูแลหลิวเข้าใจชัดแจ้ง

เมื่อผู้ดูแลหลิวเดินออกมานอกประตูจวนก็เห็นว่านอกจากครอบครัวของสาวใช้ทั้งห้าแล้ว ยังมีชาวบ้านห้อมล้อมสังเกตการณ์อยู่มากมาย เขารีบเข้าไปพยุงพ่อแม่ของสาวใช้ติดตามพวกนั้นให้ลุกขึ้น

ผู้ดูแลหลิวกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ทุกท่าน…ขออภัยจริงๆ คุณหนูรองของเราก็ประสบภัยเช่นกัน นางโดนทุบศีรษะผลักตกน้ำ โดนแบกกลับมาที่จวนไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย…หมอหลวงหลายท่านพยายามกันอย่างเต็มที่ถึงช่วยชีวิตคุณหนูรองไว้ได้! พอคุณหนูรองตื่นขึ้นมาแล้วทราบว่าสาวใช้ที่ติดตามท่านมาตั้งแต่เด็กโดนขายไปหมดก็ร้องไห้จนสลบไปอีกรอบ! ตื่นขึ้นมาอีกครั้งท่านก็ยังไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้เพราะสัญญาทาสของสาวใช้ติดตามเหล่านั้นยังอยู่ที่ท่าน ผู้ใดจะกล้ารับซื้อตัวบ่าวที่ไม่มีสัญญาทาสกัน! ดังนั้น…เช้าวันนี้ฮูหยินซื่อจื่อได้ส่งคนไปสืบข่าวจากพวกพ่อค้าทาสในเมืองหลวงแล้ว”

ผู้ดูแลหลิวกล่าวพลางหยิบสัญญาทาสออกมาจากหน้าอก ให้พ่อแม่ของสาวใช้ออกมารับไป

แจกสัญญาทาสเสร็จเขาจึงกล่าวขึ้น “คุณหนูรองคืนสัญญาทาสของสาวใช้เหล่านั้นให้แก่พวกท่าน พอลูกสาวของพวกท่านกลับมา หากอยากอยู่รับใช้คุณหนูรองต่อ คุณหนูรองก็จะเอ็นดูพวกนางเหมือนคนในครอบครัว ไม่รังแกพวกนาง หากไม่อยากอยู่ต่อ คุณหนูรองก็จะส่งพวกนางกลับบ้าน หากพวกนางออกเรือนคุณหนูรองจะมอบสินเดิมให้อย่างไม่น้อยหน้าเพื่อตอบแทนความสัมพันธ์นายบ่าว คุณหนูใหญ่รู้สึกขอบคุณลูกสาวของพวกท่าน…ที่ปกป้องคุณหนูรองจนโดนขาย คุณหนูใหญ่จึงส่งคนไปยกเลิกสถานะทาสของลูกสาวพวกท่านที่สำนักทะเบียนแล้ว พอลูกสาวของพวกท่านกลับมาก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนสาวชาวบ้านปกติ”

“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองช่างมีเมตตายิ่งนัก!”

พ่อแม่ของสาวใช้เหล่านั้นรีบก้มศีรษะแนบพื้นคำนับขอบคุณ

“แต่…ข้ากลัวว่าจะหาลูกสาวที่น่าสงสารไม่เจอ!”

ผู้ดูแลหลิวยกมือคาราวะ “พวกท่านวางใจเถิด อย่างไรเสียสาวใช้ติดตามพวกนั้นก็มาจากจวนเจิ้นกั๋วกง หากหาไม่เจอทางเราจะแจ้งทางการ!”

ชาวบ้านที่ห้อมล้อมอยู่ต่างพากันกล่าวสรรเสริญว่าตระกูลไป๋มีคุณธรรม

“จวนเจิ้นกั๋วกงซื่อสัตย์ต่อชาวบ้าน เมตตาต่อบ่าวรับใช้เพียงนี้ สาวใช้ติดตามทั้งห้าถูกขายเพราะคุณหนูรอง พวกเขาไม่เพียงจะช่วยตามกลับมา แต่ยังยกเลิกสถานะทาสให้แก่พวกนางอีก ช่างมีบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก!”

“คุณหนูรองผู้นี้ก็ช่างน่าสงสารจริงๆ ที่ต้องแต่งเข้าจวนที่มีแม่สามีเช่นนี้!”

“ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวก็ช่างร้ายกาจเสียจริง สาวใช้พวกนั้นล้วนเป็นสินเดิมของลูกสะใภ้แท้ๆ ขนาดไม่มีสัญญาทาสยังกล้าขายพวกนางอีก หึ! ช่างหน้าไม่อายจริงๆ”

“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร! เรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอีกแน่ๆ” ชาวบ้านบางคนเริ่มทำตัวเป็นนักสืบ “พวกเจ้าลองคิดดู จวนเจิ้นกั๋วกงยอมแตกหักกับจวนจงหย่งโหว ไม่ว่าอย่างไรก็จะพาคุณหนูรองที่อาการหนักกลับมารักษาที่จวน ต่อมาก็สาวใช้ที่ชื่อหมิงอวี้ที่ถูกค้นเจอจากจวนที่เป็นสินเดิมของฮูหยินโหว ในบรรดาสาวใช้ติดตามหกคน…มีนางคนเดียวที่ไม่ถูกฮูหยินโหวขาย! พวกเจ้ายังเดาเรื่องนี้ไม่ออกกันอีกหรือ!”

“จริงด้วย ไหนจะเรื่องที่ซื่อจื่อขอไถ่โทษโดยการสละตำแหน่งซื่อจื่ออีก! แหม…ตระกูลนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ”

“มีคนเคยกล่าวว่าเมื่อมีแม่เลี้ยงก็จะมีพ่อเลี้ยง จริงตามนั้นเสียด้วย ซื่อจื่อคงลำบากไม่น้อยเลย! คุณหนูของจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นคนไม่ยอมคน ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวคงกลัวว่าจะควบคุมลูกสะใภ้ไม่ได้ จึงใช้ลูกสาวทั้งสองของนางเป็นเครื่องมือเพื่อ…” มีคนทำท่าปาดคอ

“สาวใช้ห้าคนนั่นคงตายไปแล้ว! พวกเจ้าลองคิดดู สัญญาทาสยังอยู่ที่คุณหนูรอง! ขาย?!…ผู้ใดกล้ารับซื้อกัน เรื่องโสมมเช่นนี้มีเพียงฮูหยินโหวเท่านั้นที่รู้แน่ชัด”

“อีกอย่าง สาวใช้ติดตามของคุณหนูรองผู้นั้น นางต้องรู้เรื่องแน่ๆ …หมิงอวี้ที่ทรยศนายจนโดนตีขาหักแล้วส่งตัวไปที่ซ่องโสเภณีคนนั้น เสียดายที่นางเป็นบ้าไปแล้ว เสียสติจนถามอะไรไม่ได้ความ เจอผู้ใดก็เอาแต่บอกว่าฮูหยินโหวรับปากจะให้นางเป็นอนุของซื่อจื่อ”

“รู้ดีเช่นนี้ เจ้าเคยหลับนอนกับนางหรืออย่างไร”

ชาวบ้านต่างหัวเราะออกมาเป็นเสียงเดียวกัน มีคนตาดีมองเห็นรถม้าของจวนจงหย่งโหวอยู่ไกลๆ รีบตะโกนขึ้น “นั่นมันรถม้าของจวนจงหย่งโหวมิใช่หรือ!”

“แหม จวนจงหย่งโหวยังมีหน้ามาที่จวนเจิ้นกั๋วกงอีกหรือ!”

“จุ๊ๆ ! อยากตายหรืออย่างไร! จวนจงหย่งโหวเป็นตระกูลเช่นไร เจ้านินทาลับหลังก็พอแล้ว หากพวกเขาได้ยินเข้าแล้วเกิดแค้นใจขึ้นมา เจ้าจะหัวขาดโดยไม่รู้ตัว! หุบปากไปเถิด!”

พอรถม้าของจวนจงหย่งโหวหยุดอยู่ที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกง ชาวบ้าวที่มาสอดแนมต่างเงียบเสียงในทันที สายตาดูถูกมองไปยังฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวที่กำลังลงจากรถม้าอย่างสำรวจ