เชอรีสรู้ดีว่าสิ่งที่เมอร์ลินพูดถึงนั้นมันหมายถึงอะไร เธอได้เม้มริมฝีปากและคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอตอบเบา ๆ
“ถ้าท่านเต็มใจช่วยเรา ท่านจะได้สมบัติครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่เรามี” หลังจากเสร็จ เชอริสก็ได้เหลือบมองสีหน้าของเมอร์ลิน
เมอร์ลินยังคงสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง เขาส่ายหัวและพูดว่า “ไม่พอ”
เชอรีสกำหมัดแน่น ตัวของเธอสั่นสะท้านนี่แสดงให้เห็นว่าเธอวิตกกังวลมากเพียงใด “เรายินที่จะมอบสมบัติให้ท่าน 70%”
เมอร์ลินยังคงตอบอย่างไร้อารมณ์ “ยังไม่พอ”
ตอนนี้ความอดทนของเชอรีสใกล้จะหมดแล้ว เธอได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “บารอนเมอร์ลิน ท่านรู้หรือไม่ว่า เรามีทรัพย์สมบัติติดตัวมากแค่ไหน ด้วยจำนวนที่เราเสนอท่านไป มันเยอะมากจนท่านต้องไม่อยากจะเชื่อแน่นอน”
หลังจากที่เธอกล่าวจบ ท่าทีของเมอร์ลินก็ไม่เปลี่ยนแปลง เชอรีสได้กัดริมฝีปากแน่น ดูเหมือนสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้ มันแป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมาได้
“นอกจากท่านจะได้สมบัติกว่า 70% แล้ว เราจะอยู่ที่นี่และรับใช้ท่านด้วย!”
คำพูดนี้ได้ทำลายศักดิ์ศรีของเธอ จากเจ้าหญิงผู้ซึ่งมีสถานะทางสังคมอันสูงส่งกลับต้องมาปรนนิบัติชายคนหนึ่งด้วยเรือนร่างอันอ่อนเยาว์ของเธอ เฉกเช่นเดียวกับสาวใช้ผู้ต่ำต้อย
เหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่คาดคิดจะต้องมาทำแบบนี้กับผู้ชายคนนี้
*พรึ่บ*
ทันในนั้นเจ้าหญิงเชอรีสปลดเสื้อคลุมสีดำออกเผยให้เห็นเรือนร่างที่โค้งเว้าอันทรงเสน่ห์ของเธอ
เมอร์ลินหรี่ตาและจ้องมองร่างบางของเชอรีส เขาไปได้นำเธอไปเปรียบเทียบหญิงทั้งสามผู้ซึ่งรูปลักษณ์อันโดดเด่นที่สุด เท่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งหมดจนถึงตอนนี้
คนที่ดูบอบบางที่สุดก็คือแอวริล ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูบอบบางนั้นทำให้เธอเหมือนตุ๊กตาอันวิจิตรที่สวยงามและน่าทะนุถนอม ตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ เสน่ห์ของเธออาจจะยังไม่เบ่งบานอย่างเต็มที่
คนต่อไปก็จีอา ตัวเธอนั้นเต็มไปเสน่ห์ของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ เธอสามารถหว่านล้อมผู้คนด้วยเรือนร่างของเธอก็ทำให้ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาอันไร้จุดสิ้นสุด
และคนสุดท่านเชอรีส เธอมีเสน่ห์ของหญิงสาวอย่างเต็มที่และยังมีท่าทางสง่าและสูงส่ง นี่คงเป็นสิ่งที่เธอได้รับมาจากในวังตั้งแต่เล็ก ๆ นี่จึงทำให้เธอดูเป็นดอกฟ้าที่คนทั่วไปไม่อาจเอื้อมขึ้นไปเชยชมได้
เมอร์ลินเห็นความมุ่งมั่นจากแววตาของเธอ สำหรับเธอแล้วเพื่อราชวงศ์ เธอยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้สายเลือดราชวงศ์อยู่รอด เธอเต็มใจที่จะพลีและขอร้องเมอร์ลิน เรื่องนี้ทำให้เมอร์ลินอดสงสัยไม่ได้ว่ากับบารอนวอร์เรน เธอได้ทำแบบเดียวกันรึเปล่า
แต่อย่างไรก็ตามเมอร์ลินหาได้สนใจเรื่องพวกนั้น ต่อให้เชอริสจะมอบสมบัติให้มากแค่ไหนก็ไม่ทำให้เขาหวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว
“ยังไม่พอ!”
เชอริสเบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอได้ซีดลง
ตัวเธอนั้นยินยอมจะมอบทุกอย่างแต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้ชายคนนี้ยอมรับได้
“เฮ้อ…” เชอรีสถอนหายใจยาวและพยายามสงบสติอารมณ์ เธอยังยืนอยู่ที่เดิมและจ้องมองเมอร์ลินอย่างเงียบๆ
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เมอร์ลินได้ปฏิเสธออกไปอย่างชัดเจนแล้วแต่เธอก็ยังยืนอยู่และไม่ยอมไปไหน
“ท่านหญิงเชอรีส ผมว่าผมได้พูดชัดแล้ว ผมไม่…”
จู่ ๆ เมอร์ลินก็หยุดพูดและสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแหวนสีดำบนมือของเชอริส เขามองมันด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
เขารู้สึกถึงได้ถึงความประหลาดของมัน มันต้องไม่ใช่แหวนธรรมดาอย่างแน่นอน
เชอริสลูบไล้แหวนเบา ๆ และพูดอย่างใจเย็นว่า “แหวนวงนี้เป็นสัญลักษณ์ของดินแดนมนต์ดำ ท่านสามารถใช้แหวนวงนี้เป็นเหรียญตราเพื่อเข้าร่วมกับดินแดนมนต์ดำได้และกลายเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง เราไม่แน่ใจว่าแหวนวงนี้จะเพียงพอเพื่อแลกกับความช่วยเหลือของท่านหรือไม่?”
เมอร์ลินอ้าปากค้าง สีหน้าของเขาดูตกใจมาก “นะนี่คือเหรียญตราของดินแดนมนต์ดำงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว มันเป็นเหรียญตราของดินแดนมนต์ดำซึ่งเป็นองค์กรนักเวทย์ที่ทรงพลังเป็นอันดับต้นของอาณาจักรแบล็กมูน”
หลังจากได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากเชอรีสแล้ว มันก็ทำให้เขาเชื่อว่าแหวนที่อยู่ในมือของเธอจะเป็นบัตรผ่านให้เขาเข้าร่วมองค์กรเวทมนต์ที่เขาใฝ่ฝันได้
แล้วอีกอย่างเขาเคยได้ยินชื่อของดินแดนมนต์ดำมาก่อนจากพ่อมดฮิลล์ เขาเคยเล่าว่าดินแดนมนต์ดำนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองปรากาซและเมืองนี้ก็อยู่ภายใต้อิทธิพลขององค์กรนี้
เมอร์ลินรับแหวนมาจากมือของเจ้าหญิงเชอรีสอยางระมัดระวัง ตัวแหวนนั้นเบามาก เขาไม่รู้ว่ามันทำมาจากวัสดุอะไร
เขามองเห็นอักษรรูนเล็ก ๆ ที่เขียนอยู่ตามตัวแหวน มันถูกเขียนเป็นวงแหวนเวทย์ที่อยู่แปลกประหลาด
เขาได้นึดถึงข้อความที่เขียนไว้ในตำราเวทมนต์ของชายชราอีธาน มันได้ถูกเขียนไว้ว่า ต้นกำเนิดของพ่อมดนั้นมีที่มาอันลึบลับมาไม่มีใครอยู่ว่าถูกกำเนิดขึ้นเมื่อไหร่ โดยพวกพ่อมดสมัยราณนั้นได้ทิ้งมรดกอันน่ามหัศจรรย์ไว้มากมาย นอกเหนือจากพวกเวทมนต์คาถา
อย่างเช่น การปรุงยา การเล่นแร่แปรธาตุ อักษรรูนและอื่นๆ ซึ่งทุกเรื่องที่กล่าวมานี้ พวกพ่อมดทั้งหลายต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อศึกษาพวกมัน
อย่างการปรุงยา เขาก็เพิ่งถูกว่ามีสูตรยาที่ทำให้โครงสร้างเวทมนต์เสถียรได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามสูตรยาที่พ่อมดฮิลล์มีแค่สูตรเดียว หากเขาสามารถเข้าไปในองค์กรได้ เขาก็จะเข้าถึงองค์ความรู้และได้ศึกษาเรื่องปรุงยาอย่างเป็นระบบ
ส่วนการเล่นแร่แปรธาตุกับอักษรรูนก็เล่นกัน พวกมันเป็นศาสตร์ที่แยกออกไปเช่นกัน หากเขาได้ศึกษาพวกมัน เขาจะต้องแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
เมอร์ลินมองไปที่ตัวแหวน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าแหวนวงนี้ต้องไม่ธรรมดา เขาสังเกตจากอักษรรูนที่สลักไว้ มันไม่น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนมนต์ดำ
‘บางทีพ่อมดฮิลล์น่ารู้เรื่องนี้ ลองเอาไปให้เขาดูดีกว่า’ เมอร์ลินได้ตัดสินใจว่าจะหาเวลาไปเยี่ยมชายชราอีกครั้ง
“แหวนวงนี้สามารถทำให้ท่านเข้าร่วมองค์กรนักเวทย์ เท่านี้ท่านจะช่วยปกป้องพวกเราแล้วใช่มั้ย?” เชอรีสเม้มริมฝีปากถาม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะมอบแหวนวงนี้ให้เขา
เมอร์ลินเก็บแหวนไว้ในกระเป๋าและจ้องมองเรือนร่างของเชอรีสอย่างไร้ยางอาย เขายิ้มเบา ๆ และพูดว่า “จะให้ผมปกป้องท่านโดยที่ไม่มีแรงจูงใจอะไรเลยงั้นหรือ?”
“ท่านต้องการอะไร?” ใบหน้าของเชอรีสแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอจ้องมองเมอร์ลินอย่างดุเดือด
“ถ้าหากท่านยอมเป็นผู้หญิงของผม เรื่องทุกอย่างมันจะง่ายขึ้น”
จากนั้นเมอร์ลินคว้าตัวของเชอรีสเข้ามาในอ้อมแขน ในขณะที่มือขวาของเขาสัมผัสกับเอวบางของเธอ เขาก็พบว่าผิวกายของเธอกระชับและน่าสัมผัสมาก เหนือสิ่งอื่นใด กลิ่นกายของเธอได้เข้าจมูกของเมอร์ลิน มันได้กระตุ้นปรารถนาอันแรงกล้าที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในโลกนี้
เชอริสทำได้เพียงส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ เธอได้จ้องมองดวงตาสีฟ้าของเขาและไม่ได้ขัดขืนใด ๆ
หลังนั้นบรรยากาศภายในห้องนอนเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เสียงลมหายใจอันหนักหน่วงได้ดังออกมาพร้อมกับเสียงครางของหญิงสาวที่ดังออกมาเป็นช่วง ๆ