ตอนที่ 47 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เจ้าหญิงแวมไพร์และเทพชั่วร้าย (5)

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

ช่าย~ ฉันคุ้นกับความรู้สึกนี้แล้วล่ะ

 

“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ คุณลีน… รอซักครู่นะคะ หอคอยมาการองใกล้เสร็จพอดีเลยค่ะ…”

 

ท่านทำอะไรอยู่น่ะคะ?

ฉันจำได้ ท่านเคยบอกว่าไม่ค่อยยุ่งมากเท่าไหร่ แต่กรณีแบบนี้ อย่างน้อยก็ลองสร้างหอคอยไพ่ดีมั้ยคะ ทำไมท่านถึงมาสร้างหอคอยมาการองกันล่ะคะเนี่ย?

 

“เรายอมแพ้ที่จะทำหอคอยไพ่ไปแล้วล่ะค่ะ มันยากเกินไปเสียหน่อย เราเลยคิดว่าหอคอยมาการองน่าจะดีกว่า…”

 

อย่างงั้นเหรอคะ?

…ก็ เดี๋ยวพวกเราก็กินมาการองพวกนั้นอยู่แล้ว ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นั้นก็ได้นะคะ แล้วมากินกันเลยดีกว่า

 

“จริงสินะคะ โอ๊ะ นี่มาการองเพิ่มอีกนิดหน่อยนะคะ เครื่องดื่มเอาเป็นชาดาร์จีลิงแล้วกันนะคะ?”

 

เอาแบบนั้นเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

แล้วปาร์ตี้น้ำชาตามปกติก็เริ่มขึ้น

และก็จบแล้ว

…ที่จริง เราก็มีคุยเรื่องจิปาถะกันด้วยล่ะ แต่มันไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะงั้นฉันจะไม่พูดถึงก็แล้วกัน

 

“เช่นนั้น… อีกครั้งหนึ่งนะคะ คุณลีน… ขอบคุณมากนะคะสำหรับเรื่องที่คุณช่วยอดีตผู้กล้า… ช่วยโยมิเอาไว้นะคะ สิ่งนั้นช่วยเราได้มากเลยทีเดียว”

 

ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ฉันเองก็กังวลเกี่ยวกับโยมิอยู่นะคะ

 

“โห เราใคร่อยากรู้จังเลยค่ะ หมายความว่ายังไงบ้างงั้นเหรอคะ?”

 

แน่นอนสิคะ ก็เธอเป็นเด็กหญิงผู้กล้าที่น่าสงสารขนาดนั้น…… ทำไมถึงทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นล่ะคะ!? ท่านมีอะไรอย่างอื่นจะพูดงั้นเหรอคะ!

 

“จะให้เราพูดอะไรกับเขาดี หลังจากที่เขาคนนั้นจ้องมองร่างเปลือยเปล่าของเธอในห้องอาบน้ำอยู่นานกว่า 5 นาทีดีล่ะคะ… เอาล่ะ เรื่องหยอกล้อเพียงเท่านี้นะคะ สำหรับเรื่องของโยมิ เธอไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ เพราะมนุษย์เองก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอตายไปแล้วด้วยเช่นกัน”

 

…? พวกมนุษย์ยอมรับการของผู้กล้าง่ายไปหน่อยนะคะ

พวกนั้นน่าจะรู้ตัวว่าเด็กสาวคนนั้นเก่งอย่างกับสัตว์ประหลาดที่ไม่น่าจะตายได้แม้เธอจะถูกฆ่าเลยหนิคะ

 

“นั่นเป็นเพราะโยมิในตอนนั้นยังมีพลังด้อยกว่า 3 ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารอยู่ค่ะ หากตัดสินจากข้อเท็จจริงที่พบว่าร่องรอยการใช้งานเวทเคลื่อนย้ายรอบๆ เธอนั้นได้ถูกลบร่องรอยออกไปอย่างปราณีต พวกมนุษย์จึงคิดว่านี่น่าจะเป็นฝีมือของซากุระค่ะ หากพิจารณาจากพลังเวทของเขาแล้ว”

 

อ๊ะ…จริงสินะคะ ซากุระคุงสามารถชนะโยมิในตอนนั้นได้ด้วยสินะคะ

ซากุระ ฟอเรสเตอร์ เป็นหนึ่งในบุคลากรที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมาร เขาเป็นจอมเวทระดับสุดยอดที่พวกมนุษย์รู้จักกันในชื่อ ‘ลมหายใจแห่งหายนะ’ แม้แต่คุณเฟเรียก็บอกว่าทั้งเธอทั้งเทียน่าก็เทียบเขาไม่ได้

ที่สำคัญ เขาเป็นอัจฉริยะที่ยังไปไม่ถึงขีดจำกัดเลเวลด้วยซ้ำ และยังเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ

 

“มันสะดวกสำหรับพวกเรานะคะ เธอเองก็เป็นว่าที่ผู้บริหารที่จะได้ขึ้นเป็นผู้บริหารได้ในกองทัพจอมมาร และพวกเราก็ยังสามารถซ่อนการมีตัวตนอยู่ของเธอได้อีกด้วย… ทีนี้ เราจะมาที่ประเด็นหลักกันค่ะ”

 

โอ้ ฉันนึกว่าครั้งนี้ท่านจะเรียกฉันมาเพื่อให้รางวัลกับการทำงานซะอีก

 

“ก่อนหน้านี้… เมื่อ 3 ปีก่อน เธอจำได้มั้ยค่ะ เราเคยบอกเธอเกี่ยวกับพวกผู้กล้าเอาไว้ มีมนุษย์ 3 คนที่เกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติของผู้กล้าติดตัวมาค่ะ”

 

ใช่ค่ะ ฉันยังจำได้อยู่ มีแค่โยมิคนเดียวที่เกิดมาภายใต้กฎตามปกติของโลก ส่วนอีก 2 คนเป็นผู้กลับชาติ… มา… เกิด… ไม่จริงน่า!

 

“เป็นตามนั้นเลยค่ะ เมื่อโยมิสูญเสียอาชีพ [ผู้กล้า] ของเธอไป พลังส่วนนั้นก็ถูกโอนไปยังผู้เกิดใหม่จากต่างโลกแล้วค่ะ ไม่อาจมีผู้กล้า 2 คนในเวลาเดียวกันได้… เพราะเห็นเช่นนั้นคงทำให้พวกระดับสูงของมนุษย์เชื่อกันว่าผู้กล้ารุ่นก่อน หรือโยมินั้นตายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงเธอยังมีชีวิตอยู่ค่ะ”

 

…เกิดใหม่จากต่างโลกงั้นเหรอ

เหมือนกับฉัน, อดีตเพื่อนร่วมห้องของฉันที่ตายจากเหตุแก๊สระเบิดในห้องแล็บโรงเรียนมัธยมสินะคะ

…และก็ไอ้พวกเวรที่รังแกฉัน และก็พวกคนที่ยืนรายล้อมอยู่แต่ไม่ช่วยอะไรฉันเลย

ฉันไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหรือชื่นชอบต่อพวกนั้น แค่เพราะว่าเรามีความทรงจำจากชาติก่อนเหมือนกันหรอกค่ะ

กลับกัน สิ่งที่ฉันมีให้ มีแต่ความโกรธและการล้างแค้นเท่านั้น โดยเฉพาะตัวต้นเหตุที่รังแกฉันเลยค่ะ

จะว่าไป… ผู้กล้าคนต่อไปที่ว่านั่นแข็งแกร่งแค่ไหนเหรอคะ? แล้วก็ชื่อเก่าจากโลกเดิมของเจ้านั่นด้วยนะคะ?

 

“หากดูที่ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์แล้ว เขาเทียบโยมิไม่ได้เลยค่ะ เราหมายถึง โยมินั้นค่อนข้างผิดปกติ และภายใต้ดวงจันทร์เต็มดวง เธอก็สามารถเอาชนะผู้กล้าที่มีพลังระดับนั้นได้อย่างง่ายดาย… ส่วนชื่อเดิมจากชาติก่อนของเขานั้นคือ…”

 

ขอร้องล่ะค่ะ ขอให้ความต้องการของฉันเป็นจริงด้วย

ขอให้เป็น ‘ไอ้หมอนั่น’ ด้วยเถอะ

 

“…ชินอิจิ คุโรดะ ตัวการหลักของกลุ่มคนที่รังแกเธอค่ะ”

 

…เยี่ยมเลย!!!

 

“หือ!?… อืม ทำไมเธอถึงดีใจขนาดนี้เหรอคะ? ไม่ใช่ว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้เธอไม่สบอารมณ์งั้นเหรอคะ?”

 

หือ? ทำไมล่ะคะ?

ไอ้คนที่ทรมานฉันมานับครั้งไม่ถ้วนในชาติก่อนมาเกิดที่โลกนี้ทั้งที แถมยังอ่อนแอกว่าฉัน

และมันยังเป็นศัตรูด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันยังเป็นผู้กล้า ศัตรูคู่อาฆาตของเผ่ามารด้วย ยกเว้นโยมินะคะ

นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะได้ฉีกมันเป็นชิ้นๆ บีบหัวใจของมันให้เละ และให้มันได้ชดใช้ที่อุตส่าห์ช่วยดูแลฉันมาตั้งหลายร้อยครั้งในชาติก่อนซักทีค่ะ

ถ้าเจ้านั่นถูกเลือกให้เป็น [ผู้กล้า] ล่ะก็ เจ้านั่นต้องกำลังระรื่นอยู่แน่ เพราะงั้น ฉันจะได้ฉีกศักดิ์ศรีของมันออกเป็นชิ้นๆ จะได้กดมันให้คุกเข่ากับพื้น ก่อนที่ฉันจะกระทืบหัวของมันให้แหลกคาเท้าของฉันซะ

 

“เราขอแก้ไขเล็กน้อยนะคะ เขาไม่ได้อ่อนแอกว่าเธอ แต่เป็นเธอต่างหากที่แข็งแกร่งกว่าเขาคนนั้นอย่างท่วมท้นนะคะ… ก็ นั่นเป็นวิธีมองเพียงมุมหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกคนที่มีคุณสมบัตินั้นยังไม่ทราบนะคะ แต่เมื่อเทียบกับโยมิแล้ว นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดค่ะ”

 

ถ้างั้นตอนนี้ เจ้านั้นถือครอง [คุณสมบัติของผู้กล้า] อยู่… งั้น ตัวตนที่รบกวนการบดขยี้มนุษยชาติมากที่สุดก็จะหายไปซะทีสินะคะ?

 

“ใช่ค่ะ แต่อย่าประมาทนะคะ 12 อัครสาวกที่ยังเหลืออยู่อีก 10 คนนั้นยังคงแข็งแรงและสบายดีอยู่ อีกทั้งยังจะมีพวกอัครสาวกหน้าใหม่เข้ามาในภายหลังด้วยค่ะ… และมิซารี่ก็ยังได้มอบพลังให้กับพวกอัครสาวกเพิ่มด้วย ช่างน่ารังเกียจเสียจริง”

 

 

เพิ่มพลัง? เพื่ออะไรน่ะคะ?

 

“เราคิดว่านางสูญเสียความอดทนจากการเสียโยมิ อัจฉริยะฟ้าประทานที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจไปนั่นแหละค่ะ นี่เป็นราคาที่นางต้องจ่ายจากการพยายามเปลี่ยนโยมิเป็นอาวุธมีชีวิตเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนางเองไปโดยปริยาย… ที่สำคัญที่สุด พลังใหม่ที่ว่านั่น นอกจากการเพิ่มค่าสเตตัสแล้ว ก็ยังมีสถานะ ‘ไม่แก่ลง’, ‘รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุด’, ‘เพิ่มขีดจำกัดเลเวล’ และของน่ารำคาญอื่นๆ ค่ะ นั่นจะทำให้การบุกโจมตีของพวกเรายากขึ้นอีกด้วย”

 

ให้ตายสิ จริงเหรอเนี่ย?

แต่เดิมเราก็มีคนอยู่ประมาณ 20 คนเองที่สามารถสู้กับพวก 12 อัครสาวกได้แบบไม่ลำบาก นี่พวกมันยังจะแข็งแกร่งขึ้นอีกเหรอคะ?

 

“ไม่ได้เก่งกาจขนาดเมื่อยามที่โยมิยังเป็นผู้กล้าอยู่ หรือในยามที่เธออยู่ในคืนจันทร์เพ็ญหรอกนะคะ อีกทั้ง พวกเราก็ยังมีเกรย์ เรน และซากุระอยู่ แม้ว่าจะจำเป็นต้องระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเกินไปหรอกค่ะ”

 

งั้นเหรอคะ เข้าใจแล้วค่ะ

 

“มีคำถามอื่นๆ หรือเปล่าคะ? หากไม่มี เราจะส่งเธอกลับไปแล้วนะคะ”

 

อ้อ มีข้อนึงค่ะ

ผู้กล้ารุ่นต่อมา… เดี๋ยวร่างที่มาเกิดใหม่ของเจ้าคุโรดะจะถูกใช้เป็นอาวุธเหมือนโยมิหรือเปล่าคะ?

 

“อ้อ ไม่ค่ะ หลังจากเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นนี้ พวกมนุษย์จึงได้เห็นว่าการเปลี่ยนผู้กล้าเป็นอาวุธนั้นไม่ได้มีผลดีมากในระดับที่พวกเขาคิดเอาไว้ พวกเขาจึงเลือกที่จะสอนผู้กล้าตามปกติแทนค่ะ”

 

โอ้ เยี่ยมไปเลยค่ะ

ถ้าหัวใจมันแตกสลายไปด้วย การทรมานพวกมันก็ไม่มีประโยชน์กันพอดีสิคะ

 

“เธอนี่ก็พูดอะไรโหดร้ายออกมาหลายครั้งเหมือนกันนะคะ เช่นนั้น เราจะส่งเธอกลับแล้วนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ”

 

“…-ีน ตื่นได้แล้วนะ ลีน ตื่นได้แล้ว”

 

ฉันลืมตาขึ้นมา แล้วก็เห็นนางฟ้า

…ไม่ใช่สิ นั่นก็โยมินั่นแหละ

เฮ่อ เธอสวยมากจนเผลอเข้าใจผิดว่าเป็นนางฟ้าไปแป๊บนึงเลย

 

“โอ้ โยมิ อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์ เราเพิ่งได้รับการแจ้งเตือนจากโทรจิตของท่านจอมมารน่ะ”

 

เอ๋ งั้นเหรอเนี่ย?

ไม่รู้ตัวเลยแฮะ สงสัยเพราะฉันหลับอยู่และท่านอิซึสึก็เข้ามาแทรกแซงสติการรับรู้ของฉันด้วยแหละนะ

 

“โอเค เดี๋ยวฉันไปที่นั่นโดยเร็วเลย ท่านจอมมารว่ายังไงบ้างเหรอ?”

“คือ… ท่านจอมมารกำลังจะประกาศเกี่ยวกับตัวตนของเราให้ทุกคนในกองทัพจอมมารทราบ เลยขอให้สวมชุดที่ดูดีที่สุดเท่าที่มีมาด้วย แล้วให้มารวมที่ห้องประชุมน่ะ ตอนนี้ การเชื่อมมิติที่ประตูก็ทำไว้เสร็จแล้วด้วย”

 

โห เร็วจัง นี่จะประกาศแล้วเหรอเนี่ย?

 

TN: ทำอะไรก็ระวังด้วยละ เทพเฝ้ามองอยู่เสมอ 555