เมิ่งซิ่วเหวินรอคำตอบจากซูมู่เกอในคฤหาสน์เมิ่งมาเกือบสิบวัน แต่ล้มเหลว

ชุดยาถูกส่งไปยังเมืองโจวเมื่อไม่กี่วันก่อน และองค์ชายสองได้เขียนจดหมายถึงพ่อของเขาโดยเฉพาะเพื่อแสดงความขอบคุณ

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซูมู่เกอจึงเสนอความคิดที่ดีเช่นนี้ให้กับคฤหาสน์เมิ่งแทนที่จะเสนอให้คฤกาสน์ซู

ดังนั้นเขาจึงส่งตั๋วเงินมูลค่า 500 เหลียงให้นาง อ้างว่าแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการทดสอบแรงจูงใจของนาง

อย่างไรก็ตามเหมือนก้อนหินที่โยนลงทะเล เขาไม่ได้รับการตอบกลับเลย

เขาอดสงสัยไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยในใจ บางทีซูมู่เกอทำสิ่งนี้ด้วยความเป็นมิตร

ซูมู่เกอจะไม่บอกเมิ่งซิ่วเหวินว่าแม้จริงแล้วจุดประสงค์ของนางคือการหาเงิน!

หากไม่มีเงินนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นนางต้องหาวิธีบางอย่างเพื่อที่จะได้มีรายได้

นางรู้ดีว่านางอันจะไม่ชื่นชอบความพยายามของนางแม้ว่านางจะไดรับประโยชน์จากความคิดของนางก็ตาม นับประสาอะไรกับการให้เงินซูมู่เกอ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเสนอความคิดนี้ให้กับเมิ่งซิ่วเหวิน

“ผิวพรรณของท่านดูดีขึ้นมากเจ้าค่ะ คุณหนู” ซินเอ๋อเข้ามาในห้อง ถือถ้วยชาร้อนมองไปที่ซูมู่เกอ ซึ่งกำลังนั่งอานหนังสืออยู่บนม้านั่งยาวและกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

ซูมู่เกอยิ้มอย่างไม่ธรรมดา ในอีกไม่กี่วันหลังจากกลับมา นางให้ความสำคัญกับสุขภาพของนาง นางยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต การปรนนิบัติเลี้ยงดูอย่างระมัดระวังได้แสดงให้เห็นผลที่ดีมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ซูจิงเหวินไม่ได้มาหานาง ดังนั้นนางจึงรู้สึกสบายมากในวันนี้

ซูมู่เกอทำให้ซินเอ๋อตั้งชิงช้าเล็กๆที่สนาม เมื่อนางเหนื่อยล้าหลังจากการอ่านหนังสือ นางชอบนั่งบนชิงช้านั้น

“คุณหนู คุณหนูเจ้าค่ะ ใต้เท้า…ใต้เท้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ ใต้เท้ากลับมาแล้ว!”

ซูมู่เกอกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าหลับตาลงครึ่งหนึ่งเมื่อเสียงตะโกนดังก้องเข้ามาในหูของนาง

“ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำตัวทะเล่อทะล่าแบบนี้? ถ้าเจ้าทำให้คุณหนูตกใจนะ มันไม่มีผลดีต่อเจ้าแน่” เยว่รู่รีบวางผ้าปักและตำหนิ

ซินหลันเป็นน้องคนสุดท้องของพวกเขาและเป็นคนที่มีชีวิตชีวาและแข็งแรงที่สุด

ถูกตำหนิจากเยว่รู่ ซินหลันหยุดทันทีและมองไปที่ซูมู่เกออย่างระมัดระวัง

ซูมู่เกอลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เยว่รู่พูดถูก เจ้าควรคำนึงถึงมารยาทในตัวเจ้าจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูมู่เกอ ซินหลันตกใจมากจนนางกำลังจะร้องไห้ นางคุกเข่าลงและพูดว่า “มันเป็นความผิดของข้า คุณหนู ได้โปรดลงโทษข้าเถอะเจ้าค่ะ”

ซูมู่เกอขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ชอบให้คนอื่นคุกเข่าให้นางแม้ว่าพฤติกรรมนี้จะดูเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่นก็ตาม

“ลุกขึ้น อย่าทำมันอีก เจ้าเพิ่งบอกว่าพ่อของข้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่?”

ซินหลันพลักหน้าซ้ำๆ “ใช่ เจ้าค่ะ ว่ากันมาว่านายท่านจะมาถึงคฤหาสน์เร็วๆนี้เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาอีกว่านายท่านไม่ได้กลับมาคนเดียวในครั้งนี้ เขายังมีองค์ชายสองและใต้เท้าเซี่ยซึ่งกลับจากบรรเทาทุกข์ในเมืองโจวกับนายท่าน กลับมาที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ นายหญิงกำลังเตรียมพบพวกเขาที่ประตูคฤหาสน์และยังมีการกล่าวกันว่าแขกผู้มีเกียรติทั้งสองจะเข้ามาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์เป็นการชั่วคราวด้วยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซูมู่เกอก็ขาดสติ!

เซี่ยโฮวโม่และเซี่ยโฮวคุณจะมาอยู่ที่คฤหาสน์ซู

“ไปแจ้งท่านแม่ของข้า ช่วยนางแต่งกายให้ดูดีสดใส และบอกให้นางไปพบพวกเขาที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์”

“ไปเดี๋ยวนี้”

“มันเยี่ยมมากที่นายท่านกลับมา คุณหนูเจ้าค่ะ ให้ข้าช่วยทำให้ท่านดูสดใสขึ้นนะเจ้าค่ะ”

ซูมู่เกอนั่งอยู่หน้ากระจกแต่งตัวของนาง เหม่อลอย หลังจากนั้นไม่นานนางก็กัดฟันและพึมพำ “ข้าต้องกลัวอันใด? ตอนนั้น ข้าปลอมตัวเป็นซูหลุน แม้จะมีคนสงสัยก็ตาม แต่มันก็ยังหาหลักฐานไม่ได้!”

“คุณหนู ท่านกำลังพูดถึงอะไรเจ้าค่ะ?” เยว่รู่ซึ่งกำลังหวีผมของซูมู่เกอรู้สึกงงงวย

ซูมู่เกอส่ายหัว “ไม่มีอะไร ปล่อยผมลงปิดครึ่งหน้าของข้า”

“อา?” เยว่รู่รู้สึกงงงวยมากขึ้น ไม่ใช่คุณหนูเคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องปกปิดมาก่อนหรือ?

ซูมู่เกอลดสายตาลงและพูดว่า “ในตอนนี้ ผู้ที่มาเป็นถึงองค์ชาย ข้าไม่สามารถทให้เขาตกใจได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เยว่รู่อยากปลอบซูมู่เกอด้วยการพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้นางไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เยว่รู่เก็บระงับคำพูดไว้

หลังจากทราบข่าว ลูกสาวของนางแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและทำความสะอาดห้องโถงรับรองแขกอย่างดีที่สุด

“ท่านแม่ องค์ชายสองมาที่คฤหาสน์ของเรากับท่านพ่อจริงๆหรือ?” ซูจิงเหวินไม่สามารถปกปิดความสุขและความเขินอายของนางได้

“แน่นอน เจ้าต้องสมรวมกิริยาของเจ้า อย่าพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม!” นางอันดีใจเรื่องนี้มาก ไม่เพียงแค่ซูหลุนกลับมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ แต่ยังนำองค์ชายกลับมาด้วย ถ้าองค์ชายสองสามารถพอใจในตัวลูกสาวของนางได้ นางจะได้เป็นมารดาของมเหสีขององค์ชาย!

“นายหญิงเจ้าค่ะ ใต้เท้ากำลังมาถึงแล้ว!”

“เลิกพูดและจัดผมข้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เร็วเข้า ออกไปเร็ว เราไม่สามารถทำตัวไม่สุภาพต่อหน้าองค์ชายสองได้”

และทุกคนรีบออกไปนอกประตู ทันทีที่พวกเขามาถึง พวกเขาเห็นซูมู่เกอเดินมาหาพวกเขา โดยคล้องแขนนางจ้าวไว้ในแขนของนาง

การแสดงออกของซูจิงเหวินเปลี่ยนไปทันที

วันก่อน นางอันบอกว่าซูมู่เกอถูกส่งไปเรียนรู้มารยาท ซึ่งนางได้ทะเลาะกับนางอัน ถ้านางอันไม่ดุนางด้วยความโกรธ นางจะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ แน่

เมื่อเห็นซูมู่เกอออกมา นางไม่สามารถระงับความโกรธของนางได้อีกต่อไป!

“แกมาทำอะไรที่นี่? สร้างความเสื่อมเสียให้กับคฤหาสน์ของเรางั้นหรือ?”

นางอันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่เห็นนางจ้าวและลูกสาวของนาง แต่นางจะไม่ทำตัวโง่เหมือนซูจิงเหวิน

“เหวินเอ๋อ อย่าพูดจาไร้สาระ….”

“นายท่านกำลังจะถึงแล้ว นายท่านกำลังมา!”

ก่อนที่นางอันจะพูดจบเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นของคนรับใช้ชายก็ดังมาจากข้างนอก

นางอันรีบหุบปาก ยิ้มอย่างสง่างามและมองไปที่ถนนด้วยความคาดหวัง

แม้แต่ซูจิงเหวินก็ยังรีบปกปิดความเป็นศัตรูบนใบหน้าของนางอย่างรวดเร็ว และเริ่มทำตัวเหมือนผู้หญิงที่มีคุณธรรม

นางจ้าวอยู่ในการยับยั้งตัวเองอย่างมาก และมองไปที่ซูมู่เกออย่างอายๆ

ซูมู่เกอมองนางอย่างผ่อนคลายก่อนที่นางจ้าวจะหันไปมองที่ประตู

ด้านนอก ขบวนชายและม้าเรียงแถวหยุดอย่างช้าๆที่หน้าประตูคฤหาสน์ซู เซี่ยโฮวคุณก็ลงจากรถม้า

ด้านหน้าของเสื้อคลุมสีหมึกของเขาปักด้วยด้ายสีเงิน สะท้อนแสงสีทองที่ส่งอกระทบกับดวงอาทิตย์ แสงสว่างทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสดใจมากขึ้น

ซูหลุนเดินไปหาเซี่ยโฮวคุณและโค้งคำนับเล็กน้อย และเซี่ยโฮวคุณเดินมาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

ซูมู่เกอสังเกตุว่าเซี่ยโฮวโม่ไม่ได้อยู่ในขบวน และนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งออก

“องค์ชายสอง ถวายบังคมเพค่ะ ขอให้ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปีและมีสุขภาพแข็งแรงเพค่ะ”

นางอันนำทั้งครอบครัวคารวะเซี่ยโฮวคุร

ด้วยรอยยิ้มบางๆ เซี่ยโฮวคุณไม่ได้ไม่ดึงยศขององศ์ชายมาที่พวกเขา “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยเพค่ะ องค์ชายสอง”

ซูจิงเหวินยืนข้างนางอัน จับจ้องไปที่เซี่ยโฮวคุณตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัว

ในเวลานี้ นางลืมเมิ่งซิ่วเหวิน คนที่นางหมกมุ่นอยู่กับมันไปแล้ว

“องค์ชายสอง ท่านต้องเหนื่อยหลังจากการเดินทางอันยาวนานและเป็นหลุมเป็นบ่อ ให้ข้าน้อยจะพาท่านเข้าไปพักผ่อนที่ลานภายในของแขกเถิดพะย่ะค่ะ”

ซูหลุนกล่าวหลังจากมองไปที่ซูมู่เกอโดยจิตใต้สำนึก ที่ยืนอยู่ข้างหลังฝูงชน

เนื่องจากยังหัววันอยู่สำหรับอาหารค่ำ เซี่ยโฮวคุณจึงพยักหน้า “ได้”

จากนั้นซูหลุนก็พาเซี่ยโฮ่วคุณและผู้ติดตามไปที่ห้องพักสำหรับแขก

“เตรียมตัวให้ดี คืนนี้เจ้าต้องรับใช้องค์ชายสองให้ดี” นางอันออกคำสั่ง

“เจ้าค่ะ”

“ท่านแม่ ไปเถอะ” หลังจากแสดงความเคารพผ่านไป ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก

เมื่อเห็นซูหลุนปลอดภัยและสมบูรณ์ ในที่สุดนางจ้าวก็โล่งใจและกลับไปที่ลานดอกท้อบาน จับมือซูมู่เกอจากไป

“ท่านแม่ องค์ชายสองหน้าตาดีมาก” ซูจิงเหวินยังคงจมอยู่กับความสุขที่ได้เห็นเซี่ยโฮวคุณ

นางอันรู้ดีว่าซูจิงเหวินกำลังคิดอะไรอยู่ “ดี คืนนี้ เราต้องถวายอาหารค่ำต้อนรับองค์ชายสอง และพ่อของเจ้า ตอนนี้กลับไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยมาทีหลัง”

ซูจิงเหวินพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและเดินกลับไปที่บ้านของนาง นางต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าจะใส่อะไรในคืนนี้ เพื่อให้ตัวเองดูมีเสน่ห์มากขึ้น

หลังจากส่งเซี่ยโฮวคุณอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูหลุนกลับไปที่โถงหลักของบ้าน ที่นางอันรออยู่แล้ว

เปลี่ยนเครื่องแต่งกายของนางเป็นชุดกระโปรงยาวแขนกว้าง คาดด้วยเข็มขัดหยกเผยให้เห็นเอวบางและอ่อนนุ่มของนาง

ทันทีที่ซูหลุนเข้ามา นางส่งสาวใช้ออกไป โผตัวเข้าสู่อ้อมแขนของซูหลุน และสะอื้นคร่ำครวญด้วยเสียงต่ำ

“นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านทำให้ข้ากังวลใจมาก”

มีประสบการณ์มากมายภายในหนึ่งเดือน ซูหลุนค่อนข้างบึ้งตึง ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสุขที่เห็นนางอันร้องไห้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและสวยงามของนาง หัวใจของเขาก็อ่อนลง

ซูหลุนนั่งลงบนเก้าอี้ยาว โดยมีนางอันอยู่ในอ้อมแขน “อย่าร้องไห้ ข้ากลับมาแล้ว ดังนั้นเจ้าควรมีความสุข”

โอบคอของซูหลุนไว้แน่นและไม่ยอมปล่อย เสียงร้องไห้ของนางจริงใจอย่างน้อย 80% หากซูหลุนกลับมาไม่ได้ ชีวิตของนางก็เกือบจะจบสิ้นแล้ว การที่นางแต่งงานกับเขานั้นเป็นเพราะนางชื่นชมในพรสวรรค์ของเขา นางมีความเสน่หาต่อซูหลุน

“ใต้เท้า ข้าคิดถึงท่านมากจนแทบจะบ้า…” นางกระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวน พร้อมกับมือของนางสัมผัสเขาอย่างเร่าร้อน

ด้วยความงามเช่นนี้ในอ้อมแขนของเขา ซูหลุนไม่สามารถต้านทานการล่อลวงได้อีกต่อไป เขาอุ้มนางอันขึ้นในอ้อมแขนและพานางไปที่เตียง ทั้งสองมีช่วงเวลาที่สนิทเสน่หา

หลังจากความเสน่หาผ่านพ้นไปสักพัก รูปลักษณ์ของซูหลุนดูนุ่มนวลขึ้น

นางอันพิงอกของซูหลุน “ใต้เท้า โปรดบอกข้าเกี่ยวกับข่าวลือเหล่านั้นเจ้าค่ะ ข้ากลัวมาก”

ซูหลุนเริ่มตึงเครียดเมื่อนึกถึงคนที่จับตัวไป

เขาหลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสงบลง “ข้าแค่หลงทาง ซึ่งต่อมาเป็นเรื่องราวขึ้นมา”

“หลงทาง?” นางอันสงสัยเล็กน้อย ซูหลุนเป็นขุนนางที่อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว เขาหลงทางในเมืองที่เขาปกครองได้อย่างไร?

แต่เมื่อสังเกตว่าซูหลุนไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้มากนัก นางหยุดตั้งคำถาม

“ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่นายท่านพบคุณหนูใหญ่ เด็กสาวช่างดื้อรั้น หลังจากรู้เกี่ยวกับการหายตัวไปของท่าน นางยืนยันที่จะออกไปหาท่านโดยไม่คำนึงถึงคำสั่งห้ามของข้า” เพราะซูมู่เกอได้พบกับซูหลุนที่เมืองโจวแล้ว เขาต้องรู้ว่านางกำลังตามหาเขา แม้ว่านางอันไม่ต้องการให้ซูมู่เกอได้รับความดีความชอบในเรื่องความกตัญญู นางไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป

ซูหลุนขมวดคิ้วพึมพำ “มันกลับกลายเป็นว่านางไม่ได้โกหกข้า…”

“ท่านว่าอะไรนะ ใต้เท้า?”

“ไม่มีอะไร ข้าพบนางไม่นานหลังจากที่ข้ามาถึงเมืองโจว”

“ความกตัญญูของนางทำให้ข้าประทับใจมาก”

ในขณะที่พูดสิ่งนี้นางอันได้แอบมองใบหน้าของซูหลุนอย่างลับๆ ตอนนี้ซูหลุนสบายดี แต่นางก็กลัวเช่นกันว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อซูมู่เกอและนางจ้าวจะเปลี่ยนไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ!

อย่างไรก็ตาม ซูหลุนไม่ตอนสนอง ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทลูกสาวคนนี้มากเกินไป ถ้านางมีความสามารถจริงๆ นางจะมีประโยชน์กับเขามากกว่าที่เขาคาดไว้!

ผู้แปลต้องขออภัยด้วยที่ในคำ/ประโยคที่ต้องพูดกับราชวงศ์บางทีก็คิดไม่ออก เลยใช้คำพูดทั่วไปแทน บางทีก็อยากใช้เหมือนที่เคยฟังในหนังจีน แต่มันก็ออกจะเหมือนหนังจักรๆวงศ์วงๆ เลยลังเล จะพยายามหาดู/อ่านเพิ่มเติมเพื่อนำมาแปลให้สละสลวยขึ้นนะจ๊ะ