ตอนที่ 38 แต่งงานแล้วจะให้นอนแบบนี้ได้อย่างไร
ตอนที่ 38 แต่งงานแล้วจะให้นอนแบบนี้ได้อย่างไร
หู่จือสวมชุดทหารสีเขียวตัวเล็ก จมูกของเขาเย็นมากจนน้ำมูกไหล แม่เฒ่าโจวพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าไปข้างในเป็นเวลานาน แต่เขายืนกรานที่จะรอเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยข้างนอก
เมื่อเห็นจักรยานเข้ามาใกล้ หู่จือก็ร้องเรียกอย่างมีความสุข “พ่อ”
เฉินเจียเหอหยุดรถ หลินเซี่ยจึงลงจากจักรยาน เมื่อเห็นว่าหู่จือสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ที่เธอทำให้และพอดีตัวเขา เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
หู่จือมองหลินเซี่ย แม้ใบหน้าเล็กจะยังคงดูเย่อหยิ่ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต่อต้านเธอเหมือนก่อนหน้า และยังเดินเข้ามาหาเพื่อบอกขอบคุณ
ชุดนี้เหมือนกับของตงตงทุกประการ
เมื่อโรงเรียนเปิด ในที่สุดเขาก็จะสามารถใส่ชุดนี้ไปอวดตงตงได้
หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หู่จือ เธอชอบชุดที่ฉันทำให้ไหม?”
หู่จือพยักหน้าอย่างจริงใจ “ชอบสิ”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณครับน้าเซี่ยเซี่ย”
“นี่ ต่อไปห้ามเรียกฉันว่าแม่เลี้ยงใจร้ายอีกเข้าใจไหม?”
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะรักษาคำพูดตัวเอง เธอบอกเขาว่าถ้าทำชุดให้เขาได้ เขาห้ามเรียกเธอว่าแม่เลี้ยงใจร้ายอีก และเขาก็เปลี่ยนคำเรียกขานเธอจริง ๆ
“ไปกันเถอะ” หลินเซี่ยจับมือเล็ก ๆ ของเขาอย่างมีความสุข
หู่จือไม่ขัดขืน และปล่อยให้เธอพาเขาเข้าไปในลานบ้านอย่างเชื่อฟัง
ร่างของเฉินเจียเหอตอนนี้ราวกับโปร่งใส เพราะหู่จือเพิกเฉยต่อเขาโดยสมบูรณ์
“เจ้าเด็กนี่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าบาง ๆ แบบนี้ เขาไม่กลัวเป็นหวัดเลยหรือไง”
แม่เฒ่าโจวพูดขึ้น “หู่จือ น้าเซี่ยเซี่ยเห็นชุดที่ใส่แล้ว เข้าไปสวมเสื้อบุนวมเถอะ เราจะฉลองวันปีใหม่ได้ยังไงถ้าเธอเป็นหวัด?”
“ได้ครับ” หู่จือเดินตามหลินเซี่ยไปยังห้องทิศตะวันตกและสวมเสื้อบุนวมของเขา
เขามองหลินเซี่ยด้วยดวงตาที่สดใสและเลียริมฝีปาก “วันนี้เรามีกระดูกให้กินด้วย ไปเถอะ ไปแทะกระดูกหมูด้วยกัน”
“ฉันรู้สึกหนาว รอฉันอุ่นมือก่อนนะ”
หลินเซี่ยอุ่นมือของเธอบนเตียงเตา จากนั้นทั้งสองจึงเดินไปห้องหลักด้วยกัน พวกเขาเดินสวนกับเฉินเจียเหอระหว่างทาง แต่หู่จือก็ยังไม่สนใจเขาเหมือนเดิม
เฉินเจียเหอดูไม่พอใจ
เจ้าเด็กนี่ชักจะมากเกินไปแล้ว
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้เฉินเจียเหอเพิ่งทะเลาะกับหล่อน ระหว่างรับประทานอาหารเย็น โจวลี่หรงจึงไม่ได้พูดอะไรสักคำ และนั่งกินข้าวเงียบงันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หล่อนไม่สนใจครอบครัวทั้งสามคนเลย
หล่อนเพิกเฉยต่อคำทักทายของหลินเซี่ย และมองหลินเซี่ยด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งกว่าเดิม
แม่เฒ่าโจวรับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด และรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย
วันนี้คู่สามีภรรยาชราพยายามโน้มน้าวโจวลี่หรงให้กลับไปที่เมืองก่อน แต่หล่อนปฏิเสธที่จะไป
หล่อนเข้าครัวไปหั่นเนื้อ ซักผ้าให้คู่สามีภรรยาสูงอายุ และไม่ตอบสนองเมื่อพวกเขาพยายามคุยกับหล่อน
ผู้เฒ่าโจวรู้สึกปวดหัว เด็กคนนี้หัวแข็งมาตั้งแต่เด็ก แล้วยังประพฤติตัวเหมือนเดิมจนถึงตอนนี้
ในใจหล่อนเอาแต่มุ่งมั่นที่จะขัดขวางการแต่งงานของลูกชายให้ได้
กระดูกที่ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งมอบให้นั้นถูกวางไว้ในหม้ออะลูมิเนียมขนาดใหญ่ และถูกตุ๋นบนเตาถ่านกระทั่งเปื่อยยุ่ยได้ที่ตอนที่เฉินเจียเหอไปรับหลินเซี่ยกลับมา
พวกเขาตักมันออกมาใส่จานเพื่อให้ทั้งครอบครัวได้เพลิดเพลินกับมันด้วยกัน มีเพียงโจวลี่หรงเท่านั้นที่กำลังกินเกี๊ยวน้ำที่ตนทำเอง แม้ว่าเฉินเจียเหอจะนำกระดูกหมูมาวางตรงหน้า แต่หล่อนก็ยังปฏิเสธที่จะกินมัน
การรับประทานอาหารมื้อใหญ่ร่วมกันควรเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ด้วยท่าทางเย็นชาของโจวลี่หรง บรรยากาศจึงชวนอึดอัดยิ่ง
หลินเซี่ยไม่ได้ชอบกินเนื้อสัตว์เป็นพิเศษ เธอแทะชิ้นเนื้อหมูและกินซุปเนื้อ ก่อนจะวางชามลง
แม่เฒ่าโจวมอบกระดูกชิ้นที่ใหญ่ที่สุดให้เธออีกครั้ง “นี่ เซี่ยเซี่ย กินอีกหน่อยสิ”
“คุณยาย ฉันกินไม่ไหวแล้วค่ะ ฉันเพิ่งกินบะหมี่ที่ร้านอาหารไปตอนเที่ยง และกินไปเยอะเลย” เธอพูดกับแม่เฒ่าโจว “หลังกินเสร็จแล้ว ฉันจะวัดตัวคุณยายและเริ่มทำเสื้อให้นะคะ”
“เซี่ยเซี่ย คืนนี้เข้านอนเร็วหน่อยก็ดี ยายยังมีเสื้อผ้าใส่ ไม่ต้องรีบหรอก หลานควรพักผ่อนให้เต็มที่”
“คุณยาย มันยังหัวค่ำอยู่เลยค่ะ ฉันนอนไม่หลับ และไม่มีอะไรทำด้วย เดี๋ยวฉันจะทำให้คุณยายเลย”
หลินเซี่ยไปยังห้องครัวเพื่อล้างจาน แต่เฉินเจียเหอไม่ยอมให้เธอล้าง เขาพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มล้างจานด้วยท่าทางชำนาญ
หลินเซี่ยทำได้เพียงเดินออกจากห้องครัว และรอแม่เฒ่าโจวกินอาหารเสร็จ หลังจากวัดตัวแล้วเธอจะได้กลับห้อง
หลังอาหารเย็น แม่เฒ่าโจวจับหู่จือไว้และพยายามเกลี้ยกล่อม
“หู่จือ คืนนี้มานอนกับย่าทวดนะ ห้องนั้นเล็ก อย่าไปนอนเบียดน้าเซี่ยเซี่ยเลย”
หู่จือเหลือบมองโจวลี่หรงแล้วส่ายหัว
วันนี้คุณย่าของเขาเข้มงวดกว่าปกติ เขาแค่อยากรู้ว่าหล่อนทำอะไรอยู่ในครัว จึงแอบย่องเข้าไปดู แต่กลับถูกหล่อนไล่ออกมาทันที
หู่จือไม่กล้านอนบนเตียงเตาในห้องหลัก และยืนกรานที่จะนอนกับหลินเซี่ย
แม่เฒ่าโจวรู้สึกกังวลมาก
หู่จืออายุเพียงห้าขวบเท่านั้น นางไม่สามารถอธิบายให้เด็กเล็กฟังได้ว่าผู้ใหญ่ทำลูกกันอย่างไร
อย่างไรก็ตามหากหู่จือยังคงอยู่ระหว่างกลาง คู่หนุ่มสาวจะรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ได้หรือ
เช้านี้ที่นางเข้าไปปลุกหู่จือ ก็เห็นผ้าห่มสองผืนที่พับไว้ทั้งสองด้าน โดยมีหู่จือนอนอยู่ตรงกลาง
แต่งงานแล้วจะให้นอนแบบนี้ได้อย่างไร?
…
หลังประสบกับความอับอายเมื่อคืนนี้ ขณะที่หลินเซี่ยยังคงทำชุด เฉินเจียเหอก็เดินเข้ามานอนบนเตียงเตาและแกล้งทำเป็นหลับ
วันรุ่งขึ้นหลินเซี่ยมาถึงร้านตัดผมในตอนเช้า ทันทีที่เธอเริ่มตัดผมของลูกค้า หญิงวัยกลางคนก็เดินเข้ามา
“เพื่อนร่วมงานฉันบอกว่า มีช่างตัดผมจากเมืองไห่เฉิงอยู่ในร้านนี้ใช่ไหมคะ? ฝีมือการดัดผมของหล่อนดูดีมาก ฉันอยากทำกับช่างคนนั้นเหมือนกัน”
เมื่อเถ้าแก่เนี้ยเห็นหญิงคนดังกล่าวเข้ามา เธอรีบพูดทักทาย “คุณพี่หวัง วันนี้อยากดัดผมเหรอคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นตอบ “ค่ะ ช่วยดัดให้หน่อยนะ ป้าคนโตของฉันกลับมาจากเมืองแล้ว ฉันก็ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย หล่อนเคยดูถูกว่าฉันดูเชย คราวนี้ฉันจะปล่อยให้หล่อนดูแคลนไม่ได้อีก ช่างทำผมอยู่ไหนคะ?”
เถ้าแก่เนี้ยชี้ไปยังหญิงสาวที่กำลังตัดผมให้กับลูกค้า “หล่อนคนนั้นมาจากเมืองไห่เฉิงค่ะ ฝีมือการดัดผมดีมาก ในช่วงสองวันที่ผ่านมาก็ได้เสี่ยวหลินมาช่วยดัดผมให้ลูกค้าส่วนใหญ่นี่แหละ หล่อนช่วยฉันไว้ได้เยอะเลย”
หวังอวี้เสียมองใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวผมมวยซึ่งกำลังตัดผมของชายหนุ่มด้วยกรรไกร หล่อนพลันกระพริบตาด้วยความสับสน
ทำไมใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ถึงดูเหมือนภรรยาของเฉินเจียเหอเลย?
เถ้าแก่เนี้ยตะโกนบอกหลินเซี่ยว่า “เสี่ยวหลิน หลังจากตัดผมเสร็จแล้วก็มาดัดผมให้คุณผู้หญิงคนนี้หน่อยนะ”
หลินเซี่ยหันกลับมายิ้มให้พวกเขาและพูดว่า “ได้เลยค่ะ”
เมื่อหันกลับไป เธอเห็นหญิงผู้นี้ยืนอยู่ด้านข้างเจ้าของร้าน แวบแรกเธอรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่เธอนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เธอจึงหันกลับและมุ่งความสนใจที่การตัดผมต่อไป
หลังจากตัดผมแล้ว ชายหนุ่มก็มองดูทรงผมใหม่ของตัวเองในกระจก เขาจ่ายเงินและจากไปด้วยความพึงพอใจ
หลินเซี่ยวางเครื่องเป่าผมลง จากนั้นเดินมาต้อนรับแขกที่มาหาเธอโดยเฉพาะ “คุณพี่ ต้องการดัดผมแบบไหนคะ?”
หวังอวี้เสียมองหญิงสาวที่กระตือรือร้นด้วยสีหน้าแปลก ๆ
ผู้หญิงคนนี้คือภรรยาใหม่ของเฉินเจียเหอ
เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน หรือเธอลืมไปแล้วว่าตอนแต่งงานเคยเจอกันมาก่อน?
หลินเซี่ยสังเกตเห็นการแสดงออกที่แปลกประหลาดและอยากรู้อยากเห็นของผู้หญิงคนนั้น ขณะที่เธอรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอพยายามค้นหาความทรงจำอันห่างไกลในชีวิตที่แล้วของเธอ แต่ก็ยังจำไม่ได้
หลินเซี่ยจึงถามอย่างไม่มั่นใจว่า
“คุณพี่ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ?”
เมื่อได้ยินหลินเซี่ยเรียกเธอว่าคุณพี่ เธอแน่ใจแล้วว่าหลินเซี่ยจำเธอไม่ได้จริง ๆ จึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “เราไม่เพียงแค่เคยพบกันมาก่อน แต่เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย”
“ภรรยาเจียเหอ คุณจำฉันได้ไหม?”
หลินเซี่ย “?”
อีกฝ่ายรู้ด้วยว่าเธอเป็นภรรยาของเฉินเจียเหอ หรือว่าหล่อนจะเป็นคนในหมู่บ้าน?
แต่เมื่อพิจารณาดูจากเสื้อผ้าแล้ว หล่อนจะต้องมาจากเทศมณฑลแน่ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะแยกคู่ลูกให้ได้เลยใช่ไหมคะคุณแม่ จะบงการลูกให้เป็นแบบตัวเองให้ได้เลยดิ?
ญาติทางไหนของหลินเซี่ยอีกหนอ ตัวละครเริ่มเยอะขึ้นแล้ว
ไหหม่า(海馬)