ตอนที่ 23 เจ้าคือเสือดำจอมทึ่ม
หนานหนานช่างหยิ่งผยองเสียเหลือเกิน ร่างเล็ก ๆ ของเขานั่งอยู่บนหลังพยัคฆ์ทมิฬอย่างวางท่าใหญ่โต มือเล็ก ๆ ยกขึ้นเล็กน้อย มองดูพ่อค้าแม่ขายข้างทางด้วยความภาคภูมิใจ เขาเกือบจะโบกมือทั้งสองข้างแล้วตะโกนว่า ‘สวัสดีสหายทั้งหลาย ลำบากกันแล้วนะ’
ผู้ชมต่างถอยร่นไปด้านหลังอีกหนึ่งก้าว กระซิบเสียงเบาว่า “นี่เป็นลูกบ้านไหนกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะขี่เสือดำออกมา พ่อแม่ไม่ดูแลเลยหรืออย่างไรกัน?”
“นั่นน่ะสิ ๆ หากไปกัดคนอื่นเข้าจะทำเช่นไร? ไปเถอะ ๆ ๆ เดินเข้าไปอีกหน่อย”
“ดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แล้ว น่าจะเป็นลูกของตระกูลใหญ่นะ”
“แต่อายุน้อยขนาดนี้ กลับกล้าขี่เสือดำไปทั่วทุกแห่ง ช่างมีความกล้ามากนัก”
เสียงพูดคุยของทุกคนดังเข้าหูหนานหนานทุกคำไม่ตกหล่น ทำให้ร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยยืดตรงยิ่งขึ้น
“เป็นเช่นไร? ถนนสายนี้คึกคักมากเลยใช่หรือไม่?” หนานหนานก้มหน้าลง ตบหลังพยัคฆ์ทมิฬเบา ๆ พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “เจ้าเองก็ควรจะขอบคุณที่ข้าพาเจ้าออกมาใช่หรือไม่ เจ้าดูสิ ที่นี่คึกคักขนาดไหน เจ้าดูสิ ตรงนั้นเรียกว่าโรงเตี๊ยม ส่วนตรงนั้นเรียกว่าสิงโตหิน อันนั้นล่ะ เรียกว่าโคมไฟ แต่ก็แน่นอน ของพวกนั้นจะสวยก็ต่อเมื่อเป็นช่วงค่ำ”
เจ้าเสือดำส่ายหัว มันเริ่มหมดความอดทนแล้ว
หนานหนานคิดเองเออเองว่ามันทำเช่นนี้เพราะเห็นด้วยกับคำพูดของเขา “เจ้าเองก็ดีใจที่ได้เห็นของหายากมากเช่นนี้ใช่หรือไม่? ตอนนี้คงตื่นเต้นมากเลยสินะ? รักข้าแล้วล่ะสิ หากไม่ใช่เพราะข้าพาเจ้าออกมาดูโลกภายนอก ตอนนี้เจ้าคงยังถูกขังเป็นเจ้าทึ่มอยู่ในห้องนั่นแหละ”
…เจ้านั่นแหละเจ้าทึ่ม ทึ่มทั้งตระกูล ใครบ้างไม่รู้จักโคมไฟ ใครบ้างไม่รู้จักโรงเตี๊ยม?…
เจ้าเสือดำเกิดความทุกข์ใจขึ้นมา ตอนนี้มันคิดถึงนายท่านที่จวนโม่เหลือเกิน แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่จบไม่สิ้นเสียที เดินอยู่บนถนนตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทาง และยังไม่หยุดพักเท้า ไม่สิ พักเท้าของมันแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ยังมีโม่เสียนที่ประสบชะตากรรมเดียวกับมันเดินตามหลังอย่างเงียบ ๆ หลังจากเห็นหนานหนานเดินอ้อมถนนสายนี้เป็นรอบที่สาม เขาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังทำงานหนัก แค่ขี่หลังพยัคฆ์ทมิฬตัวใหญ่มิใช่หรือ? น่าอวดน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเชียว? ถึงได้เดินวนอยู่บนถนนเส้นเดิมมาสามรอบไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเลยสักนิด
โม่เสียนคลึงหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันไม่หยุด ก่อนยอมรับชะตากรรมเดินตามต่อไป ขณะที่ข้างหูก็มีเสียงเด็กคนนั้นพูดเองเออเองดังลอยเข้ามาอีกครั้ง
“เจ้าเสือดำจอมทึ่ม ตอนนี้เจ้ารู้สึกว่าข้าดีกับเจ้าเป็นพิเศษ ให้ความรู้สึกประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ และทำให้เจ้าใหญ่โตเป็นพิเศษใช่หรือไม่?”
…มีแค่เจ้านั่นแหละที่คิดว่าใหญ่โตนายท่าน ได้โปรดพาข้ากลับไปที…
บางทีอาจเป็นเพราะเดินเตร็ดเตร่จนเหนื่อย ในที่สุดหนานหนานก็หยุดลงอย่างมีความสุข ถอนหายใจพูดว่า “เอาล่ะ พวกเราอวดกันพอแล้ว ตอนนี้กลับไปหาท่านแม่กันเถอะ”
โม่เสียนที่อยู่ด้านหลังแทบร้องไห้ออกมา ในที่สุดสวรรค์ย่อมเมตตาคนที่มีความตั้งใจ หลังจากเดินอยู่นาน ในที่สุดก็จะได้เจอท่านแม่ที่เด็กนี่พูดถึงเสียที
โม่เสียนขมวดคิ้ว เร่งฝีเท้าก้าวเดินไปด้านหน้าสองก้าว
ตอนที่เขากำลังเตรียมใจเพื่อได้ไปเจอท่านแม่ของหนานหนาน ทั้งคนและพยัคฆ์ที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดลงอีกครั้ง
ดวงหน้าเล็ก ๆ ของหนานหนานซ่อนอยู่ในหมอกขาว พร้อมกับเสียงสูดปากน้ำลายสอที่ดังแว่วมา
โม่เสียนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเจ้าเด็กคนนั้นกลืนน้ำลายอยู่หน้าร้านซาลาเปา กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าตั้งแต่ออกมาตอนเช้า ยังไม่ได้กินอะไรเลย ท้องไส้เริ่มร้องเสียแล้วสิ”
โม่เสียนหลุบตามองท้องตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาเองก็หิวแล้วเช่นกัน
เถ้าแก่ร้านซาลาเปาเห็นเสือดำตัวใหญ่กำลังเดินตรงเข้ามาก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด และเมื่อพบเรื่องน่าเศร้าว่ามันหยุดอยู่หน้าแผงลอยของตนโดยไม่ยอมจากไป ก็ยิ่งตกใจจนวิญญาณหลุดลอย
หนานหนานเช็ดคราบน้ำลายที่มุมปาก ดวงตาเป็นประกายแวววาวช้อนขึ้นมองเถ้าแก่ร้านที่ไม่ขยับตัว ยิ้มด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอกล่าวว่า “ข้าหิวแล้ว”
“…ซา…ซาลาเปาหนึ่งเหวิน หนึ่งเหวินได้สองลูก” ขาของเถ้าแก่เริ่มสั่น ปากก็ฝืนพูดออกไป
หนานหนานพลิกปลิ้นกระเป๋าของตนด้วยท่าทางน่าสงสาร ในนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่รากหญ้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงิน “เหรียญของข้าให้ท่านแม่ดูแลหมดแล้ว แต่ท่านแม่ของข้าไม่อยู่ เถ้าแก่ ทำเยี่ยงไรดี?”
เถ้าแก่ร้านซาลาเปาอ้าปาก เขาอยากให้ซาลาเปาเด็กคนนี้ไปสองลูกจะได้จบ ๆ ไป แต่เมื่อคิดว่าหากยอมแพ้แบบนี้ เพื่อนบ้านทางฝั่งนี้เห็นคงได้หัวเราะเยาะเขา หลังจากนี้คนอื่นอยากมากินซาลาเปาก็คงทำแบบเดียวกันหมด เช่นนั้นเขาจะค้าขายได้เยี่ยงไร?
คิดเช่นนี้ เขาก็ปิดปากไม่พูดไม่จา
หนานหนานถอนหายใจ มือเล็ก ๆ ของเขาลูบหลังของเจ้าเสือดำ กล่าวเสียงเบาว่า “ข้ากับเจ้าเสือน้อยไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน แต่เถ้าแก่อย่าได้กังวลเลย ข้าไม่ได้เป็นอันธพาลตัวน้อยที่หลอกกินของคนอื่นเปล่า ๆ ท่านแม่ของข้าสอนให้ข้าเป็นคนสุภาพ ไม่มีเงินก็มิอาจกินของคนอื่นตามใจชอบได้ ท่านอย่าได้กังวลใจ ข้าไม่แย่งหรอก”
เถ้าแก่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารู้สึกซาบซึ้งต่อมารดาที่เด็กคนนี้พูดถึง ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนมีการศึกษา
ระหว่างที่เขากำลังมีความสุข หนานหนานกลับพูดต่อไปว่า “เถ้าแก่ ท่านก็อย่าได้กลัวไปเลย ข้าไม่แย่งหรอก และข้าก็ไม่สั่งให้เสือดำของข้าแย่งด้วย แม้เสือดำของข้าจะชอบกัดคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ยอมเชื่อฟังใครเวลาหิวก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษมันก็กลืนลงท้องหมด อีกอย่างมันยังกัดหัวคนอย่างเหี้ยมโหดมากด้วยนะ แต่ท่านอย่าเป็นกังวลเลย ข้าจะหยุดยั้งมันไว้ แม้ตัวข้าจะมีพละกำลังเพียงน้อยนิดก็ตาม”
เถ้าแก่แทบร่ำไห้ เจ้าบอกว่าหากมันหิวจะไม่ยอมถูกควบคุม เจ้าบอกว่าเจ้ามีพละกำลังน้อยนิด แล้วเจ้าจะหยุดยั้งมันได้เยี่ยงไร?
พยัคฆ์ทมิฬที่อยู่ใต้ลำตัวของหนานหนานรู้สึกขายหน้ามาก มันอยากสะบัดเจ้าเด็กคนนี้แล้ววิ่งกลับไปที่จวนโม่ให้รู้แล้วรู้รอดเสียเหลือเกิน
โม่เสียนเบือนหน้าหันมองหินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาไม่รู้ว่าควรจะประเมินอย่างไรแล้ว
เถ้าแก่ร้านซาลาเปารู้สึกอับจนหนทาง โดยเฉพาะหนานหนานที่กำลังเปิดปากราวกับจะพูดเรื่องที่น่ากลัวบางอย่างออกมา เขาจึงก้าวเท้ามาด้านหน้าสองก้าวด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม จากนั้นนำซาลาเปาสี่ห้าลูกที่อยู่ในเข่งมาห่อไว้แล้วยื่นให้หนานหนาน มุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งขณะเอ่ยปากกล่าวว่า “เจ้าเอาไปกินเถอะ เหอะ ๆ ๆ ข้าเลี้ยงเอง เจ้าดูสิ เจ้าเองก็น่าสงสาร เด็กน้อย เจ้าเป็นเด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต กินให้เยอะหน่อยนะ มา ๆ”
ดวงตาของหนานหนานเป็นประกายแวววาว เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปคว้าไว้ “เถ้าแก่เป็นคนดีจริง ๆ เอาล่ะ เจ้าเสือน้อย ขอบคุณเถ้าแก่สิ แล้วพวกเราไปกันเถอะ”
เจ้าเสือดำคิดว่าในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว มันจึงหันหน้าเดินออกจากแผงลอยขายซาลาเปาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พร้อมสาบานว่าจะไม่ให้ความร่วมมือในเรื่องที่น่าอายเช่นนี้กับเขาอีกแล้ว
หนานหนานรู้สึกสบายใจนัก ขาสั้น ๆ ทั้งสองข้างแกว่งไปมาอยู่ข้างลำตัวของพยัคฆ์ทมิฬ กินซาลาเปาเสียจนเสียงดังแจ๊บ ๆ
“อืม ๆ ซาลาเปาลูกนี้อร่อยมากเลย เจ้าเสือน้อย เจ้าอยากกินสักหน่อยไหม? เอ๋ จริงสิ ดูเหมือนว่าเจ้าจะกินหัวผักกาดเหลืองนี่นา น่าเสียดายจริง ๆ ที่นี่ไม่มีหัวผักกาดเหลืองขายเสียด้วยสิ”
…ต่อให้มีขายเจ้าก็ไม่มีเงินซื้ออยู่ดีมิใช่หรือ? ไม่สิ มันไม่กินแครอทสักหน่อย เจ้าบ้าเอ๊ย…
“เจ้าเสือน้อย เจ้าว่าข้าหน้าตาน่ารักมากเลยใช่หรือไม่ เถ้าแก่ถึงได้ให้ซาลาเปาลูกใหญ่มามากขนาดนี้ภายในชั่วอึดใจเดียว อันที่จริงก็ช่วยไม่ได้หรอก ใครใช้ให้ข้ามีความงามโดยกำเนิดจนยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบกันล่ะ หลังจากนี้เจ้าอยู่กับข้า ก็จะได้ผลประโยชน์ในส่วนของเจ้าด้วย” หนานหนานพูดพลางกัดซาลาเปาเนื้อฉ่ำ ๆ ไปด้วยคำหนึ่ง จึงทำให้คำพูดของเขาฟังดูอู้อี้
มุมปากโม่เสียนกระตุกยิก หน้าตาน่ารักเกินไปอะไรกัน นั่นคือการข่มขู่ เป็นการข่มขู่ชัด ๆ! อีกอย่างข้างกายของเขายังมีเสือดำของนายท่าน จึงทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมายต่างหากเล่า
เจ้าเด็กแปลกประหลาดคนนี้นี่ ตอนนี้โม่เสียนสงสัยเสียเหลือเกินว่าบิดามารดาของเขาเป็นใครกันแน่
โม่เสียนส่ายหน้า แอบถอนหายใจออกมา แต่ใครจะไปคาดคิดว่าแค่ไม่ทันได้ระวัง หนานหนานก็กระโดดลงจากหลังเสือดำ เลี้ยวเข้าตรอกซอยเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้าไปแล้ว
…………………………
สารจากผู้แปล
เด็กคนนี้ได้ความแสบนรกมาจากใครกันเนี่ย เจ้าเล่ห์ไม่พอยังหน้าหนาด้วย ทั้งคนทั้งเสือเหนื่อยใจไปตามๆ กันเลย
ไหหม่า (海馬)