บทที่ 28 ครอบครัวอาสะใภ้สาม

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 28 ครอบครัวอาสะใภ้สาม

บทที่ 28 ครอบครัวอาสะใภ้สาม

ลูกชายคนสุดท้องดิ้นรนหาความตาย สะใภ้ใหญ่ข่มขู่แยกครอบครัว

ครอบครัวที่เคยอยู่กันมาอย่างสงบสุข ถูกสตรีเพียงคนเดียวทำให้บ้านแตกสาแหรกขาดไม่เหลือชิ้นดี

แท้จริงแล้วท่านปู่กู้และท่านย่ากู้ไม่ต้องการสู่ขอสะใภ้คนนี้เข้าบ้าน เพราะยังไม่ทันจะได้แต่งเข้าบ้านก็ทำให้พี่น้องในบ้านอันแสนสงบสุขต้องแตกคอกัน หากเป็นเช่นนี้แล้ววันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?

ครอบครัวตระกูลเฉาละโมบโลภมากต้องการสินสอดจำนวนมาก เรื่องเล็กน้อยนี้ทำให้คนชราในครอบครัวกู้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

ทว่ายังดีตอนนั้นมีกู้ฉวนฟู่บิดาของกู้เสี่ยวหวานคอยเป็นคนช่วย ครั้นเห็นมารดาของตนตกระกำลำบากก็ยอมทำให้ตนเองแปดเปื้อน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการยืมเงินมาสู่ขอแม่เฉาเอง

บิดาผู้น่าสงสารและจิตใจดีงามแบกรับความรับผิดชอบเอาไว้ด้วยความสมัครใจเช่นนี้ แม่ซุนยังจะสร้างเรื่องใดขึ้น? กู้ฉวนโซ่วจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไร? คุณปู่กู้และคุณย่ากู้จะยังต้องกังวลสิ่งใดอีก?

ทุกคนกุลีกุจอเตรียมเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับงานแต่ง เพื่อต้อนรับสะใภ้คนใหม่อย่างดีอกดีใจเป็นพิเศษ

ทางฝ่ายของแม่เฉา การหาคนที่ยินยอมมอบสินสอดมากมายเพื่อสู่ขอนางนั่นไม่ง่ายเลย ได้ยินแม่สื่อบอกว่า อีกฝ่ายไม่เอ่ยเอื้อนวาจาใด ๆ ให้มากความก็ตอบตกลงแล้ว ทำให้แม่เฉาดีใจจนหัวใจแทบกระเด็นออกจากอก นางละเมอเพ้อพกไปเองว่าสุดท้ายก็คว้าครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยได้แล้ว มีสินสอดทองหมั้นจำนวนมหาศาลมาสู่ขอตนเพียงชั่วพริบตา ในที่สุดความทุกข์ระทมของตนก็สิ้นสุดลง

หลังจากนี้เมื่อได้ย้ายเข้าบ้านสามี นางต้องอยู่อย่างเสวยสุขแน่นอน ก่อนวันงานแต่งงานนางจะต้องดูแลตนเองให้ดี เป็นคุณนายสวมเสื้อผ้าหรูหรากินดีอยู่ดี

เพียงแต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลานั้นข่าวสารในหมู่บ้านถูกปิดกั้น อีกทั้งแม่สื่อเหล่านั้นยังมีคารมคมคายและมีวาทศิลป์เป็นเลิศ วาจาโป้ปดไพเราะกว่าร้องเพลง สามารถโอ้อวดเรื่องธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องวิเศษได้ จะให้กล่าวถึงบ้านฝ่ายชายเสีย ๆ หาย ๆ ได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้นเมื่อครอบครัวแม่เฉาได้รับของหมั้น ภาระเรื่องการแต่งงานของลูกสองคนก็จบสิ้น ถึงแม้จะทราบสถานการณ์ตระกูลกู้มาไม่มากไม่น้อย ทั้งยังรู้ว่าเงินส่วนใหญ่ล้วนหยิบยืมมาจากผู้อื่น ทว่าลูกสาวของบ้านก็มีอายุอานามไม่น้อย หากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นสาวเทื้อได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบิดามารดาของแม่เฉา หากนางไม่สมัครใจ เช่นนั้นจะไม่เรียกว่าต้องคืนเงินในกระเป๋าหรืออย่างไร

หากคืนทุกอย่างกลับไป ก็ไม่รู้ว่าวันเดือนปีไหนถึงจะมีคนมาสู่ขออีกครั้ง มารดาของแม่เฉากรอกหูนางทุกวันว่าตระกูลกู้มีดีเพียงใด แม่เฉาได้ยินดังนั้นก็อยากจะลองเสี่ยง แทบจะอยากจะแต่งงานเข้าตระกูลกู้ทันใด

ดังนั้น สถานการณ์ของตระกู้ จึงมีเพียงแม่เฉาถูกหลอกอยู่เพียงผู้เดียว

กระทั่งผ่านพ้นพิธีจุดเทียนภายในห้องหอบ่าวสาว ครั้นตะวันขึ้นสูงบนฟ้า แม่เฉาจึงได้เห็นบ้านนี้อย่างชัดเจน

สิ่งใดเล่าที่เรียกว่าสวมเสื้อผ้าหรูหรากินดีอยู่ดี? มีข้าวให้กินก็นับว่าดีมากพอแล้ว

ความฝันนางพลันแหลกสลายจนจิตใจหดหู่เหนื่อยล้า เดิมทีนางมีนิสัยรุนแรงอยู่แล้ว ครั้นมาถึงตระกูลกู้ก็พบมารดาของกู้เสี่ยวหวานง่ายต่อการกดขี่รังแก นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามารดาของกู้เสี่ยวหวานจึงได้กลายเป็นที่รองมือรองเท้าของนาง ช่างไร้ศักดิ์ศรีเสียจริง

กู้ฉวนฟู่ผู้น่าสงสาร แบกรับผิดชอบภาระหนี้สินจากการแต่งงานของกู้ฉวนโซ่วไว้บนร่าง เหนื่อยล้าสายตัวแทบขาด ยังไม่มีผู้ใดเห็นเขาอยู่ในสายตา

พี่สะใภ้ใหญ่เอ่ยวาจาถากถาง น้องสะใภ้หมางเมินไม่แยแส

คนหนึ่งด่าไม่รู้จักชั่วดี อีกคนด่าสร้างเรื่องวุ่นวาย

กู้ฉวนฟู่ตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทำนาเหนื่อยตัวเป็นเกลียว แม่เถียนต้องซักผ้าของคนทั้งบ้าน เตรียมอาหาร ทำงานจนหัวหมุน

สองสะใภ้แม่ซุนและแม่เฉา รับประทานอาหารเสร็จก็สะบัดก้นทิ้งชามกองพะเนิน อุ้มลูกตัวปลิวเที่ยวเตร่อยู่ด้านนอกและคอยซุบซิบนินทาผู้อื่น

ครั้นเวลาอาหารมาถึงก็โผล่หน้ากลับมายังบ้านตระกูลกู้

เรื่องราวเป็นเช่นนี้อยู่เนินนาน ท้ายที่สุดแม้แต่ท่านปู่กู้และท่านย่ากู้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ลูกชายทั้งสามเป็นลูกชายของพวกเขา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข สองสะใภ้เที่ยวหัวหายตะพานขาด งานการไม่ทำ กลับมากินข้าวติฉันนินทาผู้อื่นในด้านลบ

ท่านปู่กู้ทนไม่ไหวอีกต่อ โกรธเคืองดั่งไฟสุมทรวง ต้องการให้กู้ฉวนลู่ทำงานเป็นเสมียนบัญชีเพื่อหาเงินมาใช้หนี้

ไม่ต้องกล่าวถึงแม่เฉา เพราะกู้ฉวนลู่ย่อมไม่ยอมคล้อยตาม

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องแยกบ้านก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้นครั้งใหญ่ ทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นต้องเชิญหัวหน้าหมู่บ้าน กู้ฉวนโซ่วและแม่ซุนได้แยกบ้านออกไป ไม่ทิ้งสิ่งใดเอาไว้ ทั้งยังนำของมีค่าอันน้อยในบ้านติดตัวไป

เรื่องราาวกลับกลายเป็นเช่นนี้ บ้านเก่าตระกูลกู้จึงเหลือเพียงลูกชายสองคนและลูกสาวคนสุดท้อง

สุดท้าย ท่านปู่กู้และท่านย่ากู้ป่วยติดเชื้อจากไข้หวัด ทยอยลาจากโลกนี้ไป ส่วนกู้ฟางสี่อาเล็กของกู้เสี่ยวหวานแต่งงานออกเรือน

สถานะภายในบ้านของกู้ฉวนฟู่และแม่เถียนถดถอยอย่างรวดเร็ว

แม่เฉาขับไล่กู้ฉวนฟู่ออกจากบ้านเก่า!

หลังจากนั้นก็ใช้อำนาจเข้ายึดบ้านตระกูลกู้

กู้ฉวนฟู่กลายเป็นวัวเป็นม้าให้น้องชายและน้องสะใภ้ กระทั่งถึงวันหนึ่งก็ถูกทั้งคู่ไล่ออกจากบ้าน!

เรื่องราวต่าง ๆ ไหลทะลักเข้ามาในสมองทีละเรื่อง ทีละเรื่อง จนกู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่า การที่พ่อและแม่ของตนถูกไล่ออกจากบ้านถือเป็นเรื่องที่โชคดีแล้ว

รับหน้าที่เป็นวัวเป็นม้าให้กับคนเช่นนี้มาครึ่งชีวิต เป็นตัวหาเงินหาทอง ถูกปฏิบัติราวกับแรงงานข้าทาส ถูกพวกเขาไล่ออกมาย่อมเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

นางมองอาสะใภ้ที่แต่งกายฉูดฉาดยืนขวางทางไว้ ครอบครัวกู้ฉวนโซ่วไม่ใช่ครอบครัวที่น่าจะมีชีวิตอยู่รอดจวบจนวันนี้จริง ๆ

อาสามชอบดื่มเหล้าเมาสุรา เงินเพียงน้อยนิดในบ้านถูกใช้ไปกับอบายมุข แม่เฉาที่เป็นอาสะใภ้สามคิดว่าตนเองมีรูปโฉมงดงาม นางมักใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว เลียนแบบเหล่าคุณนายภายในเมือง ชื่นชอบการแต่งตัวสวยเพริศพริ้ง วัน ๆ อยู่นอกบ้านไม่เอาการเอางาน

กู้เสี่ยวหวานมองแป้งรองพื้นสีขาวกว่ากำแพงบนใบหน้าแม่เฉา นางชอบเลียนแบบเด็กสาวอายุสิบแปดปี นางรัดเอวเสียแน่นจนเอวคอดกิ่ว

เป็นธรรมชาติของสตรีที่จะรักสวยรักงามมาแต่สมัยโบราณ แต่ถ้าพวกนางใช้ความคิดทั้งหมดไปกับความงาม พวกนางจะไม่สนใจครอบครัว ไม่รู้จักปัดกวาดเช็ดถูบ้าน และไม่รู้จักคิดหาวิธีขจัดความยากจนพัฒนาตนให้ร่ำรวย ช่างไม่ดีเอาเสียเลย

เมื่อมองกู้ถิงถิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง นางพ่นลมหายใจเย็นชาใส่กู้เสี่ยวหวานด้วย นางกลอกตามองบนเลียนแบบนิสัยผู้แม่ตั้งแต่ยังเยาว์วัยจนเกิดความเคยชิน เดิมทีดวงตาของเด็กห้าขวบควรจะเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา แต่จากที่กู้เสี่ยวหวานมองดูก็ต้องพบกับแววดุร้ายแฝงไปด้วยความรังเกียจ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เลือกสะใภ้ผิดคือบ้านพังที่แท้ทรู

ไหหม่า(海馬)