บทที่ 22 หรือว่านางจะจับได้

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

บทที่ 22 หรือว่านางจะจับได้

“ฮูหยินกำชับสิ่งใดบ้างรึ” หมี่โม่หรู่เอ่ยเข้าประเด็น หากจะบอกว่าวันแต่งงานเร่งรีบเสียจนฉินเฉิงหย่งไม่ทันได้มอบหมายภารกิจ คืนเหย้าวันนี้ต้องสั่งการฉินปู้เข่อแน่นอน

“สามคล้อยตาม สี่คุณธรรม เชื่อฟังสามี ไม่ปากมาก ไม่สร้างเรื่อง” ฉินปู้เข่อก้มหน้าก้มตาอย่างนอบน้อม

หมี่โม่หรู่กระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก ดูท่าไม่คิดจะซื่อตรงต่อกันแล้วสินะ

จึก!

ธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาทางหน้าต่างรถม้า เฉียดใบหน้าของฉินปู้เข่อ และปักเข้ากับกำแพงรถม้า

ฉินปู้เบิกตากว้าง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แย่แล้วหรือว่านางจะกำลังประสบการพบเจอการลอบสังหารในตำนานเสียแล้ว

“ท่าน ท่านอ๋อง มีนักฆ่าเพคะ”

“อืม” หมี่โม่หรู่พยักหน้าด้วยท่าทางนิ่งเฉย

เสียงของอู๋เหินและซวงหวนดังขึ้นมาจากนอกรถม้า “เจ้านักฆ่าจะหนีไปไหน!”

“เฮอะ ๆ ที่แท้ท่านอ๋องก็มีหน่วยป้องกันเอาไว้อยู่แล้ว” ฉินปู้เข่อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาจากหน้าผาก

เมื่อลองคิดดูแล้วก็ใช่ บรรดาท่านอ๋องและองค์ชายในซีรีส์ก็มีชีวิตรอดถึงตอนบรรลุนิติภาวะได้อย่างยากลำบาก เรื่องลอบสังหารเช่นนี้คงเกิดขึ้นบ่อยจนเหมือนกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว

แหม ๆ ท่านอ๋องขี้โรคหนึ่งคนยังปล่อยไปไม่ได้ สภาพการเป็นอยู่ของท่านอ๋องในยุคโบราณเลวร้ายเสียจริง

รถม้าเคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง

ปลอดภัยแล้วหรือ?

ฉินปู้เข่อเลิกม่านรถขึ้นด้วยความสงสัย ตอนนี้บนรถม้ามีเพียงคนขับรถม้าหนึ่งคน อู๋เหิน ซวงหวนและองครักษ์อีกสี่ห้านายไปไล่ตามนักฆ่าคนเมื่อครู่ออกไปแล้ว

ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางอยู่บนถนนสายหลัก เวลานี้เป็นยามเว่ย[1] ร้านรวงตามข้างทางยังเปิดกันขวักไขว่ มีผู้คนเดินสัญจรกันมากมาย

หากอ้างอิงตามสถานการณ์ที่นางออกมาเดินเล่นเมื่อสองวันก่อน อีกเดี๋ยวพวกเขาต้องเลี้ยวจากถนนสายหลักไปยังตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ่ง หลังจากทะลุตรอกเล็ก ๆ นั่นแล้วไปวิ่งตามทางฝั่งซ้ายอีกสักพักจึงจะถึงตำหนัก

นางเหลือบเห็นป้ายร้านแห่งหนึ่งด้วยหางตา ฉินปู้เข่อหลุบตามองต่ำอย่างใช้ความคิด นางปิดม่านลง ยิ้มบาง ๆ พลางกล่าว “ท่านอ๋องจอดก่อนสักครู่ได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันเห็นร้านหนึ่งที่มีของขายน่าสนใจ อยากจะลงไปดูเสียหน่อยเพคะ”

ไม่รอให้หมี่โม่หรู่เอ่ยอนุญาต ฉินปู้เข่อก็ตะโกนขึ้นมาว่า “จอดรถ”

ก่อนจะเข็นหมี่โม่หรู่ลงไปทั้งคนทั้งเก้าอี้ โดยไม่ให้เขาได้โต้เถียงอะไร

หมี่โม่หรู่ชำเลืองใบหน้างดงามหากแต่ซีดเซียวของนาง จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่ม “ชายาอยากเดินเล่นหรือ?”

“เพคะ” ฉินปู้เข่อหันไปบอกคนขับรถม้า “รบกวนเจ้ากลับตำหนักไปก่อนเถิด”

คนขับรถม้าประสานมือ ก้มหน้ากวาดสายตามองหมี่โม่หรู่ เมื่อได้รับสัญญาณจากอีกฝ่ายหลังแล้วจึงเคลื่อนรถออกไป

ฉินปู้เข่อเข็นหมี่โม่หรู่เข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว หลังจากคุยกับสาวน้อยหน้าประตูไปสองสามประโยค ทั้งสองก็ทะลุเข้ามายังสวนเล็ก ๆ ด้านหลังร้าน

ในสวนมีรถม้าเรียบง่ายธรรมดาคันหนึ่งจอดอยู่ในสวน

“นี่คือ…”

ฉินปู้เข่อยิ้มเล็กน้อย ด้วยท่าทางดีใจ “ท่านอ๋อง ในฐานะราชโอรสท่านคงผ่านการลอบสังหารมาไม่น้อย ท่านไม่รู้สึกว่าเมื่อครู่ดูจะเข้าเค้าล่อเสือออกจากถ้ำหรือเพคะ องครักษ์ไปกันหมดเหลือเพียงคนขับรถม้าเพียงคนเดียว หากประเดี๋ยวเจออะไรเข้า พวกเรามีแต่ต้องโดนกระทำเท่านั้น”

“นี่คือรถม้าที่หม่อมฉันซื้อเอาไว้ตอนที่ออกมาเดินเล่นเมื่อวานซืน ทีแรกหม่อมฉันเตรียมรถม้าคันนี้ไว้สำหรับการออกมาเที่ยวเล่นในอนาคต วันนี้เพื่อความปลอดภัยของท่านอ๋องจึงต้องใช้มันก่อน”

หมี่โม่หรู่มองหญิงสาวนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้ฉินปู้เข่อเข็นเขาเข้าไปในรถม้าคันใหม่

เรื่องซื้อรถม้าเขาเคยได้ยินมาแล้วจากซวงหวน แต่คิดไม่ถึงว่านางจะใช้ในช่วงเวลาแบบนี้

รถม้ามุ่งหน้าต่อไป รอจนหยุดลงอีกครั้งหมี่โม่หรู่ก็พบว่าตัวเขามาอยู่ในหอน้ำชาแห่งหนึ่ง

“ชายาอยากดื่มชารึ?” การกระทำของฉินปู้เข่อเกินกว่าที่หมี่โม่หรู่คาดเดาเอาไว้มาก

แม้เขาจะรู้ว่าแผนในวันนี้ล่มลงแล้ว แต่ตอนนี้เขาเกิดความสนใจอย่างมาก อยากจะเห็นว่าชายาของเขาผู้นี้จะสามารถทำสิ่งใดได้อีก

“หม่อมฉันอยากเลี้ยงน้ำชาท่านอ๋อง และดูงิ้วด้วยกันเพคะ” ฉินปู้เข่อยักคิ้วพร้อมเข็นหมี่โม่หรู่ขึ้นไปบนห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ชั้นสองของหอน้ำชา

หลังจากเสี่ยวเอ้อร์นำน้ำชาเข้ามาและปิดประตูให้แล้ว ฉินปู้เข่อถึงเปิดหน้าต่างเล็ก ๆ บานหนึ่งที่ด้านข้างของห้องส่วนตัว

“ท่านอ๋อง ดูสิเพคะ” ฉินปู้เข่อเข็นเก้าอี้ไปอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ส่งสัญญาณให้หมี่โม่หรู่มองไปทางตะวันตกเฉียงใต้

หมี่โม่หรู่ตะลึงในใจ สายตากวาดผ่านใบหน้าของฉินปู้เข่ออย่างแนบเนียนโดยที่ไม่ให้นางรู้ตัว ราวกับต้องการค้นหาบางอย่าง

ฉินปู้เข่อมิได้รู้สึกถึงสายตาของเขา นางชี้ไปยังตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล “ตามเส้นทางรถม้าของตำหนัก หากจะกลับตำหนักต้องผ่านตรอกเล็ก ๆ ที่เงียบเชียบนี้แน่นอนเพคะ หากนักฆ่าในวันนี้มีแผนสำรองต้องลงมือในตรอกนี้แน่นอนเพคะ”

“ห้องนี้มองเห็นได้กว้างไกล สามารถเก็บรายละเอียดทั้งหมดในตรอกเล็ก ๆ ได้หมดเพคะ หากเราจับเป็นได้ ก็จะรู้ว่าใครกันที่ต้องการลอบสังหารท่านอ๋องในวันนี้”

ฉินปู้เข่อดีใจกับตนเอง ซีรีส์ย้อนยุคตั้งมากตั้งมายที่เคยดูเมื่อชาติก่อนไม่ได้เสียเปล่า หากจับนักฆ่าในวันนี้ได้ หมี่โม่หรู่จะต้องมองนางใหม่อย่างแน่นอน นางก็จะก้าวหน้าไปอีกหนึ่งก้าวใหญ่บนเส้นทางจีบชายในฝัน

เห็นท่าทางตั้งใจอธิบายของนางแล้ว หมี่โม่หรู่จึงไม่อาจตัดสินได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ามองแผนของเขาออกหรือไม่ ไม่มีสิ่งใดอะไรเกี่ยวแผนนี้เลย แต่คาดเดาได้ด้วยสติปัญญาของตนเองล้วน ๆ ว่าในตรอกเล็ก ๆ นี้จะเกิดการเข่นฆ่าขึ้น

การเข่นฆ่าที่มีขึ้นเพื่อทดสอบนาง

ไม่ว่าจะแบบไหน ฉินปู้เข่อตรงหน้าก็ไม่ใช่คนสุภาพเรียบร้อยอย่างที่นางแสดงออกมาอย่างแน่นอน หญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและสติปัญญาเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นหมากของใครเมื่ออยู่ในตำหนักอ๋องหลี่ชินก็เป็นอันตรายต่อเขาไม่น้อยเลย

รถม้าของตำหนักโผล่มายังตรอกเล็ก ๆ ตามเส้นทางที่กำหนด พวกอู๋เหินไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงระหว่างนี้ หลังจากรถม้าเข้ามาในตรอกแล้วก็กระโจนตัวลงมาจากชายคาทั้งสองฝั่ง

“ดูสิเพคะ มากันแล้ว” ฉินปู้เข่อร้องเสียงหลงอย่างตกใจ และหันไปมองหมี่โม่หรู่ “ท่านอ๋องเพคะ วันนี้แหละ หม่อมฉันจะจับนักฆ่าคนนี้เพื่อท่านให้ได้”