ตอนที่ 35 เจ้าคิดว่าข้ากลัวตระกูลซ่งของเจ้าหรือ

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 35 เจ้าคิดว่าข้ากลัวตระกูลซ่งของเจ้าหรือ?

ฝ่ามือที่เด็ดขาดและรุนแรงฝ่ามือหนึ่งฟาดเข้าใส่ทรวงอกของสวี่อี่เทียน!

ภายในเสียงกระแทกทึบๆ มีเสียงกระดูกแตกร้าวดังขึ้นมา สวี่อี่เทียนกระเด็นลอยไปด้านหลัง “พรืด!” โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาจากปากและจมูก ทำเอาผู้ที่ดูเหตุการณ์อยู่พากันตกใจ

สวี่อี่เทียนที่ตกลงมาบนพื้นถอยโซซัดโซเซไปด้านหลัง ภายในปากและจมูกมีโลหิตไหลทะลักออกมา ขณะเดียวกันยังเบิ่งตาโตมองดูหนิวโหย่วเต้า ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาประมาทเกินไป ประมาทจนกระทั่งในตอนที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติมันก็สายไปเสียแล้ว ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ยกระดับการป้องกันไปอยู่ในระดับสูงสุดด้วย

สำหรับคนที่ชมเหตุการณ์อยู่ข้างๆ แล้ว ภาพเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนมองตามแทบจะไม่ทัน คนอื่นๆ รวมไปถึงซางเฉาจงต่างค่อนข้างตกใจ เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้ศัตรูบาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้ หรือว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายจะแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้? หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้ดูค่อนข้างประมาทคู่ต่อสู้?

ฝ่ามือที่ฟาดออกไปของหนิ่วโหย่วเต้ายังคงค้างอยู่เช่นนั้น หลังฟาดใส่ศัตรูจนถอยไปแล้วจึงค่อยๆ วางลง ตัวหนิวโหย่วเต้ายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าสงบเยือกเย็น แต่ภายในใจกลับกำลังครุ่นคิด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทดสอบ ‘ฝ่ามือมหาจักรวาล’ ของตัวเองบนร่างกายคนอย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรบ้าง

สวี่อี่เทียนที่ถอยโซซัดโซเซไปด้านหลังไม่หยุดถูกเฉินกุยซั่วยื่นมือมาประคองเอาไว้ถึงจะหยุดลงได้ ซ่งเหยี่ยนชิงและเฉินกุยซั่วเพียงมองดูโลหิตที่ยังคงไหลทะลักออกมาจากปากและจมูกของสวี่อี่เทียนไม่หยุดก็รู้ว่าเขาถูกฝ่ามือของหนิวโหย่วเต้าเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส!

ทั้งสองคนลอบด่าสวี่อี่เทียนที่ประมาทศัตรูอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าจะถูกฝ่ามือเดียวฟาดเข้าใส่จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ พวกเขายังคงคิดว่าเป็นเพราะสวี่อี่เทียนประมาทคู่ต่อสู้มากเกินไป อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะระวังยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายบนตัวอีกฝ่ายเอาไว้หน่อยหรือเปล่า?

แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าสวี่อี่เทียนนั้นบาดเจ็บสาหัสจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว ภายในร่างกายของเขาเวลานี้มีพลังหยางที่แข็งกร้าวสายหนึ่งและพลังหยินที่อ่อนโยนสายหนึ่งกำลังสอดประสานกันอยู่ หนึ่งร้อนหนึ่งเย็นพัวพันกันไม่หยุด ทำเอาพลังภายในร่างกายของเขาปั่นป่วน ไม่สามารถโคจรพลังเพื่อปรับลมปราณได้ ลมหายใจปั่นป่วนเป็นอย่างมาก จนเขาไม่สามารถอ้าปากเพื่อพูดได้

ความรู้สึกตกตะลึงที่เขามีต่อหนิวโหย่วเต้าไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขามั่นใจว่าวิชาที่หนิวโหย่วเต้าฝึกฝนมิใช่เคล็ดวิชา ‘สวรรค์พิสุทธิ์หทัยสูตร’ ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างเด็ดขาด วิชาของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่ได้ดุดันแข็งกร้าวเช่นนี้!

จนปัญญาที่เขาไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกตกตะลึงที่อยู่ภายในใจให้คนอื่นรับรู้ได้

ภายในใจซ่งเหยี่ยนชิงเองก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเช่นกัน นึกเสียใจว่าในอดีตไม่น่าเกลี้ยกล่อมให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อนุญาตให้หนิวโหย่วเต้าฝึกวิชาเลย ดูเหมือนหลายปีมานี้เจ้านี่มันจะฝึกฝนจนมีความรุดหน้า มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเล่นงานสวี่อี่เทียนจนได้รับบาดเจ็บได้

ไม่จำเป็นต้องให้เขาบอกอะไร เฉินกุยซั่วปล่อยมือจากสวี่อี่เทียน ก้าวอาดๆ ออกไป ก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศ มือชักกระบี่ออกมา ลำแสงกระบี่สายหนึ่งชี้ตรงมายังหนิวโหย่วเต้า จากนั้นพุ่งทะยานเข้ามา

หนิวโหย่วเต้ายังคงยืนเฉยเหมือนอย่างก่อนหน้า ขณะที่เฉินกุยซั่วกำลังพุ่งลงมาถึง แขนข้างที่ถือกระบี่ของเขาพลันยันขึ้นไปบนกระบี่ ร่างกายพลิกกลับหัวโดยใช้กระบี่เป็นจุดศูนย์กลางคอยค้ำพื้นเอาไว้ ขาทั้งสองข้างเตะตามกันออกไป

เท้าข้างหนึ่งเตะไปที่ผิวด้านข้างของตัวกระบี่ที่ฟันลงมา กระแทกกระบี่ที่ฟันลงมาออกไป เท้าอีกข้างหนึ่งเตะใส่ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งของเฉินกุยซั่วที่ฟันลงมา เท้าอีกข้างหนึ่งที่ชักกลับมาฟาดเข้าไปที่หน้าอกของเฉินกุยซั่วดังผัวะ ขณะที่ทุกคนกำลังมองดูจนตาลาย เฉินกุยซั่วที่เพิ่งจะกระโจนเข้ามาก็ถูกหนิวโหย่วเต้าเตะจนกระเด็นลอยกลับไป

ซ่งเหยี่ยนชิงที่เห็นท่าไม่ดีพุ่งตัวออกมา เขากระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เท้าเหยียบไปบนร่างเฉินกุยซั่วที่กระเด็นลอยกลับมา ขณะเดียวกับที่หลบหลีกร่างเฉินกุยซั่วที่ลอยมาก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง มือตวัดกระบี่ออกมาดังชิ้ง ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้า สาดส่องลงมาจากบนท้องฟ้า ปกคลุมร่างหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านล่างเอาไว้

หนิวโหย่วเต้าที่ใช้มือยันกระบี่พลิกตัวขึ้นไปกลางอากาศก็ยังไม่ตกลงพื้นเช่นกัน ในขณะที่ตัวเขาบิดหมุนอยู่กลางอากาศ จู่ๆ ร่างเขาพลันหดงอเหมือนกุ้งแห้ง จากนั้นยืดกางออกอย่างฉับพลัน ร่างกายที่หมุนกลับหัวพลันพลิกกลับมา เสียงชิ้งดังขึ้น ประกายเยียบเย็นพุ่งออกจากฝัก ปลายเท้าแตะไปบนฝักกระบี่ที่ตั้งตรงอยู่บนพื้น ร่างกายพลันทะยานขึ้นไปบนอากาศ สะบัดกระบี่ฟันขึ้นไปด้านบน เกิดเป็นเงากระบี่ที่ดุดันเกรี้ยวกราด กระบี่นี้มีชื่อว่า ‘กระบี่เอกะวิถีแบ่งประทีป!’

หากเป็นสภาวะในโลกก่อนหน้านี้ หนิวโหย่วเต้าไม่มีทางใช้กระบี่นี้ออกมาได้!

ลำแสงกระบี่จำนวนมากกระจายตัวออกไปเหมือนดั่งผืนผ้า เมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดแสงลงมาแลดูแสบตาเป็นอย่างมาก

ซ่งเหยี่ยนชิงที่หมุนตัวพุ่งลงมาจากด้านบนตกใจจนมือไม้ปั่นป่วน หากมองลงไปจากด้านบน เงากระบี่ที่พุ่งขึ้นมาอย่างดุดันนั้นเป็นเหมือนดั่งดอกบัวที่เบ่งบาน เขาแยกไม่ออกแล้วว่าไหนจริงไหนลวง ไม่รู้ว่าควรจะปัดป้องอย่างไร ในเวลานี้เขารู้แล้วว่าหนิวโหย่วเต้ามิใช่หนิวโหย่วเต้าที่เขาคิดเอาไว้

เสียงติงตังๆ ดังขึ้นมา แขนข้างหนึ่งของซ่งเหยี่ยนชิงกระเด็นออกไปพร้อมกับกระบี่ที่กุมอยู่ในมือ

หนิวโหย่วเต้าที่ลอยผ่านร่างซ่งเหยี่ยนชิงกลางอากาศหมุนตัวแล้วสะบั้นกระบี่อาบเลือดออกไปอีกคราหนึ่ง ก่อนจะสะบัดเท้าเตะเฉียงๆ เข้าไปที่หน้าอกของซ่งเหยี่ยนชิงดังผัวะ ซ่งเหยี่ยนชิงถูกเตะจนร่างกระเด็นลอยออกไป เหลือไว้เพียงขาสองข้างที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศพร้อมโลหิตที่สาดกระเซ็น

ปลอกกระบี่ที่ตั้งอยู่บนพื้นกำลังจะล้มลง หนิวโหย่วเต้าที่ลอยอยู่กลางอากาศซัดกระบี่ลงมา กระบี่ส่งเสียงหวีดร้อง ลำแสงเยียบเย็นสายหนึ่งสาดกระจายลงมาจากด้านบน พุ่งกลับเข้าไปในปลอกกระบี่ ทำให้ปลอกกระบี่ที่กำลังจะล้มลงตั้งอยู่ได้

เฉินกุยซั่วกระแทกลงพื้นดังตึง

จากนั้นซ่งเหยี่ยนชิงก็กระแทกลงพื้นดังตึงเช่นกัน

หลังจากนั้นถึงจะมีร่างคนคนหนึ่งลอยลงมาจากบนฟ้า อาภรณ์พลิ้วไหวโบกสะบัด หนิวโหย่วเต้าที่ลงมายืนบนพื้นยื่นมือออกไปกุมบนด้ามกระบี่เอาไว้อย่างแผ่วเบา

ไม่มีใครมองเห็นโลหิตที่อาบอยู่บนคมกระบี่ อาวุธสังหารนี้ยังคงอยู่ในมือของหนิวโหย่วเต้าเหมือนไม้เท้าแท่งหนึ่ง กระบี่นี้มีนามว่า ‘หลั่งเลือดภักดี!’

ขาทั้งสองข้างที่ถูกตัดขาดลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะร่วงตกลงมาทางด้านซ้ายและขวาของเขา

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ทำเอาทุกคนมองดูจนดวงตาพร่าเลือน ฝ่ามือเอาชนะสวี่อี่เทียน เท้าเอาชนะเฉินกุยซั่ว กระบี่เอาชนะซ่งเหยี่ยนชิง คนแรกนั้นยังพอทำเนา ทุกคนต่างมองเห็นอย่างชัดเจน แต่การประมือกันของสองคนหลังนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองตามกันแทบจะไม่ทัน

กระทั่งขาที่ถูกตัดขาดทั้งสองข้างตกลงบนพื้น ทุกคนจึงมองไปยังซ่งเหยี่ยนชิงที่นอนทุรนทุรายอยู่บนพื้นอีกครั้ง เวลานี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าแขนและขาอีกสองข้างของซ่งเหยี่ยนชิงถูกหยิวโหย่วเต้าฟันจนขาด แต่ละคนลอบรู้สึกตกใจ ผู้บำเพ็ญเพียรยังคงเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ทหารธรรมดามิอาจเทียบได้เลย!

ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไรที่ดูแคลนหนิวโหย่วเต้าเพราะเห็นเขาอายุน้อย แต่ในเวลานี้ทุกคนรวมไปถึงซางเฉาจง ซางซูชิงและหลานรั่วถิงต่างรู้แล้วว่าตัวเองมองคนผิดไป สามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญเพียรทั้งสามคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ได้ในเวลาสั้นๆ ต่อให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ส่งผู้บำเพ็ญเพียรแบบนี้มาให้ตนเองสามคนก็ไม่อาจรับมือหนิวโหย่วเต้าที่ดูเหมือนอายุน้อยคนนี้ได้!

มองคนแต่ภายนอก เสียแรงที่เสด็จพ่อสั่งสอน! ซางเฉาจงลอบรู้สึกอับอาย เป็นตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ นึกเสียใจที่ระหว่างทางกล่าววาจาเสียมารยาทกับหนิวโหย่วเต้า

เขาคิดถึงตอนที่เห็นหนิวโหย่วเต้าโยนอาหารแห้งทิ้งไป แต่ตนเองกลับอดไม่ได้ที่จะกล่าววาจาเย้ยหยันเสียดสี เป็นอีกฝ่ายที่ใจกว้างไม่ถือสาหาความ

หยวนกังที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนมองดูหนิวโหย่วเต้าอย่างเงียบๆ ลอบอุทานอยู่ในใจ เต้าเหยี่ยแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก!

สมณะที่ถือไม้พลองกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะเจ้าอาวาสหยวนฟางที่อยู่ในกลุ่มนั้นต่างมีสีหน้าหวาดกลัวลนลาน ภายในใจลอบส่งเสียงกรีดร้อง เดิมทีตัวเองก็ไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งของคนใหญ่คนโตเช่นนี้อยู่แล้ว แล้วดูตอนนี้สิ…กระทั่งคิดอยากจะหนีก็ยังไม่กล้าหนีเลย!

เฉินกุยซุ่ยที่ยันกายลุกขึ้นมาเอามือกุมหน้าอก มองดูซ่งเหยี่ยนชิงที่ส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่บนพื้น สีหน้ายิ่งดูขาวซีด จากนั้นมองไปทางหนิวโหย่วเต้าอย่างหวาดกลัว ภาพเหตุการณ์ในอดีตทยอยผุดขึ้นมาตรงหน้า

เขายืนขึ้นมาแล้ว แต่กลับมีอีกคนล้มลงไป สวี่อี่เทียนที่ฝืนยันกายขึ้นมากระอักเลือดดัง ‘พรืด’ ออกมาอีกครั้ง เขายืนไม่อยู่ ภายในร่างกายปั่นป่วนคล้ายมีคลื่นทะเลโหมกระหน่ำ ล้มก้นกระแทกลงไปกับพื้น แต่ว่าเมื่อกระอักเลือดออกมา ในที่สุดลมปราณก็ไหลเวียนได้ลื่นไหลขึ้นมาเล็กน้อย จึงพอฝืนปรับลมปราณเพื่อสะกดความปั่นป่วนภายในร่างกายเอาไว้ได้

การล้มนั่งลงไปของเขาทำให้ทุกคนค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา หลานรั่วถิงแอบลอบถอนใจ ไม่รู้ว่าเหตุใดหนิวโหย่วเต้าถึงได้ออมมือให้สองคนนั้น แต่กลับลงมือกับซ่งเหยี่ยนชิงอย่างโหดเหี้ยม หรือเขาไม่รู้ว่าครอบครัวของซ่งเหยี่ยนชิงเป็นใคร? เจ้าเล่นงานเขาจนกลายเป็นแบบนี้ แล้วตระกูลซ่งจะปล่อยเจ้าไปหรือ? สำนักบำเพ็ญเพียรที่ตระกูลซ่งสามารถใช้งานได้เกรงว่าคงไม่ใช่สำนักที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะสามารถเทียบได้

แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าสำหรับหนิวโหยวเต้าแล้ว นับตั้งแต่ที่เห็นซ่งเหยี่ยนชิงอยู่ที่นี่และรู้ว่าซ่งเหยี่ยนชิงมาสังหารตนเอง เขาก็รู้ว่าไม่อาจประนีประนอมกับซ่งเหยี่ยนชิงได้อีก ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องความแค้นในอดีตที่ถูกกักบริเวณและถูกเหยียดหยามอะไรพวกนั้น สาเหตุที่สำคัญจริงๆ ที่ทำให้ซ่งเหยี่ยนชิงเคียดแค้นเขาทั้งชีวิตก็คือเรื่องที่เขาแต่งถังอี๋มาเป็นภรรยา เขาใช้ชีวิตอยู่ในสองโลก รู้จักคนแบบซ่งเหยี่ยนชิงดี ถ้าครั้งนี้เขาปล่อยซ่งเหยี่ยนชิงไป ซ่งเหยี่ยนชิงก็ไม่มีวันปล่อยเขา หากแต่ยังคงใช้คนที่เก่งกาจให้มาเล่นงานเขา ในเมื่อจะปล่อยหรือไม่ปล่อยสุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนกัน อย่างนั้นก็เอาคืนความแค้นเมื่อในอดีตให้ได้มากที่สุดแล้วค่อยว่ากัน!

ในชีวิตที่แล้วเขาสามารถมองโลกในแง่ดีและสามารถอดทนอดกลั้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนง่ายๆ ที่ไม่เคยเห็นการนองเลือดมาก่อน

หนิวโหย่วเต้าจ้องมองซ่งเหยี่ยนชิงที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา ค่อยๆ เดินค้ำกระบี่เข้าไป ก้มลงมองซ่งเหยี่ยนชิงที่อยู่ตรงหน้า ปลอกกระบี่ตบไปที่ใบหน้าของซ่งเหยี่ยนชิงเบาๆ “เฮ้ย ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ชอบการฆ่าฟัน พวกเราสนิทสนมเป็นมิตรกันไว้ดีจะตาย ไม่มีใครต้องเสียอะไร แต่เจ้าก็บีบให้ข้าต้องลงมือให้ได้ มันเพื่ออะไรกัน? เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวตระกูลซ่งของเจ้าเหรอ? ในสายตาข้า ตระกูลซ่งของเจ้าก็เป็นแค่กบในกะลาเท่านั้น ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย!”

พวกซางเฉาต่างรู้สึกหมดคำพูดเมื่อได้ยินเช่นนี้ ตระกูลใหญ่ที่ทรงอำนาจอย่างตระกูลซ่งเป็นแค่กบในกะละอย่างนั้นเหรอ?

ซ่งเหยี่ยนชิงพยายามเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าดูบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด แต่กลับพยายามฝืนยิ้มออกมา “ศิษย์น้อง ศิษย์น้อง ข้าผิดไปแล้ว เจ้าเมตตาข้าเถอะนะ ปล่อยข้าไปเถอะ ปล่อยข้าไปเถอะนะ? เจ้าอยากได้อะไรบอกข้ามาได้เลย ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยข้า!”

หนิวโหย่วเต้าคร้านที่จะสนใจเขา เหลียวหน้ากลับไปมองพวกซางเฉาจง กล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านให้คนของท่านถอยออกไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องจะถามเจ้าสารเลวนี่หน่อย!”

ซางเฉาจงโบกมือส่งสัญญาณให้ทหารถอยออกไป

เจ้าอาวาสหยวนฟางหดศีรษะ หมุนตัวคิดอยากจะหนี แต่ใครจะไปรู้ว่าหนิวโหย่วเต้ากลับกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าให้พวกเจ้าไปแล้วเหรอ? ท่านอ๋อง จับคนพวกนี้ไปสอบปากคำก่อนพ่ะย่ะค่ะ อีกประเดี๋ยวถ้าพวกเขาพูดไม่ตรงกับเจ้าสารเลวนี่ เราค่อยมาคิดบัญชีก็ยังไม่สาย!” ขณะกล่าวก็ชี้ไปที่สวี่อี่เทียนและเฉินกุยซั่วด้วย

ไม่จำเป็นต้องให้บอกอะไร องครักษ์กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาจับสมณะยี่สิบกว่ารูปนี้เอาไว้ สมณะทั้งกลุ่มไม่มีใครกล้าขัดขืนแม้แต่คนเดียว แม้แต่หยวนฟางก็ยอมให้จับกุมแต่โดยดี สุดท้ายเหล่าสมณะของวัดหยวนฟางก็ถูกพาตัวออกไปแบบนี้ สวี่อี่เทียนและเฉินกุยซั่วย่อมต้องโดนจับกุมไปด้วยเช่นกัน เมื่อได้เห็นความร้ายกาจของหนิวโหย่วเต้าแล้ว อีกทั้งร่างกายได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีทางหนีรอดไปได้

หลังผู้คนที่อยู่รอบด้านถูกจับออกไปหมดแล้ว กระบี่ที่อยู่ในมือหนิวโหย่วเต้าก็ตบไปที่หน้าของซ่งเหยี่ยนชิงเบาๆ “ว่ามา เหตุใดถึงต้องฆ่าข้า?”

ซ่งเหยี่ยนชิงครวญครางพลางกล่าว “ศิษย์น้อง ไม่ใช่ข้าอยากจะฆ่าเจ้า นี่เป็นความต้องการของผู้อาวุโสถังต่างหาก ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน!”

เขาไม่ใช่คนที่มีศักดิ์ศรีที่จะไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ หากแต่รู้จักเพียงเอาตัวรอดเท่านั้น ไหนเลยจะยอมบอกว่าเป็นเพราะไปแย่งชิงหญิงคนรักของตัวเองมาได้ เขาย่อมต้องโยนความผิดไปให้คนอื่นอยู่แล้ว

“ผู้อาวุโสถังอยากจะฆ่าข้า?” หนิวโหย่วเต้างุนงงไปเล็กน้อย เขาจำได้ว่าหญิงชราผู้นี้คล้ายจะอคติกับตนมาโดยตลอด เจอหน้ากันครั้งแรกก็คิดจะฆ่าตนเองแล้ว “นับแต่ที่ข้าเข้าไปในชิงซานก็ถูกกักบริเวณอยู่ในสวนดอกท้อมาโดยตลอด ข้าคิดว่าข้าไม่เคยทำอะไรผิดต่อสำนักสวรรค์พิสุทธิ์นะ เหตุใดนางถึงต้องฆ่าข้าด้วย?”

พวกซางซูชิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ ถูกกักบริเวณมาโดยตลอด?

“เหตุผลง่ายมาก เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว ผู้อาวุโสถังอยากให้ถังอี๋นั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างมั่นคง ขอเพียงเจ้ามีชีวิตอยู่ ถังอี๋ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าได้ตำแหน่งเจ้าสำนักมาอย่างถูกต้อง อาจจะมีคนพยายามคัดค้านเรื่องนี้เพื่อเจ้าได้ทุกเมื่อ….” ซ่งเหยี่ยนชิงเล่าความลับอันน่าตกตะลึงที่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องหนึ่งออกมา

………………………………………………..