ตอนที่ 36 ตัดเยื่อขาดใย
เมื่อความลับนี้เผยออกมา เรียกได้ว่าทำให้หนิวโหย่วเต้าตกตะลึงจริงๆ!
เจ้าสำนักหรือ? แม้แต่หลับฝันหนิวโหย่วเต้าก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนจะได้กลายเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เพียงเพราะถูกตงกัวเฮ่าหรานรับเป็นศิษย์ในวัดร้างอย่างนั้นหรือ?
หนิวโหย่วเต้าต้องใช้เวลาสักพักถึงค่อยๆ ทำความเข้าใจความลับนี้ได้ แต่ก็ยังรู้สึกยากจะเชื่อได้อยู่ดี
ในตอนนี้ หลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ข้อสงสัยจำนวนมาก ในที่สุดก็ได้รับความกระจ่างแล้ว
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพอถังซู่ซู่พบหน้าตนก็ลงมือหมายปลิดชีพโดยไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบายเลย
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดต้องกักบริเวณตนไว้ในสวนดอกท้อไม่ให้ติดต่อใครหน้าไหนจากโลกภายนอกเลย นั่นเป็นเพราะไม่อยากให้เขารับรู้ถึงสถานการณ์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ไม่อยากให้เขาทราบถึงกฎของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นหากเขาหนีออกมา ด้วยกฎที่บัญญัติไว้ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ จะทำให้ควบคุมเขาไม่ได้
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงเรียกตนไปที่วังสวรรค์พิสุทธิ์ จากนั้นซักถามต่อหน้าบรรดาศิษย์ว่าตนยินดีขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือไม่ นั่นเป็นเพราะมีเจตนาวางกับดัก กดดันเขาไม่ให้รับตำแหน่งเจ้าสำนัก
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงบังคับให้ตนแต่งงานกับถังอี๋ พูดกันตามตรงคือทำไปเพื่อมอบคำอธิบายให้แก่ทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เอาเปรียบตัวเขา อีกทั้งเพื่อให้ถังอี๋ขึ้นรับตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างชอบธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น ให้เจ้าสำนักเป็นภรรยาเขา มิใช่เหตุผลที่ดียิ่งหรอกหรือ?
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดถึงไม่มอบทรัพยากรสำหรับฝึกฝนให้ตัวเขาที่นับเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย คงกลัวว่าถ้าเขาสภาวะเขารุดหน้าขึ้นมาแล้วจะปกปิดเรื่องบางเรื่องไว้ไม่ได้อีก
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดถึงต้องสั่งฆ่าตนนอกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีคนมากมายคอยมองดูอยู่ ในสถานการณ์ที่ตัวเขาไม่ได้ฝ่าฝืนกระทำความผิดใดๆ ใครจะกล้าลงมือสังหารเขาที่เดิมทีสมควรได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักในพื้นที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เล่า? ด้วยเหตุนี้จึงผลักไสเขามาให้ทางซางเฉาจง ด้วยสถานการณ์ของซางเฉาจงในเวลานี้ หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นก็มิใช่เรื่องผิดปกติอันใด
หนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่าเหตุใดถังซู่ซู่ถึงต้องสังหารตนให้ได้ ก็เป็นอย่างที่ซ่งเหยี่ยนชิงว่ามา คนมากมายในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ต่างทราบดีว่าตำแหน่งเจ้าสำนักของถังอี๋ได้มาอย่างไม่โปร่งใส ผู้ใดจะกล้ารับประกันว่าภายภาคหน้าจะเกิดเหตุการณ์อันใดที่ทำให้มีคนหยิบยกเรื่องนี้ออกมาพูดหรือไม่? ดังนั้นหลังจากถังอี๋ครองตำแหน่งเจ้าสำนักอย่างมั่นคงแล้ว เขาจึงกลายเป็นตัวปัญหา และหากต้องการรักษาความสมานฉันท์ภายในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไว้ ก็จำเป็นต้องกำจัดเขาทิ้งเสีย
“เหอะๆ! ช่างน่าเศร้า ช่างน่าขัน…” หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าพลางถอนใจเบาๆ แล้วยิ้มออกมา ในรอยยิ้มเจือความขมขื่นไว้หลายส่วน เพราะต่างฝ่ายต่างเสแสร้งใส่กัน ผลสุดท้ายจึงกลายเป็นเช่นนี้
ยืดเยื้อวุ่นวายกันมาตั้งนาน ที่แท้เขาต่างหากที่ควรได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ คันฉ่องที่ตงกัวเฮ่าหรานมอบให้เขาบานนั้นไม่จำเป็นต้องส่งมอบให้ถังมู่ และไม่จำเป็นต้องมอบให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เขาเก็บไว้เองก็มีค่าเท่ากัน หากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ซื่อตรงเปิดเผย ให้เขาขึ้นเป็นเจ้าสำนัก ให้การสนับสนุนเขาและมอบทรัพยากรฝึกฝนให้อย่างเต็มที่ เขาคิดว่าตนย่อมตั้งใจฝึกฝน และยึดถือสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เป็นบ้านของตนในโลกใบนี้แน่นอน จากนั้นตัวเขาก็ต้องตอบแทนสำนักอย่างสุดความสามารถ เดิมทีสมควรเป็นเรื่องที่ดีงามยิ่ง แล้วไยต้องทำให้กลายเป็นเช่นนี้ด้วย?
หยวนกังเงียบงันไม่พูดจา ก่อนหน้านี้ได้ฟังเรื่องราวบางส่วนมาจากเต้าเหยี่ยแล้ว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังจะมีความลับเช่นนี้ซ่อนอยู่
ซางซูชิงที่อยู่ใต้หมวกม่านแพรมองหนิวโหย่วเต้าด้วยแววตาเปี่ยมความเห็นใจ ครั้งแรกที่พบคนผู้นี้ในสวนดอกท้อ นางหลงนึกว่าคนผู้นี้ใช้ชีวิตเสรีลอยชาย ไม่นึกเลยว่าจะถูกกักบริเวณอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานาน ไม่เคยลงจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว
ซางเฉาจงเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เดิมทีควรได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ แต่กลับถูกคนอื่นช่วงชิงเอาตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อีกทั้งยังมาดักสังหารเขากลางทางอีก การเสแสร้งวางอุบายใส่กันไปมานั้นช่างอันตรายจริงๆ!
หลานรั่วถิงถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า “ข้าพอจะทราบกฎของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่บ้าง ที่บัญญัติกฎไว้เช่นนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแก่งแย่งชิงดีกันในสำนักจนเลยเถิดไป เจ้าสำนักแต่ละรุ่นล้วนถูกกำหนดตัวโดยเจ้าสำนักรุ่นก่อนๆ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่มีความอาวุโสคนอื่นๆ เข้ายึดกุมอำนาจ อย่างเหล่าผู้อาวุโสเองก็มีกฎสำนักคอยควบคุมถ่วงสมดุลเช่นกัน หากเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้อาวุโสแล้วจะเสียสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักไปอย่างถาวร จนปัญญาที่ไม่มีกฎรอบคอบรัดกุมอย่างสมบูรณ์แบบอยู่บนโลกนี้ สุดท้ายก็ยังมีคนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ได้อยู่ดี!”
สรุปแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสามต่างแน่ใจแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าผู้นี้เป็นศิษย์ที่ท่านตงกัวรับเข้ามาด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
“ศิษย์น้อง ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ ไม่เกี่ยวกับข้าเลยจริงๆ ข้าก็ทำตามคำสั่งเหมือนกัน ศิษย์น้องช่วยข้าที…”
ซ่งเหยี่ยนชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นพยายามปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว บาดแผลเขาไม่ได้ร้ายแรงแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในก็บาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน เสียเลือดมากเกินไป สีหน้าเผือดซีดไร้ซึ่งสีเลือด คร่ำครวญขอความช่วยเหลือ
ทุกคนมองไปที่หนิวโหย่วเต้า อยากรู้ว่าเขาจะจัดการยังไง ถึงอย่างไรวันนี้ก็นับว่าผูกความแค้นกับตระกูลซ่งไปแล้ว สองขาและหนึ่งแขนถูกตัดขาด เท่ากับซ่งเหยี่ยนชิงพิการไปแล้ว ตระกูลซ่งไหนเลยจะยอมเลิกราแต่โดยดี? ดูแล้วตัวหนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะหาเหตุผลมาทำให้ตระกูลซ่งรามือได้ด้วยเช่นกัน!
หนิวโหย่วเต้าไม่สนใจคำอ้อนวอนของซ่งเหยี่ยนชิง กุมกระบี่หันกายกลับไปช้าๆ
หยวนกังสาวเท้าก้าวเข้าไป ย่อตัวลงประคองซ่งเหยี่ยนชิง ซ่งเหยี่ยนชิงรู้สึกราวกับได้รับการอภัยโทษ หลงนึกว่าเขากำลังจะช่วยเหลือตน ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยวาจาซาบซึ้งอันใด จู่ๆ หยวนกังก็ชักมีดสั้นที่เหน็บอยู่บนต้นขาออกมา คมมีดเยียบเย็นปาดลงบนลำคอซ่งเหยี่ยนชิง โลหิตสายหนึ่งสาดกระจาย จากนั้นสองมือพลันออกแรง เกิดเสียงดังกร๊อบ หักคอของซ่งเหยี่ยนชิงไป ศีรษะบิดหมุนเป็นวงกลม ใบหน้าหันไปทางด้านหลัง ดวงตาเบิกโพลง ให้ความรู้สึกของการตายตาไม่หลับ
พวกซางเฉาจงพูดอะไรไม่ออก กล้าลงมือสังหารทายาทตระกูลซ่งจริงๆ หรือนี่ หรือไม่รู้จริงๆ ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะร้ายแรงแค่ไหน? ต่อให้เก็บเขาไว้เป็นตัวประกันมันก็ยังดีกว่าสังหารเขานี่นา!
พวกเขาต่างมองออกแล้ว นี่น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิวโหย่วเต้าและหยวนกังกระทำเรื่องเช่นนี้ ประสานงานกันอย่างรู้ใจ หนิวโหย่วเต้าถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงหรือให้สัญญาณใดๆ หยวนกังก็ทราบว่าควรทำอย่างไร
หยวนกังที่ลงมืออย่างหมดจดคล่องแคล่วเช็ดมีดสั้นกับเสื้อผ้าของซ่งเหยี่ยนชิงจนสะอาด ก่อนจะสอดมีดสั้นเก็บเข้าไปในปลอกที่อยู่ตรงต้นขา
หนิวโหย่วเต้าที่หันหลังอยู่เอ่ยสั่งการเบาๆ อีกครั้ง “เอาตัวอีกสองคนที่เหลือไปสอบสวน”
หยวนกังพยักหน้ารับเงียบๆ หันหลังสาวเท้าก้าวเข้าไปในวัด เรียกตัวสวี่อี่เทียนและเฉินกุยซั่วไป
“พฤกษารักสงบ ทว่าสายลมกลับพัดไม่หยุด!” หนิวโหย่วเต้ารำพึงด้วยความหดหู่ ถือกระบี่เดินไปที่ริมเขา ทอดสายตามองขุนเขาที่ทอดตัวดุจระลอกคลื่น แววตาเคร่งขรึม
สามคนที่อยู่ด้านหลังสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า พวกเขามักจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกกร้านโลกที่ไม่สมกับวัยจากตัวหนิวโหย่วเต้า ภายใต้บุคลิกสบายๆ แฝงด้านที่โหดร้ายเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องหลอกใช้ทหารองครักษ์แล้ว ทั้งสามคนล้วนมิใช่คนโง่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่บ่งบอกชัดเจนยิ่งนัก เกรงว่ากระทั่งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็คงไม่ทราบถึงความสามารถที่แท้จริงของคนผู้นี้ด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นคงไม่มีทางส่งพวกซ่งเหยี่ยนชิงมารนหาที่ตายเป็นแน่ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กักบริเวณเขาไว้หลายปีแต่กลับไม่ล่วงรู้ถึงแก่นแท้ของคนผู้นี้เลย เส้นผมบังภูเขาโดยแท้
จากนั้นซางเฉาจงและหลานรั่วถิงเองก็ตามเข้าไปในวัดด้วย เหล่าพี่น้องตายไปกว่าสามสิบคน เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องได้รับการสะสาง ไม่อาจปล่อยผ่านได้
ส่วนหนิวโหย่วเต้าที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายต้องตาย หลังจากพิสูจน์ได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ท่านตงกัวจริงๆ ไม่ว่าจะขุ่นเคืองหรือไม่ แต่ด้วยเห็นแก่หน้าท่านตงกัวจึงไม่สะดวกที่จะสืบสาวเอาความอีกต่อไป อีกอย่างก็ได้เห็นฝีมือของอีกฝ่ายแล้ว ต่อให้สืบสาวเอาเรื่องก็เกรงว่าคงยากจะทำอันใดอีกฝ่ายได้ เรื่องนี้ทำได้เพียงปล่อยไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ยามสายัณห์ตะวันรอน สายลมยามเย็นเป่าพัดม่านแพร ซางซูชิงเดินเอื่อยๆ ไปที่ริมเขา ยืนเคียงข้างหนิวโหย่วเต้า ถามหยั่งเชิงว่า “ฝ่าซืออยากกลับไปทวงสิทธิ์ของตนที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือไม่”
หนิวโหย่วเต้าทราบว่านางหมายถึงอะไร คงไม่พ้นเรื่องตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ สองมือประสานเข้าหากัน ยันกระบี่ไว้ด้านหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ทุกอย่างผ่านไปแล้ว กระหม่อมไม่คิดจะกลับไปที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อีก”
ซางซูชิงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ไม่กลับไปอีก? จะสละตำแหน่งเจ้าสำนักไปเช่นนี้น่ะหรือ? เป็นเพราะถังอี๋อย่างนั้นหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ายักไหล่ “ไม่เกี่ยวกับถังอี๋พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีก็เป็นเพียงความบังเอิญจากโชคชะตาเท่านั้น แซ่หนิวไหนเลยจะคู่ควรรับตำแหน่งเจ้าสำนักได้? ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวมันก็กระจ่างชัดอยู่แล้ว เรื่องบางเรื่องมิใช่สิ่งที่ถังซู่ซู่จะทำคนเดียวได้ เนื่องเพราะมีกฎสำนักบัญญัติเอาไว้อยู่ ถังซู่ซู่จะปิดฟ้าด้วยมือเดียว[1]ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่านางได้รับความเห็นชอบจากคนอื่นๆ ในสำนักแล้ว! ในเมื่อทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ล้วนไม่อยากให้กระหม่อมเป็นเจ้าสำนัก ในเมื่อไม่มีใครต้อนรับกระหม่อม แล้วเหตุใดกระหม่อมต้องวิ่งกลับไปโดนรังแก เหตุใดต้องกลับไปสร้างความลำบากใจให้แก่ผู้อื่นและตัวเองอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
ไม่รู้ว่าตัวนางคิดไปเองหรือเปล่า ซางซูชิงรู้สึกว่าในคำพูดที่ฟังดูสง่างามประโยคนี้เจือความหมองหม่นเอาไว้ “ฝ่าซือใจกว้างนัก แล้วจะทำอย่างไรกับถังอี๋? ถึงอย่างไรนางก็เป็นภรรยาที่ท่านวิวาห์ด้วย!”
“สำคัญด้วยหรือ? ทุกคนต่างไม่อยากพบหน้ากันอีก มันเป็นอดีตไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หนิวโหย่วเต้ายิ้มมุมปากเย้ยหยันตนเอง
ซางซูชิงลังเลที่จะพูด นางยังอยากถามเขาว่าเตรียมจะจากไปแล้วใช่หรือไม่ ทว่าพอคำพูดมาถึงริมฝีปาก สุดท้ายก็พูดไม่ออกอยู่ดี ไม่อยากจะเอ่ยมันออกมา
ผ่านไปไม่นาน หยวนกังก็กลับมา เขามองซางซูชิงแวบหนึ่ง จากนั้นยืนเงียบอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า
ซางซูชิงรู้ความยิ่งนัก มองออกว่าทั้งสองอยากคุยกันตามลำพัง จึงเป็นฝ่ายหาข้ออ้างปลีกตัวไป
เมื่อซางซูชิงไปแล้ว หยวนกังจึงเอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เต้าเหยี่ย สองคนนั้นมีศักดิ์ศรีกว่าซ่งเหยี่ยนชิง ปากค่อนข้างแข็ง เรื่องจิปาถะอย่างอื่นล้วนแต่สารภาพออกมาจนหมด แต่เรื่องเกี่ยวกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กลับไม่ยอมปริปากเอ่ยถึงแม้แต่ประโยคเดียว ถ้าอยากจะง้างปากพวกเขาอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย”
หนิวโหย่วเต้าโบกมือเล็กน้อย “ช่างเถอะ ปล่อยตัวซะ ปล่อยพวกเขากลับไป”
หยวนกังเอ่ยเตือน “ภูมิหลังของซ่งเหยี่ยนชิงไม่ธรรมดา ฆ่าปิดปากสองคนนี้จะดีกว่า” ที่เมื่อครู่เขาไม่ยอมพูดต่อหน้าซางซูชิงก็เพราะเรื่องนี้
หนิวโหย่วเต้าเข้าใจความคิดเขา หากปล่อยสองคนนั้นกลับไป ทั้งสองย่อมต้องไปบอกเรื่องที่ซ่งเหยี่ยนชิงสิ้นชีพด้วยน้ำมือเขาอย่างแน่นอน และจะเป็นเหตุให้ตระกูลซ่งตามมาล้างแค้น ทว่าเขายิ้มเล็กน้อย ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “มีคนเห็นเหตุการณ์เยอะขนาดนี้ ถ้าจะฆ่าปิดปากคงต้องฆ่าทุกคนที่นี่ให้เกลี้ยง ยิ่งไปกว่านั้นคือสำนักสวรรค์พิสุทธิ์รู้แก่ใจดีว่าทั้งสามคนมาทำอะไร จัดการปัญหายุ่งยากของทางสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก่อน หวังว่าตระกูลซ่งจะไม่รู้เรื่องนี้และหวังว่าถังซู่ซู่จะหลอกตระกูลซ่งได้ ไปพาสองคนนั้นมา ฉันอยากฝากข้อความกลับไปกับพวกเขา”
หยวนกังเห็นว่าเขาตัดสินใจแล้ว จึงไม่พูดอะไรอีก กลับเข้าไปในวัด พาตัวสวี่อี่เทียนและเฉินกุยซั่วที่ถูกมัดมือไพล่หลังออกมา
พอเห็นศพของซ่งเหยี่ยนชิงที่อยู่ด้านนอก ทั้งสองพลันหนาวยะเยือกอยู่ในใจ ต่างมีสีหน้าหวาดผวากังวล
หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “รบกวนพวกท่านทั้งสองนำข้อความของข้าไปถ่ายทอดต่อสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ด้วย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ลงมืออย่างไม่ไว้ไมตรีเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าวเช่นกัน ด้วยระลึกถึงพระคุณอาจารย์ ข้าจึงไม่ผูกใจเจ็บ แต่นับจากนี้เป็นต้นไป ข้ากับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขาดกัน ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป! บอกให้พวกเขาวางใจได้ ข้าไม่สนใจตำแหน่งเจ้าสำนัก ไม่มีทางกลับไปที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อีก หวังว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะไม่มาหาเรื่องข้าอีกเช่นกัน อย่าได้บีบคั้นข้าอีก มิเช่นนั้นข้าจะเปิดเผยเรื่องเลวร้ายทั้งหมดของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ออกไป ให้คนทั่วหล้าเป็นผู้ตัดสิน!” พูดจบก็โบกมือคราหนึ่ง “ปล่อยพวกเขาไป!”
……………………………………
[1] ปิดฟ้าด้วยมือเดียว ใช้อำนาจปกปิดความผิดด้วยคิดว่าจะไม่มีใครล่วงรู้ ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด