นี่คือรายการที่เรื่องที่ทำได้บนชายหาดกับเพื่อนโดยฉันเอง
ดื่มฉลองกัน → ทำไปแล้ว
ทำบาร์บิคิว → ไม่มีอุปกรณ์
วอลเลย์บอลชายหาด → ไม่มีลูกบอล
ก่อกองทราย → อยากได้พลั่วมาใช้น่ะ
เล่นชิงธง → เหนื่อยเกินไป
จีบคนบนหาด → …?
อืม? เรื่องที่ทำได้ดูมีน้อยกว่าที่คิดจนน่าตกใจเลยแฮะ
เพราะงั้น พวกเราก็ดื่มกัน แล้วก็ยิงเป้าในทะเล เป้าก็คือพวกเศษไม้ที่ลอยพัดมากับคลื่นนี่แหละ เสียงกระสุน 5.56 ดังก้องไปทั่วหาดทรายสีขาวนี่เลย ฉันใช้ M4 CQBR ที่ยืมมา―ไม่สิ ฉันว่าจะยืมใช้จนถึงตอนที่พวกเราหนีออกมาจากสถานีคิซารากิได้ไม่ใช่เหรอ งั้นทางเทคนิคแล้ว ฉันก็จิ๊กมานั่นแหละ―จากกองพันเพลฮอร์สมาลองยิงเป็นครั้งแรกเลย
เศษไม้ที่ลอยมาโยกขึ้นโบกลงอยู่ที่อีกฝั่งของกล้องเล็ง ตัวปืนก็เด้งกลับทุกครั้งที่ลั่นไก แล้วก็ดูเหมือนว่าฉันจะยังยิงไม่โดนเป้าซักที
“อย่าใช้แค่แขนในการจับให้ปืนนิ่ง ให้พานท้ายปืนแนบชิดกับอก ถ้าทำแบบนั้น ก็จะเป็นการใช้ทั้งร่างกายรับแรงดีดของปืนเอาไว้ ไม่ต้องไปกลัว ผ่อนคลายเข้าไว้ แล้วจับปืนเหมือนกำลังกอดมันอยู่”
ฉันยิงออกไปทีละนัดโดยทำตามที่โทริโกะบอกด้วย ในขณะที่เจ้าตัวกำลังถือชูไฮกระป๋องที่ 3 อยู่ในมือ
ฉันทำเสาน้ำพุ่งขึ้นมาจากรอบๆ เป้าหมายได้ 2-3 ที จนในที่สุดก็ระเบิดส่วนผิวหน้าของไม้นั่นได้แล้ว
“โดนแล้ว!”
“เยี่ยมเลย!”
โทริโกะแปะมือกับฉันทีนึง แต่ว่า แบบนี้มันจะดีจริงๆ น่ะเหรอ…? เอาเถอะ โทริโกะเองก็ดูสนุกด้วย คงไม่เป็นไรหรอก
“ดีล่ะ ตาฉันบ้างนะ”
โทริโกะวางกระป๋องชูไฮลง จับ AK ของตัวเองไว้พร้อม แล้วก็เริ่มยิงออกไป
ฉันนั่งจิบกาแฟเย็นผสมอาวะโมริระหว่างที่ดูไม้แผ่นหนาที่ลอยมากับน้ำค่อยๆ แตกสลายไปต่อหน้าต่อตา นี่ปืนของเธอไม่ได้มีกล้องเล็งแบบของฉันนะ แต่เธอก็ยังยิงไม่พลาดซักนัดเลย
พอโทริโกะยิงเสร็จ ฉันก็ปรบมือให้
“ว้าว! สุดยอดไปเลย!”
“แฮะๆ ตอนนี้ยิงได้ดีแล้วก็จริง แต่ตอนแรกฉันก็ยิงไม่โดนอะไรเลยเหมือนกันนะ หม่าม้าสอนให้ก็จริง แต่คงเหนื่อยน่าดูเลยล่ะ”
“คุณแม่เธอคงจะสอนเก่งงั้นสินะ?”
“ไม่อะ คุณแม่ออกจะเปิ่นๆ มากกว่า”
“งั้นเหรอ? เอาล่ะ ฉันลองยิงเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า”
ฉันว่าเครื่องดื่มในมือลงแล้วก็เดินเข้าไปหาโทริโกะ ยก M4 ขึ้นพร้อม มองผ่านกล้องเล็ง เล็งไปที่อะไรซักอย่างที่เข้ามาในลานสายตา ที่มีกำลังขยายเพิ่มมา 4 เท่า…
“หือ? นั่นอะไรน่ะ…? มีอะไรซักอย่างลอยอยู่อีกด้านนึงของเป้าด้วยใช่มั้ย?”
มีอะไรซักอย่างใหญ่ๆ ลอยอยู่เลยจากเศษแผ่นไม้ไป สิ่งที่คลื่นซัดขึ้นมาเป็นก้อนกลมๆ สีขาว ดูจะมีขนขึ้นดกด้วย คงจะเป็นตัวอะไรซักอย่างล่ะมั้ง แต่มันแค่ลอยอยู่แบบนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวเลย
“จริงด้วย มีอะไรซักอย่างอยู่ตรงนั้นนี่นา ลองยิงดูมั้ย?”
“หือ?”
ระหว่างที่พวกเรายังกังวลอยู่ว่าจะทำยังไงดี มันก็มีเสียงจอแจลอยตามลมมาถึงพวกเรา เสียงหัวเราะร่าของพวกผู้ชายหลายคน
ได้ยินแบบนั้น พวกเราก็หันมามองหน้ากัน
ใครบางคนอยู่ที่นี่? นอกจากแค่พวกเรา 2 คนงั้นเหรอ…?
พอคิดแบบนั้น มันก็มีความรู้สึกรุนแรงไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเลย
โทริโกะหันหน้าไปทางท่าเรือที่ยื่นออกไปจากร้านริมทะเล
“ทางนั้น”
โทริโกะหยิบมาคารอฟมาจากเก้าอี้ชายหาด แล้วก็เดินไปทางนั้นอย่างไม่ลังเล ฉันเห็นแบบนั้นก็รีบตามเธอไป
“จะทำอะไรของเธอน่ะ?”
“ไม่รู้สิ แต่กลิ่นไม่ดีเลย เธออาจจะไม่อยากมองก็ได้นะ โซราโอะ”
“ฉันอาจจะไม่ชอบก็จริง แต่ฉันเห็นของที่น่ากลัวยิ่งกว่าที่โทริโกะเห็นซะอีกนะ”
โทริโกหันกลับมามองฉันด้วยสีหน้าตกใจเลย
ตอนที่ฉันกำลังคิดอยู่ในใจว่า เป็นไงล่ะ? โทริโกะก็ถามขึ้นมา
“โซราโอะ เธอยิงคนได้หรือเปล่า?”
“ฮะ?”
“คนน่ะ”
…ไม่รู้สิ
ฉันตอบคำถามนั่นทันทีไม่ได้ ก่อนจะเก็บความลำบากใจนั่นไปก่อน ตอนที่พวกเรากลับมาถึงหาดทราย วิ่งขึ้นบันไดหิน ตรงไปที่ส่วนท่าน้ำที่ยื่นออกไปนั่น มันก็เงาร่างของขึ้นโผล่มาให้พวกเราเห็น หลายคนเลยด้วย
4 คนยืนอยู่ อีก 3 คนนอนคุดคู้อยู่กับพื้น
ทั้งหมดเป็นผู้ชาย
4 คนที่ยืนอยู่นั่น มีชายคนนึงอยู่ในเสื้อยืดกีฬา, ชายผิวแทนใส่เสื้อกล้าม, ชายผมโมฮอกหลากสี แล้วก็ชายผมสกินเฮด อีก 3 คนบนพื้นนี่ตัวเล็กกว่าหมดเลย… เด็กมอต้นหรือไงนะ? 2 คนในนั้นนอนอยู่ในท่าที่ผิดธรรมชาติ แล้วพวกเขาก็นิ่งไม่ไหวติงกันแล้วด้วย อีกคนนึงก็ตัวสั่นหงึกๆ ขดตัวเข้าหากันเป็นลูกบอล ก่อนจะโดนคนผมโมฮอกเตะเข้าเต็มหัวยังกับว่าเป็นลูกฟุตบอล
หัวที่กระเด็นไปของเด็กคนนั้นเด้งกระแทกกับพื้นคอนกรีตเป็นเสียงก้องดังเลย
“หยุดนะ!”
โทริโกะตะโกนลั่นอยู่หน้าฉัน กำมาคารอฟเอาไว้ด้วยมือทั้ง 2 ข้าง
เจ้า 4 คนนั่นก็หันขวับมาทางพวกเรา ตอนที่สายตาพวกนั้นจ้องมา ทำเอาร่างกายของฉันมันเกร็งไปหมดด้วยสัญชาตญาณเลย
เจ้าพวกนั้นนี่แย่ของจริงเลยล่ะ นี่สินะที่เรียกกันว่าพวกอันธพาล ความรุนแรงที่พวกนั้นทำตรงหน้าเรานี่มันอีกระดับจากพวกนักเลงดาดดื่นเลย
“ถ้ายังไม่ถอยออกมาจากเด็กพวกนั้นอีก ฉันยิงแน่”
เสียงของโทริโกะเย็นชาไร้อารมณ์สุดๆ ไปเลย; รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่พวกเราเจอกับคุณอาบาระโตะอีก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นโทริโกะเอาจริงขนาดนี้ เล่นเอาเสียวสันหลังไปด้วยเลย
แล้ว สิ่งที่คนผมโมฮอกนั่นทำ กลับเป็นการหัวเราะด้วยเสียงแหลมเสียดหูแทน
“ไง! คุณนิชินะ โทริโกะ!”
พวกเราตกใจจนตัวหยุดกึกเลย กับเรื่องที่ชื่อของโทริโกะหลุดออกมาจากปากของอันธพาลที่พวกเราไม่คุ้นหน้าเลยซักนิด
แล้วชายคนอื่นๆ ก็พูดต่อกัน
“เห้ยๆ! มีคนได้ใจมาแถวนี้ด้วยวะ!”
“มีปัญหารึไง? อยากให้พวกข้าฆ่าไอ้พวกนี้เรอะ?”
“โห! ยัยนี่มันกล้าดีนี่หว่า! ไม่กลัวพวกข้าเลยนี่!”
ชายในเสื้อกล้ามก้มลงไปดูที่หน้าของเด็กคนนึงที่นอนนิ่งไม่ไหวติง แล้วก็ตะโกนบอกคนอื่นๆ
“เห้ย! ไอ้นี่แม่งตายแล้วหวะ!”
“ไรวะ แม่ง ทีนี้ก็ได้เป็นฆาตกรหมดเลยเนี่ย”
“กากชะมัดยาด”
“จัดการนังนั่นต่อเลยแล้วกัน”
พวกอันธพาลค่อยๆ เดินตรงเข้ามา ปากก็แสยะยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้เกรงกลัวปืนที่เล็งไปหาพวกตัวเองเลย พวกนั้นคิดว่านี่ปืนปลอมเหรอ? หรือคิดเอาเองว่าเธอคงไม่กล้ายิงหรอก? ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง แต่นี่ไม่มีใครซักคนที่ทักเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายมีปืนเลยเนี่ยนะ ไม่สิ แต่ยิ่งกว่านั้น ทำไมพวกนั้นถึงรู้จักชื่อของโทริโกะได้…?
ระหว่างที่พวกเรายังสับสนกันอยู่ พวกนั้นก็เดินมาถึงพวกเราแล้ว แถมจากที่พวกนั้นทำเราชะงักไป การตอบสนองของโทริโกะก็ช้าลงไปด้วย
ตอนที่ฉันเห็นหน้าตาชั่วช้าของคนที่ยื่นมือออกไปที่โทริโกะ หัวฉันมันก็เย็นลงไปเฉยๆ เลย ฉันกระชับปืน เล็ง แล้วก็ลั่นไกออกไป
กระสุนวิ่งออกจาก M4 เข้ากระแทกใส่ชายคนที่อยู่หน้าสุดของกลุ่ม เจ้าคนผมโมฮอกนั่นแหละ ดูเหมือนกระสุนจะเจาะคอเลย แต่เพราะปากกระบอกปืนที่เด้งขึ้นจากแรงดีด มันก็เลยทำให้นัดที่ 2 ฉันยิงพลาดเป้าไป
ฉันหันไปเล็งใส่อีกคนนึงต่อทันที ไม่สนใจเจ้าโมฮอกที่ล้มลงไปกับพื้นนั่นแล้ว ฉันกดปากกระบอกปืนให้ต่ำลงแล้วเล็งไปที่ท้องแทน เป้าก็ใหญ่นะ แต่จาก 3 นัดที่ฉันยิงไป มันเข้าเป้าแค่นัดเดียวเอง ยิงโดนเข้าที่ง่ามขา เจ้านั่นก็ล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนโดนเตะตัดขาเลย
โทริโกะก็หยิบปืนขึ้นมายิงด้วยเหมือนกัน 2 นัดจากมาคารอฟพุ่งเข้ากลางอกของเจ้าเสื้อกล้าม ก่อนที่เธอจะถอยมายืนอยู่ข้างฉัน แล้วก็ยิงไปอีก 2 นัด เข้าเต็มหัวของเจ้าคนที่ 4 ส่งเจ้านั่นหงายหลังล้มไปนอนบนทางเท้าทันที
เสียงสะท้อนของเสียงปืนค่อยๆ จางลงไป เจ้า 4 คนนั้นที่ล้มลงไปไม่ขยับตัวแล้ว พอฉันสูดหายใจเข้าลึก ก็ได้กลิ่นควันปืนลอยมาจั๊กจี้จมูกด้วย
“…ฉันยิงได้ด้วย”
ฉันพึมพำออกมาพลางลดปืน M4 ลง
“ม- ไม่เป็นไรนะ โซราโอะ?”
โทริโกะวางมือบนแขนของฉันอย่างเป็นกังวล
“อือ ฉันไม่เป็นไร”
“จริงๆ นะ…?”
การตอบของฉันมันอาจจะดูสบายๆ เกินไปบ้าง เพราะท่าทางเป็นกังวลบนหน้าของโทริโกะดูแย่ลงกว่าเดิมอีก
“ฟังนะ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกอะไรเธอดี แต่ถ้าเกิดมีใครพยายามจะมาทำร้ายฉัน ดูเหมือนว่าฉันจะยิงได้ไม่มีปัญหานะ”
“ทำร้ายเธอ…?”
“ไม่ได้หมายถึงแค่ทางร่างกายซักหน่อย ทางจิตใจก็ด้วย”
ยิ่งฉันพยายามจะอธิบาย มันก็ยิ่งดูจะเป็นการอวดแปลกๆ ไปซะงั้น โทริโกะได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้น
“ขอโทษนะ ฉันน่าจะเป็นคนยิงเองแท้ๆ ฉันขอโทษ”
อย่าทำสีหน้าหนักใจแบบนั้นสิ โทริโกะ
ฉันยกมือของตัวเองขึ้นมาจับมือของโทริโกะที่จับแขนฉันอยู่
“ฉันรู้ดีว่าเธอก็กะจะยิงอยู่แล้วเหมือนกัน ฉันมองออกนะว่าเธออยู่ในโหมดจริงจังเลย เพราะแบบนั้นแหละ ฉันก็เลยยิงได้ ฉันพอจะช่วยสนับสนุนเธอได้ตอนที่เธอตอบสนองช้าไป แล้วผลลัพธ์ก็ออกมาดีนี่นา”
“แต่ว่า…”
เหมือนโทริโกะจะยังแย้งอะไรอีก แต่ฉันก็ยกมือขึ้นมาบอกให้เธอเงียบก่อน
“อีกอย่าง พวกนี้ก็ไม่ใช่มนุษย์ด้วย”
“เอ๋…?”