ซู่เจินและเฟลิเซ่ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง หลังจากนั้นซู่เจินก็หันไปมองที่เฟลิเซ่และหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “ผมบอกแล้วถ้าเกิดว่าเราทํากันจริง ๆ คุณจะไม่ได้กลับไปที่บริษัทอย่างแน่นอน”

“คุณมันคนนิสัยไม่ดี! ขนาดฉันบอกให้คุณพอ แต่คุณก็ยังไม่ยอมหยุด!” เฟลิเซ่พูดขึ้นมาเบา ๆ

ซู่เจินยิ้มและหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ไม่มีทาง! เพราะใครทําให้คุณเป็นผู้หญิงที่สุดยอดขนาดนี้ล่ะ! เอาล่ะ …. เด็กดีรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว ผมจะได้พาคุณไปส่ง”

“ฉันไม่มีแรงเลย คุณช่วยพยุงฉันหน่อยได้ไหม” เฟลิเซ่พูดขึ้นมาอย่างยั่วยวนพร้อมกับยื่นมือของเธอออกมา

“ได้สิ”

ซู่เจินหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ และค่อย ๆ อุ้มตัวของเฟลิเซ่ขึ้นมา ..

และเวลาก็ผ่านไปประมาณช่วง 8 โมงเช้า ซู่เจินก็พาเฟลิเซไปส่งที่เมืองวอเตอร์ฟรอนท์อย่างรวดเร็ว โดยที่พวกเขายังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันเลยด้วยซ้ำ และหลังจากที่ซู่เจินส่งเฟลิเซ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็บินกลับมาที่เมืองสตาร์ซิตี้อย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย

เพราะว่าเขายังมีสิ่งที่ต้องทําอยู่

ซึ่งในตอนนี้เขายังต้องการค่าความสัมพันธ์อีก 5% เพื่อที่จะทําให้ภารกิจของเขามันสําเร็จ ส่วนเรื่องของซอมเมอร์เขาก็ยังจัดการได้ไม่เรียบร้อยเช่นกัน

หลังจากที่ซู่เจินเดินทางมาถึงเมืองสตาร์ซิตี้ เขาก็มุ่งหน้าไปที่สํานักงานกฎหมายของลอเรลอย่างรวดเร็ว

และทันทีที่ซู่เจินเดินเข้าไปด้านใน เขาก็พบกับบรรยากาศที่วุ่นวายเต็มไปหมด เพราะว่าตอนนี้ทุกคนกําลังยุ่งกับงานของตัวเองกันอยู่ ซึ่งหลังจากที่ซู่เจินเดินเข้าไปได้ไม่นานเขาก็พบกับลอเรลที่กําลังนั่งทําหน้าเคร่งเครียดอยู่บนโต๊ะทํางานของเธอ

ทันใดนั้นลอเรลก็เงยหน้าขึ้นมาและพบกับซู่เจินที่กําลังยืนยิ้มให้กับเธออยู่ ทําให้เธอตกใจเล็กน้อยและเริ่มจําซู่เจินได้อย่างรวดเร็ว

“เป็นคุณนี่เอง!”

ลอเรลรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ แล้วคุณมาทําอะไรที่นี่ ?”

“ผมต้องการคุยธุรอะไรบางอย่างกับคุณ ดังนั้น คุณพอจะมีเวลาไปข้างนอกกับผมสักแปปหนึ่งไหม ? ”

“โอเค!”

ลอเรลหันมาหยิบกระเป๋าของเธอและเดินออกไปพร้อมกับซู่เจินทันที

ณ ร้านอาหาร

เมื่อพวกเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ลอเรลก็พูดขอบคุณซู่เจินขึ้นมาทันที

“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดขอบคุณคุณอย่างไรดี เพราะไม่เพียงแต่คุณช่วยชีวิตของฉันและโอลิเวอร์ควีนเอาไว้เท่านั้น แต่คุณยังช่วยจับตัวของซอมเมอร์มาให้อีก แต่มันก็ … “ ลอเรลพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

เจ้าหน้าที่ตํารวจมีหลักฐานไม่เพียงพอ!

” อันที่จริงผมก็รู้อะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับคุณและโอลิเวอร์ควีนมาเล็กน้อย ซึ่งถ้าเกิดว่าผมจําไม่ผิดคุณและโอลิเวอร์ควีนเคยเป็นแฟนเก่ากันมาก่อน และโอลิเวอร์ควีนก็คือคนที่ฆ่าพี่สาวของคุณใช่ไหม ? แล้วทําไมผมถึงรู้สึกว่าคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยเกลียดเขาสักเท่าไหร่ ?” ซู่เจินถามขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ

ลอเรลเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ทําไมฉันจะไม่เกลียดเขาล่ะ ? ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแฟนเก่าของฉัน แต่ .. พวกเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานมากแล้ว แถมพวกเราก็ยังไม่…ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น ซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงของโอลิเวอร์ควีนก็น่าจะเป็นเพราะเพื่อเข้าใกล้พี่สาวของฉันอย่างแน่นอน และถ้าเกิดว่าฉันรู้ว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ฉันก็คงไม่ตอบตกลงกับเขาในตอนนั้นอย่างแน่นอน!”

“หะ?”

นี่มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย

และถ้าลองฟังจากน้ำเสียงของเธอดูแล้ว ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโอลิเวอร์ควีนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ?

“ฉันจะไม่ให้อภัยเขาอย่างแน่นอน ไม่มีวัน! แต่เมื่อฉันเห็นใบหน้าของเขาขึ้นมาเมื่อไหร่ มันก็ทําให้ฉันคิดถึงพี่สาวของฉันขึ้นมาทุกที “ ลอเรลมองไปที่ซู่เจินและพูดขึ้นมา

ซู่เจินพยักหน้าและถามขึ้นมาเบา ๆ ว่า “แล้ว…ทอมมี่ล่ะ?”

“เกี่ยวอะไรกับทอมมี่ ?” ลอเรลมองไปที่ซู่เจินและถามขึ้นมาอย่างมึนงง

“ไม่… ไม่มีอะไร” ซู่เจินรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับปฏิกิริยาที่ลอเรลแสดงออกมา หรือว่าเขาจําเนื้อเรื่องผิด ? ไม่สิหรือว่า โลกนี้มันแตกต่างจากในหนัง ? “คุณ … คุณไม่ได้คบหากับทอมมี่อยู่งั้นหรอ?”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง!” ลอเรลพูดขึ้นมาอย่างมึนงง “ฉันจะไปคบหากับทอมมี่ได้ยังไง เพราะในเมื่อฉันเพิ่งรู้จักกับทอมมี่ตอนที่ฉันเพิ่งเริ่มคบกับโอลิเวอร์ควีนใหม่ ๆ และหลังจากนั้นเราก็ช่วยดูแลกันและกันหลังจากที่ฉันสูญเสียพี่สาวไป ส่วนเขาก็สูญเสียเพื่อนรักของเขาไป”

” ผมอาจจะคิดผิด!”

เมื่อเห็นสายตาที่จริงจังของลอเรล ซู่เจินก็มั่นใจได้อย่าง 100% เลยว่าบางสิ่งบางอย่างที่เขารู้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับโลกใบนี้ มันคืออะไร ? ผีเสื้อขยับปีกงั้นหรอ ?

แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ แล้วหลายสิ่งหลายอย่างที่โลกมาเวล ก็ไม่ค่อยเหมือนกับสิ่งที่เขารู้มาเหมือนกัน!

“เอ่อ … ผมมีของอะไรบางอย่างที่จะให้คุณ และผมก็คิดว่าคุณจะต้องการมันอย่างแน่นอน”

ซู่เจินหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาและกดเปิดเสียงที่เขาได้บันทึกเอาไว้ทันที

เมื่อลอเรลฟังจนจบ เธอก็รีบพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นกับซู่เจินว่า “เยี่ยม! ถ้าเกิดว่าฉันมีหลักฐานอันนี้ล่ะก็ … ซอมเมอร์จะต้องใช้ชีวิตที่เหลือของเขาอยู่แต่ในคุกอย่างแน่นอน”

“คุณต้องการมันไหม ?” ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอน! แล้วคุณจะให้มันกับฉันใช่ไหม ? เพราะถึงยังไงคุณก็เป็นฮีโร่ที่คอยจัดการกับความชั่วร้ายไม่ใช่หรอ ?”

“คุณเหมาะกับการเป็นทนายความมาก!” ซู่เจินยิ้มและพูดต่อว่า “ตราบใดที่คุณตอบคําถามของผมสักสองสามข้อ เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของผมสักเล็กน้อย ผมจะให้ไฟล์เสียงอันนี้กับคุณเป็นการตอบแทน! ”

“คุณลองพูดมาสิ!”

“คุณ ยังบริสุทธิ์อยู่ใช่ไหม?” ซู่เจินพูดถามขึ้นมาตรง ๆ ทันที

ลอเรลถึงกับตกตะลึง “คุณถามสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร?”

“คุณก็แค่ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่!”

ลอเรลมองไปที่ซู่เจิน และพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย

” นั่นสินะ! เดี๋ยวคุณเอาโทรศัพท์ของคุณมา ผมจะได้ส่งไฟล์ไปให้!”

ซู่เจินยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ

ลอเรลรีบหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาและส่งให้กับซู่เจินทันที และหลังจากที่ซู่เจินส่งไฟล์อะไรให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็แอบบันทึกเบอร์ของลอเรลเอาไว้ในเครื่องของเขาอย่างรวดเร็ว

ซึ่งลอเรลก็เห็นเช่นกัน แต่เธอก็ไม่ห้ามเขาหรือปฏิเสธอะไร

“เอาล่ะ! ตอนนี้เรื่องของซอมเมอร์ผมก็ขอฝากให้คุณจัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน และผมก็จะอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันก่อนที่ผมจะจากไป”

“กลับไปที่เมืองวอเตอร์ฟรอนท์งั้นหรอ ?” ลอเรลถามขึ้นมา

ซู่เจินยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักผมเป็นอย่างดีเลยสินะ”

“กรีนแลนเทิร์น ตอนนี้ข่าวของคุณแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางมาก มันไม่แปลกเลยที่ฉันจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณนิดหน่อย และนอกจากนี้ยังมีแอร์โรว์ที่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่มาจากเมืองสตาร์ซิตี้ คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”

“ผมรู้ แต่ผมบอกคุณไม่ได้!”

“งั้น … ช่วยบอกชื่อของคุณหน่อยได้ไหม ?” ลอเรลรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับแอร์โรว์มากนัก

“ซู่เจิน!”

“ฉันจะจําเอาไว้”

ลอเรลพึมพําขึ้นมาเบา ๆ

“เอาล่ะ! ตอนนี้เวลาของผมใกล้จะหมดลงแล้ว ดังนั้นผมจะไม่รบกวนคุณอีกต่อไป เพราะว่ายังมีคนอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณอยู่” ซู่เจินยืนขึ้นพร้อมกับมองไปที่ลอเรลด้วยรอยยิ้มและพูดต่อว่า ” เมื่อวานนี้พ่อของคุณยิงปืนใส่ผมสองนัด ดังนั้นผมจะใช้คุณเพื่อเป็นสะพานในการแก้แค้นกับเขา!”

“หะ?”

ลอเรลตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเธอก็ไม่คิดว่าพ่อของเธอจะกล้ายิงซู่เจินจริง ๆ แล้วนับประสาอะไรกับการแก้แค้นที่เขาพูดถึง ? เพราะดูยังไงมันก็ไม่เหมือนกับการแก้แค้นเลยซักกะนิด

“ถ้าคุณสามารถรับประกันได้ว่าคุณจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปตลอด และอยู่ห่าง ๆ จากโอลิเวอร์ควีน และทอมมี่ …. ผมจะบอกความลับเกี่ยวกับพี่สาวของคุณให้”

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับพี่สาวฉัน ?” ลอเรลถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“คุณอยากรู้งั้นหรอ ? ผมจะต้องดูก่อนว่าคุณมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร ผมจึงจะได้พิจารณาได้ถูกว่าจะบอกคุณดีหรือไม่” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับวางเงินไว้บนโต๊ะและเตรียมตัวที่จะหันหลังเดินจากไป

” ทําไม? “ ลอเรลถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

“เพราะเธอคือคนที่ผมจะเอาไว้ใช้สําหรับการแก้แค้น!” ซู่เจินหัวเราะออกมาพร้อมกับหันหลังเดินจากไปทันที