หลังจากที่ซู่เจินออกมาจากร้านอาหารมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย

เนื่องจากตอนแรกซู่เจินคิดว่าไทม์ไลน์ของโลกใบนี้มันจะเหมือนกับสิ่งที่เขาเคยรู้มา ทําให้เขาไม่ค่อยสนใจในตัวของลอเรลมากนักในตอนแรก แต่ตอนนี้ … เขาก็ต้องขอยอมรับเลยว่าเขาเริ่มเปลี่ยนใจแล้ว เพราะว่าลอเรลก็เป็นคน ๆ หนึ่งที่มีรูปร่างและหน้าตาที่ดูดีมาก แถมเธอยังบริสุทธ์อยู่อีกด้วย

ดังนั้นเขาจึงบอกกันว่าความคิดก็เปรียบเสมือนกับการแก้แค้น

เพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วลอเรลก็รักซาร่าพี่สาวของเธอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นว่าโอลิเวอร์ควีนสามารถรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ทําให้เธอยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อยว่าพี่ของเธอน่าจะยังคงมีชีวิตอยู่ บวกกับการที่ซู่เจินพูดเรื่องของซาร่าขึ้นมา มันจะต้องทําให้เธออยากรู้มาก ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นนี่จึงถือได้ว่าเป็นการทรมานรูปแบบหนึ่ง!

“ติ๊ง!”

“แบล็ค คานารี่ : ลอเรล แลนซ์ ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 50%”

หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน ซู่เจินก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น ทําให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เพราะเขาไม่คิดว่ามันจะได้มากถึง 50%?

ดูเหมือนว่าตําแหน่งของเขาในหัวใจของเธอมันจะค่อนข้างสําคัญมาก เพราะถึงยังไงเขาก็เคยช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ และเขายังเอาหลักฐานมัดตัวซอมเมอร์มาให้กับเธออีก และยังไม่หมดแค่นั้นเขายังบอกข่าวเกี่ยวกับพี่สาวของเธอให้อีกด้วย ?

แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องบังเอิญ

ซึ่งเป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้จริง ๆ ก็คือการเพิ่มค่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโอลิเวอร์ควีนอีก 5% ส่วนวิธีการเขาก็ได้คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน

ตอนนี้เขายังเหลือเวลาอีกสามวัน ซึ่งภายในสามวันนี้ถ้าเกิดว่าเขาอยู่กับโอลิเวอร์ควีนและพูดคุยสารทุกข์สุกดิบมันก็น่าจะเพียงที่จะเพิ่มค่าความสัมพันธ์อีก 5% ใช่ไหม ? เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องการพัฒนาทักษะการต่อระยะประชิดของเขาด้วยเช่นกัน

ใช้แผนการมันก็ไม่ได้รวดเร็วเท่ากับการลงมือทําทันที่จริง ๆ เพราะว่าหลังจากที่ซู่เจินมาถึงฐานลับของโอลิเวอร์ควีน เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นว่าค่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโอลิเวอร์ควีนเพิ่มขึ้นมาอีก 5% ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเพราะหลักฐานที่เขาให้กับลอเรลไป ทําให้ลอเรลสามารถเอาตัวของซอมเมอร์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้

ดังนั้นในตอนนี้ภารกิจหลักและภารกิจรองของเขาก็เสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว

ทําให้ซู่เจินเริ่มผ่อนคลายลงในทันที และเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ตอนเช้าซู่เจินจะหาเวลาว่างไปนั่งพูดคุยเล่นกับโอลิเวอร์ควีน และพอตกกลางคืนเขาก็จะกลับมานั่งดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์อยู่ที่ห้อง ทําให้ช่วงเวลาสามวันที่ผ่านมานี้เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายมาก ๆ สําหรับซู่เจิน

และก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าความแข็งแกร่งของซู่เจินในตอนนี้มันก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก

ทําให้สมรรถภาพร่างกายของซู่เจินในตอนนี้แข็งแกร่งมากกว่าของโอลิเวอร์ควีนในทุก ๆ ด้าน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เขายังขาดอยู่นั่นก็คือ ประสบการณ์และเทคนิคการต่อสู้ ทําให้ในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ซู่เจินได้พยายามฝึกฝนอย่างหนัก และมันก็ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งในวันแรกซู่เจินได้ลองสู้กับโอลิเวอร์ควีนโดยใช้แค่ทักษะเท่านั้น ผลก็คือโอลิเวอร์สามารถไล่ต้อนเขาได้จนมุม ส่วนวันที่สองพวกเขาก็เสมอกัน และในวันที่สามซู่เจินก็สามารถชนะได้เป็นครั้ง

และโอลิเวอร์ควีนยังบอกกับเขาอีกว่า เขาเปรียบเสมือนกับฟองน้ำที่สามารถดูดซับน้ำได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ว่าเขาจะเรียนรู้อะไรเขาก็สามารถทําความเข้าใจเกี่ยวกับมันได้ในทันที ทําให้สิ่งเดียวที่ซู่เจินยังขาดอยู่ในตอนนี้ก็คือ ประสบการณ์

ซึ่งซู่เจินก็เห็นด้วยกับข้อนี้

เพราะว่าการที่เราจะสามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น ประสบการณ์เป็นสิ่งที่จําเป็นมาก ๆ!

“คุณจะไปแล้วงั้นหรอ?”

ซู่เจินได้บอกกับโอลิเวอร์ควีนไว้ก่อนแล้วว่าเขากําลังจะต้องออกไปจัดการธุรบางอย่างซึ่งมันก็ทําให้โอลิเวอร์ควีนรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มันก็ทําให้โอลิเวอร์ควีนรู้สึกเหมือนว่าซู่เจินเป็นเพื่อนของเขาที่รู้จักกันมานานหลายปี

“ผมยังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการอยู่ ดังนั้นผมขอฝากเมืองสตาร์ซิตี้ไว้กับคุณด้วยก็แล้วกัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ได้! ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”

“วิส!”

หลังจากที่ซู่เจินบินออกมาได้ไม่นาน เขาก็พบเข้ากับสถานที่ที่ไม่มีคนอยู่บริเวณข้าง ๆ ทําให้เขารีบมุ่งหน้าไปที่นั่นและกดออกจากดันเจี้ยนทันที ซึ่งหลังจากที่ซู่เจินออกมาจากดันเจี้ยนเขาก็ไม่ได้รีบเข้าไปในดันเจี้ยนแห่งแรกต่อในทันที เพราะว่าเขาจะทําการลบดันเจี้ยนของกรีนแลนเทิร์นทิ้งซะก่อน เพื่อที่เขาจะได้เปิดดันเจี้ยนแห่งใหม่ขึ้นมาได้

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้เลือกดันเจี้ยนแห่งใหม่ในทันที เพราะว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ขาดเหลืออะไร และมันจะดีกว่าถ้าเกิดว่าเขาเก็บมันเอาไว้ใช้ยามที่จําเป็นจริง ๆ และยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้แม็กนีโต้และราชินีสีขาวก็กําลังจับตามองมาที่เขาอยู่ห่าง ๆ เช่นกัน

“ระบบ! คราวนี้รางวัลของภารกิจเป็นยังไงบ้าง?”

ซู่เจินพูดถามระบบขึ้นมาทันที หลังจากที่เขาออกมาจากดันเจี้ยนเรียบร้อยแล้ว

“มากมายมหาศาล!” เสียงของระบบที่ดังขึ้นมาดูสั่น ๆ เล็กน้อย ทําให้ซู่เจินคิดว่ารางวัลของภารกิจในครั้งนี้มันจะต้องดีมากอย่างแน่นอน

” จะเป็นอะไรไหมถ้าเกิดว่าฉันยังไม่เข้าไปในดันเจี้ยนที่เหลือในตอนนี้ ? แล้วเวลารีเฟรชของดันเจี้ยนมันแยกกันหรือว่ารวมกันทั้งหมด ? ” ซู่เจินถามขึ้นมากับระบบ

“โฮสต์สามารถเข้าไปในดันเจี้ยนที่โฮสต์ต้องการได้ตลอดเวลา ส่วนเวลารีเฟรชของดันเจี้ยน มันจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ดันเจี้ยน ซึ่งมันจะเริ่มนับตั้งแต่ที่คุณออกมาจากดันเจี้ยน …”

“เยี่ยม!” มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเกิดว่ามันไม่มีเวลาสําหรับการรีเฟรชดันเจี้ยน

หลังจากนั้นซู่เจินก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อสอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของฐานว่าเป็นอย่างไรบ้าง

และเมื่อบริ้งค์เห็นว่าซู่เจินกลับมาแล้ว เธอก็รีบเดินเข้าไปหาซู่เจินอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “บอส! ฉันมีอะไรบางอย่างที่อยากจะถามคุณ!”

” ว่าไง?”

“เปปเปอร์บอกว่าเธอรู้จักใครบางคนที่สามารถสร้างฐานให้กับพวกเราได้ ถึงแม้ว่ามันจะมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่มันก็สามารถสร้างเสร็จได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน!”

“เอาสิ” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“แล้วเปปเปอร์ก็ยังบอกอีกว่าบริษัทแห่งนี้มีชื่อว่า “Damage Control” พวกเขามีหน้าที่ในการทําลายอาคาร ฟื้นฟูหรือสร้างขึ้นมาใหม่โดยใช้เวลาอันสั้น โดยการใช้เทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมขั้นสูงซึ่งเป็นความลับทางการค้าของพวกเขา แถมพวกเขายังได้ร่วมมือกับ SHIEDL หรือแม้กระทั่ง Stark Industries ในการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนํามาซ่อมแซมตัวอาคารที่ถูกฮีโร่หรือเหล่าวายร้ายที่ทําการต่อสู้กันแล้วเกิดความเสียหาย ซึ่งประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของบริษัทนี้มันก็ดีมาก ๆ ดังนั้นเปปเปอร์จึงบอกว่าถ้าเกิดว่าบอสให้บริษัทแห่งนี้เป็นคนจัดการเรื่องฐาน มันจะสามารถลดระยะเวลาในการก่อสร้างไปได้อย่างมหาศาลเลยละ!”

“เร็วแค่ไหน?”

” หนึ่งเดือน! เป็นเพราะเวลามันเร็วมาก ดังนั้นบอสจะต้องเอาใจใส่เกี่ยวกับฐานของบอสให้มาก ๆ ไม่งั้นถ้าเกิดว่ามันไม่ถูกใจบอสขึ้นมา พวกเราจะได้แก้ไขกันได้ทันเวลา!”

หนึ่งเดือน? นี่มันเร็วมากจริง ๆ

ในความเป็นจริงซู่เจินก็สงสัยเกี่ยวกับบริษัทแห่งนี้มานานมากแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลก ฮีโร่ปราบเหล่าร้าย หรือแม้กระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับบริเวณรอบ ๆ ได้ มันจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่และกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วโดยบริษัทแห่งนี้ ซึ่งไม่มีบริษัทก่อสร้างแห่งไหนที่สามารถทําแบบนี้ได้อย่างแน่นอน!

มันเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะระดมทีมวิศวกรจํานวนมาก เพื่อมารับผิดชอบเกี่ยวกับการก่อสร้างใช่ไหม ?

“เปปเปอร์สามารถติดต่อกับผู้รับผิดชอบของบริษัทแห่งนี้ได้ใช่ไหม ? งั้นผมฝากบอกเขาหน่อยว่า ผมอยากคุยเรื่องธุรกิจกับเขา! ”

เดิมที่ซู่เจินก็หวังว่าเขาจะสามารถสร้างฐานให้เสร็จได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งถ้าเกิดว่าบริษัทแห่งนี้มันเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือก็คงจะดี ดังนั้นซู่เจินจึงอยากลองพูดคุยกับผู้รับผิดชอบของบริษัทเป็นการส่วนตัวซะก่อน และค่อยตัดสินใจดูอีกที่หนึ่งว่าบริษัทแห่งนี้มันจะดูน่าเชื่อถือจริง ๆ ใช่หรือไม่

“ฉันจะไปบอกกับเปปเปอร์ให้” บริ้งค์พยักหน้าเบา ๆ และหันหลังเดินจากไปทันที