ตอนที่ 33 ปรมาจารย์ผู้ลึกลับ (3)ตอนที่ 34 ปรมาจารย์ผู้ลึกลับ (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 33 ปรมาจารย์ผู้ลึกลับ (3)

“ข้าเห็นว่าขาของท่านอาแม้ว่าจะไม่สามารถขยับได้ แต่ก็ยังรู้สึกถึงความเย็นได้บ้างเป็นครั้งคราว นอกจากนี้เส้นเอ็นก็ไม่ได้ถูกทำลายไปจนหมด ดังนั้นข้าเลยคิดว่าจะใช้ยาวิเศษของท่านอาจารย์ลองรักษาดู ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็เคยกินเมล็ดบัวนั่นมาก่อนแล้ว ถึงจะรู้สึกไม่สบายตัวไปบ้าง แต่ร่างกายของข้าก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองร้ายแรงเหมือนกับที่ท่านอาเล็กเป็น ยามที่พิษในตัวท่านอาเล็กปะทุขึ้นมา ข้าเองก็หวาดกลัวยิ่งนัก ทว่าโชคดีที่มีท่านอาจารย์คอยชี้แนะและบอกวิธีการรักษาให้กับข้า สิ่งนี้ถึงไม่ได้นำไปสู่ความผิดพลาดครั้งใหญ่”

จวินอู๋เสียกล่าวอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่านางจะยังเยาว์วัยนัก แต่น้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็วเกินไปของนางกลับทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อถืออย่างยิ่ง

ถ้อยคำเหล่านี้มีทั้งความจริงและความเท็จผสมกันไป เป็นคำพูดที่จวินอู๋เสียกลั่นกรองมาเป็นอย่างดีแล้วเพื่อนำมาใช้อำพรางและบิดเบือนทักษะทางการแพทย์ที่มีที่มาที่ไปอธิบายได้ไม่ชัดเจนของนาง

ในตอนแรกนางเพียงแค่อยากแอบปรับปรุงสุขภาพร่างกายให้กับจวินชิงและจวินเสี่ยนอย่างลับๆ ใครจะไปรู้เล่าว่าเมล็ดบัวนั่นจะให้ผลรุนแรงต่อจวินชิงถึงเพียงนี้ จนเป็นชนวนเหตุทำให้วุ่นวายไปทั้งจวนอ๋อง! ตอนนี้นางจึงทำได้เพียงแต่หาข้ออ้างที่พอจะฟังขึ้นมาอธิบายทักษะความสามารถที่มีอยู่ของนาง

หลังจากที่ได้พูดคุยปรึกษากับเจ้าแมวดำตัวน้อย นางก็ได้ข้อสรุปว่าจะอุปโลกน์ ‘ท่านอาจารย์’ ผู้แสนลึกลับและเก่งกาจขึ้นมา

ส่วนปัญหาเรื่องทักษะทางการแพทย์ของนางทั้งหมดนั้น แค่ผลักไปให้ท่านอาจารย์ผู้ลึกลับท่านนั้นรับผิดชอบก็สิ้นเรื่องแล้ว

เท่านี้นางก็ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาใดๆ ที่จะตามมาในอนาคตอีก

หลังจากฟังคำอธิบายของจวินอู๋เสียจบ ทั้งจวินเสี่ยนและจวินชิงต่างก็ตกอยู่ในอาการตะลึงงัน

พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอู๋เสียจะยอมรับใครสักคนเป็นอาจารย์ของนางได้ มิหนำซ้ำยังแอบกราบคนผู้นั้นเป็นอาจารย์อย่างลับๆ อีก

ในวันที่นางกลับมาถึงจวนหลินอ๋องนั้น ความทรงจำของพ่อลูกสกุลจวินก็ได้ถูกสับเปลี่ยนไปจนหมด พวกเขารู้เพียงแต่ว่า ‘พี่ชาย’ ของนางเป็นคนพาตัวนางกลับมา หาได้ทราบถึงรายละเอียดลึกๆ ไม่

สิ่งที่นางกล่าวมาอาจฟังดูเหลือเชื่อเกินจริงไปบ้าง ต้องมีโชคขนาดไหนกันถึงจะได้พบกับปรมาจารย์เช่นนั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามมันก็สามารถตอบทุกคำถามที่พวกเขาสงสัยอยู่ในใจตลอดช่วงหลายวันมานี้ อย่างเช่นว่าเหตุใดนิสัยของนางจึงเปลี่ยนไป และเหตุใดนางถึงสนใจวิชาแพทย์

ทุกอย่างล้วนสอดคล้องลงตัวกับคำอธิบายของจวินอู๋เสียอย่างไม่มีที่ติ!

“แค่กๆ อู๋เสีย เช่นนั้นตลอดหลายวันมานี้เจ้าก็พบกับท่านอาจารย์ของเจ้าในจวนหลินอ๋องแห่งนี้ตลอดหรือ” จวินเสี่ยนเอ่ยถามด้วยสีหน้ายากจะบรรยายนัก

จวินอู๋เสียพยักหน้ารับ

จวินเสี่ยนกับจวินชิงหันมาแลกเปลี่ยนสายตากันทันที เห็นได้เลยว่าอีกฝ่ายคิ้วกระตุกเพียงใด

จวนหลินอ๋องมองจากภายนอกอาจดูเหมือนไม่ได้มีการคุ้มกันที่แน่นหนามากนัก แต่พวกเขาก็มีองครักษ์ที่คอยคุ้มกันอยู่ในเงามืดอย่างลับๆ ที่เป็นทหารมือดีจากกองทัพรุ่ยหลินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากสถานการณ์ของจวนหลินอ๋องค่อนข้างพิเศษ องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจึงตรวจตราทุกจุดอย่างเข้มงวด อย่าว่าแต่คนแปลกหน้าสักคนเลย แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ สักตัวหากล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของจวนหลินอ๋องพวกเขาก็รับรู้ได้

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้กองทัพรุ่ยหลินของพวกเขากลับไม่รู้สึกถึงการบุกรุกใดๆ ทั้งสิ้น

มีเพียงความหมายเดียวนั่นก็คือ ท่านอาจารย์ของจวินอู๋เสียจะต้องเป็นปรมาจารย์ผู้ที่สามารถเข้าออกป้อมปราการแห่งนี้ได้ตามใจชอบ และถึงแม้ว่าเขาจะต้องคอยหลบเลี่ยงคนของกองทัพรุ่ยหลินที่ออกลาดตระเวนพื้นที่ แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้แม้แต่น้อย

ตัวตนท่านปรมาจารย์อาจารย์ของจวินอู๋เสีย กลายเป็นที่จับตาดึงดูดความสนใจและสงสัยของสองพ่อลูกสกุลจวินในทันที แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าปรมาจารย์ผู้ลึกลับท่านนั้นมิได้มีเจตนาร้ายต่อจวนหลินอ๋อง มิฉะนั้นเขาก็คงไม่ช่วยชีวิตของอู๋เสียไว้ ยิ่งไม่มีทางถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้กับนาง

“การที่เจ้าได้กราบบุคคลสูงส่งเช่นนั้นเป็นอาจารย์ช่างเป็นเรื่องที่ประเสริฐยิ่งนัก ในเมื่อเขาไม่ต้องการพบผู้ใด เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยแสดงความขอบคุณต่อทุกความช่วยเหลือของเขาแทนพวกข้าด้วยก็แล้วกัน” จวินเสี่ยนอายุไม่น้อยแล้วย่อมเคยผ่านโลกมามาก จากประสบการณ์จำนวนมากของเขา เขาคาดเดาว่าท่านอาจารย์ผู้นี้ของนางคงจะรู้ซึ้งเรื่องทางโลกแล้ว ไม่ต้องการเข้ามาพัวพันกับแดนโลกีย์แห่งนี้มากนัก ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรเพิ่มเติม ยิ่งไม่เรียกร้องที่จะขอพบกับเขาผู้นั้น

การได้มีอาจารย์ที่ดีเช่นนี้ นับเป็นผลดีทั้งต่อตัวอู๋เสียและจวนหลินอ๋องของพวกเขาเอง จวินเสี่ยนรู้สึกปีติยินดียิ่ง

“เจ้าค่ะ” นางตอบอย่างสุขุม เจ้าแมวดำในอ้อมแขนมองนางด้วยสีหน้าตกตะลึง มันร้องเหมียวออกมาเบาๆ

เจ้านายท่านถูกชักนำไปในทางที่ไม่ดีเสียแล้ว เหตุใดถึงได้โกหกหน้าตายเก่งเพียงนี้เล่า!

…..

ตอนที่ 34 ปรมาจารย์ผู้ลึกลับ (4)

ปรมาจารย์ผู้ลึกลับอะไรกันเล่า ให้ตายเถอะ เขาไม่มีตัวตนอยู่จริงด้วยซ้ำ! ท่านแค่ต้องการที่จะขอบคุณตัวเอง!

จวินอู๋เสียจะฟังคำพูดของเจ้าแมวดำตัวน้อยไม่เข้าใจได้อย่างไร แต่นางก็ยังคงสงบนิ่ง เก็บอาการต่างๆ ได้ดีมาก แล้วแสดงสีหน้าท่าทีเย็นชาต่อไป

“เดี๋ยวนะ! เจ้าบอกว่าเจ้าก็กลืนเมล็ดบัวนั่นเข้าไปด้วยเหมือนกันใช่ไหม แล้วตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่า” จวินเสี่ยนเห็นกับตาตัวเองว่าบุตรชายผู้ซึ่งเคยเป็นผู้นำทัพนั้นตัวงอเพราะความเจ็บปวดเหลือจะรับมาแล้ว นับประสาอะไรกับเด็กสาวอายุเพียงสิบสี่ปีผู้หนึ่ง มิหนำซ้ำนางยังกลืนมันลงไปภายใต้สถานการณ์เช่นไรก็ไม่อาจรู้ได้ อารมณ์ของเขาพลุกพล่าน ในขณะที่เขาเอ่ยปากถามด้วยความร้อนรุ่มใจ

จวินอู๋เสียส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ยามนั้นแค่รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย ไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงเหมือนกับท่านอาเล็ก ข้าคิดว่าการที่ร่างกายของท่านอาเล็กตอบสนองแย่ถึงเพียงนั้น ก็เพราะท่านอาเล็กเคยถูกพิษมาก่อนและพิษนั้นได้แทรกตัวลึกเข้าไปในกระดูกเป็นเวลานานหลายปี เมล็ดบัวมีสรรพคุณช่วยชำระล้างไขกระดูก ทำให้กระดูกของท่านอาเล็กคล้ายได้เกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้นท่านอาเล็กจึงรู้สึกเจ็บปวดมากยามเมื่อมันเข้าไปบีบเค้นเอายาพิษออกจากทุกซอกทุกมุมของกระดูก อย่างไรก็ตามจากที่เห็นการที่ของเสียเหล่านั้นได้ถูกขับออกทางเหงื่อผ่านรูขุมขนของท่านอาเล็กแล้ว ในอนาคตท่านอาเล็กก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ แต่อาจใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าปกติสักหน่อย”

หากแค่ช่วยชีวิตจวินชิงแค่นี้นางยังไม่มีปัญญาทำได้ นางก็คงไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้แล้วจริงๆ

เมื่อจวินเสี่ยนได้ยินว่าสิ่งสกปรกและยาพิษทั้งหมดที่อยู่ในตัวจวินชิงได้ถูกขจัดออกผ่านทางเหงื่อแล้ว ดวงตาของเขาก็เกือบจะถลนออกมาจากเบ้า

“ข้าเองก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างจริงๆ ขอรับ ร่างกายของข้ารู้สึกเบาขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ข้าลุกขึ้นนั่งเมื่อครู่ ขาของข้าก็สามารถรับความรู้สึกบางอย่างได้จริงๆ” จวินชิงได้ยินคำพูดของจวินอู๋เสียแล้วเหมือนกัน รีบเล่าความรู้สึกที่ได้สัมผัสก่อนหน้านี้ออกไปให้พวกเขาฟังด้วยความตื่นเต้น

กี่ปีแล้วนะ กี่ปีแล้วที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีขาแม้แต่ข้างเดียว ทว่าบัดนี้เขากลับสามารถรู้สึกถึงมันได้ แม้จะแค่น้อยนิดก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก

“ได้ยินท่านอาจารย์กล่าวว่าหลังจากที่กระบวนการชำระล้างทั้งหมดเสร็จสิ้นลงแล้ว หากเพิ่มการใช้อาหารยาและการอาบน้ำยาสมุนไพรเข้าไป อย่างมากครึ่งปีต่อจากนี้ขาของท่านอาเล็กก็จะกลับมาเป็นปกติเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียยืมชื่อ ‘ท่านอาจารย์’ ปลอมๆ ของตัวเองมาใช้ในการแสดงทักษะทางการแพทย์ของนาง

ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

จวินชิงและจวินเสี่ยนต่างจ้องจวินอู๋เสียตาเขม็ง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

หลังจากต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนกันมานานนับทศวรรษ ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นประกายแสงแห่งความหวัง!

“อู๋เสีย ท่านอาจารย์ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร…กลับมา…เป็นปกติหรือ หมายความว่าอาเล็กของเจ้าจะสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งจริงๆ ใช่หรือไม่” จวินเสี่ยนไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเขาได้อีกแล้ว ความกังวลว่าจะทำให้หลานสาวตัวน้อยต้องหวาดกลัวนั้นถูกโยนทิ้งไปแทนที่ด้วยความสุขที่โหมกระหน่ำเข้ามา

จวินอู๋เสียพยักหน้ารับ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ท่านอาเล็กจะกลับมาเดินได้เช่นคนทั่วไปอีกครั้ง แต่เพราะท่านอาเล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นมานานกว่าสิบปี กล้ามเนื้อขาของเขาจึงลีบไปหมดแล้ว ต่อจากนี้ไปหากท่านอาเล็กอยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ท่านก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อพัฒนาและฝึกฝนกล้ามเนื้อส่วนล่างนะเจ้าคะ”

“อะไรนะ…ข้าสามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ภายในหนึ่งปีจริงๆ หรือ” จวินชิงรู้สึกราวกับเขากำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน มือขยำผ้านวมแน่น ทั้งแปลกใจและก็ยินดีจนตาพร่ามัว ความรู้สึกตกตะลึงของเขาปะปนไปด้วยความสุข

เขาเคยคิดว่าตลอดชีวิตนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนอีกแล้ว อย่างดีที่สุดก็คงเป็นได้แค่คนพิการบนรถเข็น ความหวังที่เขาจะสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งนั้น เขาไม่กล้าจินตนาการถึงมันจริงๆ อย่างไรก็ตามวันนี้มันกลับกลายเป็นความจริงได้อย่างไม่คาดฝัน คิดถึงภาพที่เขาขี่ม้าเข้าไปในสนามรบเหมือนอย่างในอดีต เข่นฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วน…

จวินชิงตัวสั่น

นี่เขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่ไหม

แต่จวินอู๋เสียเพิ่งบอกกับเขาว่าเขาสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง แถมยังกลับไปแข็งแรงเหมือนแต่ก่อนได้อีกด้วย!

จวินอู๋เสียมองจวินชิงที่ร้องไห้ดีใจเหมือนกับเด็กๆ หันไปมองจวินเสี่ยนที่ตาแดงก่ำน้ำตาคลอแทบจะไหลลงมาอยู่รอมร่อ ความคิดของนางก็หยุดชะงักลง

นี่…มีอะไรน่าตื่นเต้นดีใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ

จวินอู๋เสียไม่เข้าใจจริงๆ ขาของจวินชิงแต่เดิมก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตมากมายเพียงนั้น ปัญหาเดียวที่พบก็คือพิษที่ฝังตัวลึกอยู่ในกระดูกของเขา แค่ทำการขจัดพิษออกไป แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งเส้นประสาทและกระดูกในตัวเขาล้วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ การฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ เป็นเรื่องที่เห็นกันอยู่ชัดๆ แต่ทำไมพวกเขาถึงตื่นเต้นกันมากขนาดนี้

…………