ตอนที่ 29 ไม้จิตคะนึงหา

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

“อาเย่า ไม่ต้องไปด้วยกันจริงหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนรั้งถามหลินซือเย่าที่กำลังจะออกไปเมืองฝานฮัวจัดการบ้านให้เสร็จ

ว่ากันว่าเครื่องเรือนบ้านใหม่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากศิลาชิงจวน[1]ไว้ปูลาดเส้นทางเล็กๆ ในลานบ้านแล้ว ฟังหลินซือเย่าว่า รั้วบ้านที่ล้อมไว้ก็เหมือนไม่ล้อมตอนนี้นั้นอาจรื้อถอนออก เปลี่ยนเป็นรั้วไม้สูงเท่าคน และทำประตูสองบานไว้ที่ทางเข้าหลัก

เรื่องพวกนี้เขาไม่ให้นางต้องมาจัดการ ทิ้งนางไว้ที่โรงเตี๊ยม ไม่ใช่เพื่อเป็นเพื่อนลูกหมาป่าสองตัวก็เพื่อให้อยู่แต่ในห้องเย็บชุดใหม่ แต่ตอนนี้ผ้าที่ซื้อมาก่อนหน้าล้วนกลายเป็นชุดใหม่หมดแล้ว เขายังคิดไม่ให้นางตามไป ไม่ใช่เพราะรังเกียจว่านางไร้ประโยชน์หรือ?!

หลินซือเย่าเห็นสายตาเต็มไปด้วยความหวังว่าอยากตามไปด้วย ก็ลอบถอนหายใจ พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “ถึงที่นั่น ต้องระวังหน่อย อย่าทำตัวเองบาดเจ็บ”

ซูสุ่ยเลี่ยนย่อมรับปากอย่างเต็มที่ จากนั้นก็หันหลังไปเอาผ้าม่านหน้าต่างที่ตัดเย็บเสร็จเตรียมใส่ห่อผ้าไว้นานแล้วไปด้วย กะว่าจะไปติดม่าน

“ไม่รีบ บ้านยังต้องทำความสะอาดอีก” หลินซือเย่ารับห่อผ้าจากมือนางมาใส่กลับลงในหีบเสื้อ เขาไม่อยากให้นางต้องเสียเวลาเย็บม่านไม่กินไม่ดื่มทั้งวันเช่นนี้เลย ติดไม่กี่วันก็สกปรกแล้ว

“อ้อ อ้อ” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย ตั้งแต่ซื้อบ้านมาก็ไม่ได้ไปอีก ก็ไม่รู้ว่าซ่อมแซมไปถึงไหนแล้ว ฮึๆ…คาดหวังจริง!

……

“เจ้าดูๆ บ้านนี้…”

“มองไม่ออกนะเนี่ย อายุน้อยๆ เป็นพ่อค้าย้ายมาจากไหนกันเนี่ย?”

“ไม่รู้สิ ได้ยินนางฮัวว่า เครื่องเรือนบ้านเขาล้วนใช้ไม้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำ นางไปขอเศษไม้มาได้ชิ้นหนึ่ง เอากลับบ้านไปทำเขียง เห็นว่าใช้ดีมาก ไม่มีเศษไม้หลุดออกมาตอนหั่นเลย”

“ถุยๆ นางฮัวหน้าหนาจริง ถึงกับยังกล้าไปขอเศษไม้ถึงที่”

“เอ้…ข้าได้ยินนางเถียนว่า ตาเฒ่าบ้านนางไปช่วยทำงานไม้ ทำไปสิบสองวัน ได้มาหกร้อยอีแปะ ยังมีท่อนไม้ใหญ่ให้อีกท่อน หลายวันนี้เร่งให้ตาเฒ่านางทำเตียงใหม่ให้อยู่”

“จริงหรือ? จุ๊ๆ! ข้าได้ยินผู้ใหญ่บ้านก็ว่า ครั้งนี้เจ้าเป๋หวังก็ไปด้วย เขาไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจ ยังให้ไม้ท่อนใหญ่มาด้วยนะ นางเมียให้ทำอ่างอาบน้ำ โอย ตาแก่ที่บ้านข้าตอนนั้นทำไมไม่เรียนงานไม้นะ!”

……

ตอนซูสุ่ยเลี่ยนเดินเคียงคู่กับเขามายังริมสระน้ำ ก็เห็นบรรดาป้าๆ ทั้งหลายนั่งคุยสัพเพเหระเย็บผ้ากันอยู่ใต้ร่มเงาต้นหลิว พากันซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ แน่นอนว่าซูสุ่ยเลี่ยนหูไวได้ยินมาบ้าง

“พูดถึงเจ้า?” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเขาจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม หากในใจแอบนึกขำ ตอนนี้บรรดาป้าๆ ในเมืองฝานฮัวล้วนคิดจะมาขอแอบเรียนวิชางานไม้จากผู้ชายบ้านนาง

หลินซือเย่าคิ้วกระตุกหากไม่พูด เกี่ยวอะไรกับตน ตนก็แค่เสนอข้อเสนอที่มีรางวัลงาม ช่างสี่คนนั้นทำได้ก็เท่านั้น

“แล้ว…ไม้ทำรั้วไม้นั่นพอไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนคิดถึงรั้วไม้ที่เขาบอกว่าจะทำ ในเมื่อแบ่งเศษไม้ไปแล้ว จะมีไม้จากไหนอีก

“ย่อมมีอีก” หลินซือเย่าอมยิ้มกวาดตามองนางแวบหนึ่ง แสดงให้เห็นว่านางไม่ต้องกังวล

ไม่ได้บอกนางว่าสี่วันก่อนตนเองขึ้นเขาต้าซื่อไปตอนดึก ครั้งนี้ตัดไม้หนานมู่เนื้อทองลำต้นหนาๆ มาหลายสิบต้น เตรียมจะเอามาทำรั้วไม้ ไม่ได้เรียกรถลาก แต่เขามัดแบกขึ้นหลังทะยานมาด้วยกำลังภายในถึงลานที่บ้านใหม่นี่ในยามค่ำคืน นอกจากเฝิงเหล่าลิ่วที่ตามเขามาตัดแบ่งท่อนไม้แล้ว ก็ไม่ได้มีคนอื่นรู้อีก

เฝิงเหล่าลิ่วเองก็เป็นคนไม่พูดมาก สี่วันก่อนทำงานไม้เสร็จแล้ว ก็รับเงินเดือนค่าแรงไว้ใช้หลายเดือนจากเขาไป ยังได้ไม้แผ่นใหญ่ไว้ทำโต๊ะอ่านหนังสือให้หลานชายเขาอีกตัวหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาก็เชื่อฟังหลินซือเย่า นับประสาอันใดกับหลินซือเย่ายังรับปากว่าไม้หนานมู่ทองที่เหลือจะยกให้เขาหมด เรื่องดีเช่นนี้ เฝิงเหล่าลิ่วย่อมไม่ปฏิเสธ ทุกวันหลังอาหารเช้าก็จะมาตัดไม้ทำรั้ว จนค่ำมืดจึงได้กลับ ไปมาติดต่อกันสี่คืน งานตัดไม้ก็เสร็จพอจะเริ่มปักได้ รอวันนี้ที่ไม่มีงานก็จะมาช่วยติดตั้งไม้และรับไม้ที่เหลือไป

……

“ทำไม” หลินซือเย่าเห็นซูสุ่ยเลี่ยนจ้องมองในห้องตาไม่กะพริบก็ไม่เข้าใจขมวดคิ้วถามขึ้น หรือว่าไม่ชอบไม้ที่ตนเลือก

“อาเย่า…พวกนี้…เจ้าไปตัดมาเขาต้าซื่อเองหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเครื่องเรือนทำจากไม้ประดู่และไม้ปีกไก่[2] ด้วยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ

ลูบไล้โต๊ะกลมงานฝีมือประณีตในห้องนอนอย่างเบามือ บนโต๊ะยังมีลวดลายเหมือนปีกไก่และเหมือนมีกลิ่นหอมของไม้อ่อนๆ เป็นไม้ปีกไก่จริงด้วย! นางแอบนึกดีใจ คิดถึงตอนนั้นที่นายท่านใหญ่วานคนไปหาซื้อเก้าอี้เอนนอนทำจากไม้ปีกไก่มา ยังทะนุถนอมไม่ยอมให้พวกนางพี่น้องแตะต้องอีก

ซูสุ่ยเลี่ยนมองไปรอบๆ ห้องนอน ถึงกับเป็นเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ปีกไก่ทั้งห้อง ไม่ตื่นเต้นตกใจได้หรือ?!

“ไม้นี่…มีปัญหา?” หลินซือเย่าได้ยินนางสอบถามเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น

“นี่คือไม้ปีกไก่ เดิมยังเรียกว่าไม้จิตคะนึงหา ตัวไม้แข็งแกร่ง มีกลิ่นหอมอ่อน ปลวกไม่ค่อยกิน สรุปคือล้ำค่ามาก” ซูสุ่ยเลี่ยนหันกลับไปเล่าเรื่องเกี่ยวกับไม้ปีกไก่คร่าวๆ รอบหนึ่ง

“ไม้จิตคะนึงหา?” หลินซือเย่าเอ่ยตามคำหนึ่ง เหลือบมองซูสุ่ยเลี่ยนที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ความหมายนี้ดี ดูท่าตนเองเลือกได้ไม่เลว ตั้งแต่นาทีแรกที่นางตะลึงไป มาจนได้สติสีหน้าดีใจ มองออกว่านางชอบเครื่องเรือนที่ทำจากไม้พวกนี้มาก

“ไม้เสวี่ยจวี่[3] นี่ก็ล้ำค่ามาก แม้ไม่ได้สูงค่าเท่าไม้ปีกไก่” ซูสุ่ยเลี่ยนงึมงำกล่าว มองเครื่องเรือนนอกห้องนอนแต่ละชิ้นทำจากไม้เสวี่ยจวี่ก็ตื่นตาไม่น้อย

สวรรค์ ไหนบอกว่าเครื่องเรือนที่นี่ตอนนี้ไม่ถูก? ตนเองกลับได้เครื่องเรือนทำจากไม้ล้ำค่าหายากเช่นนี้มาครบครันอย่างนี้ได้ ใช่แล้ว ของพวกนี้ล้วนเป็นชายผู้นี้เสี่ยงภัยไปตัดจากป่าลึกบนเขาต้าซื่อ

ซูสุ่ยเลี่ยนรับรู้สึกถึงความซาบซึ้งที่ผุดขึ้นมาในใจ แม้เขาแต่ไรไม่เคยพูด มักจะใช้การกระทำให้นางต้องคอยเดา แต่เขาเช่นนี้กลับทำให้นางเริ่มค่อยๆ เริ่มมีใจ จึงได้เข้าใจแล้วว่าที่แท้ความรู้สึกที่มีต่อพี่ซินอี้นั้น ก็แค่ความชอบแบบพี่ชาย ไม่เหมือนตอนนี้ ความรักผูกพันที่เกิดจากก้นบึ้งของหัวใจ อาจกล่าวได้ว่า วันหนึ่งไม่ได้พานพบหน้า ราวกับความคะนึงหาสามฤดูใบไม้ร่วง

“เป็นอะไรไป” หลินซือเย่าเดินกลับจากไปกำชับเฝิงเหล่าลิ่วทำรั้วอย่างไร พอเข้ามาในโถงกลางก็เห็นซูสุ่ยเลี่ยนยังคงเหมือนตอนเขาออกไป ยืนอยู่ข้างแท่นนั่ง[4] ที่ก่อขึ้นใหม่ สองมือวางอยู่บนโต๊ะเล็กบนแท่น จึงขมวดคิ้วถาม

ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็ได้สติ มองตาปริบๆ “อาเย่า…”

“หืม?” หลินซือเย่าดึงนางมานั่งริมแท่นนั่ง หันไปมองนางอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร” ซูสุ่ยเลี่ยนคิดถึงความคิดที่ผุดขึ้นมาเมื่อครู่ก็แอบเขิน ทำทีจัดปกเสื้อตนเอง เปลี่ยนเรื่องว่า “ใช่แล้ว เจ้าบอกว่าวันนี้จะปูลาดพื้นด้วยศิลาชิงจวนแล้วก็ล้อมรั้วใช่ไหม”

“อืม เฝิงเหล่าลิ่วกำลังตอกรั้วแล้ว ศิลาชิงจวนตอนบ่ายถึงจะขนมา เดาว่าวันนี้ปูไม่ทัน” หลินซือเย่าเห็นนางปกติดี ก็ลุกขึ้นไปคว้าเอาน้ำเต้าที่ใส่น้ำไว้ส่งให้นาง

ซูสุ่ยเลี่ยนดื่มไปคำหนึ่ง คิดไปคิดมาก็คิดว่าตนเองควรทำอะไรบ้าง “เช่นนั้นข้าเก็บกวาดทำความสะอาดแล้วกัน ในห้องน่าจะเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

หลินซือเย่าพยักหน้ารับน้ำเต้ากลับไปดื่มคำหนึ่ง เห็นสองแก้มซูสุ่ยเลี่ยนเริ่มแดงระเรื่อร้อนผ่าว แต่พอเห็นหลินซือเย่าไม่สนใจสักนิด ก็ได้แต่ก้มหน้าทำเป็นมองไม่เห็น มีแต่ใจเต้นโครมครามที่กำลังเตือนให้นางรู้ว่าการกระทำนี้ก็คือเรื่องสนิทชิดใกล้อย่างมากเรื่องหนึ่ง

แววตาหลินซือเย่าเหมือนมีรอยยิ้มขึ้นมาแวบหนึ่งที่มองไม่ชัดนัก เขาย่อมรู้ว่าสองคนดื่มน้ำจากน้ำเต้าใบเดียวกันหมายถึงอะไร แต่ว่าอยู่ๆ ในใจก็อยากดูปฏิกิริยาของนาง คิดไม่ถึงว่านางถึงกับหน้าแดงลามไปถึงใบหูอย่างไม่อาจระงับ แสดงว่าอะไร? นางค่อยๆ ยอมรับการกระทำใกล้ชิดของเขาและนางอย่างเปิดเผยแล้ว หลินซือเย่าแอบคิด รอให้ย้ายเข้ามาอยู่ เขาและนางก็น่าจะแต่งงานกันแล้ว ไม่เช่นนั้น เขากวาดตามองไปยังเตียงใหญ่สองเมตรในห้องนอน หรือว่าจะให้ตนไปนอนบนก้อนหินเย็นเยียบกัน

[1] ก้อนหินที่ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมไว้ก่อกำแพงหรือปูพื้น

[2] ภาษาอังกฤษเรียกว่า chicken-wing wood เป็นไม้ที่เห็นลายไม้ชัดเจนสวยงาม

[3] ไม้แข็งประเภทต้นบีช

[4] พื้นที่อากาศหนาวในจีนจะก่ออิฐเป็นแท่นสำหรับนั่งในห้อง ใต้แท่นจะมีที่ว่างไว้สำหรับก่อฟืนให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว