ตอนที่ 48 แพะรับบาปหลิวเต๋อจู้

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 48 – แพะรับบาปหลิวเต๋อจู้

ตอนที่ความมืดมิดสลายไป ชิ่งเฉินยังคงเหงื่อแตกพลั่ก ๆ เขามองภาพราตรีนอกหน้าต่าง ยังมีห้องเล็ก ๆ บนถนนสิงสู่ที่ตนเองอยู่

เพิ่งจากไปหนึ่งวินาทีก็คิดถึงเรือนจำมืดมนนั่นขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว

ชิ่งเฉินบ้วน USB ออกจากปาก จากนั้นมองดูในกำมืออีก ก้อนทองที่เดิมทีควรจะทิ้งอยู่ที่โลกภายในถึงกับยังอยู่ในมือของตนเอง

นี่เป็นการค้นพบอันน่ายินดี เพราะว่าการค้นพบนี้หมายความว่า ตอนที่ตนเองเดินทางระหว่างโลกภายในและภายนอกจะมีความได้เปรียบยิ่งกว่าคนอื่น

เขาก้มหน้ามองท้องแขนทีหนึ่ง นับถอยหลัง 168:00:00

เป็นเจ็ดวันอีกแล้ว

คืนกลับครั้งที่แล้วเป็น 7 วัน ครั้งนี้เป็นการทะลุมิติ 7 วันให้หลัง เหมือนกับว่าระยะเวลาสองฝั่งของนักท่องเวลายิ่งมายิ่งนาน

อนาคตจะยาวนานเท่าไหร่ จะมีวันหนึ่งอยู่ที่ด้านนั้นตลอดไปไม่กลับมาไหม

เขาไม่รู้

ชิ่งเฉินยิ้ม เขาไม่ได้นอนหลับ ทว่าวางผ้าปูเตียงหนึ่งผืนลงบนพื้นตรง ๆ ทำการฝึกตามรายการที่เยี่ยหว่านสอนเขาต่อไป

ถึงจะไม่มีคนควบคุม แต่การฝึกเป็นของเขาเอง ในเมื่อบอกว่าทุกวันฝึกถึงตี 3 งั้นกลับถึงโลกภายนอกแล้วก็ควรจะอดทนต่อ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมกับความถี่หายใจอันพิสดารนั้น ลวดลายเปลวเพลิงบนแก้มคลี่ขยายขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ว่าจะโลกภายนอกหรือโลกภายใน ความีวินัยในตนเองจึงเป็นอิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เดี๋ยวนะ เขาเหมือนจะลืมเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง

ชิ่งเฉินนั่งดื่มน้ำบนพื้นหลังจากออกกำลังกายเสร็จสิ้น ปล่อยให้เหงื่อของตนเองตกลงไปไม่หยุด

เขาเปิดโทรศัพท์มือถือเปิดแอปแปลภาษา จากนั้นพยายามย้อนนึกถึงทุกคำทุกประโยคของจินได โซราเนะ

อีกฝ่ายกระซิบภาษาญี่ปุ่นเสียงเบา ๆ ทำให้ชิ่งเฉินรู้สึกตลอดว่าน่าจะซ่อนข้อมูลเอาไว้มากมาย

ก็เหมือนกับที่…… ถ้าคุณท่องเที่ยวไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง คนท้องถิ่นอยากจะด่าคุณ สิ่งที่ใช้จะต้องเป็นภาษาถิ่นที่คุณฟังไม่เข้าใจ

ชิ่งเฉินพูดทบทวนทีละคำทีละประโยคลงไมโครโฟนของโทรศัพท์มือถือตามความทรงจำ “こんなに静かに座っているのもよさそうですが、この少年の沈黙ぶりは本当にきれいですね。”

แต่กลับเห็นว่าในแอปแปลภาษามีตัวหนังสือปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “นั่งเงียบ ๆ อย่างนี้ก็เหมือนจะไม่เลวเลย ท่าทางนิ่งเงียบของเด็กหนุ่มคนนี้ดูดีจริง ๆ”

ชิ่งเฉินอึ้งค้างคาที่ อีกฝ่ายเขาหมายความว่าอะไร

อีกอย่าง ตระกูลจินไดไม่ใช่ว่าก็พูดจีนกลางเหรอ ภาษาญี่ปุ่นนี่มันเรื่องอะไรกัน

เป็นนักท่องเวลาของโลกภายนอก? หรือว่าตระกูลจินไดยังคงรักษามรดกภาษาญี่ปุ่นเอาไว้?

แต่ถ้าเป็นนักท่องเวลาจริง ๆ จะอธิบายเรื่องที่อีกฝ่ายแม้แต่ภาษาจีนกลางก็คล่องขนาดนี้ได้อย่างไรกันล่ะ เกรงว่ามีคนประเทศเกาะไม่กี่คนที่สามารถพูดจีนกลางได้ลื่นไหลขนาดนี้ปะ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ชิ่งเฉินเพิ่งจะตื่นก็ได้ข้อความวีแชตในโทรศัพท์มือถือเด้งขึ้นไม่หยุด

เขาเปิดดูเห็นหนานเกิงเฉินส่งมาว่า “ชิ่งเฉินชิ่งเฉินชิ่งเฉิน! นายรู้เปล่าว่าหลิวเต๋อจู้ห้องข้าง ๆ ร้ายกาจมากเลย”

ชิ่งเฉินอึ้งไปชั่วขณะ เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที “หมายความว่ายังไง”

“นายมาโรงเรียนเร็ว ๆ เลย!” หนานเกิงเฉินกล่าว

ชิ่งเฉินสวมเครื่องแบบนักเรียนสีน้ำเงินสลับขาวแล้ววิ่งไปโรงเรียน ก่อนออกจากประตูเขายังส่องกระจก พบว่าร่องรอยตกค้างของการอดอาหารของตนเองหายไปแล้วจึงออกไปอย่างวางใจ

จนกระทั่งเขารีบมาถึงโรงเรียน กลับพบว่าห้องเรียนข้าง ๆ ถูกล้อมจนน้ำซึมไม่เข้าแล้ว นักเรียนหลายสิบคนเฝ้าอยู่ตรงประตูห้องมัธยมปลายปีสองห้อง 4 คล้ายกับกำลังรออะไรอยู่

“ทางนี้” ร่างเล็ก ๆ ของหนานเกิงเฉินเขย่งอยู่ในกลุ่มคน ยื่นแขนออกมาทักทายชิ่งเฉินสุดแรง

ชิ่งเฉินเบียดเข้าไปถามเสียงต่ำว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“นายดูฮอตเสิร์ชดิ” หนานเกิงเฉินเปิดเวยป๋อให้เขาดู

ผลคือ พอเขามองก็ตกตะลึงไปเลย

ชายชาวชวนโจวแค่มาทำธุรกิจที่เมืองลั่ว บังเอิญกลายเป็นนักท่องเวลา ทะลุมิติไปถึงเรือนจำหมายเลข 18 โลกภายใน

เพียงแต่อีกฝ่ายถูกพบสถานะนักท่องเวลาแล้ว ถูกกุมตัวอยู่ในห้องขังเดี่ยวอันซ่อนเร้น

ทะลุไป 7 วัน ถูกขัง 7 วัน

ตามคำพูดของคนแซ่เจี่ยน ในเรือนจำหมายเลข 18 มีนักท่องเวลาที่กลายเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ทรงอิทธิพลแล้ว ถึงขนาดสามารถเข้าออกเรือนจำได้อย่างอิสระ แล้วยังให้ผู้เหนือมนุษย์รับใช้เขา

คนแซ่เจี่ยนหวังว่าจะหานักท่องเวลาคนนี้เจอ ทำข้อตกลงก็ได้ จ่ายเงินก็ได้ หวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถพูดในเรือนจำหมายเลข 18 ให้ปล่อยเขาออกไป

ชิ่งเฉินตะลึงไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเจี่ยนเซิงจะขวัญกล้าขนาดนี้ ถึงกับเสาะหาความช่วยเหลือของสื่อข่าวตรง ๆ จากนั้นหาตนเองให้ช่วยให้หลุดจากการกุมขัง

ดูท่าอีกฝ่ายถูกขังในห้องเดี่ยวเป็นเวลา 7 วัน อึดอัดใจจะตายอยู่แล้วสินะ

มิอาจไม่พูดว่าหลินเต๋อจู้และเจี่ยนเซิงก็โชคร้ายพอดู เห็นชัด ๆ ว่ากลายเป็นนักท่องเวลากลับถูกขังไปเสียเฉย ๆ

ชีวิตของนักท่องเวลาคนอื่นล้วนมีสีสันจัดจ้าน ทั้งชื่นชมภาพฮอโลกราฟีในเมืองเอย ทั้งทะลุไปในเมืองไซเบอร์เอย เขาสองคนช่างดีนัก เปลี่ยนสถานที่ไปนอนคุก……

นี่ยังไม่สู้อย่าได้ทะลุมิติไปอย่างสงบเสงี่ยมเลย

และ ณ ขณะนี้ จู่ ๆ ชิ่งเฉินก็ตระหนักว่าเหตุใดทุกคนอยากมามุงอยู่ที่ประตูห้องหลิวเต๋อจู้

ถึงแม้ตอนนี้หลิวเต๋อจู้จะยังไม่ได้มาโรงเรียน ทุกคนก็เต็มใจจะรอคอย

ตอนกลับคืนมาครั้งที่แล้ว หลิวเต๋อจู้เนื่องจากอยากรักษาหน้าได้ยอมรับความจริงที่ว่าตัวเองทะลุมิติไปเรือนจำหมายเลข 18 แถมยังบอกทุกคนว่าเขาได้พูดกับหลี่ซูถงแล้ว!

ภายหลังเพื่อนนักเรียนสอบถาม หลิวเต๋อจู้ก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้นด้วยใบหน้าสุขุมลึกลับ ความหมายก็คือ : ความลับ อย่าถาม

ยิ่งไม่พูดละเอียด ทุกคนก็ยิ่งชอบจะคาดเดา

ดังนั้น คนมากมายล้วนเชื่อว่าหลิวเต๋อจู้กำลังจะได้รับการสืบทอดของหลี่ซูถงแล้ว กลายเป็นผู้ทะลุมิติแล้ว*

ขณะนี้หลังจากเรื่องของเจี่ยนเซิงระเบิดออกมา เพื่อนนักเรียนที่เห็นฮอตเสิร์ชเวยป๋อนี้ก็คิดถึงหลิวเต๋อจู้ขึ้นมาทันที!

เพราะเท่าที่ทุกคนรู้ นักท่องเวลาในเรือนจำหมายเลข 18 นอกจากหลิวเต๋อจู้ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว!

ตอนที่ฮอตเสิร์ชค่อย ๆ ไต่อันดับขึ้นมา มีเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งในที่สุดก็ตอบไปใต้คอมเมนต์ว่า “เพื่อนนักเรียนของผมก็มีนักท่องเวลาที่เขาว่ากัน เขาจวนจะได้รับการสืบทอดของหลี่ซูถงแล้ว!”

เดิมทีฮอตเสิร์ชของเจี่ยนเซิงก็แค่อันดับสี่สิบกว่า ประโยคนี้พอออกมา ฮอตเสิร์ชนั้นทะยานขึ้นสิบอันดับแรกในสามนาที

ร้อนแรงจนถึงขนาดที่ว่ายังทะยานขึ้นไปอยู่

ในความเห็นสาธารณชนโลกภายนอกปัจจุบันนี้ นอกเสียจากบุคคลเร้นลับอย่างเหอเสี่ยวเสี่ยว ผู้เหนือมนุษย์ซึ่งเป็นที่รู้จักมีไม่มากเลย

อีกอย่างนั่นมันหลี่ซูถงนะ เป็นสายอาชีพที่มีศักยภาพสูงสุดในไกด์ของเหอเสี่ยวเสี่ยวนะ

ตอนนี้แทบทุกคนเห็นฮอตเสิร์ชนี้แล้ว คนที่คอมเมนต์ล้วนเห็นด้วยว่าหลิวเต๋อจู้ก็คือบอสใหญ่เร้นลับคนนั้นที่เจี่ยนเซิงกล่าวถึง……

ขณะที่ทุกคนกระซิบกระซาบกัน หลิวเต๋อจู้แบกเป้หนังสือขึ้นบันไดมาแล้ว เขาเพิ่งจะเลี้ยวเข้าทางเดินก็เห็นคนเป็นฝูงข้างหน้า สีหน้าแตกตื่นจนซีดขาว “เกิดไรขึ้น”

ทุกคนจนใจ สรุปไอ้เจ้าตัวเอกนี่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย

“นายไม่เห็นฮอตเสิร์ชเหรอ ไม่เห็นฮอตเสิร์ชก็ดูโทรศัพท์สิ” เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งกล่าว

“มีคนที่ชื่อเจี่ยนเซิงคนหนึ่ง เขาพูดว่าเคยเห็นนายในคุกหมายเลข 18 หวังว่านายจะสามารถพูดกับหลี่ซูถงให้หน่อย ให้ปล่อยเขาออกจากห้องขัง”

หลิวเต๋อจู้ขณะนี้สมองลั่นหึ่ง ๆ ถูกขังในห้องขังมาเจ็ดวัน จนถึงขนาดที่ว่าหลังจากเขากลับคืนก็เต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย ได้นอนบนเตียงนุ่ม ๆ อย่างไม่ง่ายดาย ตื่นสายโด่งแล้วขี่จักรยานมาโรงเรียน ตลอดทางไม่ได้มองโทรศัพท์มือถือเลย

เขารีบเปิดโทรศัพท์ดูฮอตเสิร์ช

เพียงแต่เขายิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ตามที่เจี่ยนเซิงพูด บอสใหญ่เร้นลับคนนั้นเคยเยี่ยมเยือนอีกฝ่ายตัวต่อตัว ยังถามคำถามหลายข้อ

ดังนั้น ในเรือนจำหมายเลข 18 นอกจากตนเองกับเจี่ยนเซิงแล้วยังมีนักท่องเวลาคนที่สาม อีกทั้งคนเขาจึงเป็นบอสใหญ่ตัวจริงเสียงจริง ตนเองเป็นแค่แพะรับบาป!

“ฉันก็อยากจะขอร้องบอสใหญ่คนนี้ให้ปล่อยฉันกับเจี่ยนเซิงออกไปด้วยกันเลยโอเคป่ะ?!” หลิวเต๋อจู้น้ำตาไหลพรากในใจ

เวลานี้เขาคิดจะปฏิเสธสถานะของตนเอง เพราะว่าเรื่องราวมันคึกโครมใหญ่โตแล้ว

หลิวเต๋อจู้พยายามกล่าวว่า “อันที่จริงคนที่เจี่ยนเซิงพูดถึงไม่ใช่ฉันเลย มีคนอื่นอีก”

เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งเอ่ยอย่างกังขาว่า “เมื่อวานถามนายว่าในคุกหมายเลข 18 มีผู้ทะลุมิติคนอื่นรึเปล่า นายบอกว่าไม่มีนิ”

ทะลุมิติ 7 วัน เมื่อวานของโลกภายนอกสำหรับหลิวเต๋อจู้เป็น 7 วันก่อนแล้ว

ชิ่งเฉินมองดูเหตุการณ์นี้เงียบ ๆ เขาคิดในใจว่ามีคนดึงดูดสายตาให้ตนเองก็ไม่เลว

แต่ให้สองคนนี้ขังอยู่ในห้องขังเป็นเวลานานก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา หรือว่าจะให้หลี่ซูถงย้ายทั้งสองคนไปที่เรือนจำอื่นดีนะ

ณ ขณะนี้เอง ด้านนอกโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วมีรถสื่อข่าวสี่คันแล่นฉิวมา พวกนักข่าวพอลงจากรถก็พุ่งเข้ามาในโรงเรียน

หน่วยรักษาความปลอดภัยสองคนที่ประตูโรงเรียนอยากจะขัดขวางพวกเขาแต่ขวางไม่อยู่เลย

ชิ่งเฉินเห็นฉากนี้ก็ดึงหนานเกิงเฉินหมุนตัวกลับห้องทันที ในเวลาเช่นนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องหลบเลี่ยงเลยคือการเข้าเลนส์กล้อง

นักท่องเวลาอยู่ที่โลกภายในหน้าตาเหมือนเดิม ขึ้นจอโทรทัศน์แล้วก็จะถูกคนจดจำได้

………………………………….

*ตรงนี้ต้องเป็นผู้เหนือมนุษย์ปะ ผู้เขียนพิมพ์ผิดหรือยังไง????

ตอนที่ 49 – โจร