ตอนที่ 35 บ้านในอุดมคติของซูเถา

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 35 บ้านในอุดมคติของซูเถา

ตอนที่ 35 บ้านในอุดมคติของซูเถา

“ถึงแล้วค่ะ ผู้อาวุโสเหม่ย”

เหม่ยหงอี้ถูกหามลงมา เขาเงยหน้าขึ้นมองกำแพงสูงและลวดหนามไฟฟ้าที่อยู่ตรงหน้า

“ฉันไม่ได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลานานแล้ว ที่นี่มีดินผืนใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วกำแพงนี้แข็งแรงหรือเปล่า?”

ซูเถาบอกว่า “แข็งแรงค่ะ มันทั้งแข็งแรงและมีระบบเตือนภัยไม่ว่าซอมบี้หรือใครก็ตามที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตมันจะทำการแจ้งเตือนโดยเร็วที่สุด เรื่องความปลอดภัยย่อมไม่มีปัญหาค่ะ”

เหม่ยหงอี้รู้สึกประหลาดใจมาก “ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็ดีกว่าตงหยางที่ทำหน้าที่คุ้มกันมายี่สิบปีน่ะสิ มันจะไม่ถูกรุกรานใช่ไหม น่าจะมีคนมากมายอยากครอบครองมัน”

ซูเถายิ้มเล็กน้อย “ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำแบบนั้นหรอกค่ะ”

ชายชราหยุดหัวข้อนี้ทันที เขาเข้าใจว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่เขาก็แอบหวั่น

เขาหันกลับไปมองบ้านด้านในที่มีที่ดินว่างเปล่าโดยรอบแล้วถามว่า

“ทำไมห้องพวกนี้มันถึงแออัดกันแบบนั้นล่ะ บางห้องแสงแดดส่องถึงหรือเปล่า?”

ซูเถารู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ตอนที่ฉันสร้างฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก บางห้องก็ยังไม่มีหน้าต่าง…”

แต่ถึงกระนั้นผู้เช่าส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เพราะการมีที่อยู่อาศัยนั้นก็ถือว่าดีแล้ว แต่ความตั้งใจเดิมของเธอไม่ใช่เพื่อเอาชีวิตรอดอย่างเดียว แต่เพื่อการดำรงชีวิตอยู่!

เหม่ยหงอี้กล่าวว่า “มา เข็นฉันไปรอบ ๆ”

ซูเถาและจวงหว่านผลัดกันเข็นเขาเพื่อเยี่ยมชมไปรอบ ๆ เถาหยาง

เหม่ยหงอี้ดูพอใจเป็นอย่างมาก “แม่หนู สถานที่นี้มันดีมากเลย มีที่ดินราบเรียบและแข็งแรง ทั้งหมดนี้หันไปทางทิศใต้ ทว่าที่ดินนี้เล็กเกินกว่าที่จะทำเป็นชุมชนขนาดใหญ่ แต่มันก็ยังถือว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยขนาดเล็กที่สวยงามทีเดียว”

ซูเถาพยักหน้า “คุณมีความคิดเห็นยังไงพูดออกมาได้เลยค่ะ”

“มีงบประมาณไหม หาพวกวัสดุก่อสร้างครบหรือยัง ไหนจะคนงานและวิศวกร สร้างเสร็จก็ต้องดูแล…”

ซูเถาอดทนรอให้เขาพูดจบ

“ผู้อาวุโสเหม่ย คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้หรอกค่ะ แค่ออกแบบก็พอ แต่ฉันมีข้อแม้อยู่สามข้อ ข้อแรกคือวางแผนที่อยู่อาศัยที่สามารถรองรับคนได้ประมาณห้าร้อยคน ข้อที่สองคือโรงอาหาร อาคารสำนักงานแล้วก็สวนสาธารณะอะไรพวกนี้ค่ะ ข้อที่สามเหลือพื้นที่ว่างเปล่าไว้สักสองแปลง”

เธอวางแผนว่าที่ดินเปล่าสองแปลงนี้ในอนาคตจะสร้างเป็นโรงเรียนหรือโรงพยาบาล

ในยุควันสิ้นโลกแบบนี้เด็ก ๆ ก็ไม่ควรถูกละเลยการศึกษา แต่ดูเหมือนว่าพื้นดินมันจะไม่พอ เถาหยางเล็กเกินไป ทำได้แค่พับโครงการเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

เหม่ยหงอี้ลังเล “ไม่ต้องคิดอะไรเลยเหรอ? ถ้างั้นฉันจะออกแบบตามมาตรฐานที่อยู่อาศัยของย่านธุรกิจก่อนวันสิ้นโลก ถ้าเธอสร้างไม่ได้อย่ามาโทษฉันนะ”

“แน่นอนค่ะ คุณออกแบบส่วนที่อยู่อาศัยก่อนก็ได้ค่ะแล้วค่อย ๆ ออกแบบส่วนที่เหลือ เดี๋ยวฉันจะเปิดแผนผังภายในให้คุณดู” ซูเถาคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาว

“ตอนนี้ที่เถาหยางมีห้องพักประมาณ 30 ห้อง ห้องที่เล็กหน่อยคือห้องเดี่ยวสำหรับอยู่คนเดียว ส่วนห้องที่มีระเบียงขนาด 4 ตารางเมตรและห้องน้ำแยกคือห้องคู่ นอกจากนี้ยังมีห้องขนาดใหญ่ก็คือห้องชุดค่ะ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ และมีระเบียงขนาด 6 ตารางเมตร ซึ่งห้องชุดนี้ฉันจัดเตรียมไว้ให้คุณหนึ่งห้องค่ะ”

เหม่ยหงอี้ดันแว่นตาของเขากลับพลางก้มลงดูแผนผังของบ้านที่ตกแต่งอย่างดี ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยตรงหน้าเขา น้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเขา

“ไอ๊หยา แก่จะลงโลงอย่างฉันได้อยู่บ้านดี ๆ แบบนี้มันน่าเสียดายจริง ๆ แม่หนูเอาห้องเล็ก ๆ ให้ฉันก็ได้ ถ้าฉันต้องมาตายในบ้านดี ๆ แบบนี้มันช่างน่าโชคร้ายเสียจริง”

จวงหว่านก็รู้สึกแสบจมูกของเธอขึ้นมา และหันไปมองซูเถาด้วยดวงตาที่เอ่อคลอน้ำตา

เธอนึกถึงพ่อที่จากไปแล้วของเธอ

ซูเถากลัวว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ออกมา จึงรีบพูดอย่างแข็งขันทันที

“วันนี้พักที่นี่ไปก่อนเถอะค่ะ ไม่อยากอยู่ก็ต้องอยู่เพราะไม่มีห้องเดี่ยวว่างแล้วค่ะ ถ้าคุณสร้างความวุ่นวายให้ฉัน ฉันคงต้องหาผู้โชคร้ายแล้วไล่เขาออกไปเพื่อที่จะให้คุณไปอยู่แทน”

เหม่ยหงอี้สำลักน้ำลาย แม่หนูคนนี้เข้มแข็งมาก

จวงหว่านหัวเราะออกมาดัง ๆ เธอเข็นชายชราไปด้วยรอยยิ้มแล้วพูดในสิ่งที่ดีว่า

“ท่านผู้อาวุโส เถ้าแก่ซูของพวกเราไม่ขี้เหนียวกับห้องแค่หนึ่งหรือสองห้องนี้หรอกค่ะ คุณจะออกแบบบ้านที่สวยงามให้กับพวกเราได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อีกอย่างเถ้าแก่ซูของเราอยากให้ทุกคนกินดีอยู่ดี คุณเองก็มีส่วนอย่างมากที่จะร่วมพัฒนาเถาหยางนะคะ”

“คุณไม่ต้องเกรงใจเธอหรอก อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขเถอะค่ะ แล้วเดี๋ยวเราจะหาพยาบาลมาดูแลคุณในชีวิตประจำวันให้นะคะ”

กวานจือหนิงทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างหลังแล้วพึมพำ

“จวงหว่านเองก็เคยเป็นคนขี้อาย เหมือนว่าคุณจะทำให้เธอดูพูดจาฉะฉานขึ้นนะ”

ซูเถาทำท่าจะเตะเธอ

กวานจือหนิงบิดเอวของเธอหลบแล้วฟึดฟัดออกไป

……

เหม่ยหงอี้มีความกระตือรือร้นในการทำงานสูง เขาได้ส่งแบบร่างแรกของการออกแบบที่อยู่อาศัยให้กับซูเถาในวันที่สามของการมาอยู่ที่นี่

“แม่หนู พื้นที่ 3,000 ตารางเมตรมันเล็กเกินไป ก่อนวันสิ้นโลกย่านที่อยู่อาศัยครอบคลุมพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร พื้นที่ 3,000 ตารางเมตรของเธอมันเท่ากับการสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางเท่านั้น”

“ถ้าอยากให้ที่อยู่อาศัยไม่แออัด ต้องลดพื้นที่สาธารณะลง ลืมสวนสาธารณะที่ต้องการไปก่อน ถ้าอยากจะเดินเล่นก็เดินเล่นใต้ร่มไม้สีเขียวชั้นล่างแล้วกัน”

ซูเถาและจวงหว่านแสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมา

ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าพื้นที่ 3,000 ตารางเมตรนี้มันใหญ่เกินไป แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานก่อนวันสิ้นโลก มันสร้างได้เพียงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางเท่านั้น

สำหรับการสร้างชุมชนเพียงแห่งเดียวก็ใช้พื้นที่ถึง 100,000 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ของซูเถานั้นเป็นไปไม่ได้

“ฉันวางโครงร่างของพื้นที่อยู่อาศัยไว้แล้ว ฉันขออธิบายให้เธอฟังคร่าว ๆ”

“ห้องทั้งสามประเภทควรสร้างแยกกันแบ่งแยกเป็นอาคาร ห้องเดี่ยวนั้นทุกชั้นควรสร้างเรียงเป็นแถวแบ่งเป็นด้านซ้ายและขวา ส่วนตรงกลางก็เป็นทางเดิน แต่ละห้องพักก็จะมีหน้าต่างทุกห้อง ส่วนห้องซักรีดและระเบียงนั้นเป็นส่วนกลาง ก็จะมีแยกออกมา ซึ่งสะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำ วัน”

“ห้องคู่ก็คล้าย ๆ กับห้องเดี่ยว แต่ว่าจะไม่มีระเบียงส่วนกลาง จะเหลือเพียงห้องซักรีด”

“ส่วนห้องชุดแบบครอบครัว ให้หนึ่งชั้นมีสามครัวเรือน และห้องภายในห้องชุดนั้นอย่างน้อยสองห้องจะหันไปทางทิศใต้”

“อาคารทุกหลังควรหันไปทางทิศใต้และต้องมีระยะห่างระหว่างอาคารอย่างน้อย 50 เมตร ซึ่งสามารถทำเป็นพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ส่วนกลางขนาดเล็ก นอกเหนือจากนี้ก็แล้วแต่เธอเลย”

……

ในที่สุดเหม่ยหงอี้ก็พูดจบและมองไปที่ซูเถา “เธอเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

ซูเถาอึ้งไปพักหนึ่ง “เข้าใจค่ะ ภาระงานเหมือนจะหนักอยู่นะคะ”

ต้องใช้เวลาหลายคืนในการจัดที่อยู่อาศัยใหม่

เหม่ยหงอี้คิดว่าเธอกังวลเกี่ยวกับการหาวิศวกรและทีมก่อสร้าง “ภาระงานหนักมากและต้องใช้กำลังคน ทรัพยากรและวัสดุการก่อสร้างจำนวนมาก เธอต้องเตรียมใจให้พร้อม”

กำลังคนก็คือเธอเอง

เหม่ยหงอี้หยิบแบบร่างขึ้นมาอีกหนึ่งกอง “แม้ว่าเราจะมีพื้นที่อย่างจำกัดและไม่สามารถสร้างพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ได้ แต่เราสามารถลองสร้างอาคารขนาดเล็กและประณีตได้ เธอสามารถเดินบนถนนหินกรวดหรือถนนลูกรังระหว่างอาคารต่าง ๆ ได้ ถ้ายอมควักเงินก็ใช้เป็นทางเดินไม้ทึบ แล้วด้านล่างก็อาจจะมีลำธารที่สร้างขึ้น…”

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว

ในที่สุดซูเถาก็ฟังทั้งหมดแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมกับแบบร่างหนึ่งกองในอ้อมแขน เธอผล็อยหลับไปโดยที่ยังไม่ทันได้กินข้าว

แม้ว่าจะเหนื่อยแต่เธอก็พอใจและมีความสุขมาก เธอฝันว่าชุมชนเถาหยางถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบและมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นเช่นกัน แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปรอบน้ำพุ และรอบข้างก็เต็มไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้และความสดใสของดอกไม้ต่าง ๆ

ไม่มีซอมบี้ ไม่มีถนนที่สกปรกและพื้นที่แออัด ไม่มีอาคารทรุดโทรมที่พร้อมจะถล่มลงมา

มันเหมือนกับภาพที่ผู้อาวุโสเหม่ยได้วาดเอาไว้

จวงหว่านยืนพิงประตูเพื่อเงี่ยหูฟังอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็หันศีรษะกลับมาแล้วกระซิบกับทุกคน “เธอคงเหนื่อยจนหลับไปแล้ว ในห้องเงียบมาก”

สือจื่อเยว่รู้สึกไม่สบายใจ “เธอยุ่งเกินไปจนไม่ได้กินข้าว หนูกะว่าจะเอาข้าวมาให้พี่เขากิน”

ทุกคนทำท่าเพื่อแสดงออกว่าให้เงียบเสียงเข้าไว้ “เบา ๆ หน่อย ไว้พรุ่งนี้ถ้าเธอตื่นแล้วค่อยเอามาให้ก็ได้”

ขณะที่พูด ก็มีเสียงกุกกักจากกล่องของขวัญที่อยู่ห่างจากนั้นไม่ไกล