ตอนที่ 36 ของขวัญจากสือจื่อจิ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 36 ของขวัญจากสือจื่อจิ้น (รีไรท์)

ตอนที่ 36 ของขวัญจากสือจื่อจิ้น (รีไรท์)

ณ บ้านพักสวัสดิการตงหยาง

เหม่ยซิ่งเสียนกลับมาแล้วไม่เห็นพ่อของเขา จึงขมวดคิ้วและถามว่า “พ่อผมล่ะ?”

ถานฟางชุนเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“คุณถามเหมือนกับว่าฉันพาพ่อคุณไปทิ้งอย่างนั้นแหละ เขาน่ะไปสร้างหนี้เอาไว้ เจ้าหนี้มาตามถึงบ้านแล้วก็พาตัวเขาไปแล้ว”

สีหน้าของเหม่ยซิ่งเสียนเปลี่ยนไป “เป็นไปไม่ได้ พ่อของผมไม่ใช่คนประเภทที่เป็นหนี้แล้วไม่จ่ายคืน เขายอมตายดีกว่าไปแบมือขอเงินคนอื่น”

ถานฟางชุนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“งั้นฉันก็ไม่รู้แล้วล่ะ คุณอย่าเอาแต่โทษฉันเลย ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามป้าข้างบ้านดูได้ ทุกคนเห็นหมดว่าชายแก่นั้นถูกพาตัวไป แล้วพวกเขาก็มาที่นี่ด้วยรถจี๊ป”

“คนที่มาเป็นใคร?”

“ฉันไม่ได้ถาม ผู้หญิงที่พาพ่อคุณไปดูดุร้ายมากและมีผู้หญิงถือปืนอยู่ข้าง ๆ เธออีกด้วย ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”

เหม่ยซิ่งเสียนโกรธจัด “คุณโง่หรือเปล่า? เจ้าหนี้ต้องการแค่เงินใช้หนี้เท่านั้นแหละ เขาจะจับตัวคนแก่ไปเลี้ยงดูด้วยหรือไง? ใครกันแน่ที่โกหก ก่อนที่ผมจะออกไปผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าให้ดูแลพ่อผมให้ดี แล้วคุณดูประสาอะไร?”

เหม่ยซิ่งเสียนยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโกรธ “คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เถาหยางกำลังมองหาสถาปนิกและนั่นคือสิ่งที่พ่อผมทำได้! ถ้าทำสำเร็จก็ได้สามสิทธิ์การเข้าอยู่ที่เถาหยาง พวกเราจะได้ไม่ต้องมาอยู่ในที่ซอมซ่อแบบนี้อีก เขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าพ่อมีความรู้ความสามารถด้านนี้ก็เลยมาพาตัวเขาไป!”

ถานฟางชุนอ้าปากกว้าง “สถาปนิกอะไร?”

เธอคิดมาโดยตลอดว่าพ่อสามีของเธอเป็นครูสอนศิลปะที่สอนเด็กวาดรูป แต่นี่ก็วันสิ้นโลกแล้ว มีทักษะการวาดรูปแล้วมีประโยชน์อะไร สู้ไปเป็นแรงงานที่ฐานหลักน่าจะมั่นคงกว่า

แต่ว่าสิทธิ์การเข้าอาศัยที่เถาหยางมันคือยังไง?

พวกคนที่มาโกหกเหรอ?

หัวของถานฟางชุนแทบจะระเบิด

เหม่ยซิ่งเสียนไม่อยากจะพูดอะไร เขาแต่งงานกับภรรยาที่มีการศึกษาสูงสุดในระดับประถมเท่านั้นในช่วงก่อนวันสิ้นโลก และหลังจากก้าวเข้าสู่ยุควันสิ้นโลกเธอก็ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาอีก พูดกับเธอก็เหมือนกับการสีซอให้ควายฟัง

เขาเดินวนไปรอบ ๆ ด้วยความโกรธ หลังจากนั้นก็หุนหันออกไปถามถึงที่อยู่ของคนโกหกพวกนั้น

…..

ซูเถานอนจนตะวันส่องก้น เธอกำลังจะออกไปหาอะไรกินด้วยความหิวโหย แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นคู่แฝดโจวไห่โจวหยางกลับมา

เธอถามด้วยความดีใจ “ภารกิจลุล่วงแล้วเหรอ? แล้วกัปตันของพวกคุณล่ะ?”

คู่แฝดนี้ยังคงเฉยเมยและปิดกั้นตัวเองอยู่เหมือนเดิม พวกเขาประหยัดคำพูดเหมือนกลัวว่าทองจะร่วงออกจากปาก “ไม่”

ยังไม่ทันได้พูดจบ

สือจื่อเยว่รีบออกมาอธิบายว่า “พี่ชายของหนูยังไม่กลับมา แต่ว่าเขาหาเสบียงได้จำนวนหนึ่งเลยให้พี่โจวไห่โจวหยางนำกลับมาก่อน ใช่แล้ว พี่ชายยังขอให้พวกเขานำของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พี่ด้วยนะ ฮิฮิ”

เธอจับมือของซูเถา

“ของมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์พี่ แต่พี่ก็หลับไปเสียก่อน ไม่เป็นไร พวกมันยังมีชีวิตอยู่”

พวกมัน?

ก่อนที่ซูเถาจะได้ตอบอะไร เธอก็เห็นสือจื่อเยว่อุ้มเบาะทรงรังนกมาจากโซฟา มีเสียงร้องเล็ก ๆ ดังมาจากในอ้อมอกของสือจื่อเยว่

พระเจ้า

ซูเถาเสียงสั่น “นี่ลูกแมวเหรอ?”

ซูเถาไม่เคยเห็นแมวมาก่อน ความประทับใจของเธอที่มีต่อแมวมาจากวิดีโอและรูปภาพที่ทิ้งไว้ก่อนวันสิ้นโลก

ในวันสิ้นโลก สัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัดจำนวนมากติดเชื้อหรือไม่ก็ถูกนำไปเป็นอาหารทำให้จำนวนของพวกมันลดลงอย่างมาก และแทบจะหมดไปภายในระยะเวลาห้าปี

พวกมันเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงทางจิตใจสำหรับผู้โดดเดี่ยว แต่จู่ ๆ สัตว์น้อยน่ารักมีขนปุกปุยก็ได้หายไปจากชีวิตของผู้คน

“น่ารักไหม? พี่ชายบอกว่ามันอายุแค่ 3 วัน แม่ของมันตายหลังจากไปคลอดลูกไว้ในยางรถที่ถูกทิ้งร้าง พี่ชายได้ยินเสียงของลูกแมวเข้าก็เลยไปอุ้มออกมา เขาเห็นว่าปกติพี่อยู่แต่ในห้องคนเดียวไม่ค่อยได้ออกไปไหนก็เลยส่งมันให้มาอยู่เป็นเพื่อน”

ซูเถารู้สึกตื้นตัน เธอรับที่นอนทรงรังนกไว้ในอ้อมแขน

เป็นลูกแมวสองตัว ตัวหนึ่งสีดำตัวหนึ่งสีขาวมีขนาดเท่าฝ่ามือของเธอ พวกมันยังคงหลับตาอยู่ จมูกของพวกมันมีสีชมพูที่เอาแต่ถูไปทั่วและแลบลิ้นสีชมพูอ่อน ๆ ออกมา ส่งเสียงร้องเหมียว ๆ

ซูเถายื่นนิ้วออกมาสัมผัสที่หัวและท้องของมันอย่างระมัดระวัง ทั้งอ่อนนุ่มและดูบอบบาง

หัวใจเธอกำลังจะละลาย

“ฝากไปขอบคุณพี่ชายเธอด้วยนะ พี่ชอบมากเลย”

สือจื่อเยว่หันกลับมาอย่างมีความสุข “หนูรู้ว่าพี่ต้องชอบ แม้แต่พี่เผยก็ยังชอบมันเลย เธอพยายามจะแย่งชิงไปตัวหนึ่งด้วยล่ะ แต่พี่ชายของฉันไม่อนุญาต”

ซูเถาหัวเราะออกมาดัง ๆ จู่ ๆ ก็นึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของเผยตง

“พี่จะยอมให้เธอลูบ ๆ แล้วกัน”

สือจื่อเยว่รีบพูด “รีบเอาเข้าไปในห้องของพี่เถอะ เมื่อคืนตอนที่พวกมันมาถึง ผู้เช่าทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้น ถ้าหนูไม่ห้ามพวกเขาเอาไว้ ลูกแมวพวกนี้คงถูกพวกเขารุมจนตาย”

ซูเถากอดพวกมันเอาไว้แน่น เธอลืมเรื่องที่จะไปกินข้าวแล้วหมุนตัวกลับเข้าห้องไปอย่างตื่นเต้น หญิงสาวลองศึกษาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต มันบอกเอาไว้ว่า ลูกแมวแรกเกิดดีที่สุดควรได้รับนมแพะ

ซูเถาเกาหัวแกรก ๆ เธอคลิกที่ร้านขายอาหารในระบบเพื่อค้นหาบางสิ่งอยู่สักพัก และในที่สุดเธอก็พบนมแพะในเครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มแบบบริการตนเอง

เธอเลื่อนมือเล็ก ๆ แล้วกดสั่งซื้อทันทีอย่างไม่รีรอ เธอกดสั่งซื้อไปสองเครื่องราคารวม 1,600 เหลียนปัง

เครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มไม่เพียงแต่มีนมแพะเท่านั้น แต่ยังมีนมวัว น้ำผลไม้คั้นสด และอื่น ๆ อีกมาก ราคาเพียงขวดละ 20 เหลียนปัง

เธอวางแผนว่าคืนนี้จะวางเครื่องนี้ไว้ในโรงอาหารขนาดเล็กเครื่องหนึ่ง ส่วนอีกเครื่องก็จะวางไว้ในห้องของเธอเพื่อให้ลูกแมว

จากนั้นเธอก็ซื้อผ้าห่มและหมอนเล็ก ๆ จากร้านตกแต่งบ้านและที่นอนแมวอีก 2 อัน

และซื้อชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในร้านขายของใช้ประจำวัน เลือกขวดนมเด็กขนาดเล็กที่สุดไว้สำหรับป้อนนม เธอใช้เงินไปทั้งหมด 4,500 เหลียนปังไปกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น

ลูกแมวตัวน้อย ๆ กำลังหิวโหย ทันทีที่ซูเถาป้อนนมตัวสีดำก็เริ่มดูดนมอย่างเมามัน ส่วนตัวสีขาวมีปฏิกิริยาช้าเล็กน้อยกว่าที่มันจะพบกับจุกขวดนม

ซูเถาเห็นพวกมันกินได้เธอก็มีความสุขมากเช่นกัน จากนั้นก็รีบตั้งชื่อให้พวกมัน ตัวหนึ่งชื่อไป๋จือหม่า อีกตัวชื่อเฮยจือหม่า

เมื่อลูกแมวทั้งสองหลับไปซูเถาถึงได้ออกมาหาอะไรง่าย ๆ กิน พอกินเสร็จเธอก็รีบไปหาผู้อาวุโสเหม่ยทันที

“ผู้อาวุโสเหม่ย ฉันวางแผนไว้ว่าจะเริ่มงานคืนนี้”

เหม่ยหงอี้คิดว่าเธอหาทีมก่อสร้างได้แล้ว “ค่อนข้างเร็วทีเดียว ดีมาก”

“นอกจากนี้ฉันยังวางแผนที่จะประกาศออกไปว่าฉันได้คัดเลือกสถาปนิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นแต่ละวันก็จะมีคนส่งใบสมัครมาเป็นจำนวนมากและจวงหว่านเองก็จะงานยุ่งไม่หยุด คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ลืมสัญญา โควตาสามที่ฉันเก็บไว้ให้คุณแล้ว เมื่อคุณตัดสินใจเรียบร้อยก็ให้บอกจวงหว่านได้เลยค่ะ”

เหม่ยหงอี้ถอนหายใจยาวและหัวเราะ

“ฉันไม่คิดเลยว่าอายุขนาดนี้แล้วฉันจะได้รับสิ่งดี ๆ แบบนี้อยู่ ขอบใจมากนะหนู ฉันหวังว่าชื่อของฉันจะไม่ถูกเผยแพร่ออก ลูกอกตัญญูของฉันมันไร้จิตสำนึก ถ้าเขารู้เข้าคงได้มาสร้างปัญหาให้ฉันแน่ โควตาที่ฉันได้มาสามที่นั้นต่อให้ฉันไม่รับมัน ฉันก็จะยกให้กับคนเร่ร่อนข้างถนน ไม่มีทางให้เขาแน่”