ตอนที่ 37 เฮยจือหม่า ไป๋จือหม่า

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 37 เฮยจือหม่า ไป๋จือหม่า

ตอนที่ 37 เฮยจือหม่า ไป๋จือหม่า

ซูเถาตอบรับคำของอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น แต่การที่ชายชราตัดสินใจเช่นนี้ แสดงว่าลูกชายของเขาคงมีนิสัยย่ำแย่เอามาก ถึงมีความแค้นฝังลึกอยู่ในใจของเขา

พอตกกลางคืน

หลังจากที่ซูเถาป้อนนมไป๋จือหม่าและเฮยจือหม่าเสร็จ เธอก็ย่องออกจากห้องไปยืนในพื้นที่เปิดโล่งเพื่อดูบ้านที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างของเธอ

มันน่าเกลียดจริง ๆ…

เธอหยิบแบบร่างในส่วนของที่พักอาศัยที่ผู้อาวุโสเหม่ยออกแบบเอาไว้ออกมา เปิดแผงระบบแล้วเรียกโมเดลเถาหยางสามมิติ จากนั้นก็ปัดนิ้วเพื่อเริ่มการเปลี่ยนแปลง

บริเวณห้องโถงมีเฟอร์นิเจอร์ เช่น โซฟา ทีวี เครื่องจำหน่ายของใช้ในชีวิตประจำวัน และเครื่องจำหน่ายของใช้สตรีวางชิดผนังรวม 2 เครื่อง

ห้องเดี่ยวทั้งหมดก็ถูกย้ายขึ้นไปชั้น 2 และ 3 ชั้นละ 8 ห้องโดยแบ่งเป็นซ้ายขวาฝั่งละ 4 ห้อง รวมทั้งหมด 16 ห้อง แต่ละชั้นก็จะมีโถงทางเดินตรงกลางและปลายสุดของทางเดินคือห้องซักรีด ไม่เพียงแต่มีเครื่องซักผ้า 4 เครื่องแต่ยังมีเครื่องอบผ้าอีก 4 เครื่องช่วยลดปัญหาเรื่องการตากผ้า ชั้น 4 และ 5 เป็นห้องคู่ชั้นละ 6 ห้องแบ่งเป็นสองฝั่งซ้ายขวาฝั่งละ 3 ห้อง รวมทั้งหมด 12 ห้อง

ส่วนอีกอาคารจะเป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นตามแบบที่ผู้อาวุโสเหม่ยเสนอ ตรงห้องโถงชั้นแรกทำเป็นห้องโถงที่มีตู้ขายของต่าง ๆ ปัจจุบันสร้างเพียงสามชั้น โดยชั้น 2-3 จะมีชั้นละ 4 ครัวเรือน รวมแล้วมีห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ทั้งหมด 8 ห้อง

ผนังด้านนอกอาคารทั้งสองหลังได้รับการทาสีใหม่เป็นสีฟ้าและสีขาว ทำให้ดูเรียบร้อยสวยงามดูคล้ายกับอาคารที่พักก่อนวันสิ้นโลก ราคาข้างต้นรวมไปถึงการเพิ่มของส่วนกลาง การขยายพื้นที่สาธารณะและการสร้างบันได มีค่าใช้จ่ายรวม 50,000 เหลียนปัง

โชคดีที่มันยังอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้

หลังจากที่จัดระเบียบห้องพักใหม่แล้ว พื้นที่เปิดโล่งในเถาหยางก็เพิ่มขึ้นในทันใด

จากนั้นซูเถาก็เริ่มสร้างโรงอาหาร เนื่องจากมีผู้เช่าไม่มากเธอจึงสร้างให้เล็กลงเล็กน้อย โดยมีขนาดเท่ากับพื้นที่ห้องคู่สองห้องเท่านั้น

ชั้นแรกเป็นพื้นที่เลือกสรรอาหาร ซึ่งมีตู้แช่แข็งสองตู้ เครื่องจำหน่ายอาหารเช้าสองเครื่อง เครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มอีกสองเครื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่าให้มีของบริโภคไม่ขาด นอกจากนี้ยังมีเตาไมโครเวฟอีกสี่เครื่อง สามารถนำอาหารจากตู้แช่งเข็งมาอุ่นได้

พวกเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ถูกวางไว้ในพื้นที่ตรงกลาง แล้วก็จัดวางอ่างล้างมือเรียงหน้ากระดานหกอ่างไว้ข้าง ๆ กัน ก่อนวันสิ้นโลก ผู้คนมักจะล้างมือทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร

ส่วนชั้นสองก็เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถรองรับคนที่จะมากินอาหารพร้อมกันได้ถึง 36 คน แล้วก็ยังมีห้องน้ำสาธารณะที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้ถึงสี่คน

อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายนี้ถือว่าค่อนข้างสูง ของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดมีราคามากกว่า 80,000 เหลียนปัง ทำให้เธอเหลือเงินอยู่ในกระเป๋าเล็ก ๆ เพียง 100,000 เหลียนปัง

ซูเถารู้สึกรวดร้าวเล็กน้อย แต่เธอก็มีความสุขอีกครั้งเมื่อนึกถึงชีวิตที่สะดวกสบายในอนาคต

อาคารที่พักสองหลังและโรงอาหารถูกวางเรียงไว้สามด้าน โดยมีพื้นที่เปิดโล่งตรงกลาง ซูเถาวางแผนให้มันเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม

ตอนนี้ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เธอจำเป็นต้องระงับการก่อสร้างไว้ก่อนและเตรียมตัวกลับไปนอน

ห้องของเธอเป็นห้องชุดซึ่งถูกจัดอยู่ชั้นสอง การย้ายห้องนั้นไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวและเจ้าแมวน้อยของเธอก็ยังคงนอนหลับปุ๋ยในที่นอนเล็ก ๆ ของพวกมันที่อยู่ข้างเตียงเธอ

ซูเถาก้มลงจูบหัวที่มีขนปุกปุยของลูกแมวตัวน้อยพร้อมแสดงรอยยิ้มที่มีความสุขและพึงพอใจ จากนั้นเธอก็ขึ้นไปนอนบนเตียงและผล็อยหลับ

ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้เช่าทั้งหมดในเถาหยางก็ทำเหมือนกับว่ามีระเบิดลง

“พระเจ้า! ตื่นขึ้นมาห้องของฉันก็ขึ้นไปอยู่ชั้นสอง!”

“มันวิเศษมาก แต่มันดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ห้องของพวกเราก็มีเลขห้องกำกับไว้ จะได้ไม่ต้องไปผิดห้องอีก”

“ฉันชอบการแบ่งชั้นแบบนี้นะ! เพื่อที่จะได้ลดความขัดแย้ง ฉันเห็นผู้เช่าชายในห้องคู่สองคนนั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้พวกเขาขึ้นไปอยู่ชั้นสามแล้ว ก็คงไม่ง่ายที่จะได้เจอกัน ฮ่า ๆ”

“มาดูนี่เร็ว ตึกข้างหลังเป็นโรงอาหารล่ะ แถมยังมีตั้งสองชั้น!”

……

เมื่อเห็นดังนั้นผู้เช่าส่วนใหญ่จึงรีบพากันไปที่โรงอาหาร

“เสี่ยวพ่าน? ทำไมฉันรู้สึกว่ามีอะไรอย่างผิดปกติ ก่อนหน้านี้มันไม่มีห้องที่อยู่ตรงข้ามฉันนิ ห้องตรงข้ามฉันมีผู้หญิงผมสั้นอาศัยอยู่เหรอ?”

เหม่ยหงอี้ขยับแว่นตาของเขาแล้วหรี่ตามองซ้ำแล้วซ้ำอีก

เสี่ยวพ่านเป็นนางพยาบาลที่จงหว่านหามา ก่อนหน้านี้เหมือนจะเคยพบเคยเจอกับจวงหว่านมาก่อน เธอเป็นคนไร้บ้าน ยากจนและไม่มีลูก

เสี่ยวพ่านอายุสามสิบกว่าแล้ว รูปร่างหน้าตาธรรมดา แต่งตัวเรียบง่าย เธอเป็นคนที่ซื่อตรงและมีความรับผิดชอบสูง

เธอวิ่งออกไปดูรอบ ๆ แล้วกลับมาพูดอย่างตื่นเต้น

“ท่านผู้อาวุโส คุณดูไม่ผิดหรอก เถาหยางเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้เช่าห้องเดี่ยวและห้องคู่ได้ย้ายไปอยู่อาคารตรงกันข้าม ส่วนอาคารที่เราอยู่นี้เป็นห้องชุดและตอนนี้พวกเราก็อยู่กันที่ชั้นสอง”

ในขณะที่เธอพูดก็เข็นรถเข็นเพื่อพาเขาชมรอบ ๆ และมองผ่านกระจกของหน้าต่างทางเดิน

เหม่ยหงอี้ตกตะลึง เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า ตอนกลางวันเขาใช้ความคิดมากไปกลางคืนเลยเก็บไปฝันว่าการออกแบบเถาหยางได้กลายเป็นจริง

เสี่ยวพ่านอุทาน “ฉันคิดว่าพลังวิเศษประเภทที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ตามใจนึกเทียบไม่ติดเลยกับความสามารถของเถ้าแก่ซูของเรา”

เหม่ยหงอี้รู้สึกว่าตัวเขานั้นแก่มาก เขาออกไปข้างนอกน้อยเกินไปความรู้ของเขาก็เลยตื้นเขินมีบุคคลที่มีพลังพลังวิเศษที่สามารถทำสิ่งอัศจรรย์นี้ได้ชั่วข้ามคืน

“ท่านผู้อาวุโส คุณหิวหรือยังคะ พวกเราไปโรงอาหารใหม่กันเถอะ!” ดวงตาของเสี่ยวพ่านเป็นประกายวิบวับ

หลังจากที่เหม่ยหงอี้ตกตะลึง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ มันดีมากเลย ถ้าภรรยาของเขายังอยู่ เขาอยากให้เธอเห็นว่าการมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้มันดีแค่ไหน สวรรค์ในวันสิ้นโลกมันเป็นอย่างไร

ดวงตาของชายชรารื้นด้วยน้ำตา

“ไปค่ะ พวกเราไปกินข้าวกัน”

……

ซูเถาตื่นขึ้นมาเพราะความหิว เมื่อเธอลุกขึ้นแล้วมองนาฬิกาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าแล้ว แมวน้อยทั้งสองก็เอาแต่ส่งเสียงเพราะมันเริ่มหิวแล้วเช่นกัน

หญิงสาวจึงต้องรีบลุกขึ้นทำหน้าที่แม่นมทันที

เฮยจือหม่าหาจุกขวดนมไม่เจอจึงงับเข้าที่นิ้วของซูเถา จากนั้นก็เม้มปากอย่างน่าสงสารเนื่องจากไม่ได้ลิ้มรสนม

ซูเถาหัวเราะออกมาเสียงดัง เฮยจือหม่าเป็นแมวอารมณ์ดี

เธอไม่ทันป้อนนมแมวน้อยเสร็จ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และเมื่อเปิดออกไปก็เห็นสิงซูอวี่ที่มีท่าทางเหนื่อยหอบแล้วมองมาที่เธอ

“คุณ”

สิงซูอวี่หน้าแดง “ยังมีห้องว่างเหลือไหม? ห้องชุดน่ะ พ่อแม่ของฉันเห็นภาพถ่ายของเถาหยางก็แทบคลั่ง ถ้าฉันไม่ให้พวกเขาเข้ามาอยู่ ชีวิตฉันคงตกอยู่ในอันตรายแน่”

“ฉันช่วยป้อนนะ!” ยังไม่ทันที่ซูเถาจะได้เอ่ยอะไร สิงซูอวี่ก็คว้าขวดนมไปจากมือเธอ

เมื่อแม่นมถูกเปลี่ยนตัว เฮยจือหม่าก็เหมือนจะรับรู้ได้ มันหลบจุกขวดนมที่สิงซูอวี่ยื่นให้แล้วก็ร้องอย่างต่อเนื่อง

ไป๋จือหม่าก็ไม่กินแล้ว มันหดตัวอยู่ข้างในไม่กล้าขยับเขยื้อน

สิงซูอวี่ล้มเหลวในการเป็นแม่นมตั้งแต่ครั้งแรก

ซูเถาตีเธอเบา ๆ แล้วดึงขวดนมกลับมาทำหน้าที่แม่นมต่อ

จากนั้นเจ้าขนปุยทั้งสองก็ผ่อนคลายแล้วค่อย ๆ โน้มตัวไปดูดนมด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

สิงซูอวี่ “ฉันน่าสงสารมาก พ่อก็ไม่รัก แม่ก็ไม่รัก แมวก็ไม่สนใจ คนอื่น ๆ ต่างก็อิจฉาฉันที่ได้อยู่ในเถาหยาง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฉันต้องแบกรับอะไรบ้าง เถาหยางดี เถาจื่อก็ดี ให้ฉันสักห้องเถอะนะ ฉันอยากให้พ่อแม่ยอมรับฉัน”

“คุณไปพูดกับจวงหว่านแล้วกัน” ซูเถาไม่รู้จะทำยังไง

หลังจากเธอยอมรับ สิงซูอวี่ก็กระโดดโลดเต้นไปมาแล้วเข้าไปหอมเฮยจือหม่าหนึ่งฟอด

เฮยจือหม่าคายจุกขวดนวมทิ้งแล้วคลานไปหาซูเถาพร้อมกับร้องหงิง ๆ อย่างไม่พอใจ