ตอนที่ 22 เดินตลาด

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

หวังซีนอนอยู่บนเตียงสองวันเต็มถึงรู้สึกกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า

ฮูหยินผู้เฒ่ากลับเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง บอกว่าคนจวนเซียงหยางโหวล้วนประทับใจนางกันทุกคน ยังบอกด้วยว่างานวันคล้ายวันเกิดของจ่างกงจู่ครานี้ให้นางตามไปนั่งกับทุกคนด้วย

หวังซีไม่ค่อยหวังอะไรกับความสามารถของจวนหย่งเฉิงโหวแล้ว แล้วก็ยิ่งไม่คาดหวังอะไรกับงานวันคล้ายวันเกิดของเป่าชิ่งจ่างกงจู่ด้วยเช่นกัน

นางถามฉังเคอ เจ้าเตรียมเสื้อผ้าเครื่องประดับเรียบร้อยดีแล้วหรือ

พอได้! ฉังเคอตอบอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรเสียข้าก็เป็นเพียงหลังประกอบฉาก แต่งให้พอดูได้ก็พอแล้ว

หลังเสร็จสิ้นจากการไว้ทุกข์ ก็ต้องเริ่มพิจารณาเรื่องงานแต่งของหญิงสาวสองสามคนในบ้านอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อจากนี้ไปทุกๆ งานสังคม อาจจะเป็นงานดูตัวได้ทั้งสิ้น แต่นางได้รับอิทธิพลมาจากหวังซี เริ่มรู้สึกคลางแคลงใจต่อความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ ของท่านย่าและท่านป้าสะใภ้ใหญ่บ้างแล้ว กระทั่งบังเกิดความรู้สึกหนึ่งว่าแทนที่จะให้พวกนางยื่นมือเข้ามาจับนางแต่งงานกับคนที่พึ่งพาไม่ได้ มิสู้ทำอย่างที่หวังซีกล่าวมา แอบสอดส่องด้วยตัวเองให้แน่ชัดก่อนว่ามีใครเหมาะสมบ้าง แล้วค่อยหาวิธีให้ผู้ใหญ่ออกหน้าไปทาบทามให้นาง

เนื่องจากเป็นการแอบมองอย่างลับๆ อย่าเพิ่งทำตัวสะดุดตามากเกินไปเป็นดีที่สุด

หวังซีไม่อยากไปร่วมงานแล้ว

นางกล่าวกับฉังเคอว่า หากเจ้าขาดเหลือเครื่องประดับอะไรก็มาหยิบยืมที่ข้า

ฉังเคอพยักหน้าตอบรับ ผ่านไปสองสามวัน เห็นพวกพี่สาวน้องสาวในบ้านต่างเริ่มตัดชุดทำเครื่องประดับใหม่ เตรียมตัวไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของจ่างกงจู่อย่างพิถีพิถันกันแล้ว ทางด้านหวังซียังคงเงียบเชียบไร้ความเคลื่อนไหวใด อดประหลาดใจไม่ได้จึงมาสอบถามนาง เจ้าเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาด้วยเป็นจำนวนมากหรือ อยากถือโอกาสตัดชุดตามแบบฉบับของจิงเฉิงสักสองสามชุดหรือไม่

ชุดของหวังซีมีลักษณะเฉพาะของชวนสู่[1] ปักลายบุปผานานาพรรณ สีสันสวยสดงดงาม ประกอบกับนางมีหน้าตาสวยสง่า ยามปรากฏตัวมักจะดึงดูดสายตาของทุกคน โดดเด่นสะดุดตายิ่งนัก

แต่ชนชั้นสูงในจิงเฉิงนั้น เนื่องจากเบื้องบนมีราชวงศ์ และต่อให้เจ้าเป็นคนในราชวงศ์ ก็ยังต้องแบ่งจวิ้นอ๋อง[2]กับองค์ชาย แบ่งองค์หญิง[3]กับท่านหญิง[4] ต่อให้มีอำนาจหรืองดงามเพียงใด ก็ไม่กล้าแต่งกายตามใจชอบเช่นนี้ ฉังเคอกลัวนางไปงานวันคล้ายวันเกิดของจ่างกงจู่แล้วจะงดงามเกินหน้าเกินตา ไปทิ่มแทงใจคนที่มีจิตใจคับแคบเข้า นำปัญหามาให้เปล่าๆ

ปีนี้จิงเฉิงนิยมสีเขียว นางโน้มน้าวหวังซีต่อ ล้วนเป็นวัตถุดิบจากซูโจวหังโจวทั้งสิ้น ข้ารู้สึกว่าเข้ากับฤดูกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง เจ้าเองก็ตัดมาสวมใส่เล่นสักสองสามชุดก็ได้

หวังซีก็แค่มองหาความแปลกใหม่ รู้สึกเช่นกันว่าเครื่องประดับและเสื้อผ้าของซูโจวมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง แต่นางไม่ค่อยเชื่อถือฝีมือตัดเย็บของจวนหย่งเฉิงโหวนัก นางไม่คิดจะตัดเสื้อผ้าพร้อมกับคนตระกูลฉัง

วันนี้ฉังเคอพูดขึ้นมา นางนึกถึงชะตาอาภัพของฉังเคอ คาดว่าต่อให้มีวัตถุดิบอะไรดีๆ หรือรูปแบบอะไรดีๆ ก็คงมาไม่ถึงนาง เอ่ยถามนางอย่างจริงจังว่า เรื่องงานแต่งของเจ้า ตกลงเจ้ามีแผนการอย่างไร หากเจ้าคิดจะลองต่อสู้ดูสักครั้ง เรื่องเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆ ล้วนมิใช่เรื่องยากลำบากอะไร แต่ถ้าเจ้าคิดว่าผู้ใหญ่ในบ้านยังพอพึ่งพาได้ ก็สวมเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับอะไรง่ายๆ ก็พอ

ไม่แน่ว่าการที่นางแต่งกายธรรมดาสักหน่อย ผู้ใหญ่เหล่านั้นอาจคิดว่าเหมาะสมกับสถานะของนาง อาจกลายเป็นเรื่องดีก็ได้

แน่นอน ต่อให้หวังซีอยากช่วยเหลือฉังเคอ ฉังเคอเองก็ต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนางด้วย

หาไม่แล้วเจตนาดีอาจทำเสียเรื่อง ช่วยคนไม่ได้แล้วยังสร้างศัตรู สิ้นเปลืองน้ำใจและเรี่ยวแรงของนางไปเปล่าๆ

ฉังเคอจึงกระซิบกระซาบกับนางว่า ข้ารู้สึกว่าที่เจ้ากล่าวมามีเหตุผล ดังนั้นข้าก็เลยไม่คิดจะแต่งตัวอะไรมากมาย สถานะเช่นข้านี้ คนจากภรรยาสายหลักย่อมไม่เหลียวมอง ทว่าสายอนุภรรยานั้นต่างคนต่างก็มีความยากลำบากของตัวเอง ต้องเบิกตาให้กว้างมองหาดีๆ จะได้ไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจของมารดาใหญ่หรือนายหญิงของบ้านที่มีเจตนาซ่อนเร้น จับข้าแต่งกับคุณชายน้อยของพวกเขาไปแบบส่งๆ เช่นนั้นเสียเปรียบเกินไปแล้ว ข้ายังอยากจะเป็นเศรษฐีอย่างเงียบๆ อยู่นะ!

หวังซีหัวเราะฮ่าดังลั่น รู้สึกว่าฉังเคอเป็นเด็กที่สอนได้ จึงกล่าวกับนางตามจริงว่า ข้าเองก็ไม่อยากเป็นเป้าหมายของใคร ในงานวันคล้ายวันเกิดของเป่าชิ่งจ่างกงจู่ แต่งตัวง่ายๆ ก็พอ เก็บความงดงามสดใสเหล่านั้นไว้ให้คนที่มีความจำเป็นต้องใช้ดีกว่า! แต่ว่าเจ้าพูดถูก อากาศและทิวทัศน์ดีขนาดนี้ พวกเราไม่อาจปล่อยให้เสียเปล่า พวกเราออกไปตัดชุดทำเครื่องประดับกันดีหรือไม่ วันธรรมดาก็แต่งกายให้งดงาม เวลาส่องกระจกดูตัวเองก็จะได้มีความสุข ผู้ใดบอกกันว่าแต่งตัวแล้วต้องให้ผู้อื่นเห็น ทำให้ผู้อื่นสบายตาสบายใจ!

นับเป็นครั้งแรกที่ฉังเคอเคยได้ยินคำกล่าวเช่นนี้

บ้านสามมิได้ร่ำรวย นางถูกมารดากรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่ามีเสื้อผ้าอาภรณ์ดีๆ ต้องเก็บไว้สวมใส่ในโอกาสสำคัญ เวลาอยู่บ้านในวันปกติธรรมดาสวมใส่อะไรง่ายๆ ก็พอ

แต่ว่าครั้นนางยอมรับคำกล่าวของหวังซีแล้ว ในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์ประจำวันที่ตัวเองสวมเสื้อผ้าเครื่องประดับงดงามยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่าเสื้อผ้าเครื่องประดับเหล่านั้นมิใช่ชุดออกรบที่นางสวมใส่เพื่อประชันขันแข่งกับผู้อื่นอีกต่อไป แต่เป็นชุดที่ทำให้ตัวนางงดงามและมีความสุข นางพลันรู้สึกว่าคำกล่าวของหวังซีช่างมีเหตุผลยิ่ง

ดี! พวกเราออกไปตัดชุดทำเครื่องประดับกัน! นางกล่าวอย่างฮึกเหิม คิดว่าคนที่จวนหย่งเฉิงโหวเชิญมาล้วนเป็นช่างตัดเย็บของร้านมีชื่อในเมืองหลวงทั้งสิ้น ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย ทว่าร้านค้าข้างนอกค่าใช้จ่ายอาจไม่สูงเท่านี้ เงินเก็บอันน้อยนิดของนางน่าจะตัดชุดดีๆ ได้สักชุดหนึ่ง

หวังซีอ้างว่าต้องการไปดูร้านค้าของตระกูลตัวเองสักครั้ง พาฉังเคอนั่งเกี้ยวออกไปอย่างเบิกบาน ไปยังประตูซีจ้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของจิงเฉิง

ถนนสั้นๆ เพียงไม่กี่ร้อยหมี่[5] มีร้านค้าตั้งเรียงรายเป็นจำนวนมาก ธงโบกสะบัด เสียงร้องเรียกดังไม่ขาดสาย

พวกของหวังซีเข้าไปในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยวซอยหนึ่ง จอดตรงหน้าประตูสมปรารถนาสีดำของบ้านหลังหนึ่ง

หวังสี่ไปเคาะประตู

มีบ่าวชายเด็กวิ่งออกมา เมื่อเห็นหวังสี่ก็เอ่ยถามเสียงหนึ่งอย่างนอบน้อมว่า เจ้าเป็นคนของจวนใดหรือ

หวังสี่มอบก้อนเงินให้บ่าวชายเด็กผู้นั้นสองก้อน กล่าวว่า สกุลหวังนัดเอาไว้เมื่อสองสามวันก่อน

บ่าวชายเด็กยิ้มกว้างยิ่งขึ้น เปิดทางให้ หวังสี่คอยกำกับให้เกี้ยวผ้าไหมน้ำเงินทั้งสองหลังเข้ามา

ฉังเคอค้นพบว่านี่เป็นลานบ้านหินหลังหนึ่ง ข้างกำแพงปลูกไผ่นางสนมเอาไว้หนึ่งแถว เบื้องหน้าเป็นห้องโถงสามห้อง ฉากกั้นสีแดงสี่ฤดูสี่บานพับ กลางห้องโถงแขวนภาพอวยพรให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปหนึ่งภาพ บนพนักพิงหลังของเก้าอี้มีเท้าแขนสีแดงทั้งสองข้างฝังหินอวิ๋นหมู่[6]เอาไว้ คล้ายกับเป็นห้องโถงรับรองแขกของตระกูลร่ำรวยมีอำนาจหลังหนึ่ง

ทว่าที่นี่กลับเป็นร้านตัดเย็บอาภรณ์ร้านหนึ่ง

ฉังเคอนั่งอยู่บนเก้าอี้มีเท้าแขน ถือถ้วยน้ำชากระเบื้องเคลือบลายครามเอาไว้ ชิมชาหลงจิ่งที่เก็บเกี่ยวก่อนเทศกาลเช็งเม้งของปีนี้ไปด้วย พลางมองหญิงสาวออกเรือนแล้วเจ็ดถึงแปดคนเปิดผ้าไหมหังโจวที่ใหม่ที่สุดของปีนี้ให้พวกนางดูไปด้วย

ด้านข้างยังมีสตรีออกเรือนแล้วอายุประมาณสามสิบปียืนยิ้มดวงตาเป็นพระจันทร์เสี้ยวอยู่อีกผู้หนึ่ง กล่าวแนะนำพวกนางด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนอย่างพอดี ได้ยินว่าท่านชอบใช้ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดของซงเจียงทำชุดชั้นใน ข้าจึงบังอาจเลือกผ้าสองสามชนิดนี้มาให้ท่าน แม้สวมใส่แล้วนุ่มไม่เท่าผ้าไหมหังโจว ทว่าระบายอากาศได้ดีกว่าผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ท่านลองจับดูได้เจ้าค่ะ

ทั้งหมดนี้นางสอบถามมาจากหวังหมัวมัวตอนที่เข้ามาทำการนัดหมายเวลากับนาง

หวังซีมิได้จับ เป็นไป๋จื่อก้าวออกไปจับเนื้อผ้า ยังสอบถามสตรีผู้นั้นว่า นี่เป็นผ้าออกใหม่จากร้านใดหรือ

สตรีผู้นั้นกล่าวยิ้มๆ อย่างใจดีว่า เป็นผ้าออกใหม่ของเฝิงจี้ที่หูโจว ใช้เส้นไหมป่าของทางเหนือกับเส้นไหมเลี้ยงจากทางใต้ผสมกัน ถึงแม้จะนุ่มไม่มากพอ ทว่าระบายลมดีมาก ข้าคิดว่าบางทีคุณหนูอาจจะชอบก็เป็นได้

หวังซีฟังแล้วรู้สึกสนใจ กล่าวว่า เอามาให้ข้าดูหน่อย

สตรีผู้นั้นจึงนำผ้ามาวางตรงหน้าหวังซี

หวังซีลูบจับผ้า กล่าวยิ้มๆ ว่า ผ้านี้ราคาถูกกว่าใช่หรือไม่

ราคาเส้นไหมป่าย่อมสูงไม่เท่าเส้นไหมเลี้ยง แต่ทำการค้าย่อมไม่อาจกล่าวเช่นนี้

สตรีผู้นั้นยิ้มตาหยีกล่าวว่า แรกเริ่มเฝิงจี้ไม่มีสวนหม่อนมากมายนัก ต่อมาค้นพบว่าเส้นไหมป่ากับเส้นไหมเลี้ยงต่างมีจุดเด่นของตัวเอง คิดว่าจะเสริมจุดเด่นกลบจุดด้อยได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงผลิตผ้าไหมผสมชนิดนี้ออกมา ร้านของพวกข้าเป็นหนึ่งในร้านตัดเย็บที่ดีที่สุดของเจียงหนาน พวกเขาจึงส่งบางส่วนมาให้พวกข้าดู ข้านึกถึงความชอบของคุณหนู จึงเอาออกมาให้ท่านดูเป็นคนแรก

นี่มูลค่าต่ำกว่าเส้นไหมเลี้ยงบริสุทธิ์ ทว่าอยากขายในราคาที่สูงกว่าเส้นไหมเลี้ยง

หวังซีอดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้ว่า ปัจจุบันใครเป็นคนดูแลเฝิงจี้หรือ

ได้ยินเช่นนี้สตรีผู้นั้นก็รู้แล้วว่านี่เป็นคนวงในผู้หนึ่ง ไม่กล้าลวงหลอกลูกค้ารายใหญ่ที่ดูอ่อนหวานไม่ประสีประสาต่อโลกตรงหน้าผู้นี้ รีบกล่าวยิ้มๆ ว่า นายท่านสี่ของพวกเขาเป็นคนดูแลเจ้าค่ะ

คนใหม่บรรยากาศใหม่ หวังซีพยักหน้า วิธีการนี้ไม่เลวเลยทีเดียว เอ่ยถามสตรีผู้นั้นอีกว่า สั่งจองเยอะหรือไม่

สตรีผู้นั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เห็นหวังซีมองนางด้วยรอยยิ้มแย้ม คล้ายกับเพียงสงสัยใคร่รู้ ทว่ากลับทำให้สตรีผู้นี้อดใจเต้นรัวอยู่ในใจไม่ได้ สุดท้ายยังคงตอบตามความจริงว่า ชุดสำหรับฤดูร้อนขายดีเป็นพิเศษ

นับเป็นคนมีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง! หวังซีกล่าวยิ้มๆ ถามฉังเคอว่า มีผ้าที่เจ้าถูกใจหรือไม่

ฉังเคอมองหวังซีครู่หนึ่ง ถึงได้ขยิบตาพลางชี้ผ้าสองชนิดในจำนวนนั้นที่นางรู้สึกว่าไม่เลวนัก เอ่ยถามว่า เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร

หวังซีจึงให้คนหยิบมาให้นางดูอย่างละเอียด

ฉังเคอกระซิบที่ข้างหูนางว่า เหตุใดเจ้าถึงรู้ไปหมดทุกอย่าง

หวังซีกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า ตระกูลพวกข้าทำการค้ากันทั้งหมด กลเม็ดเล็กน้อยนี้ ข้ารู้จักมาตั้งแต่เด็กแล้ว

หรือว่านี่จะเป็นการเรียนรู้ที่เป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาของตระกูล?

ฉังเคอเกาหัว คิดว่าในเมื่อผ้าชนิดนี้ราคาถูก ก็ตัดชุดเพิ่มอีกสองตัวได้

ทั้งสองคนเลือกผ้าได้แล้ว ก็ไปดูแบบ

บางทีอาจเป็นเพราะเจอคนที่มีความสนใจคล้ายกัน พอเจ้าบอกว่าสีนี้สวย ข้าก็บอกได้ว่าชิ้นนี้เอาไปทำอะไรได้บ้าง ความสนใจต่อการตัดเย็บชุดของทั้งสองคนจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเลือกเสื้อและกระโปรงเท่านั้น ยังเลือกรองเท้าถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้า ซองใส่พัดและของชิ้นเล็กอื่นๆ ด้วย

เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ถึงเวลาบ่ายแล้ว

อาจเป็นเพราะระหว่างนี้กินของว่างอยู่ตลอด มิได้กินข้าวเที่ยงพวกนางก็ไม่รู้สึกหิว

คนในร้านรีบบอกให้พวกนางกินข้าว ยังกล่าวด้วยว่า ใกล้ถึงเทศกาลแข่งเรือมังกรแล้ว ร้านของพวกข้าเชิญอาจารย์เฉาอวิ๋นของวัดต้าเจวี๋ยมาช่วยผสมกลิ่นถุงหอม เพื่อมอบให้ลูกค้าคนสำคัญเช่นท่านโดยเฉพาะ ข้าจะไปหยิบมาสักสองสามชิ้น ท่านลองเลือกดูว่าชอบกลิ่นอะไร ประเดี๋ยวให้พวกสาวใช้เอากลับไปด้วย

ฉังเคอย่นคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ

หลายปีมานี้อาจารย์เฉาอวิ๋นของวัดต้าเจวี๋ยได้รับการแนะนำจากตระกูลชั้นสูง ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักผสมเครื่องหอมอันดับหนึ่งของจิงเฉิง นอกจากร้านนี้จะช่วงชิงเอาถุงหอมที่เขาผสมมาได้แล้ว ยังมอบเป็นของกำนัลให้คนที่มาตัดชุดอีก ฝีมือการตัดเย็บจะสนนราคาเท่าไรกันนะ!

หวังซีไม่ชอบกินข้าวข้างนอก

รู้สึกว่าถ้วยชามและตะเกียบอะไรต่างๆ ล้วนเป็นของที่ผู้อื่นเคยใช้มาก่อน

นางถามฉังเคอว่าหิวหรือไม่ ปรึกษานางว่า พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้านดีหรือไม่

ฉังเคอรู้สึกว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมาสักครั้ง อีกทั้งไม่มีผู้อาวุโสตามติดอยู่ข้างกาย นานๆ ทีจะได้มีอิสรเสรี ไม่กินข้าวข้างนอกช่างเสียเที่ยวเกินไปแล้ว นางยิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า ข้าจะพาเจ้าไปกินแป้งย่าง แป้งย่างเพิ่งออกมาจากเตาร้อนๆ ข้าเคยกินตอนออกมากับพวกพี่ชายสามสมัยเป็นเด็ก รสชาตินั่น ข้าไม่เคยลืมเลย

ดวงตาทั้งคู่ของหวังซีเป็นประกาย

ตอนร้านค้าเอาถุงหอมมาให้นางเลือก แม้นางรู้สึกว่าไม่แย่นัก แต่ก็มิได้รู้สึกอัศจรรย์ใจ จึงเลือกตามใจชอบมาสองสามชิ้นให้หงโฉวเอากลับไป หากพวกเจ้ารู้สึกไม่มีอะไรพิเศษ ก็มอบให้บ่าวหญิงในจวน

ฉังเคอกลับรู้สึกว่ากลิ่นหอมดี ยิ้มกล่าว เจ้าช่างเลือกเกินไปแล้ว ข้ารู้สึกว่าถุงหอมนี้กลิ่นหอมยิ่งนัก

หวังซีได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า ถ้าแค่ถุงหอมนี้เจ้าก็รู้สึกว่าหอมแล้ว ประเดี๋ยวพวกเราซื้อแป้งย่างเสร็จแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง เครื่องหอมที่พวกเขาผสมมา รับรองว่าเจ้าต้องชอบ

………………………………………………………………………………

[1] ชวนสู่ ชื่อเก่าของมณฑลซื่อชวนหรือเสฉวน

[2] จวิ้นอ๋อง เชื้อพระวงศ์ชายลำดับสอง

[3] องค์หญิง (公子) พระธิดาฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

[4] ท่านหญิง (君子) พระธิดาชินอ๋อง

[5] หมี่ เมตร

[6] หินอวิ๋นหมู่ หินในกลุ่มแร่ไมก้า

ตอนต่อไป