[คุณได้กำจัดหัวหน้าสัตว์อสูร: เดรคโอเกอร์มุสตาฟา]
 [คุณได้รับฉายา: ผู้พิฆาตเดรคโอเกอร์]

 

 เป็นคำที่ประกาศเพิ่มเติมยืนยันชัยชนะ

 

“เฮ่อออออ”

 

 อินกองถอนหายใจออกมา แม้ร่างกายเขาจะฟื้นตัวจากการเพิ่มเลเวล แต่สภาพจิตใจของเขายังเหนื่อยล้า

 

‘ดีนะที่เลเวลเพิ่มพอดี ไม่งั้นสลบแน่นอน ไหนจะแผลอีก’

 

 ทักษะกระสุนสังหารใช้ลมปราณจำนวนมาก นั่นทำให้ร่างกายของเขาได้รับภาระที่หนักอึ้ง

 

‘แต่เหมือนนี่จะเป็นแค่ผิวเผิน?’

 

 เพื่อใช้ท่าไม้ตายของอาวุธระดับสูงในบทกวีแห่งผู้กล้า ผู้เล่นจะต้องปลดปล่อยพลังแฝงทั้งหมดของอาวุธออกมาให้ได้เสียก่อน หรือก็คือ กระสุนสังหารยังไม่ใช่ทักษะท่าไม้ตายของพสุธากัมปนาท

 

 อินกองยังต้องปลดพลังของถุงมือไปอีกขั้น หรืออาจจะมากกว่านั้น

 

‘สมกับที่เป็นอาวุธของมังกรบรรพกาล’

 

 อินกองยังคงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เขามองไปยังแขนขวาของตน ผลกระตุ้นจากโลหิตมังกรได้หมดลงแล้ว ทำให้พสุธากัมปนาทกลับคืนสู่สภาพเดิม

 

‘กระสุนสังหารก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ระเบิดลมปราณของเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพใช้ง่ายกว่า… อยากกลับไปเจอคริสต์กับเคทลินอีกจัง มีอะไรให้เราได้เรียนรู้อีกหลายอย่าง’

 

 ในเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพยังมีกระบวนท่าวิชาอยู่อีกเยอะ การมีทักษะวิชามากมาย ย่อมช่วยให้เขาเอาตัวรอดได้ในหลายสถานการณ์

 

‘แล้วก็ เทเลคิเนซิส’

 

 เขาได้รับชัยชนะมาได้จากการใช้เทเลคิเนซิสในวินาทีพลิกผัน เมื่อคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในจังหวะนั้นหากไม่ได้ใช้เทเลคิเนซิส อินกองก็อดขนลุกขึ้นไม่ได้

 

“มันจบแล้วสินะ?”

 

 เสียงของเจ้าออร์คดังขึ้นแทรกความคิดของอินกองตามกิจวัตร

 

“คารัค!”

 

 อินกองร้องเรียกคารัคออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน มันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

 

“ไม่ใช่ว่าแกบอกให้ข้าคุ้มกันวัดหรือไง?”

 

 นั่นคือสิ่งที่เขาสั่งมันไว้เมื่อ 10 นาทีที่แล้ว

 

“ผมขอโทษ ผมรักนาย นายมันสุดยอดเกินกว่าจะหักห้ามใจ”

 

 อินกองหัวเราะออกมา คารัครีบก้าวถอยหลังในทันที

 

“ขอโทษนะ แต่ข้าไม่ชอบไม้ป่าเดียวกัน ข้าขอรีบกลับไปที่วัดก่อน”

 

“ผมฝากนายช่วยปกป้องวัดอีกครั้งละกัน”

 

“รับทราบ แล้วก็อาจจะช้าไปบ้าง แต่ยินดีด้วยกับชัยชนะ”

 

 คารัครีบกลับหลังหันวิ่งไปยังวัด

 

‘มันพึ่งพาได้ดีจริงๆ’

 

 อินกองมองไปยังแผ่นหลังของคารัคก่อนจะเปลี่ยนความสนใจไปยังแผนที่ย่อ

 

 มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่อินกองพูดคุยกับคารัค

 

 การตายของมุสตาฟาทำลายขวัญกำลังใจของทัพสัตว์อสูรอย่างมาก เหล่าเดรคโอเกอร์ที่เห็นเหตุการณ์ต่างพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะเพื่อหาช่องทางหลบหนี สร้างความได้เปรียบให้เหล่าทรีเอนท์

 

 เหล่าคาเซียก็ไม่ต่างไปจากเดรคโอเกอร์ เมื่อมุสตาฟาตาย ไอควันสีม่วงที่คอยครอบงำจิตใจพวกมันก็สลายไป นั่นทำให้สติและความกลัวของพวกมันกลับมาด้วย พวกมันไม่สามารถบุกฝ่าอย่างไม่กลัวตายแบบในตอนแรกได้อีกต่อไป

 

 พวกคาเซียแบ่งแยกออกเป็นหลายฝูง

 

 แต่ละฝูงย่อมมีจ่าฝูงของมันเอง ด้วยเวทมนตร์บางอย่าง พวกมันจึงรวมตัวภายใต้คำสั่งของมุสตาฟา เมื่อเวทมนตร์หมดฤทธิ์จ่าฝูงแต่ละตัวก็ออกคำสั่งให้กับฝูงของมัน

 

 บ้างรีบล่าถอย บ้างก็พุ่งเข้าปะทะกับเหล่าเซนทอร์ที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของพวกมัน

 

 พวกคาเซียแตกความสามัคคี เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นในหมู่ของพวกมันเอง ส่งผลให้พวกมันไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

 แต่การต่อสู้ก็ใช่ว่าจะจบลงเสียทีเดียว นี้เป็นช่วงเวลาที่แม่ทัพฝ่ายผู้ชนะต้องพยายามลดความเสียหายของฝั่งตนให้น้อยที่สุด

 

 เสียงกระซิบจากกรีนวินด์ในหัวอินกอง

 

‘นายท่านชั่วคราวของข้า ในเมื่อท่านได้รับชัยชนะในการต่อสู้แล้ว ข้าขอแบ่งพลังช่วยเหลือบุตรธิดาของข้าได้หรือไม่? นี่เป็นอีกหนึ่งคำขอร้องจากข้า’

 

 นางอยากช่วยเหล่าเซนทอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่

 

 อินกองพยักหน้าพร้อมกับผิวปาก แล้วเจ้าเดรโก้ก็รีบวิ่งปรี่ตรงมาหาเขา

 

“ฉลาดเป็นกรดจริงๆ”

 

 หรือว่าเฟลิซีใช้เวทมนตร์บางอย่างเพิ่มสติปัญญาให้กับมัน?

 

 อินกองลูบคลำจี้ห้อยคอก่อนจะขึ้นขี่เดรโก้

 

 ภาพเฟโรเชียสอายนำเหล่าเซนทอร์ตีกวาดล้างพวกคาเซียสามารถมองเห็นได้แต่ไกล เซนทอร์แต่ละตนล้วนเรืองแสงสีเขียวพอเห็นได้เลือนลาง

 

 กรีนวินด์กระซิบบอกเขาอีกครั้ง

 

‘นายท่านชั่วคราวของข้า ด้วยพลังเวทแห่งอันเคล ข้าสามารถแจ้งข่าวชัยชนะของท่านให้แก่เหล่าบุตรธิดาแห่งที่ราบอินคา แน่นอนว่านี่จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจในการรบ’

 

 อินกองตอบตกลง ประกายแสงสีเขียวของกรีนวินด์พุ่งกระจายออกจากตัวเขาไปรอบตัว เขารู้สึกได้ว่ากรินวินด์กำลังกระซิบส่งข่าวให้กับเหล่าเซนทอร์

 

 และไม่นานนัก เสียงตะโกนร้องก็ดังขึ้น

 

“องค์ชายเก้า!”

 

“ผู้ส่งสาส์นแห่งกรีนวินด์!”

 

“องค์เทพารักษ์จะคอยปกป้องพวกเรา!”

 

 เสียงคำรามของเหล่าเซนทอร์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงคำรามแห่งชัยชนะที่สั่นสะท้านไปทั่วสมรภูมิรบ

 

 อินกองรู้สึกถึงแววตาของเฟโรเชียสอายที่จดจ้องมาที่ตัวเขา อินกองชูมือพร้อมควบเดรโก้วิ่งเข้าไปร่วมทำการศึกในทันที

 

&

 

 กว่าการต่อสู้ทั้งหมดจะจบลง เวลาก็ได้ล่วงเลยจนเกือบเที่ยงคืน

 

 กองไฟขนาดใหญ่ถูกจุดขึ้นส่องโชติช่วงชัชวาลให้กับท้องฟ้าอันมืดมิด

 

 เหล่าเซนทอร์รวบรวมเศษไม้เพื่อจุดเพลิงรอบวัด นี่เป็นพิธีการฉลองชัยและให้เกียรติกับพวกพ้องที่เสียชีวิตในสนามรบ

 

 ทันทีที่ได้รับข่าว ผู้นำเซนทอร์อีกสามเผ่ารีบเข้ามารวมตัวพร้อมกำลังเสริมจำนวนมาก แม้จะไม่ทันมีส่วนร่วมในการรบ แต่เสบียงและสุราหลังการศึกช่วยผ่อนคลายจิตวิญญาณของเหล่านักรบได้เป็นอย่างดี

 

“องค์ชายมองมาที่ข้า!”

 

“ไม่ ข้าตะหาก!”

 

 นักรบเซนทอร์ที่ดื่มสุราจนมึนเมาสร้างความครึกครื่น ทั้งหมดล้วนมองมาที่อินกองอย่างเลื่อมใสศรัทธา

 

 แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาเป็นเจ้าชายจากวังจอมมาร หรือมีส่วนช่วยในชัยชนะจากการศึก

 

 แต่เพราะในสายตานักรบเหล่านี้ อินกองเป็นเสมือนร่างอวตารของกรีนวินด์ นั่นทำให้เขาไม่ต่างจากเทพารักษ์แห่งที่ราบอินคา

 

 กรีนวินด์ได้แจ้งคำพยากรณ์ผ่านทางอินกอง หลังจากนั้นไม่นาน ผู้พิทักษ์แห่งที่ราบก็ได้ตื่นจากการหลับไหล

 

 กรีนวินด์แจ้งกระทั่งการได้รับชัยเหนือแม่ทัพศัตรูของอินกอง จึงไม่แปลกที่เซนทอร์เหล่านี้จะเคารพอินกองไม่ต่างจากเคารพกรีนวินด์

 

“ใต้ฝ่าพระบาททรงเป็นมิ่งขวัญของพวกเรา”

 

 แม้แต่กัมมะก็มีสีหน้าแดงระเรื่อบ่งบอกถึงอาการมึนเมา เหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่พบกับอินกองสร้างความประทับใจให้กับนางอย่างมาก

 

 ภาพลักษณ์ของนางตามปกติไม่ต่างไปจากทหารหน่วยรบพิเศษมืออาชีพ อาการของนางในตอนนี้จึงดูน่ารักไม่น้อย คารัคหัวเราะขึ้นพลางสะกิดอินกอง

 

“องค์ชาย ดูเหมือนแกจะเป็นที่ชื่นชอบมาก”

 

“ฟ้าเก้าสร้างผลงาน ไม่แปลก”

 

 เฟโรเชียสอายพูดลอยลอยออกมาอย่างอ่อนโยน เป็นแววตาผิดกับที่เขาคุ้นเคยจากการเล่นแซเฟียร์

 

 สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้แม้กระทั้งกับผู้นำเผ่าของเซนทอร์อีกสามตน เผ่ามารุต วรุณ อนธการ ต่างมองมาที่อินกองก่อนจะมองไปยังสีหน้าของเฟโรเชียสอายอย่างไม่เชื่อสายตา

 

“นี่เป็นปฏิบัติการปราบปรามคาเซียที่เสร็จสมบูรณ์เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

 

 กัมมะพูดออกมาด้วยท่าทางที่ยังมึนเมาเล็กน้อย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำชมเยินยอแต่เป็นความจริง

 

 อินกองเพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านของเผ่ากูณฑ์เมื่อวันวาน แต่ปฏิบัติการได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยในตอนนี้เขาใช้เวลาในการทำภารกิจเพียงสองวันเท่านั้น

 ไม่นับตอนที่มาถึงค่ายกลนะ ภารกิจเริ่มจับเวลาหลังจากที่เข้ารวมตัวกับเหล่าเซนทอร์

 

 เนื่องจากนักรบทั้งสี่เผ่ามีกำหนดการรวมตัวกันในอีกสามวันข้างหน้า จึงทำให้ภารกิจในครั้งนี้เสร็จสิ้นไวเหนือความคาดหมายมาก

 

 อินกองยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ภาพใบหน้าตกตะลึงของอิซเบลและเคทลินผุดขึ้นมาในหัว

 

“คารัค เราจะเข้าไปพักผ่อน”

 

 สายตาของกัมมะและเซนทอร์ทั้งหมดยังคงจดจ้องอยู่ที่อินกอง เฟโรเชียสอายมีแววตาอาลัยที่เขารีบออกจากการสนทนา ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้นำเซนทอร์อีกสามตนเพิ่มเป็นทวีคูณ

 

 คารัคกระแอมเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาอย่างวางมาด

 

“ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยมากแล้วในวันนี้ ขอทรงพักผ่อนเพื่อการเจริญเติบโตเถิด”

 

 อินกองหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมตบไหล่เจ้าออร์ค เขาไม่คาดคิดว่าคารัคจะพูดถึงเรื่องการเจริญเติบโต

 

“แน่นอน เจ้าก็เช่นกัน”

 

“ขอใต้ฝ่าพระบาททรงเสด็จบรรทมเพคะ”

 

“นิทรา”

 

 เฟโรเชียสอายและกัมมะกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเขา กัมมะลุกขึ้นพยายามจะนำทาง อินกองบอกปัดนางก่อนเขาจะแยกตัวเข้าไปพักผ่อน ณ ที่พักที่ถูกจัดเตรียมไว้ในส่วนหนึ่งของวัด

 

 ภายในเป็นบรรยากาศอันเงียบสงัด ขัดกับเสียงเฮฮาของเหล่าเซนทอร์ด้านนอก

 

 ทว่านี่ไม่ได้สร้างความรู้สึกหวาดกลัวให้กับอินกองแต่อย่างใด เข้ารู้ว่าทั้งหมดมาจากม่านพลังที่กรีนวินด์ร่ายปิดกันไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดเข้ามา

 

 อินกองนั่งลงบนเตียงที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ ก่อนจะมองไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่อันเป็นใจกลางของวัด

 

“กรีนวินด์”

 

“เจ้ายังดูเหน็ดเหนื่อยอยู่มาก เก็บไว้พูดคุยในวันรุ่งขึ้นจะไม่เป็นการดีกว่าหรอกรึ?”

 

 สิ้นเสียงเรียก สายลมเบาบางก็พัดโชยรวมตัวเป็นกรีนวินด์นั่งอยู่ด้านข้างอินกอง

 

“ไม่เป็นไร มีบางอย่างที่เราต้องการพูดคุยกับกรีนวินด์”

 

 การนอนเป็นเพียงข้ออ้างที่เขาใช้เพื่อปลีกตัวออกมาจากการสนทนาของเหล่าเซนทอร์เท่านั้น เนื่องจากกรีนวินด์เป็นร่างที่เกิดใหม่จากเศษเสี้ยวของอันเคล อินกองจึงมีเรื่องมากมายที่ต้องการถามนาง

 

 กรีนวินด์จ้องมาที่อินกองก่อนจะพยักหน้าช้าช้า

 

“ข้าเข้าใจ เช่นนั่นก่อนการสนทนาจะเริ่มขึ้น เจ้าช่วยคลายเวทมนตร์ที่ใช้ควบคุมข้าก่อนจะได้ไหม?”

 

 กรีนวินด์ยอมอยู่ในการควบคุมของอินกองเพื่อช่วยเหลือเขาในการศึกที่ผ่านมา และอินกองเข้าใจเหตุผลนี้ดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สามารถนำนางออกจากที่ราบอินคาแห่งนี้เพื่อร่วมเดินทางกับเขาได้

 

“เข้าใจแล้ว รอสักครู่ อืม… เอ๋?”

 

“เกิดอะไรหรือนายท่านชั่วคราว? ดูสายตาเจ้าสับสนในบางสิ่ง”

 

 นางสังเกตเห็นความผิดปกติของอินกอง

 

 จริงที่ว่าอินกองได้เข้าควบคุมกรีนวินด์ เขาใช้พลังแห่งอาณัติเข้าปกครองบัญชา เหมือนที่เคยใช้กับทั่งวัชรกร พสุธากัมปนาท และเศษแก่นมังกรของอันเคล ยิ่งกรีนวินด์ยินยอมรับการควบคุมแล้ว ทำให้ทั้งหมดทำได้โดยง่าย

 

 ทว่ากลับมีปัญหาบางอย่าง

 

“เอ่อ การควบคุมนี่ เราจะยกเลิกมันยังไงรึ?”

 

 กรีนวินด์กระพริบตาอย่างงุนงนให้กับคำถามของอินกอง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าจ้องเขม็งมาที่เขา

 

&

 

“ข้ารับเจ้าเป็นนายท่านเพียงชั่วคราวเท่านั่น มิใช่เจ้านายถาวร! หาวิธีคลายการควบคุมซะ!”