บทที่ 9 จากนี้ไป คุณไม่สมควรเรียกชื่อนี้

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 9 จากนี้ไป คุณไม่สมควรเรียกชื่อนี้

บทที่ 9 จากนี้ไป คุณไม่สมควรเรียกชื่อนี้

“เพราะเรื่องลูกเหรอ”

เฉินเฉินหลบสายตาเธอและพูดว่า “เด็กเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราไม่เหมาะสมกัน”

“ใจคุณเปลี่ยนไปแล้ว คุณจะพูดอะไรก็ได้ ”

เฉินเฉินรู้ว่าเขาผิด “คุณรู้ทรัพย์สินทั้งหมดในครอบครัวของเรา แต่คุณไม่รู้วิธีบริหารบริษัท ได้บริษัทไปก็ไร้ประโยชน์ บ้านในเมืองเป็นของคุณ นี่คือค่าตอบแทนของผมที่จะให้คุณ”

บริษัทของเล่นทำเงินไม่มากในช่วงแรก แต่สองปีมานี้มันสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น บ้านที่มีค่าที่สุดในตระกูลคือบ้านราคาห้าล้านในเขตเมือง

ซูโย่วอี๋พูดเบา ๆ ว่า “คุณคงต้องทะเลาะกับแม่ของคุณแน่”

แม่ของเขาจะเห็นด้วยกับการแบ่งทรัพย์สินเช่นนี้ได้อย่างไร?

เฉินเฉินพยักหน้า “ไม่ใช่ภาระของคุณ”

ซูโย่วอี๋ยิ้มทันทีและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยการประชดประชัน “ภาระเหรอ ทำไมฉันต้องเป็นภาระด้วย ฉันสงสารคุณต่างหาก เพราะคุณนอกใจฉัน และเป็นเพราะฉันเห็นใจต่างหากที่ไม่ให้คุณสละทรัพย์สินทั้งหมด”

“คุณคงภูมิใจมากสินะ ถ้าทุกคนในบริษัทรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายแบบนี้น่ะ”

ใบหน้าของเฉินเฉินเปลี่ยนไป “อย่ามาพูดไร้สาระ โกงงั้นเหรอ คุณมีหลักฐานไหม ตรงกันข้าม ผมสามารถปลอมแปลงเส้นทางการเงินและโอนทรัพย์สินทั้งหมดมาไว้ที่ผมได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะไม่ได้เงินสักหยวน และต้องแบกรับหนี้สินจำนวนมาก”

หัวใจของซูโย่วอี๋เจ็บปวดมาก ชายตรงหน้าคือคนที่เธอเคยรักจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ

ชายหนุ่มตัวใหญ่ที่อบอุ่น คิ้วหนา และตาโต ของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว

แปะ แปะ แปะ

ซูหยินในชุดราตรีของเธอยืนปรบมืออยู่ไม่ไกล

ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจ ซูหยินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

ไม่มีทั้งผู้จัดการและผู้ช่วย พอซูหยินได้รับโทรศัพท์แล้ววิ่งออกมาทันที

ใบหน้าของซูโย่วอี๋ เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ซูหยินมองเธออย่างอ่อนโยน และเดินเขามาหาทั้งสองคน “ที่รัก ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนเธอดูอ้วนขึ้นมากเลย”

เฉินเฉินรู้จักดาราดังคนนี้ดี “นี่คือเรื่องระหว่างเรา ไม่ใช่เรื่องของคุณที่จะเข้ามายุ่ง”

ซูหยินอุทาน “โอ๊ะ” จากนั้นเธอก็พูดว่า “คุณบอกฉันว่าฉันไม่ควรเข้ามายุ่งอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น คุณเฉิน…ฉันมีอะไรจะให้คุณดู”

ซูหยินโบกมือ จากนั้นชายที่สวมหน้ากากก็เดินมาข้างหน้าและวางโน้ตบุ๊กบนโต๊ะ

“ที่รัก เปิดมันสิ”

มีเพียงโฟลเดอร์เดียวบนหน้าจอหลักของโน้ตบุ๊ก ซูโย่วอี๋เปิดมันขึ้น ข้างในโฟลเดอร์ประกอบด้วยวิดีโอหลายรายการและภาพถ่ายหลายร้อยภาพ

เธอคลิกที่วิดีโอตามต้องการ แล้วภาพของชายหญิงจูบกันอย่างดูดดื่มในรถก็ปรากฏขึ้น ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนเห็นชุดชั้นในของฝ่ายหญิง

ซูโย่วอี๋ตาเบิกกว้าง

เฉินเฉินรีบปิดโน้ตบุ๊กทันทีและมองไปที่ซูหยินอย่างโกรธเกรี้ยว “คุณกำลังแบล็กเมลผมงั้นเหรอ?”

ซูหยินจะยอมรับได้อย่างไร “ประธานเฉิน ฉันไม่กล้าทำเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ มันผิดกฎหมายนะ ฉันก็เป็นแค่ประชาชนที่มีจิตใจดีที่ไม่ชอบใจในสิ่งที่คุณทำ เมื่อได้ยินคุณขู่น้องสาวของฉัน ฉันก็ต้องออกมาทวงความยุติธรรมให้เธอ”

“ความดีมีรางวัลในตัวมันเอง ถ้าคุณต้องการกลั่นแกล้งน้องสาวของฉัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าฉันจะยอมหรือเปล่า”

ตั้งแต่วิดีโอถูกกดให้เล่น ซูโย่วอี๋ก็ดูเหมือนคนสติหลุด และไม่พูดอะไรสักคำ

วิดีโอนี้ถูกถ่ายเมื่อสองวันที่แล้ว กล่าวคือ เฉินเฉินแสร้งทำเป็นร้องไห้อย่างขมขื่นต่อหน้าเธอ คุกเข่าลงและร้องขอการให้อภัย จากนั้นก็หันหลังกลับโผเข้าสู่อ้อมแขนของเหอมี่มี่

คนทั้งสองปลดปล่อยตัณหากันในรถ แต่เธอยังคงรอให้เฉินเฉินจัดการกับทุกสิ่งและกลับมาเป็นครอบครัวของเธอดังเดิม

ความเจ็บปวดและความลังเลของเธอเป็นเรื่องตลก

รสขมในกาแฟ และเพลงภาษาอังกฤษที่ผ่อนคลายดังคลอเบา ๆ

ซูโย่วอี๋หายใจเข้าลึก ๆ “คุณลองเรียกชื่อฉันอีกครั้งหน่อย”

เฉินเฉินมีความสงสัยและลังเล ซูโย่วอี๋หัวเราะเยาะให้กับตัวเอง เธอก้มศีรษะลงและเขียนอักษรน่าเกลียดสามตัวบนข้อตกลงการหย่าร้าง หลังจากเซ็นเสร็จ เธอมองไปที่เฉินเฉินอย่างเย็นชาและว่างเปล่าพร้อมพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าเวลา 8.30 น. ฉันจะรอคุณที่หน้าประตูสำนักงานกิจการพลเรือน ได้โปรดอย่ามาสาย”

“โย่วอี๋…”

ซูโย่วอี๋ยืนขึ้นและพูดว่า “คุณเฉิน โปรดจำไว้ว่าจากนี้ไป คุณไม่คู่ควรที่จะเรียกชื่อนี้”

[รางวัลภารกิจ: ขอแสดงความยินดีกับซู่จู่ที่ทำภารกิจ ‘หย่าร้าง’ สำเร็จ และให้รางวัลเป็นผงเลิศรสหนึ่งขวด]

ซูโย่วอี๋เกือบทรุดล้มลงกับพื้น บ้าอะไรกัน เธอได้รับขวดผงอาหารหลังจากตัดสินใจเรื่องยาก ๆ ในชีวิตเนี่ยนะ?

ซูหยินโบกมือให้ต้าซุยเพื่อเก็บโน้ตบุ๊ก ส่วนเฉินเฉินก็มองไปที่ซูหยิน “สาแก่ใจแล้วใช่ไหม อย่าทำอะไรแบบนี้อีกในอนาคต ไม่งั้นฉันจะทำลายชื่อเสียงของคุณแน่”

เฉินเฉินเข้าไปดึงซูโย่วอี๋ “ส่งหลักฐานมาให้ฉัน”

ซูโย่วอี๋จับมือของเฉินเฉินออก แล้วตบเขาอย่างแรงสองครั้ง

ใบหน้าของเฉินเฉินที่โดนตบก็กลายเป็นสีแดงและบวมขึ้น เขามองไปที่ซูโย่วอี๋ด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“ทำไมคุณเฉิน คุณคงลืมไปว่าถ้าฉันไม่ชอบคุณ ฉันก็มักจะเย่อหยิ่งและไร้ความปรานีอยู่เสมอ”

หลังจากออกจากร้านกาแฟ ซูหยินก็กอดโย่วอี๋เป็นการใหญ่ “ที่รัก เธอโสดแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย”

ซูโย่วอี๋บีบหน้าซูหยินด้วยมืออ้วน ๆ ของเธอ “ขอบคุณนะ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงแสร้งทำเป็นแสดงความรักต่อหน้าฉันต่อไปแน่”

ซูหยินมีความสุขกับน้องสาวของเธอจริง ๆ และตะโกนว่าไม่เมาไม่เลิก แต่การโทรต่อเนื่องรัว ๆ ของผู้ช่วยทำให้ซูหยินต้องคืนเสื้อผ้าแบรนด์ดังมูลค่าสองล้านหยวนไปที่สถานที่ถ่ายทำ

สิ่งแรกที่ซูโย่วอี๋ทำเมื่อเธอกลับบ้านคือค้นหาบัตรประจำตัวของเธอ รูปในบัตรประชาชนนั้นถ่ายตอนอายุ 18 ปี และหญิงสาวที่อยู่ในนั้นก็สวยมาก

ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ซูโย่วอี๋แต่งตัวและไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนโดยไม่ลังเลเพื่อรับใบหย่า และมอบหมายให้ทนายความมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการทรัพย์สิน

เธอไม่ต้องการเห็นผู้ชายสารเลวที่น่าขยะแขยงคนนี้อีก ดังนั้นเธอจึงเก็บอารมณ์นั้นเอาไว้และไปที่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์

เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดโดยไม่คาดคิด

การสัมภาษณ์เริ่มเวลา 10.00 น. และขณะนี้เป็นเวลา 9.50 น. ซูโย่วอี๋รีบหันกลับมา “คุณลุง ฉันมาสัมภาษณ์การคัดเลือกศิลปินจริง ๆ ค่ะ”

คุณลุงในเครื่องแบบมองตรงมาและพูดว่า “คุณครับ กรุณาอย่ามารบกวนงานของเราเลย ถ้าคุณไม่สามารถแสดงข้อความเชิญสัมภาษณ์ที่บริษัทของเราส่งไปได้ ก็กรุณาออกไปด้วยครับ”

ใบหน้าที่บวมแดงของซูโย่วอี๋มีรอยย่นบนใบหน้า เธอไม่ได้รับข้อความ ไม่มีใครรับโทรศัพท์เมื่อเธอโทรหาซูหยิน เธอพลาดเรื่องนี้ไป แต่ภารกิจของเธอจะไม่ล้มเหลวแค่นี้

คุณลุงเห็นว่าซูโย่วอี๋พูดกับเขาอย่างสุภาพเขาจึงพูดกับเธอว่า “สาวน้อย ลุงแนะนำให้เธอกลับบ้านและเรียนหนังสืออย่างสบายใจดีกว่า เธอไม่เหมาะที่จะเป็นศิลปินหรอก”

ซูโย่วอี๋หัวเราะหรือร้องไห้ไม่ออก เธอควรจะขอบคุณคุณลุงที่เรียกเธอว่าสาวน้อย หรือเธอควรจะโกรธที่เขาบอกว่าเธอหน้าตาไม่ดี

ในช่วงเวลาแห่งความจนมุม ชายหนุ่มที่มีผ้าพันคอสีแดงก็เดินเข้ามาและพูดว่า “คุณคือซูโย่วอี๋ ใช่ไหมครับ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวทักทายไซมอนอย่างสุภาพ “การสัมภาษณ์กำลังจะเริ่มไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่”

ไซมอนหยุดและมองไปที่ซูโย่วอี๋ “คุณซู ผมขอโทษจริง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ของเราลืมส่งข้อความถึงคุณเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของพวกเขา โปรดตามผมมาครับ”

ไซมอนกำลังตัดสินคนตรงหน้าเขาในใจ แม้ว่าเธอจะอ้วนไปหน่อย แต่ใบหน้าของเธอก็ยังสวยงามมาก

คุณลุงรักษาความปลอดภัยแปลกใจ สาวอ้วนคนนี้มาสัมภาษณ์จริง ๆ งั้นเหรอ

ซูโย่วอี๋เดินตามไซม่อนและขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 11

“คุณซู ผมชื่อไซมอนและผมเป็นผู้สัมภาษณ์การคัดเลือกศิลปินในครั้งนี้”

เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นผู้สัมภาษณ์ ซูโย่วอี๋ก็มองไปที่อีกฝ่ายนและพูดว่า “ขอบคุณนะคะที่ลงมารับฉัน”