บทที่ 8 การแสดงที่ดี

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 8 การแสดงที่ดี

บทที่ 8 การแสดงที่ดี

เมื่อซูโย่วอี๋เปิดประตู ก็เห็นเหอมี่มี่ยืนกอดอกอยู่ข้างนอก แต่คราวนี้เธอมาคนเดียว

“มีอะไร?”

ซูโย่วอี๋ไม่มีความตั้งใจที่จะเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามานั่งด้านใน

ตอนนี้ในดวงตาของเหอมี่มี่ไม่เหลือเค้าของความอ่อนแออยู่แม้แต่น้อย หากแต่มันกลับแทนที่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม “อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเฉินเฉินกำลังสับสนเลือกไม่ถูกระหว่างฉันกับผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่พอได้เห็นคุณ…”

“พูดตามตรงนะ ฉันคิดว่าเขาตาบอดแล้วล่ะ”

ผู้หญิงที่น่าเกลียดและอ้วนเช่นนี้สมควรที่จะมาแข่งขันกับเธองั้นเหรอ?

เฉินเฉินยังสติดีหรือเปล่า?

ซูโย่วอี๋มองอย่างเย็นชา “ฉันประเมินคุณต่ำไปจริง ๆ คุณแสดงได้เก่งนี่”

เหอมี่มี่ยิ้มอย่างใจเย็น “ขอบคุณที่ชม”

“อันที่จริง เป็นฉันเอง ที่จงใจใส่ถุงยางไว้ให้คุณหาเจอ เพราะวันที่เฉินเฉินกลับมา เราก็ใช้ถุงยางไปหลายถุงแล้ว”

“เขาบอกว่าเขาอดกลั้นมันมานานเกินไป”

ด้วยการประชดประชันและอวดเก่ง

“ฉันรู้ว่าเฉินเฉินแต่งงานแล้ว แต่มันสำคัญอะไรล่ะ สิ่งที่สนุกที่สุดคือการแย่งชิงสิ่งของของคนอื่นมา คุณว่างั้นไหม?”

เธอจ้องไปที่ใบหน้าของซูโย่วอี๋ เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเขินอาย แต่ซูโย่วอี๋กลับไม่ตอบสนองต่อคำพูดเหล่านี้ เธอเพียงยิ้มตอบคำพูดเหล่านั้น

“เฉินเฉินไม่หย่ากับฉัน คุณตกใจไหมล่ะ”

“ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเฉินเมื่อเขาเห็นใบหน้าของฉัน”

“อย่าลืมสิ ที่เขาชอบคือคุณหน้าตาคล้ายฉัน…”

“คล้ายเหรอ”

“เขาเรียกชื่อฉันตอนที่เขากำลังมีความสุขหรือเปล่าล่ะ”

ใบหน้าของเหอมี่มี่บูดเบี้ยวจนดูไม่ได้ในทันที จากนั้นเธอยกมือขึ้นและเตรียมจจะตบ

แต่ซูโย่วอี๋คว้าคอของเธอไว้และพูดว่า “ดูท่าทางของคุณสิ อย่างนี้ก็แสดงว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงสินะ”

“จำไว้ อย่ามาอวดดีต่อหน้าฉัน รักษาชีวิตน้อย ๆ ของคุณไว้ดีกว่า ไม่งั้นคุณจะจินตนาการวิธีตายของคุณไม่ออกเลยล่ะ”

จากนั้นเธอผลักเหอมี่มี่ลงกับพื้นอย่างชำนาญ และปิดประตูอย่างไร้เยื่อใย

น้ำตาแห่งความโกรธของเหอมี่มี่เอ่อล้นที่ดวงตา ปนเประหว่างความโกรธ ความเจ็บปวดและความอับอาย

เธอมองไปที่ประตูอย่างโมโห ไม่ช้าก็เร็ว เฉินเฉินต้องเป็นของฉัน เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครต้องการ!

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและร้องไห้ให้ปลายสายฟัง “พ่อคะ บริษัทฝึกงานกดดันหนูมากเกินไป”

ที่อีกฝั่งของโทรศัพท์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวตัวน้อยถูกรังแก

[เกิดอะไรขึ้น]

เหอมี่มี่ตบฝุ่นบนร่างกายของเธอ “บริษัทผลิตของเล่นที่หนูฝึกงานอยู่ พวกเขากำลังเร่งคำสั่งซื้อของเล่นเป็นจำนวนมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ และก็เป็นโรงงานของลุงหลี่ที่กำลังผลิตของเล่นเหล่านี้”

พ่อของเธอเป็นคนมีเหตุผล “ตอนนี้ลุงหลี่ของลูกทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว ลูกอย่าทำให้เขาต้องลำบากใจ และทำตัวเป็นเด็ก”

“พ่อคะ มีคนรังแกหนูจริง ๆ หนูไม่ปล่อยให้ลุงหลี่ผิดสัญญาแน่นอน หนูแค่อยากให้ลุงหลี่โทรไปขู่พวกเขาว่าจะทำงานไม่เสร็จตามกำหนด เมื่อบริษัทต้องเสียหายมหาศาล หนูจะแสร้งทำเป็นใช้ความสัมพันธ์ของหนูแก้ปัญหาในเรื่องนี้”

คุณเหอไม่เข้าใจ “ทำไมต้องถึงทำถึงขนาดนั้นด้วย”

เหอมี่มี่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “คนในบริษัทจะได้รู้ว่าหนูไม่ใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ คุณพ่อต้องช่วยหนูนะคะ ถ้าพ่อไม่ให้สัญญาหนูจะโทรหาคุณแม่”

คุณเหอทำได้เพียงให้สัญญาเท่านั้น

เหอมี่มี่วางสาย ก่อนจะอารมณ์ดีขึ้น คุณนายเฉินรบกวนความคิดของเฉินเฉินก่อน จากนั้นบริษัทก็ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เฉินเฉิน คุณจะอดทนได้นานแค่ไหน?

ผู้ชายที่เธอต้องการ ไม่มีคำว่าไม่ได้

ทุกวันนี้ความกดอากาศของบริษัทเฉินอี้ต่ำมาก เฉินเฉินผู้ไม่เคยสูบบุหรี่ก็กลายเป็นคนติดบุหรี่และมักจะนั่งทำงานอยู่คนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ

เฉินเฉินไม่เชื่อว่าซูโย่วอี๋จะทำกับแม่ของเขาถึงขนาดนั้น แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะโทรหาแม่ทุกวัน ซึ่งเธอก็บ่นเกี่ยวกับซูโย่วอี๋ให้เขาฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทุกอย่างก็ดูจะเป็นปกติ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาเครียดมากในตอนนี้คือผู้ผลิตไม่สามารถส่งสินค้าได้ทัน เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้การผลิตเป็นไปอย่างราบรื่น แต่แล้วจู่ ๆ ฝ่ายผลิตก็โทรมาบอกว่าไม่สามารถส่งสินค้าตามกำหนดได้

“คุณเฉินขออภัย เราไม่สามารถรับมือกับการขาดแคลนวัตถุดิบได้”

“เจ้านายของเราบอกว่าถ้าคุณต้องการสินค้า คุณควรจ่ายเงินเพิ่มตามสัญญา”

เฉินเฉินไปที่โรงงานทุกวันและได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพจากอีกฝ่าย แต่พวกเขาก็ยังคงยืนกรานว่าไม่สามารถส่งสินค้าตามกำหนดเวลาได้

ในเวลานี้ เขาพบว่าบริษัทกำลังเผชิญกับความเสียหายที่ต้องชำระเงินให้กับผู้ผลิตหลายสิบเท่า เฉินเฉินไล่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ออกทันที ความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? แต่เขาลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองเป็นคนเซ็นสัญญา

เมื่อเหอมี่มี่เปิดประตูห้องทำงาน เธอเห็นเฉินเฉินอยู่ท่ามกลางกลุ่มควัน

กลิ่นควันบุหรี่แรงมาก ทำให้เธอขมวดคิ้วและบังคับตัวเองให้เข้าไปและถามอย่างใสซื่อว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

เฉินเฉินดับบุหรี่อย่างไม่รู้ตัว ตามจริง เขากับโย่วอี๋ตกลงกันแล้ว ว่าเขาจะไม่ไปพบกับเหอมี่มี่อีก แต่เฉินเฉินมั่นใจว่าเขาจะไม่ถูกจับได้ จึงไม่มีความละอายใด ๆ ทั้งนั้น

ในความคิดของเขา เหอมี่มี่เป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย

เขากอดเหอมี่มี่ไว้ในอ้อมแขน และสัมผัสผมที่ยาวสลวยของเธอ

“เรื่องพวกนี้เป็นความกังวลของผู้ชาย คุณไม่ต้องสนใจหรอก”

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอ เฉินเฉินอดไม่ได้ที่จะจูบเธอ

ในที่สุดปัญหาของการจัดส่งก็ได้รับการแก้ไข

คุณนายเฉินไปเยี่ยมสำนักงานของเฉินเฉินทุก ๆ สองวันและพูดกับเขามากมายว่า “มี่มี่ได้ยินว่ามีปัญหาในบริษัท และขอให้พ่อของเธอไปหาหัวหน้าของผู้ผลิตโรงงาน และทางโรงงานรับรองว่าจะส่งสินค้าให้ตรงเวลา”

“เด็กโง่คนนั้นรู้ว่าแกกับซูโย่วอี๋กำลังทะเลาะกัน แต่เธอมาบอกฉันว่าไม่ต้องการกดดันแกด้วยเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้ฉันมาบอกแก”

“แม่บอกแกได้เลยว่ามีผู้หญิงแบบมี่มี่มีไม่กี่คนหรอกนะ ที่มีทั้งครอบครัวที่ดี และไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน หาได้ยากนะ ผู้หญิงที่ไม่รังเกียจที่คนที่แต่งงานแล้วถ้าแกปล่อยเธอไปมันน่าเสียดายมาก”

“ซูโย่วอี๋ สำคัญแค่ไหนเมื่อเทียบกับอาชีพของแก”

ในวันสัมภาษณ์ ซูโย่วอี๋รู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก

เธอกับระบบเข้ากันได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ สุนัขจิ้งจอกมักจะกลายร่างและเรียนรู้ที่จะนอนบนโซฟา หรือดูทีวีเหมือนซู่จู่ [ร้องและเต้น ฉันไม่เข้าใจมนุษย์อย่างพวกคุณเลย แต่อย่ารบกวนฉันดูโทรทัศน์ก็พอ]

ซูโย่วอี๋กลอกตาและเดินไปอย่างโกรธ ๆ จากนั้นดึงขนสุนัขจิ้งจอกออกมาเพื่อระบายความโกรธของเธอ

แล้วเฉินเฉินก็โทรมา

[โย่วอี๋ ผมอยู่ที่ร้านกาแฟชั้นล่าง เจอกันนะ]

ซูโย่วอี๋เห็นด้วย และสุนัขจิ้งจอกเองก็สนใจเช่นกัน การดูโทรทัศน์ไม่น่าตื่นเต้นเท่าเรื่องนี้ และถามซูโย่วอี๋ว่า “เขาขออะไรคุณ”

ซูโย่วอี๋ไม่สนใจ เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปข้างล่างทันที เธอจินตนาการปฏิกิริยาของเฉินเฉิน เขาจะอ้อนวอนขอการให้อภัยอีกครั้งหรือว่าเขาจัดการกับเหอมี่มี่แล้ว?

ในทางกลับกัน ซูหยินเพิ่งถ่ายทำเสร็จ ได้รับรายงานว่า “พี่สาว ผู้ชายที่คุณให้ฉันจับตาดูตอนนี้กำลังขอหย่ากับน้องสาวของคุณ”

ดวงตาของซูหยินฉายแววเย็นชาและพูดว่า “ส่งที่อยู่มา เอาหลักฐานมาด้วยและรอฉันอยู่ที่นั่น”

ซูหยินสวมหมวกของเธอและขับรถออกไปโดยไม่สนใจจะล้างเครื่องสำอาง ปล่อยให้ผู้ช่วยที่กำลังสับสนอธิบายให้กับทางแบรนด์ฟัง

มีคนไม่มากนักในร้านกาแฟและมีคนสองคนที่นั่งตรงข้ามกันบริเวณหน้าต่าง ทั้งสองดูห่างเหินกันมาก

เฉินเฉินหยิบเอกสารหลายฉบับออกมาจากกระเป๋าเอกสารและวางไว้บนโต๊ะ “เรา…หย่ากันเถอะ”

ซูโย่วอี๋จ้องที่เฉินเฉิน โดยไม่ได้ดูข้อตกลงการหย่าร้างและข้อตกลงการแบ่งทรัพย์สินบนโต๊ะ