ผลั้วะ!!
 

“อุ๊ก—!!?”

 

ทันทีที่อิซานางิพูดจบเธอก็พุ่งหมัดเข้าใส่หน้าท้องของเซซิลเข้าเต็มแรง จนทำให้เซซิลที่รับหมัดของอีกฝ่ายเข้าไปแทบจะสำลักออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังต้องฝืนตัวเองเพื่อออกแรงยันดาบขนาดยักษ์ของอีกฝ่ายที่กดลงมาจากด้านบนเอาไว้

 

และเมื่ออิซานางิเห็นว่าเซซิลยังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอก็ได้ใส่พลังวิซลงไปในแขนกลมากขึ้นจนมันออกแรงกดดาบขนาดยักษ์เข้าใส่ดาบคาตานะของอีกฝ่ายขึ้นมากกว่าเดิม และนั่นก็ทำให้ร่างของเซซิลหงายไปด้านหลังจนดูเหมือนว่าเธอจะหงายหลังล้มลงไปอยู่แล้ว

 

แต่ถึงอย่างนั้นเซซิลก็ยังสามารถเค้นพลังของเธอยันดาบยักษ์ของอิซานางิเอาไว้ได้โดยไม่หงายหลังล้มลงไป จนทำให้อิซานางิที่เห็นเช่นนั้นแสยะยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย

 

“ดูเหมือนว่าจะทนกว่าที่คิดนะเนี่ย~ ตอนแรกว่ากะจะทำให้สลบแล้วพากลับไปเลยซะหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็ขอดูหน่อยละกันว่าลูกศิษย์คนโปรดของหมอนั่นจะทนได้สักเท่าไหร่กันน่ะ~”

 

ผลัก!!

 

“อั๊ก!?”

 

ทันทีที่อิซานางิพูดเสร็จเธอก็ได้เหวี่ยงกำปั้นซ้ำลงไปที่จุดเดิมอย่างรุนแรงจนทำให้เซซิลถึงกับเข่าทรุดลงไปข้างหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงกัดฟันออกแรงต้านดาบยักษ์ของอิซานางิเอาไว้ได้อยู่ดี

 

และนั่นก็ทำให้อิซานางิเผยสีหน้าดุร้ายออกมาชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะสะบัดเท้าเตะใส่หน้าท้องของเซซิลที่แทบจะหงายหลังอยู่แล้วเต็มแรงในทันที

 

ปั๊ก!!

 

“อุ๊—!”

 

ทางด้านเซซิลที่ถูกต่อยเข้าไปถึงสองครั้งและยังตามมาด้วยลูกเตะอีกทีหนึ่งก็กดฟันทนเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปจนทำให้ตัวของเธอที่เสียสมดุลอยู่แล้วหงายหลังลงไปกับพื้นเข้าจริงๆ และเมื่อเซซิลหงายหลังล้มลงไปแบบนั้นแล้ว ดาบขนาดยักษ์ของอีกฝ่ายที่ไม่มีอะไรออกแรงต้านมันเอาไว้อีกต่อไปก็ได้พุ่งเข้าใส่บริเวณใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว

 

ปึ๊งงง!! ปึ๊ก!

 

ถึงแม้ว่าเซซิลจะสามารถเบี่ยงใบหน้าของเธอหลบดาบยักษ์นั่นได้ แต่ว่าเธอกลับไม่ไวพอที่จะกลิ้งหลบฝ่าเท้าของอิซานางิที่พุ่งตามมาเหยียบหน้าท้องของเธอเอาไว้ได้

 

“ฮะฮะฮะ!! อ่อนแอ!! อ่อนแอแบบนี้ยังมีหน้ามีเรียกตัวเองว่าเป็นนักรบอีกหรอหะ!!?”

 

ผลั๊ก! ผลั๊ก! ผลั๊ก!!!

 

ซึ่งอิซานางิที่เห็นว่าอีกฝ่ายได้ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าสมเพชสมใจเธอแล้วก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจพร้อมกับออกแรงกระทืบลงไปยังจุดเดิมซ้ำๆ และยังรุนแรงขึ้นทุกทีอีกด้วยราวกับว่าเธอกำลังสนุกสนานกับการทรมาณอีกฝ่ายอยู่

 

ผลั๊ก!! ผลั๊ก!! ผลั๊ก!!!

 

เมื่อเวลาผ่านไปสักพักจนอิซานางิได้สนุกสนานจนพอใจแล้ว เธอจึงได้หยุดเท้าลงและคิดที่จะหันกลับไปเรียกพวกทหารชุดดำให้เข้ามาลากตัวเซซิลไปกับเธอ

 

แต่แล้วเธอก็ได้เหลือบไปเห็นสายตาที่ยังคงแข็งกร้าวของเซซิลเข้าซะก่อน และนั่นก็ทำให้เธอเผยสีหน้าดุร้ายออกมาอีกครั้งก่อนที่จะกัดฟันพูดพร้อมเหวี่ยงขาเตะไปยังสีข้างของเซซิลเต็มแรงจนทำให้อีกฝ่ายลอยกระเด็นออกไปไกล

 

“…ถ้าไม่ได้เป็นเพราะแกล่ะก็!”

 

ผล๊วะ!!!

 

“อึ๊ก…”

 

“เฮ้ย!!”

 

ฟุ๊บ! ฉึก!!

 

ในจังหวะที่อิซานางิกำลังจะเดินตามไปกระทืบเซซิลซ้ำอีกรอบนั้นเอง เสียงตะโกนของนากาก็ได้ดังขึ้นมาจากด้านข้าง พร้อมๆ กับที่มีดาบเปื้อนเลือดเล่มหนึ่งพุ่งมาปักขวางระหว่างเธอกับเซซิลเอาไว้

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้อิซานางิต้องรีบกระโดดถอยออกห่างจากร่างของเซซิลพลางหันไปมองดูผู้ที่เข้ามาขัดขวางเธออย่างไม่สบอารมณ์ เป็นโอกาสให้นากาได้รีบวิ่งเข้าไปดึงดาบของตนขึ้นมาและหันไปพยุงเซซิลขึ้นมานั่งเพื่อสอบถามอาการของเธอ

 

“แค่ก! แค่ก!”

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าเซซิล!?”

 

“…กลับไปซะ! …เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!”

 

ถึงแม้ว่าจะได้ยินนากาเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง แต่ว่าเซซิลก็ได้ปัดมือของเขาที่ช่วยพยุงเธอเอาไว้ออก พลางปักดาบคาตานะของตนลงกับพื้นเพื่อใช้เป็นหลักในการพยุงตัวเองขึ้นมายืน

 

“ชิ…ชาวบ้านของรีมินัสงั้นสินะ… สงสัยจะเสียเวลามากไปหน่อยแฮะ…”

 

ส่วนทางด้านอิซานางิที่กระโดดถอยกลับไปนั้นก็เดาะลิ้นพูดกับตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่นั้นไม่ใช่ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงกลุ่มเดิม อีกทั้งยังไม่ใช่อัศวินหรือว่าทหารของเมืองรีมินัสซะด้วยซ้ำ

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเปลี่ยนไปทำสีหน้าอารมณ์ดีอีกครั้งและหันไปเอ่ยปากไล่นากาที่เธอคิดว่าเขาเป็นพลเมืองของรีมินัสให้ไปให้พ้นจากที่นี่ซะ

 

“หึ ก็อย่างที่ยัยนั่นพูดนั่นแหละ ถ้านายยังรักชีวิตอยู่ก็รีบๆ ไสหัวไปได้แล้ว ถ้าเกิดนายยอมไปดีๆ ตั้งแต่ตอนนี้ นอกจากฉันจะไว้ชีวิตนายแล้วจะสัญญาว่าจะไม่ซ้อมยัยนั่นจนเละเกินไปด้วยเลยเอ้า~”

 

แต่ว่าคำพูดของเธอนั้นก็ไม่ทำให้นากาขยับตัวหลบไปเลยแม้แต่น้อย และเขาก็ยังยกดาบของตนขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้อีกด้วย บ่งบอกว่าเขาไม่มีความคิดที่จะทำตามข้อเสนอของอิซานางิหรือว่าคำสั่งของเซซิลเลยแม้แต่น้อย

 

“ฉันจะไม่ทิ้งเพื่อนไปไหนทั้งนั้น!! เพราะงั้นถ้าเกิดเธอคิดจะทำอะไรเพื่อนของฉันละก็ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ!!”

 

“….!?”

 

ซึ่งพูดที่หนักแน่นของนากานั้นทำให้เซซิลได้แต่มองเขาอย่างสับสนว่าทำไมเขาถึงกับยอมเสี่ยงตัวเองสู้กับคนที่ดูแล้วท่าทางจะเก่งกาจกว่าอย่างฝ่ายตรงข้ามเพื่อช่วยเหลือเธอที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้ากันแบบนี้

 

“ถ้างั้นก็เข้ามา! ถือว่าฉันให้โอกาสแกแล้วนะ!”

 

ในขณะที่อิซานางิที่ถูกนากาบอกปัดข้อเสนอทิ้งแบบไร้เยื่อใยนั้นก็ขมวดคิ้วมองเขา ก่อนที่จะร้องตะโกนออกมาพร้อมกับควบคุมแขนกลของเธอให้คว้าดาบขนาดยักษ์นั่นขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ไม่บอกก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้วแหล่ะหน่า!!”

 

ทันทีที่นากาพูดจบเขาก็พุ่งตัวเข้าไปฟันดาบเปื้อนเลือดของตนเข้าใส่อิซานางิในแนวขวางทันที

 

แต่ว่าอิซานางิก็ทำเพียงแค่เหลือบตามองดูวิธีดาบของนากาและใช้แขนกลของเธอลากดาบยักษ์ที่ปักอยู่กับพื้นให้มาขวางดาบของนากาโดยไม่จำเป็นต้องปล่อยมือของตนที่กอดอกอยู่ออกเลยซะด้วยซ้ำ

 

ครืดดดด—เคล๊ง!

 

นากาที่ถูกอีกฝ่ายรับอาวุธไว้ได้นั้นก็พลิกดาบของตนให้ไถลไปตามคมดาบของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะใช้ฝ่ามือกระแทกไปบนใบดาบเปื้อนเลือดเพื่อพลิกตัวไปยังอีกฝั่งหนึ่งของอิซานางิที่ไร้ซึ่งอาวุธป้องกันพร้อมกับหมุนตัวสร้างแรงเหวี่ยงเพื่อฟาดดาบเข้าใส่เธอจากทางด้านนั้นแทน

 

“ช้าน่า!!”

 

ทันใดนั้นเองอิซานางิก็ยกมือขวาของเธอขึ้นมาขวางดาบของนากาเอาไว้ พร้อมกับใช้วิซของเธอสร้างเกราะลมที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นมาเบื้องหน้าของฝ่ามือนั้น

 

“ไอนี่มั—!?”

 

ฉับ—ซู่มมมม!!

 

ถึงแม้ว่านากาจะสังเกตเห็นมันได้ก่อนแต่ว่าเขาก็หยุดดาบของตัวเองเอาไว้ได้ไม่ทัน ทำให้เกราะลมอันนั้นระเบิดมวลอากาศออกมาอย่างรุนแรงในจังหวะที่ดาบของเขาสัมผัสกับมันเข้า

 

ซึ่งนากาก็รีบตัดสินใจที่จะปล่อยมือออกจากดาบของตัวเองก่อนจะย่อตัวลงเพื่อลดร่างกายส่วนที่จะปะทะกับมวลอากาศนั้นให้เหลือน้อยที่สุดพร้อมกับฉวยโอกาสพุ่งลูกถีบเข้าใส่ยอดอกของอิซานางิได้อย่างจังๆ ทีหนึ่ง

 

ผลั๊ก!!

 

“อึ๊ก— แก!!”

 

ปึ๊ก—ครืดดดดดดด!

 

อิซานางิที่ถูกชาวบ้านไร้ชื่อเสียงเรียงนามแบบนากาเล่นงานเข้าแบบคาดไม่ถึงนั้นได้เผยสีหน้าโกรธแค้นออกมา

 

แต่แล้วเมื่อเธอเห็นว่านากาได้ทำอาวุธของเขาหลุดมือปลิวกระเด็นไปไกลในจังหวะเมื่อสักครู่แล้วสีหน้าของเธอก็กลับมาเป็นย่ามใจอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับพุ่งเข้าใส่นากาพลางพูดจาเยาะเย้ยเขาไปด้วย

 

“เจ้าโง่เอ๊ย นักดาบที่ไหนเขาปล่อยให้อาวุธของตัวเองหลุดมือแบบนั้นกันหะ ทีนี้ก็เต้นหลบให้มันสวยๆ ล่ะ!!”

 

“ถ้าคิดว่าจะฟันโดนก็เข้ามาสิ!”

 

ทันใดนั้นเองนากาก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาและหยิบเอาเข็มทิศที่ได้จากเอริกะออกมา

 

พร้อมกับแอบใช้ความสามารถของตนเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบเปื้อนเลือดโดยใช้ร่างของตัวเองบังมันเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเห็น โดยหวังว่าจะใช้มันรับดาบของหญิงสาวผมชมพูเอาไว้และโจมตีกลับไปในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังสับสนอยู่

 

และเมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายได้เข้ามาใกล้และกำลังง้างดาบไปทางด้านข้าง เขาก็สะบัดดาบเปื้อนเลือดของตนออกมาเพื่อตั้งรับในทันที

 

“ระวัง!!”

 

แต่ว่าทันใดนั้นเองเซซิลก็ได้ร้องเตือนขึ้นมา จนทำให้นากาที่กำลังคิดจะสวนกลับต้องรีบสังเกตดูท่วงท่าของฝ่ายตรงข้ามให้ชัดๆ อีกครั้ง

 

และเขาก็พบว่าดาบขนาดยักษ์ของอีกฝ่ายที่เขาคิดว่าน่าจะฟันขวางเข้ามาที่บริเวณลำตัวนั้น บัดนี้มันได้ลดระดับลงไปจนเกือบจะถึงพื้นและกำลังพุ่งเสยเข้าใส่เขาจากทางด้านล่างอย่างเร็วรวด

 

“—-!?”

 

ฟุ๊บ!!

 

ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีของนากาที่เขาได้ฝึกซ้อมการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็กจนทำให้ประสาทสัมผัสของเขาค่อนข้างโดดเด่นกว่าคนในวัยเดียวกันมาก จนทำให้เขาสามารถตัดสินใจที่จะดีดตัวเองถอยไปข้างหลังได้แทบจะในทันทีที่สังเกตเห็นดาบของอีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้ปลายดาบของอีกฝ่ายพุ่งเฉียดผ่านลำตัวของเขาไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าใช้มายากลอะไรเรื่องดาบนั่นถึงกับหลอกตาฉันไปได้น่ะ แต่ดูท่าแล้วว่าเจ้าแขนกลนี่คงจะตามความเร็วของนายไม่ทันงั้นสินะ~”

 

อิซานางิได้เหลือบไปมองดูทิศทางที่เธอคิดว่าดาบของนากาได้กระเด็นไปในทีแรกและพบว่าที่ตรงนั้นได้มีแท่งเหล็กกลมๆ เหมือนกับที่ใช้ในการก่อสร้างปักติดอยู่ ก่อนที่เธอจะบังคับให้แขนกลบนไหล่ของเธอปักดาบขนาดยักษ์ลงบนพื้นอย่างรุนแรง

 

ตึ้ง—-แกร๊ก

 

และเธอก็ได้บังคับให้มันปลดตัวเองออกจากด้ามดาบเพื่อพับมันกลับไปเก็บที่บริเวณด้านหลังไหล่ของตนตามเดิมพร้อมๆ กับที่เธอได้หันมามองดูคริสตัลสีขาวบนถุงมือของนากาและพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

“แต่ว่าการที่มีของดีขนาดนั้นอยู่กับตัวแล้วดันไม่ยอมเอามันออกมาใช้เนี่ยมันเสียมารยาทนะรู้มั้ย~”

 

“หะ–?”

 

เมื่ออิซานางิพูดจบเธอยื่นมือของเธอออกไปจับที่ด้ามดาบยักษ์เล่มนั้นพร้อมกับส่งพลังวิซเข้าไปใส่มัน จนทำให้ใบดาบค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงจากจุดศูนย์กลางและแผ่ไอร้อนออกมาอย่างรุนแรง

 

“เอาล่ะ~ มาดูกันดีกว่าว่าฉันจะต้องทำยังไงถึงจะทำให้นายยอมปล่อยวิซออกมาได้สักทีน่ะ~”

 

พรึ๊บ

 

“ถ้าแค่ทำให้ดาบติดไฟได้แล้วคิดว่าฉันจะกลัวก็ลองเข้ามาดูเซ่!”

 

“น—-นั่นมัน!? …แกไปเอาของแบบนั้นมาจากไหน!!” ”

 

ถึงแม้ในตอนแรกที่เซซิลเห็นว่าดาบขนาดยักษ์ของอีกฝ่ายกำลังแผ่ความร้อนออกมานั้นเธอจะไม่มีท่าทีแยแสมันเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าในทันทีที่ได้มีเปลวไฟลุกโชนออกมาจากใบดาบ เซซิลก็ได้เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงและตะโกนถามอีกฝ่ายออกไปในทันที

 

“หื๊ม~?”

 

ซึ่งอิซานางินั้นก็ได้เหลือบไปมองเซซิลเล็กน้อยและทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งให้กับเธอและพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง

 

“อ๋อ~ ถ้าเธอหมายถึงเจ้าดาบนี่ละก็พวกฉันได้ต้นแบบมาจากผู้ใหญ่ใจดีคนนึงน่ะ ถึงเขาจะไม่ค่อยเต็มใจจะให้สักเท่าไหร่ก็เถอะนะ~”

 

“—!!”

 

คำตอบของอิซานางินั้นทำให้นากาได้แต่ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แต่ว่าทางด้านเซซิลนั้นกลับกัดฟันแน่นและกระชากดาบคาตานะที่ใช้ยันร่างของตัวเองขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หญิงสาวผมชมพูในทันที

 

แต่ว่าเธอก็พุ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก่อนที่ความเจ็บปวดจะแล่นขึ้นมาจากหน้าท้องจนเธอล้มกลิ้งลงไปอีกครั้ง ทำให้นากาต้องรีบเข้าไปช่วยพยุงเซซิลเอาไว้ในทันที

 

ซึ่งถึงแม้ว่านากาจะไม่รู้ว่าคำว่า ‘ผู้ใหญ่ใจดี’ ที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นหมายถึงใครกันแน่ แต่เมื่อเห็นท่าทีโกรธแค้นของเซซิลแล้วเขาก็พอจะคิดได้ว่าคนคนนั้นน่าจะเป็นคนสำคัญของเธออย่างแน่นอน

 

แต่ด้วยสภาพของเซซิลที่สะบักสะบอมซะจนยืนแทบจะไม่ไหวนั้นก็ทำให้นากาได้แต่พูดห้ามเธอออกมาพร้อมกับพยายามมองรอบๆ เพื่อหาเส้นทางที่จะพาเพื่อนของเขาหลบหนีไป

 

“ใจเย็นก่อนเซซิล! ตอนนี้พวกผ้าคลุมแดงที่ฉันเจอในป่าน่าจะกลับไปตามทหารจากในเมืองให้แล้ว พวกเราเองก็รีบหาโอกาสถอยกันก่อนเถอะ!”

 

เพี๊ยะ!!

 

เซซิลนั้นได้ปัดมือของเขาทิ้งอีกครั้งและพยายามใช้ดาบคาตานะในมือยันร่างกายที่สะบักสะบอมของเธอขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

 

ซึ่งอิซานางิที่เฝ้าดูท่าทีของเซซิลอยู่นั้นได้เผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเป้าหมายของเธอได้พยายามเข้ามารนหาที่ด้วยตัวเอง ก่อนที่เธอจะยื่นมือออกไปจับที่ด้ามดาบยักษ์และค่อยๆ ก้าวขาเข้ามาหาพวกเขาอย่างย่ามใจ

 

ครืดดดดด—

 

ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ

 

และในจังหวะเดียวกับที่อิซานางิกำลังลากดาบยักษ์ของเธอเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ นั้น เครื่องสื่อสารในหูของนากาก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาเป็นจังหวะ ทำให้นากาต้องรีบกดรับสายและพูดตัดบทกลับไปในทันที

 

“ตอนนี้ยังไม่ว่า—”

 

“หมอบ!!!”

 

ยังไม่ทันที่นากาจะได้พูดตัดบทจบ เสียงของอลิซก็ได้ดังลั่นขึ้นมาจากทั้งทางเครื่องสื่อสารและจากทางชายป่าที่เขาพุ่งตัวออกมาในทีแรกจนทำให้นากาต้องรีบหันไปดู

 

ซึ่งภาพที่เขาเห็นนั้นก็คืออลิซที่กำลังพุ่งตัวออกมาจากแนวป่าอย่างรวดเร็วโดยที่ขาของเธอไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าในขณะนี้ที่บริเวณท่อนล่างของเธอนั้นได้มีพาร์ทส่วนล่างที่เป็นโครงโลหะครอบเอาไว้อยู่ และที่บริเวณเท้าของพาร์ทนั้นก็มีล้อขนาดเล็กยื่นออกมาจนทำให้ตัวของอลิซสามารถพุ่งไถลไปกับพื้นได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้นากาเบิกตากว้างนั้นกลับไม่ใช่รองเท้าติดล้อหรือว่ากล่องบริเวณเอวของอลิซที่กำลังพ่นไอพ่นออกมาจริงๆ ตามที่เขาคิดไว้ในทีแรกที่เห็นมันในออฟฟิศของเอริกะ แต่ว่าเป็นปืนของโมโกะที่อลิซกำลังถือไว้ในมือนั่นต่างหาก

 

“จะทำตามที่สั่งดีๆ สักครั้งไม่ได้เลยหรือไงยะ!!”

 

ปั๊ก!!

 

นากาที่ได้ยินอลิซร้องสั่งขึ้นมาอีกครั้งก็รีบพุ่งตัวเข้าไปกดหัวของเซซิลให้แนบไปกับพื้นอย่างแรงในทันที เปิดโอกาสให้อลิซได้สาดกระสุนเข้าใส่อิซานางิและเหล่าทหารชุดดำของเธอได้อย่างเต็มที่

 

ปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!

 

“—-!?”

 

ทันทีที่อิซานางิเห็นห่าฝนกระสุนกำลังพุ่งเข้ามาใส่ เธอก็ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลบไปด้านหลังดาบขนาดยักษ์ของเธอ ในขณะที่เหล่าทหารชุดดำที่ถึงจะอยู่ห่างออกไปแต่ยังคงอยู่ในวิถีกระสุนนั้นก็รีบชักดาบคาตานะของพวกตนออกมาปัดกระสุนพวกนั้นออกไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

 

เป๊งเป๊งเป๊งเป๊งเป๊ง!!

 

“ชิ พรรคพวกมาเพิ่มจนได้สินะ!”

 

“เดี๋ยวที่นี่ฉันจัดการเอง!! นายรีบพายัยนั่นกลับเมืองไปเดี๋ยวนี้!!”

 

ซู่มม!

 

อลิซตะโกนสั่งนากาในขณะที่เธอกำลังพุ่งผ่านเขาเข้าไปหาอิซานางิด้วยความเร็วสูง และเมื่อเธอพุ่งเข้าไปใกล้ได้แล้วเธอก็ฟันดาบสีขาวประจำตัวเธอเข้าใส่อีกฝ่ายในทันที

 

เอี๊ยดดด

 

แต่ว่าในชั่วขณะที่ดาบของพวกเธอกำลังจะปะทะกันนั้น อลิซก็ได้ย่อตัวลงพร้อมกับสะบัดขาไปอีกทางทำให้ตัวของเธอหมุนอ้อมร่างของอีกฝ่ายไปทางด้านหลัง และดาบของเธอนั้นก็ได้พุ่งตรงไปที่แผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ไร้การป้องกันอย่างรวดเร็ว

 

“เสร็จฉันล่ะ!!”

 

เคล๊ง!!

 

ถึงแม้ว่าจะเจอกับการโจมตีที่ไม่คาดฝัน แต่ว่าอิซานางิก็สามารถยกเกราะแขนของเธอขึ้นมารับคมดาบของอลิซได้อย่างสบายๆ ก่อนที่เธอเหวี่ยงดาบยักษ์ของเธอกลับหลังเข้าใส่อลิซจากทางด้านบนเต็มแรง

 

“พี.คิว!”

 

ในชั่วพริบตาที่อลิซเห็นว่าการโจมตีของตัวเองพลาดเป้าและอีกฝ่ายกำลังจะสวนกลับนั้น ดาบของเธอก็ได้เรืองแสงสีเขียวอ่อนออกมา และเธอก็ได้ใช้มันสร้างกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนขึ้นมาเหนือหัวของตนในทันที

 

เคล๊ง—เพล้ง!!

 

ถึงแม้ว่ามันจะกันดาบของอิซานางิเอาไว้ไม่ได้และแตกกระจายหายไปแทบจะในทันที แต่ว่าช่วงเวลาเพียงแค่เล็กน้อยนั้นก็ช่วยให้อลิซสามารถสั่งให้พาร์ทที่เอวของเธอพ่นไอพ่นออกมาเพื่อดันตัวเองอ้อมไปด้านหลังของอิซานางิได้อีกหนึ่งครั้งแล้ว

 

และเธอก็ได้ใช้จังหวะนี้ลั่นปืนกลในมือเข้าใส่อีกฝ่ายในระยะประชิดแบบไม่ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย

 

ปังปังปังปังปัง!!

 

“อ—-!!?”

 

กระสุนวิซเหล่านั้นได้พุ่งอัดเข้าใส่ลำตัวของอิซานางิเข้าเต็มๆ จนทำให้ร่างของเธอกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร และอลิซก็ได้ใช้จังหวะนี้หันไปดูว่าในคราวนี้นากาได้ทำตามคำสั่งของเธอแต่โดยดีหรือว่ายังทำหน้าเอ๋อๆ อยู่กับที่เหมือนกับทุกครั้ง

 

“ให้ตายสิ…”

 

อลิซได้พูดขึ้นมาเมื่อเธอเห็นว่านากานั้นกำลังแบกเซซิลที่ดิ้นไปดิ้นมาไว้บนไหล่และกำลังวิ่งหนีออกจากทุ่งหญ้านี้เข้าไปในแนวป่าตามที่เธอสั่งแต่โดยดีแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังวิ่งไปคนละทางกับเมืองรีมินัสอยู่ก็ตามที

 

“เจ็บๆๆ –!”

 

ทันใดนั้นเองอิซานางิที่ถูกยิงจนกระเด็นไปก็ได้ลุกขึ้นมาลูบสีข้างของเธอที่ถูกยิงเข้าอย่างจังไปเมื่อสักครู่จนทำให้อลิซได้แต่บ่นพึมพำออกมาเบาๆ

 

“อาวุธพลังงานนี่มันทำอะไรพวกที่ฝึกมาแล้วไม่ค่อยได้จริงๆ สินะเนี่ย…”

 

ซึ่งเมื่อดูจากสภาพของหญิงสาวผมชมพูที่มีเพียงแค่รอยไหม้เล็กน้อยบริเวณชุดสีขาวของเธอแล้วก็ทำให้อลิซได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นสามารถรวบรวมพลังวิซให้ไปรวมกันอยู่ที่บริเวณนั้นเพื่อลดความเสียหายจากกระสุนพลังวิซที่เธอยิงเข้าใส่ได้ทัน

 

และเมื่อเป็นแบบนั้นอลิซจึงได้ตัดสินใจที่จะควักปืนพกขนาดเล็กบริเวณต้นขาของเธอออกมา และยิงพลุสัญญาณสีแดงข้างในนั้นขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที

 

ปั้ง!! ฟู๊ววววว

 

“—!!”

 

“ถ้าเกิดว่าเธอไม่อยากเจอกับอัศวินจากปราการด่านสุดท้ายของมนุษยชาติทั้งกองทัพยกพวกมาถล่มล่ะก็รีบถอยกลับไปแต่โดยดีน่าจะดีกว่านะ…”

 

อลิซเอ่ยปากขู่อิซานางิไป ก่อนที่เธอจะใช้พาร์ทไอพ่นบริเวณเอวของเธอค่อยๆ เคลื่อนตัวถอยไปทางชายป่าที่นากาแอบหลบเฝ้าดูการต่อสู้อยู่อย่างช้าๆ ในขณะที่มือของเธอก็ยังคงถือปืนเล็งไปทางอิซานางิเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายตามเธอมาเอาไว้

 

“ชิ— เอาเถอะ ยังไงก็ได้เจอตัวแล้ว คราวนี้จะยอมถอยไปก่อนก็ได้”

 

อิซานางิมองดูพาร์ทส่วนล่างที่อลิซสวมใส่อยู่และเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิด เพราะว่าในจังหวะที่ปะทะกันเมื่อสักครู่นี้มันทำให้เธอได้รู้ว่าพาร์ทที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่นั้นล้ำหน้ากว่าแขนกลของเธออยู่มาก

 

และเมื่อรวมกับการที่อีกฝ่ายพูดว่ากองทัพอัศวินโดยไม่ได้พูดว่ากองทัพทหารแล้วก็เป็นไปได้ว่าเด็กสาวผมสีขาวร่างเล็กตรงหน้าของเธอนั้นอาจจะไม่ใช่แค่ชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างเด็กหนุ่มที่หนีไปก่อนหน้านี้

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้อิซานางิยอมดับเปลวไฟบนใบดาบยักษ์ของเธอลง พร้อมกับควบคุมให้แขนกลของเธอหยิบดาบยักษ์ขึ้นมาเก็บไว้บนหลังอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะกวักมือเรียกทหารชุดดำที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ให้วิ่งออกไปอีกทางพร้อมๆ กัน

 

ในขณะที่อลิซนั้นก็หันไปมองนากาที่แอบหลบอยู่หลังพุ่มไม้พร้อมกับพูดย้ำกับเขาขึ้นมาทีละคำๆ แบบเสียงดังฟังชัด

 

“ฉันว่าฉันบอกชัดเจนแล้วนะว่า ให้-นาย-กลับ-ไป-ที่-เมือง น่ะ…”

 

“ก็แอบอยู่ตรงนี้น่าจะปลอดภัยแล้วนี่ อีกอย่างถ้าเกิดฉุกเฉินขึ้นมาฉันจะได้เข้าไปช่วยเธอได้ทันไง”

 

“มีคนเจ็บอยู่แบบนี้จะมาช่วยถ่วงล่ะสิไม่ว่า… แต่ต่อให้ไม่มีคนเจ็บก็คงจะถ่วงอยู่ดีนั่นล่ะ”

 

คำตอบของอลิซนั้นทำให้ทั้งสองคนที่ได้ยินถึงกับตากระตุก ก่อนที่อลิซจะก้มลงไปเลิกเสื้อของเซซิลขึ้นเพื่อดูอาการของเธอที่ถูกหญิงสาวผมชมพูเล่นงานซะจนเละเทะ

 

และเมื่อเห็นสภาพหน้าท้องของเซซิลที่ช้ำเป็นจ้ำๆ แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้นากาพยุงเซซิลขึ้นมายืนโดยไม่สนใจสายตาคัดค้านของหญิงสาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

“เฮ้อ… พวกเรารีบพายัยนี่ไปให้อารอนบ่นใส่ที่คลินิกกันดีกว่า วันหลังจะได้ไม่กล้าซ่าออกมาทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีก”

 

และเมื่อทั้งสามคนเดินมาจนใกล้จะถึงเมืองนั้นอลิซก็ได้ยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้พวกเขาหยุดเดินกัน ก่อนที่เธอจะเดินนำพวกเขาไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ กับประตูเมือง

 

ซึ่งนากาก็ได้พบว่าบัดนี้ที่หน้าประตูเมืองรีมินัสนั้นได้มีกองกำลังทหารยามกำลังระดมพลตั้งแถวกันอยู่อย่างวุ่นวาย เนื่องด้วยพลุสัญญาณสีแดงที่อลิซใช้ยิงขู่อิซานางิไปนั้นมันเป็นพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินแบบเดียวกับที่จะถูกยิงขึ้นฟ้าก็ต่อเมื่อมีเรื่องใหญ่ร้ายแรงเกิดขึ้นเท่านั้น

 

จนทำให้นากาที่ได้เห็นพวกทหารกำลังโวยวายตั้งแถวกันอยู่นั้นได้แต่หันไปถามอลิซแบบไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นัก

 

“นี่เธอยิงพลุควันอะไรออกไปกันแน่เนี่ยอลิซ…?”

 

“จะไปรู้หรอ!! ก็เอริกะบอกว่าถ้าไม่มั่นใจว่าจะชนะก็ให้ยิงมันออกไปแล้วก็พูดขู่ไปแบบนั้นนั่นล่ะ!”

 

“…นี่ขนาดเธอก็ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะได้หรอ? สรุปว่ายัยดาบใหญ่นั่นเก่งขนาดไหนกันแน่เนี่ย?”

 

เมื่อได้ยินคำถามของนากา อลิซก็พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยแต่ว่าก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่เธอจะกวักมือเรียกให้นาการีบพยุงตัวเซซิลเดินตามเธอเข้าไปในเมืองในจังหวะที่ทหารยามกำลังวุ่นวายตรวจรายชื่อกันอยู่

 

“อ่ะ— นั่นไง! เขากลับแล้วนั่นน่ะ!”

 

“เฮ้! นายปลอดภัยดีใช่มั้ย!?”

 

ทันทีที่พวกเขาก้าวพ้นประตูเมืองเข้ามา อยู่ดีๆ ก็ได้มีเสียงร้องทักพวกเขาขึ้นมาเสียงดังจนทำให้นากาสะดุ้งสุดตัว

 

แต่เมื่อเขาหันไปมองทางต้นเสียงก็พบว่าคนที่ร้องเรียกเขาเอาไว้นั้นคือทหารชายหญิงคู่หนึ่งในชุดเกราะหนังและผ้าคลุมแดงซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เขาเจอในป่าระหว่างกำลังวิ่งไปช่วยเซซิลนั่นเอง

 

“อ—อ้อ… ก็ปลอดภัยกันดีแหล่ะ ถึงจะมีคนเจ็บไปค—-”

 

ในขณะที่นากากำลังโล่งใจและตอบอีกฝ่ายกลับไปนั้นเอง เขาก็เหลือบไปเห็นอลิซที่กำลังใช้ปืนกลในมือของเธอจ่อไปที่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามจนทำให้เขาต้องร้องออกมาเสียงดังในทันที

 

“เฮ้ย!? อลิซ!! ทำอะไรของเธอเนี่ย?”

 

ทางด้านอลิซที่ได้ยินคำถามของนากาเข้าไปก็แทบจะอยากหันปืนไปจ่อหน้าเจ้าของคำถามนั้นแทน แต่ว่าเธอก็อดใจเอาไว้และพูดถามนากากลับอย่างอนาถใจแทน

 

“นี่นายจำไม่ได้จริงๆ หรอนากา…? เจ้าพวกนี้มันก็คือคนที่บุกไปที่หมู่บ้านของนายจนพวกเราต้องรีบหนีออกมากันไม่ใช่หรอหะ!?”

 

“หา!?”