ตอนที่ 53 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เจ้าหญิงแวมไพร์และ 5 ปีต่อมา

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

มีเรื่องนึงที่ฉันคิดมาตลอดเลยนะ แต่เทียบกับตอนที่เป็นมนุษย์แล้ว เวลามันผ่านไปเร็วมากจริงๆ

ฉันเคยเห็นในไลท์โนเวลแนวต่างโลกบ่อยๆ เลยเหมือนกัน พวกเรื่องแบบ ‘เอลฟ์น่ะจะมีความรู้สึกเกี่ยวกับเวลาที่ต่างไปจากมนุษย์ เพราะพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยยาวนาน’ หรืออะไรประมาณนั้นสินะ

แต่ฉันคิดมาตลอดเลยว่านะถ้าเวลาเราผ่านไปเท่ากัน ความรู้สึกที่มีเกี่ยวกับเวลามันก็น่าจะเหมือนกันสิ ไม่ว่าคนคนนั้นจะอยู่ได้แค่ร้อยปีหรือเป็นพันปีก็ตาม

…แต่ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะฉันรู้สึกกับที่หลังจากฉันชนะโยมิ แล้วได้เธอเป็นเพื่อนใหม่มา มันเหมือนผ่านมาแค่ไม่กี่เดือนเองนะ

ทั้งที่จริง นี่ก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้ว

…ใช่ค่ะ ตอนนี้ผ่านมา 5 ปีแล้วตั้งแต่โยมิมาเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร ทั้งโยมิทั้งฉันตอนนี้อายุ 13 ปีกันแล้ว

ชีวิตขึ้นลงหวาดเสียวอย่างกับรถไฟเหาะมาตลอดเลยนะเนี่ย

ฉันสอนตัวหนังสือให้โยมิ ฝึกหนักกันจนเกือบตาย แถมโดนซากุระคุง คุณเกรย์ กับคุณเรนอัดซะยับเยินกัน

แต่พอผ่านการฝึกหฤโหดกันมา ทั้งโยมิทั้งฉันในที่สุดก็――

จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วเมือง

ตึกหลังนึงถล่มลงมาและแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

…ผู้คนแถวนั้นหยุดขยับไปแป๊บนึง ดูอึ้งกันซักพัก แล้วก็เริ่มเดินกันต่อ

ซึ่ง ประสาทการได้ยินที่เฉียบคมของแวมไพร์ทำให้ฉันได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันด้วย

‘เห สังเวียนถล่มลงมาอีกแล้วเหรอเนี่ย นี่ครั้งที่ 4 แล้วนะ ใครก็ได้ไปหยุดพวกเธอก่อนจะดีมั้ย? มีหวังท่านเซดต้องโมโหอีกแน่เลย”

‘…ใครจะไปทำได้เล่า…นั่นท่านโยมิกับท่านลีนไม่ใช่เหรอ? ถึงเอาทั้งกองทัพของท่านเซดไปรุมยังหยุดพวกเธอไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ต้องใช้ท่านเกรย์ หรือท่านซากุระ ไม่ก็ท่านเรนเท่านั้นแหละถึงจะหยุดได้น่ะ’

‘ก็พวกเขาไม่ซักคนอยู่ที่นี่เลยหนิ จะทำไงกันดีล่ะพวกเรา? หน่วยซ่อมของเผ่ายักษ์กับเผ่าคนแคระจะร้องไห้กันแล้วนะ’

ขอโทษนะคะ เหล่าช่างที่ฉันไม่รู้จักชื่อ

พวกเราไม่มีเจตนาจริงๆ ค่ะ

“…โยมิ ทำไงกันดีล่ะ? ฉันทำมันพังอีกแล้ว”

“…คงต้องไปขอโทษคุณเซด… อา… ท่านจอมมารต้องโกรธแน่เลย”

แย่เลยน้า ฉันต้องฝึกคุมแรงให้ดีกว่านี้แล้วสิ

สังเวียนมันควรจะถูกซ่อมให้แกร่งขึ้นทุกครั้งเพื่อไม่ให้มันพังอีกรอบนี่นา แต่นี่มันพังง่ายมากเลยนะตอนที่ฉันแค่เอาจริงนิดหน่อยเอง

…หืม? หรือว่าสังเวียนจะซ่อมมาไม่ดีกันนะ?

“ฟังนะโยมิ ฉันว่ามันน่าจะเป็นความผิดของสังเวียนนี่แหละที่แข็งแกร่งขึ้นตามพวกเราไม่ได้”

“น- นั่นสินะ ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเรา…”

“ความผิดของพวกเจ้านั่นแหละ!! คิดว่าเราบอกพวกเจ้าไปกี่ครั้งกี่หนแล้วฮะ! เจ้าพวกเด็กบ้า!!!”

…นั่นสินา ขอโทษค่ะท่านจอมมาร

“แถมค่าก่อสร้างนี่ไม่ได้ถูกๆ หรอกนะ! แล้วครั้งนี้พวกเจ้าก็พังมันเสียอลังการถึงขนาดนี้อีก!… เฮ้อ… 5 ปีที่ผ่านมา พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมากก็จริง แต่ดูท่า การกะประมาณแรงของตนจะไม่เอาอ่าวเสียเลยนะ…”

“อิหยา”

“เขินจังเลยค่ะ”

“พวกเจ้าจะมาเขินทำไม! นี่ไม่ใช่คำชมเสียหน่อย! เซดที่ต้องดูแลที่นี่น่ะดูซูบลงไปแล้วนะ! พวกเจ้าเห็นกันบ้างมั้ย?”

“(ทั้งที่เป็นอันเดดเนี่ยนะคะ?)”

“(ทั้งที่เป็นโครงกระดูกน่ะเหรอคะ?)”

“นี่! เราได้ยินนะ! เราบอกให้พวกเจ้าเห็นว่าขนาดเป็นอันเดดก็ยังดูผอมซูบลงไปเลยอย่างไรเล่า! พวกเจ้านี่ไม่ได้สำนึกเลยแม้แต่น้อยสินะ!!”

“…ก็ยังดีนะที่ประกันมันครอบคลุมเรื่องการซ่อมแซมอยู่ด้วยน่ะ”

“จริงด้วยนะคะ เกือบต้องจ่ายราคาเต็มๆ แล้วสิ”

“ฉันว่าฉันอาจจะทำเกินไปหน่อย รู้สึกแย่นิดนึงนะคะ”

“…พวกเจ้าเนี่ย สำนึกเพิ่มกันอีกซักนิดก็ดีนะ”

ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีวันที่คุณอารอนตบมุกให้ฉันจริงๆ

ที่นี่คือห้องประชุมของกองทัพจอมมาร สถานที่ที่มีแค่ท่านจอมมาร เหล่าผู้บริหาร และผู้ที่อยู่ในวาระการประชุมเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาได้ และเป็นสถานที่ใช้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญของกองทัพนั่นแหละ

วันถัดมาหลังจากที่เราพังสังเวียนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเราก็มารวมตัวกันในการประชุมของคณะผู้บริหาร

ในฐานะสมาชิกเข้าร่วมการประชุม…ในฐานะผู้บริหารล่ะนะ

ใช่ ใน 5 ปีที่ผ่านมานี้ พวกเราได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้บริหารกันแล้ว

ผู้บริหารลำดับที่ 5 ――― ‘แม่ทัพจอมกระหายเลือด’ ลีน บลัดลอร์ด

ผู้บริหารลำดับที่ 6 ――― ‘แม่ทัพจอมดาบ’ โยมิ

นั่นคือตำแหน่งของฉันในตอนนี้

เอาจริงๆ เลย พลังต่อสู้ของฉันเป็นรองโยมิอยู่ แต่ดูเหมือนความสามารถในการบัญชาการของฉันจะสูงกว่าโยมิ ตำแหน่งของฉันก็เลยสูงกว่าเธอล่ะนะ

ผู้บริหารคนอื่นๆ ก็ยังแข็งแรงและอยู่ดีกันหมด แค่พวกคุณอารอนกับคนอื่นๆ โดนลดลงไปคนละ 2 ลำดับเฉยๆ

“…พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกเราแล้วสินะ แต่ว่า… พอโดนพวกเจ้าก้าวข้ามไปเร็วขนาดนี้ ทำเอาข้ารู้สึกเหงามากกว่าจะหงุดหงิดซะอีกนะเนี่ย”

“นั่นสิน้า~ เข้าใจดีเลยล่ะ~ ทั้งคู่ยังตัวเล็กกันอยู่เลย~ แต่ตอนนี้~ พวกเธอทั้ง 2 คนน่ะ~ อยู่ลำดับสูงกว่าพวกเราซะแล้ว~ เป็นเรื่องที่~ น่าประทับใจมากเลย~”

ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ

ตอนนี้มีผู้บริหาร 6 คนที่อยู่ที่นี่ ฉันกับโยมิ แล้วก็คุณวีเนล, คุณอารอน, คุณเฟเรีย แล้วก็คุณนัตสึเมะ

ที่เหลือตอนนี้อยู่กลางสงครามกันอยู่ อีก 3 วัน คุณเซดกับคุณเกรย์จะกลับมา ส่วนฉันกับคุณอารอนจะออกไปแทน

แล้วก็ โยมิจะยังไม่ได้ออกไปลุยแบบนี้นะ โยมิจะสามารถไปลุยหน้างานได้ก็ต่อเมื่อมั่นใจว่าจะสามารถฆ่าทุกคนตรงนั้นได้หมดทุกคนเท่านั้น พวกเราจะไม่ยอมให้ตัวตนของเธอถูกล่วงรู้ได้เด็ดขาด

“อืม พวกเจ้ามาพร้อมกันแล้วสินะ ถ้าเช่นนั้น เปิดการประชุมเหล่าผู้บริหารกันได้”

เมื่อท่านจอมมารเข้ามาในห้อง การประชุมก็จะเริ่มขึ้น เหมือนอย่างทุกที

มีเรื่องต้องหารือกันไม่หยุดไม่หย่อน อย่างเรื่องการปันส่วน วางแผนการรบ การวางกับดัก หรืออะไรแบบนั้น เพราะงั้นการประชุมทุกครั้งก็ใช้เวลานานตลอดเลย

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน… ลากยาวไป 4 ชั่วโมงเลยล่ะ

“…ฟู่ว ถ้าอย่างนั้น ปิดการประชุมได้… เราก็ต้องการจะพูดเช่นนั้นอยู่หรอก แต่จริงๆ แล้ว ยังมีวาระการประชุมอยู่อีกเรื่องหนึ่ง”

หืม?

นึกว่าเราตัดสินเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะเนี่ย

งั้น ก็คงจะเป็น ‘เรื่องนั้น’ สินะ

“…อย่างที่พวกเจ้าหลายคนคงสามารถคาดเดาได้ มันคือเรื่องของ ‘ผู้กล้า’ …เราไม่ได้หมายถึงโยมิหรอกนะ ที่เราหมายถึงนั้นคือผู้กล้ารุ่นปัจจุบันนี่แล…”

ผู้กล้ารุ่นปัจจุบัน อาวิซ โนวาไรท์

ไม่เหมือนโยมิเลย เจ้านี่ถูกประกาศแบบผู้กล้า และมีการเฉลิมฉลองกันด้วย

และ… เหมือนกับฉัน เจ้านั่นเป็นผู้เกิดใหม่จากต่างโลก

ก่อนจะมาเกิดใหม่ เจ้านั่นคือ ‘ชินอิจิ คุโรดะ’ หัวโจกของไอ้พวกที่รังแกฉันนี่แหละ

รอจะฆ่ามันไม่ไหวแล้ว~

“ณ ตอนนี้ ชายผู้นั้นได้ถูกทะนุถนอมอย่างระมัดระวังอยู่ในใจกลางเมืองหลวง คอยใช้พี่น้องของเราที่ถูกจับไปเพื่อเป็นค่าประสบการณ์ให้กับผู้กล้า… น่ารังเกียจยิ่งนัก เราเห็นควรว่าจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…”

“ทำไมเราไม่บุกเข้าเมืองหลวง แล้วก็ไปฆ่ามันก่อนจะเติบโตไปมากกว่านี้กันล่ะคะ?”

“เป็นไปไม่ได้ ภายในเมืองหลวงนั้นจะมีเวทคุ้มครองต่อต้านเผ่ามารที่ ‘วีรบุรุษแห่งจุดเริ่มต้น’ ชายผู้ก่อตั้งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส และสันตะปาปาคนแรกของศาสนามิซารี่ได้ร่ายทิ้งเอาไว้ก่อนตาย หากเจ้าเลินเล่อบุกเข้าไปทั้งๆ อย่างนี้แล้วล่ะก็ ลีน แม้แต่เจ้าก็สามารถถูกทหารเลวธรรมดาๆ ปลิดชีพเอาได้เลยนะ”

อะไรกันเนี่ย

“ท่านจอมมารคะ ถ้างั้น ทำไมเราไม่ส่งโยมิไปล่ะคะ? โยมิจะไม่ได้รับผลจากเวทคุ้มครองนั่นเลย ก็เธอเป็นมนุษย์นี่นา”

“การจะส่งไพ่ใบสำคัญอย่างโยมิออกไปเพียงเพื่อแค่จะสังหารผู้กล้าถึงในเมืองหลวงงั้นฤๅ จะป่วยการเสียเปล่าๆ โยมิในตอนนี้ยังไม่อาจเอาชนะพวก 12 อัครสาวกที่รุมเข้าโจมตีใส่พร้อมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าอัครสาวกลำดับที่ 1 ณ ตอนนี้ก็อยู่ในเมืองหลวงนั้นด้วย”

“…จริงด้วยนะคะ”

พูดจริงๆ ถ้าเอาแค่ความสามารถเฉยๆ โยมิก็เป็นบุคลากรที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารแล้วนะ

หลังจากผ่านมา 5 ปี พลังของเธอเพิ่มขึ้นมาอย่างน่ากลัว แถมอาชีพก็เลื่อนระดับขึ้นเป็น [ราชันจอมดาบ] ซึ่งเป็นอาชีพระดับสูงมากในสายนักดาบแล้วด้วย

ที่สำคัญ โยมิไม่ได้เป็นเผ่ามาร เธอก็เลยจะไม่ได้รับผลใดๆ จากเวทมนตร์ที่ใช้โจมตีใส่เผ่ามารโดยเฉพาะที่พวกมนุษย์ใช้กันเลยแม้แต่นิดเดียว

แถมสเตตัสเฉลี่ยของเธอตอนนี้ก็ทะลุ 30,000 ไปแล้วด้วย แม้แต่ผู้บริหารทั่วๆ ไปก็ยังรับมือเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

…ก็ ยังสู้ฉันในคืนจันทร์เต็มดวงไม่ได้หรอกนะ อิอิ

“แล้วจะทำยังไงดีเหรอครับ?”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด นี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมากทีเดียว การเก็บค่าประสบการณ์จากการฆ่าเชลยศึกนั้นมีขีดจำกัดอยู่ ไม่ว่าพวกนั้นจะทะนุถนอมผู้กล้าของตนมากขนาดไหนก็หาได้สำคัญไม่ ในอีกไม่ช้า ไม่ว่าอย่างไร ผู้กว้านั้นจะต้องโผล่ออกมาในสมรภูมิเมื่อความรุนแรงของสงครามต่ำพอแล้วแน่นอน”

แล้วท่านจอมมารก็ทำสีหน้าชั่วร้าย ก่อนจะพูดว่า

“ณ ตรงนั้นแล เราเพียงให้ซากุระปิดกั้นการใช้งานเวทเคลื่อนย้ายทั้งหมดไปเสีย จากนั้น ส่งใครบางคนอย่างลีน โยมิ เกรย์ เรน หรือซากุระไปจัดการพวกมันให้หมด หากว่ามีพวก 12 อัครสาวกอยู่ในกลุ่มด้วย สิ่งที่เราต้องทำนั้นก็เพียงส่งพวกเจ้าไปเพิ่มอีกเสียคนหนึ่ง เพียงเท่านี้เอง ช่างง่ายดายเสียจริง”

…ท่านพูดแผนการรบง่ายๆ ที่ทำเอาพวกลาสบอสอย่างดราก้อนลอร์ดในดราก้อนเควสดูโง่ไปเลย จะส่งพวกสไลม์อ่อนแอไปสู้ในศึกแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ที่ส่งไปขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผู้กล้าแข็งแกร่งพอจะมาฆ่าตัวเองได้เพื่ออะไรกันนะ