บทที่ 49 ข้าไม่ใช่มนุษย์ผู้หญิง

“เจ้าต้องทำตัวดี ๆ เมื่อพบคุณชายหลี่นะ เข้าใจหรือไม่”

มารดาของหลิงอินกล่าวกับบุตรสาวอีกครั้ง เมื่อทั้งสองมาถึงโรงน้ำชาหย่าเสียน

“ข้าไม่ได้อยากมาดูตัวเสียหน่อย…”

หลิงอินรู้สึกอับจนหนทางยิ่ง

นางผู้สง่างามและสูงส่งเช่นนี้ กลับต้องมาดูตัวกับมนุษย์!

“ท่านแม่ หากข้าทำไม่สำเร็จก็อย่าได้โทษข้า คุณชายหลี่มีอำนาจกว่าเรานัก หากเขาไม่ชอบข้า ข้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ”

นางบอกให้แม่ของนางเตรียมพร้อมรับมือกับความผิดหวังไว้ก่อน

มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

นางสุดยอดปานนี้ และจะกลายเป็นตัวตนไร้เทียมทานในอนาคต ด้วยเหตุนี้แล้ว นางจะมาอยู่กับมนุษย์ได้อย่างไร!

“คิดว่าแม่ไม่รู้หรือ”

มารดาจ้องบุตรสาวในอุทร ก่อนจะเอ่ยว่า “คุณชายหลี่น่ะทรงพลังที่สุดในเมืองชิงซานแล้ว แม่ไม่ได้หวังให้เจ้าทำสำเร็จหรอก แม่แค่หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้แม่อับอาย จำไว้ว่าควรทำตัวใจกว้างและเหมาะสมเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายหลี่นะ”

พูดเช่นนี้แล้ว ท่านแม่แน่ใจหรือว่าตนเองไม่ได้หวังให้มันสำเร็จน่ะ!

อีกอย่าง หมายความเช่นไรที่บอกว่าไม่ให้อับอาย?

คนสง่าผ่าเผยอย่างนางน่ะหรือจะอับอายต่อหน้ามนุษย์?

นี่เป็นเหตุผลที่นางไม่ต้องการ หากนางต้องการละก็ กำจัดมนุษย์ผู้นั้นเสียไม่ง่ายกว่าหรือ?

‘ท่านแม่ ท่านประเมินอินเอ๋อร์ของท่านต่ำเกินไปแล้ว อินเอ๋อร์ของท่านต่างหากที่เป็นผู้ทรงพลังที่สุดในเมืองชิงซาน หลี่จิ่วเต้าเอ๋ย เจ้าต้องหลีกทางให้ข้าแล้ว’

หลิงอินกล่าวในใจ

โรงน้ำชาหย่าเสียนเป็นโรงน้ำชาที่ตกแต่งหรูหราเป็นพิเศษ มีผู้รอบรู้หลายคนมารวมตัวกัน ในบางครั้งก็จะได้ยินเสียงบทกวีและเครื่องดนตรี

“จะว่าไปข้าก็ไม่ได้เล่นกู่ฉินมานานมากแล้ว…”

หลิงอินชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียง ในฐานะที่เป็น ‘เทพธิดาแห่งกู่ฉิน’ ฝึกฝนมรรคาแห่งทำนองกู่ฉิน และเครื่องดนตรีโปรดของนางคือ กู่ฉิน

อาวุธวิเศษของนางคือ กู่ฉินซึ่งเป็นอาวุธขั้นสูงสุด

น่าเสียดายที่อาวุธของนางหายไปในวังวนแห่งสังสารวัฏ

นางเดินตามแม่ขึ้นไปชั้นสอง เข้าไปในห้องห้อง หนึ่ง ก่อนจะได้เห็นใบหน้าของหลี่จิ่วเต้า

หลี่จิ่วเต้าผู้นี้มีคิ้วคมเข้ม ดวงตากระจ่างใส แม้ว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่จะดูเรียบง่าย แต่ก็สะอาดมาก

‘ก็หน้าตาใช้ได้นี่’

หลิงอินกล่าวในใจ

ทว่านางหาใช่ผู้หญิงธรรมดาที่หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของผู้ชาย

หลิงอินผู้นี้คือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ยามนั้นไม่ว่าจะบุรุษเช่นใดนางก็เห็นมาหมดแล้ว จะเป็นนักบุญ จอมปราชญ์ หรือแม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าหลี่จิ่วเต้าจะหล่อเหลา แต่นางก็หาได้หลงใหลในตัวเขาไม่

“นั่งลงเถิด”

ป้าหวังทักทายอย่างอบอุ่น

หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้นและสบตามองไปที่หลิงอิน

ใบหน้าของหลิงอินงดงามมากแม้ไม่ได้แต่งหน้า นางดูสุภาพงดงาม และอาภรณ์สีขาวก็ทำให้นางดูราวกับบงกชบนภูเขาหิมะ

สตรีตรงหน้ารูปร่างสูงเพรียว ขาเรียวยาว เอวเล็กคอด ผมของนางเรียบลื่นและดำราวผ้าไหม ดวงตาของนางกลมโต ดูมีน้ำมีนวลและไร้ที่ติ

‘สวยมาก มนุษย์ก็งดงามไม่แพ้ผู้ฝึกตนจริง ๆ ด้วย’

หลี่จิ่วเต้าชมอีกฝ่ายในใจ

เมื่อเทียบกับเซี่ยเหยียนแล้ว หลิงอินไม่ได้ด้อยกว่าเลย และป้าหวังก็ไม่ได้พูดเกินจริง หลิงอินผู้นี้งดงามมากจริง ๆ

“ให้สองคนคุยกันเถิด พวกเราไปดื่มชาข้างนอกกัน”

ป้าหวังยิ้มและเอ่ยกับแม่ของหลิงอิน พวกนางทิ้งทั้งสองห้องไว้ในห้องแต่เพียงลำพัง

หลี่จิ่วเต้ารู้สึกอายเล็กน้อย เขาไม่เคยดูตัว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะคุยกับหลิงอินเรื่องอะไรดี

“เชิญดื่มชาก่อน”

หลี่จิ่วเต้ารินชาลงถ้วยให้หลิงอิน

“อืม”

หลิงอินพยักหน้าเล็กน้อย หยิบถ้วยชาขึ้นแต่ไม่ดื่ม เพียงจรดริมฝีปากใกล้กับขอบถ้วยชาและเป่าสองครั้ง

‘น่าเบื่อยิ่งนัก…’

หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าแม่ของนางจะโกรธเอา นางคงออกไปแล้ว

จะให้คุยอะไรกับมนุษย์เล่า

หลี่จิ่วเต้ามีอำนาจมากที่สุดในเมืองชิงซานแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ยังเป็นปุถุชนอยู่วันยังค่ำ

แม้นางจะยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน แต่หากเริ่มแล้วละก็…นางจะต้องพุ่งทะยานและเอาชนะผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าเป็นแน่!

ด้วยความจำจากชีวิตก่อนนี้ นางย่อมสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วกว่าเมื่อก่อน

“เมี้ยว~”

ในตอนนั้นเอง ลั่วสุ่ยส่งเสียงร้องออกมาและไถขาของหลิงอินราวกับออดอ้อน

หลิงอินมองลงไปยังลั่วสุ่ย

วิฬาร์สีขาวตัวเล็กมีขนสีขาวบริสุทธิ์ราวหิมะ ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างอื่น ทว่าดวงตาของมันกลับโปร่งแสงราวกับอัญมณีงดงาม

‘ไม่ใช่แมวธรรมดา!’

หลิงอินรู้ได้ทันที

แม้ว่านางจะไม่มีพลังและยังไม่ได้ฝึกฝนสัมผัสวิญญาณ ทว่าเนื้อในคือตัวตนอันสูงส่ง ผู้สูงส่งก็ย่อมมีสายตาที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

เจ้าแมวสีขาวตัวน้อยนี้ ต้องอยู่ในเส้นทางแห่งการฝึกตนเป็นแน่!

‘ไม่แปลกเลยที่ทุกคนบอกว่าหลี่จิ่วเต้านั้นน่าทึ่ง หลี่จิ่วเต้าจะไม่น่าทึ่งได้หรือ เลี้ยงเจ้าแมวน้อยที่อยู่ในเส้นทางแห่งการฝึกตน เขาต้องเป็นผู้ฝึกตนอย่างไม่ต้องสงสัย!’

หลิงอินมีความประทับใจดีต่อหลี่จิ่วเต้าในตอนแรก ทว่าตอนนี้นางเริ่มไม่ค่อยชอบหลี่จิ่วเต้าเสียแล้ว

ผู้ฝึกตนนั้น หากฝึกฝนไม่ดี จะมาแสร้งทำตัวอยู่ในเมืองไปทำไม?

‘ข้าว่าเขาคงไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังอะไรหรอก ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ควรจะเป็นผู้ฝึกฝนตัวน้อยไร้ซึ่งเต๋า หรือว่าเป็นศิษย์ที่โดนปลดจากสำนักฝึกฝน รู้ตัวว่าฝึกฝนไม่ได้และไม่สามารถบรรลุความสำเร็จยิ่งใหญ่ใด ๆ ได้ จึงมาอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์และใช้ชีวิตมีความสุขในแบบมนุษย์แทน’

หลิงอินคิดกับตัวเอง โดยคิดว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงคนที่พยายามสร้างชื่อเสียง และไม่มีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าหลิงอินมองไปยังแมวขาวตัวน้อย ก็เผลอคิดว่าป้าหวังนั้นช่างเก่งกาจเสียจริง

หลังจากเห็นเจ้าแมวตัวน้อยที่เขาเลี้ยงไว้ ป้าหวังก็ชมว่ามันสวยงามมาก และขอให้เขาพาแมวขาวตัวน้อยไปดูตัวด้วย โดยบอกว่าสาว ๆ ชอบสัตว์เลี้ยงสวยงามเช่นนี้

ดูเหมือนว่าป้าหวังจะพูดถูก ดวงตาของหลิงอินจ้องไปที่แมวขาวตัวน้อยอยู่เสมอ

อีกด้านหนึ่ง ลั่วสุ่ยไม่อาจหยุดหัวเราะในใจได้

นางคิดว่ามันน่าตลกนักที่บุคคลทรงอำนาจเช่นผู้อาวุโสจะมาดูตัวจริง ๆ!

พูดเช่นนี้ไปใครจะเชื่อ!

‘ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าการเป็นคนธรรมดาจะไม่ง่ายเช่นนี้!’

นางหัวเราะอยู่ในใจ

‘นี่ป้าหวัง หากท่านเป็นผู้ฝึกตน ท่านจะยังกล้าผู้อาวุโสมาดูตัวอีกหรือไม่?’

‘โอ๊ะ นี่เจ้าพยายามทำให้ข้าหลงใหลด้วยอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้ฝึกตนเช่นนั้นหรือ ขออภัยด้วย ข้าไม่ใช่มนุษย์ผู้หญิง ในเมื่อข้ามาแล้ว ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง’

หลิงอินหัวเราะในใจ

อย่างไรแล้วนางก็ออกไปตอนนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ นางจะยอมเล่นกับหลี่จิ่วเต้า ผู้ฝึกฝนตัวน้อยผู้นี้ก็ได้

เด็กสาวอุ้มแมวขาวตัวน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือทั้งสองข้างสัมผัสขนนุ่มของวิฬาร์ขาวแล้วเอ่ยว่า “แมวขาวตัวน้อยนี้น่ารักนัก ท่านเลี้ยงไว้หรือ”

“ใช่แล้ว”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าแล้วตอบ “เสี่ยวไป๋เดิมเป็นแมวป่า บังเอิญมันเดินเข้ามาในร้านของข้า ข้าเห็นว่ามันน่าสงสาร ก็เลยเลี้ยงไว้น่ะ”

“ท่านช่างเป็นห่วงเป็นใยยิ่งนัก!”

หลิงอินกล่าวอย่างชื่นชม

อย่างไรก็ตาม นางเย้ยหยันหลี่จิ่วเต้าในใจ

‘แมวป่าบนเส้นทางแห่งการฝึกฝน? นี่กำลังโกหกผู้ใดรึ…’

“ข้าได้ยินมาว่าท่านเชี่ยวชาญการวาดภาพ เขียนพู่กันและเล่นหมากล้อม อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมที่ไม่ธรรมดา สตรีผู้นี้ชื่นชมท่านมาแสนนาน สงสัยเหลือเกินว่าข้าจะมีโอกาสได้เชยชมหรือไม่”

นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม