ตอนที่ 53 เส้นทางสู่โหร

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

ช่วงวันหยุดฤดูหนาวของสถาบันได้มาถึงแล้ว บรรยากาศที่เคยครื้นเครงกลับหลงเหลือไว้แต่ความเงียบสงบ

นักเรียนที่ยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่ที่สนามฝึกก็ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าเทียบกับปกติแล้วก็จะสังเกตได้ว่าที่นี่เงียบขึ้นมากเลย

และในสถาบันที่เงียบสงบแห่งนี้ ชั้นก็กำลังทำการต้อนรับแขกคนหนึ่งอยู่

ก็นะ…จะเรียกว่า “คนหนึ่ง” ก็คงไม่ถูกซะทีเดียว

เพราะคนคนนี้พาทหารคุ้มกันตามมาด้วยเป็นโหลเลย เรียกว่าหลายคนน่าจะถูกกว่า

ที่ชั้นที่ห้าของสถาบันที่ถือเป็นชั้นรับรองแขก แต่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของชั้นไปแล้ว ชั้นและแขกคนนี้ก็นั่งจิบชาคุยกันอยู่

“ขอบคุณที่มานะคะราชาไอส์ แต่จริงๆแล้วคุณไม่ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองก็ได้นี่คะ น่าจะให้ชั้นไปหาแทน”

“ไม่ขอรับ หากท่านต้องการข้า ข้าก็จะรีบมาหาโดยทันที อย่างไรซะเรื่องแค่นี้ก็ไม่อาจชดใช้บาปของข้าได้อยู่แล้ว”

คนที่อยู่ตรงหน้าชั้นคือตัวการของเหตุการณ์กักบริเวณชั้นครั้งที่แล้ว ราชาไอส์แห่งราชอาณาจักรบิลเบอรี่

ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น ลุงคนนี้ก็ดูจะให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน

…ถ้าพูดไป จริงๆก่อนหน้านี้ก็ทำทีเป็นแบบนี้ไม่ใช่เรอะ

ชั้นก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรเขาในเหตุการณ์ครั้งก่อนด้วย ปล่อยให้ลอยนวลไปง่ายๆเลย

ยังไงซะลุงแกก็ไม่ได้เอาผิดพวกเวอร์เนล ถ้าชั้นกล่าวโทษลุงว่ามีความผิดอยู่คนเดียวล่ะก็ มันจะดูเป็นพวกไม่อ่านบรรยากาศเอาได้

ลุงไอส์แกดูจะกังวลมากว่าชั้นจะกลายเป็นแม่มดคนต่อไปหลังจากที่ปราบแม่มดคนปัจจุบันเสร็จ ชั้นก็คงบอกได้แค่ว่านั่นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน

ถ้าชั้นบอกความจริงไปล่ะก็ อันตรายอาจจะตกไปอยู่กับเอเทอร์น่าแทนก็ได้ ชั้นเลยให้คำตอบโหวงๆไป แต่ลุงแกก็ดูจะเชื่อชั้นเพราะอะไรบางอย่าง

จะดีเหรอลุง? ลุงไม่ใช่คาแรคเตอร์แบบนี้นี่?

เกิดอะไรขึ้นนิ?

ครั้งนี้ชั้นส่งจดหมายนัดพบไป แต่แทนที่จะตอบกลับมาก่อน ลุงแกก็เดินทางมาด้วยตัวเองเลย

เป็นราชาแท้ๆ เคลื่อนไหมตามใจแบบนี้จะดีเรอะ?

“เอาล่ะ…ท่านกล่าวว่าต้องการความรู้ของของข้าผู้ชราผู้นี้ ท่านต้องการจะรู้เรื่องใดรึ?”

“ชั้นต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับคนที่ถูกเรียกว่า โหร น่ะค่ะ”

พอได้ยินแบบนั้น ราชาไอส์ก็ยกคิ้ว

จากท่าทางแบบนั้น แสดงว่าต้องรู้อะไรสักอย่างแน่

“หลายชั่วอายุคนมาแล้ว โหรจะทำการพยากรณ์การถือกำเนิดขึ้นของเซนต์ และแจ้งสถานที่เกิดให้แก่ราชาของยุคสมัยนั้น…แต่ว่า ชั้นไม่มีข้อมูลใดๆของคนคนนั้นเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือว่าอยู่ที่ไหน…ตั้งแต่แรกแล้ว ชั้นไม่เข้าใจเลยค่ะว่าการพยากรณ์ที่ว่านี่เป็นไปได้อย่างไร ตัวชั้นเองก็มีความเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์อยู่พอสมควรนะคะ แต่การจะมองเห็นอนาคต…เวทมนตร์ที่สามารถทำแบบนั้นได้ไม่มีอยู่หรอกค่ะ ชั้นถึงไม่เข้าใจค่ะ ว่าโหรคนนี้ทำแบบนั้นได้อย่างไร”

“ฮืม…หากท่านถูกเรียกว่า มีความเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์พอสมควร ถ้าอย่างนั้นคนที่เหลือในโลกก็คงเป็นเพียงแค่เท่านั้นล่ะขอรับ”

ไอส์หัวเราะให้กับคำพูดของชั้น

ใช่มั้ยล่ะ? -ตูนี่มันโคตรเทพจนเกินไปจริงๆนั่นแหละ ถึงจะหมายถึงร่างกายนี้แทนที่จะเป็นตัวชั้นก็เถอะ

ไอ้นั่นไง การถ่อมตัวเป็นสัญลักษณ์ของคนญี่ปุ่น

รู้แหละว่าชั้นนี่คือระดับเทพเจ้าในด้านเวทมนตร์แล้ว แต่ก็ต้องถล่มตัวเข้าไว้

“ถ้าจะพูดให้ถูก แทนที่จะเรียกว่าโหร เรียกว่าคนทรงน่าจะเหมาะกว่านะขอรับ..ไม่ใช่ว่าเขามีความสามารถในการมองเห็นอนาคต แต่เขาได้ยินเสียงของพระเจ้าและถ่ายทอดคำเหล่านั้นให้ผู้คนฟังได้ หากเซนต์คือตัวแทนของพระเจ้า โหรก็คือโฆษกของพระเจ้าขอรับ มีเพียงราชาในแต่ละยุคสมัยเท่านั้นที่รับรู้เกี่ยวกับเขา และสถานที่อาศัยก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับระดับชาติ”

ชั้นพยักหน้าให้กับคำพูดของลุงไอส์

ต่างกันงี้นี่เอง

ไม่ใช่ว่ามองเห็นอนาคต แต่ได้ยินเสียงของพระเจ้า…หรือถ้าพูดให้ถูกก็น่าจะเป็นเสียงของโลก ที่เป็นต้นกำเนิดของเซนต์

ได้ยินเสียงนั้น จากนั้นจึงถ่ายทอดออกมาเป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับการกำเนิดของเซนต์

ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเมคเซนส์มากกว่าการ “ทำนายอนาคต” ล่ะนะ

ปัญหาก็คือทำไมคนสำคัญขนาดนี้ถึงไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยล่ะ

“ทำไมคนที่สำคัญถึงขนาดนั้นถึงไปซ่อนตัวล่ะคะ? ชั้นก็คิดว่าทางร่ชวงศ์น่าจะต้องการทำให้มั่นใจว่าเขาจะปลอดภับให้ได้มากที่สุดเสียอีก”

“ในเรื่องนั้น ถ้าได้เจอกันตรงๆก็จะเข้าใจเองล่ะขอรับ ในตอนที่ตัวข้าพบเขาครั้งแรกก็ตะลึงไปเหมือนกัน”

ถ้าได้เจอก็จะเข้าใจเอง เหรอ

ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเจอกันตรงๆเลยดีกว่า

แน่นอนว่าถ้าได้รับอณุญาตน่ะนะ

“ช่วยพาชั้นไปหาเขาได้ไหมคะ?”

“แน่นอนขอรับ แต่ว่า จะมีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถไปด้วยได้ ไม่อาจมีผู้ติดตามคนอื่นไปได้อีก…พูดตรงๆ แค่พาท่านไปด้วยนี่ก็ถือเป็นการดึงสัญญาที่ทำไว้จนยืดแล้วล่ะขอรับ”

แค่ชั้นสินะ โอเค ไม่มีปัญหา

ตั้งแต่แรกแล้ว ชั้นไม่จำเป็นต้องมีคนคุ้มกันด้วยซ้ำ

แต่การที่โหรคนนี้สามารถทำสัญญากับราชาและสามารถควบคุมให้ปกป้องตัวเองได้ ดีไม่ดีเจ้าโหรนี่อาจจะถือว่ามีตำแหน่งใหญ่กว่าเซนต์ก็เป็นได้นะ

จากภายนอกก็จะคิดว่าเซนต์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโลกนี้ แต่จริงๆแล้วพวกเธอก็เป็นแค่ตัวสังเวย

“ช้าก่อนค่ะ การจะให้พวกท่านเดินทางไปเพียงสองคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้…อย่างน้อยที่สุดช่วยพาดิฉันไปด้วยเถอะค่ะ…”

เลย์ล่าที่ยืนอยู่ข้างหลังชั้นพูดอย่างนี้

โอ้ย ฟังที่คุยกันบ้างมั้ยเนี่ยยัยสต๊อกโกะ?

ลุงไอส์มองที่เลย์ล่าด้วยสายตาเย็นชาและตอบกลับ

“ไม่สามารถอณุญาต นี่เป็นสถานที่ที่มีเพียงราชาเท่านั้นที่จะสามารถล่วงรู้ได้ กระทั่งท่านเอลริสก็ไม่ควรที่จะรับรู้ในเรื่องนี้ตามปกติ ข้าไม่อาจเพิ่มข้อยกเว้นให้มากกว่านี้ได้แล้ว”

“แต่ว่า…”

“เลย์ล่าจ๊ะ”

ถึงลุงแกจะพูดอย่างนั้น แต่เลย์ล่าก็ยังอยากตามไปด้วย

มาเถียงกันตรงนี้ก็ไม่มีความหมายหรอก เกิดลุงแกคิดว่ายุ่งยากแล้วเปลี่ยนใจไม่พาชั้นไปด้วยจะซวยเอา

ต้องให้เลย์ล่าเงียบๆไปก่อน

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เชื่อในตัวชั้นแล้วก็รอจนกว่าชั้นจะกลับมานะ”

“อู…”

ท่าไม้ตาย “บีลีฟ อิน มี”

พอพูดไปแบบนั้น เลย์ล่าก็ไม่มีทางเลิอกนอกจากเงียบ

ชั้นอุตส่าห์พูดแบบนั้นในฐานะเจ้านายแล้ว ถ้าเธอยังดื้อดึงอีก ก็จะถือว่าไม่เชื่อใจในตัวชั้น

เลย์ล่าที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวของชั้นไม่สามารถขัดได้หรอกนะ

“…เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าท่านเอลริสพูดอย่างนั้นล่ะก็…”

เหมือนเลย์ล่ามีเรื่องอยากจะพูดเพิ่ม แต่ก็เงียบไป

โอเคแหละ

ทีนี้ก็รีบให้ลุงไอส์พาชั้นไปหาโหรเร็วๆเลยดีกว่า

โชคดีที่นี่เป็นช่วงหยุดฤดูหนาว เบยไม่มีอีเวนต์อะไรสำคัญเท่าไร

ก็มีอีเวนต์ประจำตัวของนางเอกแต่ละคนอยู่ แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไรที่ชั้นจะต้องอยู่ช่วย

.

วิธีที่เราจะไปหาโหรได้ น่าตกใจมาก…! จะต้องนั่ง รถจักรไอน้ำ ไปล่ะ

ก็รู้อยู่หรอกว่าโลกนี้มีของอย่างรถจักรไอน้ำด้วย แต่ก็เพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งแรกเลย

ปกติชั้นก็จะบินไป หรือไม่ก็นั่งรถม้าไป นี่เป็นประสบการณ์ใหม่เลยนะเนี่ย

ชั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับลุงไอส์ เพราะไม่มีอะไรจะทำชั้นเลยมองวิวข้างนอกเล่น

ไม่มีอะไรทำเลยอ่ะ คุยกับลุงแกก็ได้

“ถึงแม้สถานที่จะเป็นความลับ แต่ก็มีรางที่นำไปถึงนะคะเนี่ย…?”

“ขอรับ เพราะอย่างไรซะรถจักรไอน้ำนี้ก็เป็นพาหนะส่วนตัวของราชวงศ์ คนทั่วไปไม่อาจใช้ได้หรอกขอรับ”

งี้นี่เอง…ถึงต้องใช้รถจักรไอน้ำ…

พอมาคิดดู ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ

มีแค่ราชาเท่านั้นที่สามารถไปยังสถานที่ที่โหรอยู่ได้

เพราะอย่างนั้นก็นั่งรถม้าไปไม่ได้เพราะต้องมีคนขับ แต่จะให้ราชาเดินไปเองก็คงไม่ได้เหมือนกัน

โลกในตอนนี้น่ะค่อนข้างที่จะสงบสุข โอกาสที่จะถูกปีศาจโจมตีลดเหลือไม่ถึงหนึ่งในพันจากเมื่อก่อน แต่ถ้าพูดอีกอย่างก็คือ เมื่อก่อนมีโอกาสที่จะถูกปีศาจโจมตีระหว่างเดินทางกว่าพันเท่าเมื่อเทียบกับตอนนี้

ปล่อยให้ราชาเสี่ยงเดินไปเองท่ามกลางอันตรายชนาดนั้นไม่ได้หรอก

แต่จริงๆรถจักรไอน้ำก็ยังอันตรายนา

โอกาสที่ปีศาจจะลอบเข้ามาแอบในรถก็ไม่ใช่ศูนย์ซักหน่อย

“แต่ถึงจะเป็นรถจักรไอน้ำ ให้ราชาเดินทางคนเดียวนี่ก็ยังอันตรายมากนะคะ”

“ถ้าแค่เดินทางคนเดียวยังทำไม่ได้ก็ไม่คู่ควรกับการเป็นราชาหรอกขอรับ…เป็นเช่นนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว การจะไปพบท่านโหรก็เป็นการทดสอบหนึ่งสำหรับราชา นับเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งน่ะขอรับ ข้าเองก็เคยนั่งรถจักรนี้…หวังจะเป็นราชาที่สามารถช่วยเหลือลิเลียได้ บุตรชายของข้าเองก็เคยนั่งรถจักรนี้เช่นกัน”

กับลุงที่พูดเหงาๆแบบนี้ ชั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรตอบเลย

หนักง่ะ…ทำไมต้องพูดอะไรหนักอึ้งแบบนี้ด้วยนะลุงเอ๊ย?

ไอ้นั่นใช้มั้ย? ลุงพยายามอย่างหนักเพื่อจะช่วยเหลือลิเลีย เซนต์คนก่อนอเล็กเซีย

ถ้าจำไม่ผิด เธอคือคนที่รับรู้เกี่ยวกับชะตากรรมของเซนต์ ก็เลยเอาตัวเข้าสู้กับปีศาจจนโดนฆ่า

แล้วก็เรื่องที่ลูกลุงเคยนั่งรถจักรคันนี้มาก่อนน่ะ…แต่ลุงคือราชาคนปัจจุบันใช่มั้ยล่ะ

ลูกลุงเข้ารับบททดสอบเพื่อเป็นราชา แต่สุดท้ายลุงก็ยังคงตำแหน่งราชาอยู่เหมือนเดิม ก็แปลว่า…ลูกลุงแกเสียไปแล้วสินะ

ไม่รู้ว่าตายในระหว่างการทดสอบนี้ หรือตายหลังจากนั้นไปอีก

ทำเอาบรรยากาศหนักอึ้งเลยเนี่ย ไม่น่าหยิบเรื่องนี้มาคุยเลยน้อ…

“จะว่าไปแล้ว มีแค่ราชาเท่านั้นที่ได้รับอณญาติให้ไปหาท่านโหร ถ้าอย่างนั้นคนที่ขับรถจักรคันนี้อยู่ล่ะคะ?”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกชอรับ คนพวกนั้นคือข้ารับใช้ทีาถูกเลือกโดยท่านโหรเอง เราเรียกพวกเขาว่า “ผู้พิทักษ์”

ลุงบอกว่าคนที่ขับรถคันนี้อยู่ไม่ใช่พลเมืองของราชอาณาจักรใด

ผู้พิทักษ์เรอะ…ไม่รู้คิดไปเองรึเปบ้า แต่ชั้นคิดถึงคนป่ากึ่งเปลือยที่ใส่แต่ท่อนล่าง ถือหอก ทาหน้าเป็นลาย แล้วก็พูดไม่เป็นภาษา

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงมาขับรถจักรไม่ได้หรอกมั้ง คงไม่ใช่แหละ

“ผู้พิทักษ์…หรือคะ? จะเป็นคนแบบไหนกันนะคะ อย่างจะเจอเร็วๆจังเลย”

ไม่มีทางเป็นคนป่าแบบที่ชั้นจินตนาการหรอกน่า

อย่างน้อยก็น่าจะมีสติปัญญามากกว่า ดูเป็นมนุษย์มากกว่า

ดีไม่ดีอารยธรรมอาจจะก้าวหน้าจัด จนสวมชุดสไตล์แบบคนจากโบกอนาคตไรงี้ก็ได้

พอคิดแบบนั้น จู่ๆประตูก็เปิดออก แล้วก็มีบางอย่างเข้ามา

“อุกะ! อุกะ! อุกะ!”(ปีศาจบุกโจมตีครับท่าน! ปีศาจโจมตีมาจากบนฟ้าครับ!)[*พวกผู้พิทักษ์จะพูดแบบกลับหน้ากลับหลัง มันแปลเป็นภาษาไทยยากเกิน เลยขอแทนด้วยเสียงอุกะอุกะ แล้วก็แปลความหมายนะครับ]

! ?

“อุกะ! อุกะ!”(ท่านราชากับท่านเซนต์! พวกเราจะปกป้องพวกท่านเองครับ!)

! ?

คนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือ…ตัวอะไร…ซักอย่าง?

คล้ายๆกับลิงที่สวมชุดขนสัตว์

แต่ก็ไม่ใช่ลิง ดูดีๆอาจจะคล้ายกับมนุษย์มากกว่า แต่…ไม่หรอก ก็ลิงเนี่ยแหละ

ยิ่งกว่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าพยายามที่จะพูดอะไรกันแน่

ชั้นหันไปหาลุงที่เงียบอยู่ ส่วนลุงแกก็พยักหน้า

“ใช่แล้วขอรับ พวกเขาคือผู้พิทักษ์”

อย่ามาล้อเล่นน่า! ไม่ว่าจะดูยังไง นี่มันก็มนุษย์ถ้ำไม่ใช่เรอะ!

ลางสังหรณ์ถูกเผงเลย! ถึงจะไม่อยากให้มันถูกก็เถอะ

นี่มันยิ่งกว่าคนป่าด้อยพัฒณาอีก นี่ย้อนไปถึงยุคหินเลยนี่หว่า!

แล้วไอ้อาวุธที่เอามาด้วยนี่มันก็ขวานหินไม่ใช่เรอะ!?

“เอ่ออ…พวกเขาพูดเรื่องอะไรกันหรือคะ?”

“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ แต่ดูเหมือนว่าจะกระวนกระวายกับบางสิ่งบางอย่างกัน”

ดูเหมือนลุงแกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าพวกนี้คุยอะไรกันอยู่

พวกผู้พิทักษ์มายืนล้อมเราไว้เป็นวงหันหน้าออก และยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาพร้อมสู้

น่าจะ…พยายามปกป้องพวกเราล่ะมั้ง?

“อุกะ! อุกะ!”(ใกล้ๆหน้าต่างมันอันตรายครับ! รีบถอยออกมา!)

เหมือนจะพยายามบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็ว่าแล้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่พยายามจะพูดเลยซักนิด

เพราะอะไรบางอย่าง ดูเหมือนอยากจะให้ชั้นถอยห่างจากหน้าต่าง

อะไรนิ? จะให้ชั้นทำอะไร?

พอคิดแบบนั้น คนที่พยายามดันชั้นออกห่างจากหน้าต่างก็โดนกรงเล็บนกที่โผล่มาจากไหนไม่รู้โฉบไป

อ้าา—…เข้าใจล่ะ พยายามขะบอกว่าใกล้ๆหน้าต่างมันอันตรายนี่เอง

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกปีศาจโจมตีค่ะ”

สิ่งมีชีวิตที่บินอยู่ด้านนอกคือนกขนาดใหญ่ที่มีปีกกว้างกว่าสามเมตร

ปีกเป็นสีดำ ตัวเป็นสีชาว

หน้าตาค่อนข้างจะออกไปทางน่ารัก

มันหันมาทางนี้และร้องเสียงดัง

“ไอ้โง่!”

ร้องหาเรื่องกันนี่หว่า

จำได้แล้ว แกคือเจ้านก”ไอ้โง่!”ตัวนั้นเอง

เป็นลูกกระจ๊อกที่จะพบเห็นได้ในเกม

“อุกะ! อุกะ!”(ไม่ต้องห่วงข้า! ปกป้องทั้งสองคนให้ได้!)

ผู้พิทักษ์ที่โดนจับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตามปกติ ไม่เข้าใจที่แกพูดเลย

สงสัยจะพูดว่า “รีบๆมาช่วยทีสิ! ชั้นโดนจับเพราะพวกแกนะ!” แบบนั้นล่ะมั้ง?

ก็ไม่มีงานอดิเรกชอบช่วยเหลือลิงหรอกนะ…แต่ถ้าปล่อยสถานการณ์ไว้แบบนี้จะทำให้ชั้นลำบากใจ

ซักหน่อยแล้วกัน

ชั้นใช้ดาบแห่งแสงตัดเจ้านกในทีเดียว จากนั้นก็พาผู้พิทักษ์กลับมาที่รถจักร

“อุกะ! อุกะ!”(สุดยอด! เธอแข็งแกร่งสุดๆเลย!)

“อุก้า! อุก๊า!'(ท่านเซนต์! เธอช่วยพวกพ้องของเราไว้!)

พอกลับมาถึงรถ พวกผู้พิทักษ์ก็ส่งเสียงโหวกเหวก

เหมือนจะดีใจกันล่ะมั้ง

ผู้พิทักษ์ที่ชั้นช่วยมาได้จับมือชั้นแล้วก็พูดบางอย่างพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย

“อุกะ! อุก๊า! อุกี๊กี๊!”(ขอบคุณมากครับ! ขอบคุณจริงๆ! ท่านช่วยชีวิตกระผมไว้!)

ไม่รู้ว่าพูดอะไร แต่เหมือนจะขอบคุณชั้นอยู่…มั้งนะ

โดนลิงขอบคุณนี่ไม่ดีใจเลยเฟ้ย…