ช่วงวันหยุดฤดูหนาวของสถาบันได้มาถึงแล้ว บรรยากาศที่เคยครื้นเครงกลับหลงเหลือไว้แต่ความเงียบสงบ
นักเรียนที่ยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่ที่สนามฝึกก็ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าเทียบกับปกติแล้วก็จะสังเกตได้ว่าที่นี่เงียบขึ้นมากเลย
และในสถาบันที่เงียบสงบแห่งนี้ ชั้นก็กำลังทำการต้อนรับแขกคนหนึ่งอยู่
ก็นะ…จะเรียกว่า “คนหนึ่ง” ก็คงไม่ถูกซะทีเดียว
เพราะคนคนนี้พาทหารคุ้มกันตามมาด้วยเป็นโหลเลย เรียกว่าหลายคนน่าจะถูกกว่า
ที่ชั้นที่ห้าของสถาบันที่ถือเป็นชั้นรับรองแขก แต่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของชั้นไปแล้ว ชั้นและแขกคนนี้ก็นั่งจิบชาคุยกันอยู่
“ขอบคุณที่มานะคะราชาไอส์ แต่จริงๆแล้วคุณไม่ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองก็ได้นี่คะ น่าจะให้ชั้นไปหาแทน”
“ไม่ขอรับ หากท่านต้องการข้า ข้าก็จะรีบมาหาโดยทันที อย่างไรซะเรื่องแค่นี้ก็ไม่อาจชดใช้บาปของข้าได้อยู่แล้ว”
คนที่อยู่ตรงหน้าชั้นคือตัวการของเหตุการณ์กักบริเวณชั้นครั้งที่แล้ว ราชาไอส์แห่งราชอาณาจักรบิลเบอรี่
ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น ลุงคนนี้ก็ดูจะให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน
…ถ้าพูดไป จริงๆก่อนหน้านี้ก็ทำทีเป็นแบบนี้ไม่ใช่เรอะ
ชั้นก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรเขาในเหตุการณ์ครั้งก่อนด้วย ปล่อยให้ลอยนวลไปง่ายๆเลย
ยังไงซะลุงแกก็ไม่ได้เอาผิดพวกเวอร์เนล ถ้าชั้นกล่าวโทษลุงว่ามีความผิดอยู่คนเดียวล่ะก็ มันจะดูเป็นพวกไม่อ่านบรรยากาศเอาได้
ลุงไอส์แกดูจะกังวลมากว่าชั้นจะกลายเป็นแม่มดคนต่อไปหลังจากที่ปราบแม่มดคนปัจจุบันเสร็จ ชั้นก็คงบอกได้แค่ว่านั่นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ถ้าชั้นบอกความจริงไปล่ะก็ อันตรายอาจจะตกไปอยู่กับเอเทอร์น่าแทนก็ได้ ชั้นเลยให้คำตอบโหวงๆไป แต่ลุงแกก็ดูจะเชื่อชั้นเพราะอะไรบางอย่าง
จะดีเหรอลุง? ลุงไม่ใช่คาแรคเตอร์แบบนี้นี่?
เกิดอะไรขึ้นนิ?
ครั้งนี้ชั้นส่งจดหมายนัดพบไป แต่แทนที่จะตอบกลับมาก่อน ลุงแกก็เดินทางมาด้วยตัวเองเลย
เป็นราชาแท้ๆ เคลื่อนไหมตามใจแบบนี้จะดีเรอะ?
“เอาล่ะ…ท่านกล่าวว่าต้องการความรู้ของของข้าผู้ชราผู้นี้ ท่านต้องการจะรู้เรื่องใดรึ?”
“ชั้นต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับคนที่ถูกเรียกว่า โหร น่ะค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น ราชาไอส์ก็ยกคิ้ว
จากท่าทางแบบนั้น แสดงว่าต้องรู้อะไรสักอย่างแน่
“หลายชั่วอายุคนมาแล้ว โหรจะทำการพยากรณ์การถือกำเนิดขึ้นของเซนต์ และแจ้งสถานที่เกิดให้แก่ราชาของยุคสมัยนั้น…แต่ว่า ชั้นไม่มีข้อมูลใดๆของคนคนนั้นเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือว่าอยู่ที่ไหน…ตั้งแต่แรกแล้ว ชั้นไม่เข้าใจเลยค่ะว่าการพยากรณ์ที่ว่านี่เป็นไปได้อย่างไร ตัวชั้นเองก็มีความเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์อยู่พอสมควรนะคะ แต่การจะมองเห็นอนาคต…เวทมนตร์ที่สามารถทำแบบนั้นได้ไม่มีอยู่หรอกค่ะ ชั้นถึงไม่เข้าใจค่ะ ว่าโหรคนนี้ทำแบบนั้นได้อย่างไร”
“ฮืม…หากท่านถูกเรียกว่า มีความเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์พอสมควร ถ้าอย่างนั้นคนที่เหลือในโลกก็คงเป็นเพียงแค่เท่านั้นล่ะขอรับ”
ไอส์หัวเราะให้กับคำพูดของชั้น
ใช่มั้ยล่ะ? -ตูนี่มันโคตรเทพจนเกินไปจริงๆนั่นแหละ ถึงจะหมายถึงร่างกายนี้แทนที่จะเป็นตัวชั้นก็เถอะ
ไอ้นั่นไง การถ่อมตัวเป็นสัญลักษณ์ของคนญี่ปุ่น
รู้แหละว่าชั้นนี่คือระดับเทพเจ้าในด้านเวทมนตร์แล้ว แต่ก็ต้องถล่มตัวเข้าไว้
“ถ้าจะพูดให้ถูก แทนที่จะเรียกว่าโหร เรียกว่าคนทรงน่าจะเหมาะกว่านะขอรับ..ไม่ใช่ว่าเขามีความสามารถในการมองเห็นอนาคต แต่เขาได้ยินเสียงของพระเจ้าและถ่ายทอดคำเหล่านั้นให้ผู้คนฟังได้ หากเซนต์คือตัวแทนของพระเจ้า โหรก็คือโฆษกของพระเจ้าขอรับ มีเพียงราชาในแต่ละยุคสมัยเท่านั้นที่รับรู้เกี่ยวกับเขา และสถานที่อาศัยก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับระดับชาติ”
ชั้นพยักหน้าให้กับคำพูดของลุงไอส์
ต่างกันงี้นี่เอง
ไม่ใช่ว่ามองเห็นอนาคต แต่ได้ยินเสียงของพระเจ้า…หรือถ้าพูดให้ถูกก็น่าจะเป็นเสียงของโลก ที่เป็นต้นกำเนิดของเซนต์
ได้ยินเสียงนั้น จากนั้นจึงถ่ายทอดออกมาเป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับการกำเนิดของเซนต์
ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเมคเซนส์มากกว่าการ “ทำนายอนาคต” ล่ะนะ
ปัญหาก็คือทำไมคนสำคัญขนาดนี้ถึงไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยล่ะ
“ทำไมคนที่สำคัญถึงขนาดนั้นถึงไปซ่อนตัวล่ะคะ? ชั้นก็คิดว่าทางร่ชวงศ์น่าจะต้องการทำให้มั่นใจว่าเขาจะปลอดภับให้ได้มากที่สุดเสียอีก”
“ในเรื่องนั้น ถ้าได้เจอกันตรงๆก็จะเข้าใจเองล่ะขอรับ ในตอนที่ตัวข้าพบเขาครั้งแรกก็ตะลึงไปเหมือนกัน”
ถ้าได้เจอก็จะเข้าใจเอง เหรอ
ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเจอกันตรงๆเลยดีกว่า
แน่นอนว่าถ้าได้รับอณุญาตน่ะนะ
“ช่วยพาชั้นไปหาเขาได้ไหมคะ?”
“แน่นอนขอรับ แต่ว่า จะมีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถไปด้วยได้ ไม่อาจมีผู้ติดตามคนอื่นไปได้อีก…พูดตรงๆ แค่พาท่านไปด้วยนี่ก็ถือเป็นการดึงสัญญาที่ทำไว้จนยืดแล้วล่ะขอรับ”
แค่ชั้นสินะ โอเค ไม่มีปัญหา
ตั้งแต่แรกแล้ว ชั้นไม่จำเป็นต้องมีคนคุ้มกันด้วยซ้ำ
แต่การที่โหรคนนี้สามารถทำสัญญากับราชาและสามารถควบคุมให้ปกป้องตัวเองได้ ดีไม่ดีเจ้าโหรนี่อาจจะถือว่ามีตำแหน่งใหญ่กว่าเซนต์ก็เป็นได้นะ
จากภายนอกก็จะคิดว่าเซนต์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโลกนี้ แต่จริงๆแล้วพวกเธอก็เป็นแค่ตัวสังเวย
“ช้าก่อนค่ะ การจะให้พวกท่านเดินทางไปเพียงสองคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้…อย่างน้อยที่สุดช่วยพาดิฉันไปด้วยเถอะค่ะ…”
เลย์ล่าที่ยืนอยู่ข้างหลังชั้นพูดอย่างนี้
โอ้ย ฟังที่คุยกันบ้างมั้ยเนี่ยยัยสต๊อกโกะ?
ลุงไอส์มองที่เลย์ล่าด้วยสายตาเย็นชาและตอบกลับ
“ไม่สามารถอณุญาต นี่เป็นสถานที่ที่มีเพียงราชาเท่านั้นที่จะสามารถล่วงรู้ได้ กระทั่งท่านเอลริสก็ไม่ควรที่จะรับรู้ในเรื่องนี้ตามปกติ ข้าไม่อาจเพิ่มข้อยกเว้นให้มากกว่านี้ได้แล้ว”
“แต่ว่า…”
“เลย์ล่าจ๊ะ”
ถึงลุงแกจะพูดอย่างนั้น แต่เลย์ล่าก็ยังอยากตามไปด้วย
มาเถียงกันตรงนี้ก็ไม่มีความหมายหรอก เกิดลุงแกคิดว่ายุ่งยากแล้วเปลี่ยนใจไม่พาชั้นไปด้วยจะซวยเอา
ต้องให้เลย์ล่าเงียบๆไปก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เชื่อในตัวชั้นแล้วก็รอจนกว่าชั้นจะกลับมานะ”
“อู…”
ท่าไม้ตาย “บีลีฟ อิน มี”
พอพูดไปแบบนั้น เลย์ล่าก็ไม่มีทางเลิอกนอกจากเงียบ
ชั้นอุตส่าห์พูดแบบนั้นในฐานะเจ้านายแล้ว ถ้าเธอยังดื้อดึงอีก ก็จะถือว่าไม่เชื่อใจในตัวชั้น
เลย์ล่าที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวของชั้นไม่สามารถขัดได้หรอกนะ
“…เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าท่านเอลริสพูดอย่างนั้นล่ะก็…”
เหมือนเลย์ล่ามีเรื่องอยากจะพูดเพิ่ม แต่ก็เงียบไป
โอเคแหละ
ทีนี้ก็รีบให้ลุงไอส์พาชั้นไปหาโหรเร็วๆเลยดีกว่า
โชคดีที่นี่เป็นช่วงหยุดฤดูหนาว เบยไม่มีอีเวนต์อะไรสำคัญเท่าไร
ก็มีอีเวนต์ประจำตัวของนางเอกแต่ละคนอยู่ แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไรที่ชั้นจะต้องอยู่ช่วย
.
วิธีที่เราจะไปหาโหรได้ น่าตกใจมาก…! จะต้องนั่ง รถจักรไอน้ำ ไปล่ะ
ก็รู้อยู่หรอกว่าโลกนี้มีของอย่างรถจักรไอน้ำด้วย แต่ก็เพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งแรกเลย
ปกติชั้นก็จะบินไป หรือไม่ก็นั่งรถม้าไป นี่เป็นประสบการณ์ใหม่เลยนะเนี่ย
ชั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับลุงไอส์ เพราะไม่มีอะไรจะทำชั้นเลยมองวิวข้างนอกเล่น
ไม่มีอะไรทำเลยอ่ะ คุยกับลุงแกก็ได้
“ถึงแม้สถานที่จะเป็นความลับ แต่ก็มีรางที่นำไปถึงนะคะเนี่ย…?”
“ขอรับ เพราะอย่างไรซะรถจักรไอน้ำนี้ก็เป็นพาหนะส่วนตัวของราชวงศ์ คนทั่วไปไม่อาจใช้ได้หรอกขอรับ”
งี้นี่เอง…ถึงต้องใช้รถจักรไอน้ำ…
พอมาคิดดู ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ
มีแค่ราชาเท่านั้นที่สามารถไปยังสถานที่ที่โหรอยู่ได้
เพราะอย่างนั้นก็นั่งรถม้าไปไม่ได้เพราะต้องมีคนขับ แต่จะให้ราชาเดินไปเองก็คงไม่ได้เหมือนกัน
โลกในตอนนี้น่ะค่อนข้างที่จะสงบสุข โอกาสที่จะถูกปีศาจโจมตีลดเหลือไม่ถึงหนึ่งในพันจากเมื่อก่อน แต่ถ้าพูดอีกอย่างก็คือ เมื่อก่อนมีโอกาสที่จะถูกปีศาจโจมตีระหว่างเดินทางกว่าพันเท่าเมื่อเทียบกับตอนนี้
ปล่อยให้ราชาเสี่ยงเดินไปเองท่ามกลางอันตรายชนาดนั้นไม่ได้หรอก
แต่จริงๆรถจักรไอน้ำก็ยังอันตรายนา
โอกาสที่ปีศาจจะลอบเข้ามาแอบในรถก็ไม่ใช่ศูนย์ซักหน่อย
“แต่ถึงจะเป็นรถจักรไอน้ำ ให้ราชาเดินทางคนเดียวนี่ก็ยังอันตรายมากนะคะ”
“ถ้าแค่เดินทางคนเดียวยังทำไม่ได้ก็ไม่คู่ควรกับการเป็นราชาหรอกขอรับ…เป็นเช่นนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว การจะไปพบท่านโหรก็เป็นการทดสอบหนึ่งสำหรับราชา นับเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งน่ะขอรับ ข้าเองก็เคยนั่งรถจักรนี้…หวังจะเป็นราชาที่สามารถช่วยเหลือลิเลียได้ บุตรชายของข้าเองก็เคยนั่งรถจักรนี้เช่นกัน”
กับลุงที่พูดเหงาๆแบบนี้ ชั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรตอบเลย
หนักง่ะ…ทำไมต้องพูดอะไรหนักอึ้งแบบนี้ด้วยนะลุงเอ๊ย?
ไอ้นั่นใช้มั้ย? ลุงพยายามอย่างหนักเพื่อจะช่วยเหลือลิเลีย เซนต์คนก่อนอเล็กเซีย
ถ้าจำไม่ผิด เธอคือคนที่รับรู้เกี่ยวกับชะตากรรมของเซนต์ ก็เลยเอาตัวเข้าสู้กับปีศาจจนโดนฆ่า
แล้วก็เรื่องที่ลูกลุงเคยนั่งรถจักรคันนี้มาก่อนน่ะ…แต่ลุงคือราชาคนปัจจุบันใช่มั้ยล่ะ
ลูกลุงเข้ารับบททดสอบเพื่อเป็นราชา แต่สุดท้ายลุงก็ยังคงตำแหน่งราชาอยู่เหมือนเดิม ก็แปลว่า…ลูกลุงแกเสียไปแล้วสินะ
ไม่รู้ว่าตายในระหว่างการทดสอบนี้ หรือตายหลังจากนั้นไปอีก
ทำเอาบรรยากาศหนักอึ้งเลยเนี่ย ไม่น่าหยิบเรื่องนี้มาคุยเลยน้อ…
“จะว่าไปแล้ว มีแค่ราชาเท่านั้นที่ได้รับอณญาติให้ไปหาท่านโหร ถ้าอย่างนั้นคนที่ขับรถจักรคันนี้อยู่ล่ะคะ?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกชอรับ คนพวกนั้นคือข้ารับใช้ทีาถูกเลือกโดยท่านโหรเอง เราเรียกพวกเขาว่า “ผู้พิทักษ์”
ลุงบอกว่าคนที่ขับรถคันนี้อยู่ไม่ใช่พลเมืองของราชอาณาจักรใด
ผู้พิทักษ์เรอะ…ไม่รู้คิดไปเองรึเปบ้า แต่ชั้นคิดถึงคนป่ากึ่งเปลือยที่ใส่แต่ท่อนล่าง ถือหอก ทาหน้าเป็นลาย แล้วก็พูดไม่เป็นภาษา
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงมาขับรถจักรไม่ได้หรอกมั้ง คงไม่ใช่แหละ
“ผู้พิทักษ์…หรือคะ? จะเป็นคนแบบไหนกันนะคะ อย่างจะเจอเร็วๆจังเลย”
ไม่มีทางเป็นคนป่าแบบที่ชั้นจินตนาการหรอกน่า
อย่างน้อยก็น่าจะมีสติปัญญามากกว่า ดูเป็นมนุษย์มากกว่า
ดีไม่ดีอารยธรรมอาจจะก้าวหน้าจัด จนสวมชุดสไตล์แบบคนจากโบกอนาคตไรงี้ก็ได้
พอคิดแบบนั้น จู่ๆประตูก็เปิดออก แล้วก็มีบางอย่างเข้ามา
“อุกะ! อุกะ! อุกะ!”(ปีศาจบุกโจมตีครับท่าน! ปีศาจโจมตีมาจากบนฟ้าครับ!)[*พวกผู้พิทักษ์จะพูดแบบกลับหน้ากลับหลัง มันแปลเป็นภาษาไทยยากเกิน เลยขอแทนด้วยเสียงอุกะอุกะ แล้วก็แปลความหมายนะครับ]
! ?
“อุกะ! อุกะ!”(ท่านราชากับท่านเซนต์! พวกเราจะปกป้องพวกท่านเองครับ!)
! ?
คนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือ…ตัวอะไร…ซักอย่าง?
คล้ายๆกับลิงที่สวมชุดขนสัตว์
แต่ก็ไม่ใช่ลิง ดูดีๆอาจจะคล้ายกับมนุษย์มากกว่า แต่…ไม่หรอก ก็ลิงเนี่ยแหละ
ยิ่งกว่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าพยายามที่จะพูดอะไรกันแน่
ชั้นหันไปหาลุงที่เงียบอยู่ ส่วนลุงแกก็พยักหน้า
“ใช่แล้วขอรับ พวกเขาคือผู้พิทักษ์”
อย่ามาล้อเล่นน่า! ไม่ว่าจะดูยังไง นี่มันก็มนุษย์ถ้ำไม่ใช่เรอะ!
ลางสังหรณ์ถูกเผงเลย! ถึงจะไม่อยากให้มันถูกก็เถอะ
นี่มันยิ่งกว่าคนป่าด้อยพัฒณาอีก นี่ย้อนไปถึงยุคหินเลยนี่หว่า!
แล้วไอ้อาวุธที่เอามาด้วยนี่มันก็ขวานหินไม่ใช่เรอะ!?
“เอ่ออ…พวกเขาพูดเรื่องอะไรกันหรือคะ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ แต่ดูเหมือนว่าจะกระวนกระวายกับบางสิ่งบางอย่างกัน”
ดูเหมือนลุงแกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าพวกนี้คุยอะไรกันอยู่
พวกผู้พิทักษ์มายืนล้อมเราไว้เป็นวงหันหน้าออก และยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาพร้อมสู้
น่าจะ…พยายามปกป้องพวกเราล่ะมั้ง?
“อุกะ! อุกะ!”(ใกล้ๆหน้าต่างมันอันตรายครับ! รีบถอยออกมา!)
เหมือนจะพยายามบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็ว่าแล้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่พยายามจะพูดเลยซักนิด
เพราะอะไรบางอย่าง ดูเหมือนอยากจะให้ชั้นถอยห่างจากหน้าต่าง
อะไรนิ? จะให้ชั้นทำอะไร?
พอคิดแบบนั้น คนที่พยายามดันชั้นออกห่างจากหน้าต่างก็โดนกรงเล็บนกที่โผล่มาจากไหนไม่รู้โฉบไป
อ้าา—…เข้าใจล่ะ พยายามขะบอกว่าใกล้ๆหน้าต่างมันอันตรายนี่เอง
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกปีศาจโจมตีค่ะ”
สิ่งมีชีวิตที่บินอยู่ด้านนอกคือนกขนาดใหญ่ที่มีปีกกว้างกว่าสามเมตร
ปีกเป็นสีดำ ตัวเป็นสีชาว
หน้าตาค่อนข้างจะออกไปทางน่ารัก
มันหันมาทางนี้และร้องเสียงดัง
“ไอ้โง่!”
ร้องหาเรื่องกันนี่หว่า
จำได้แล้ว แกคือเจ้านก”ไอ้โง่!”ตัวนั้นเอง
เป็นลูกกระจ๊อกที่จะพบเห็นได้ในเกม
“อุกะ! อุกะ!”(ไม่ต้องห่วงข้า! ปกป้องทั้งสองคนให้ได้!)
ผู้พิทักษ์ที่โดนจับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตามปกติ ไม่เข้าใจที่แกพูดเลย
สงสัยจะพูดว่า “รีบๆมาช่วยทีสิ! ชั้นโดนจับเพราะพวกแกนะ!” แบบนั้นล่ะมั้ง?
ก็ไม่มีงานอดิเรกชอบช่วยเหลือลิงหรอกนะ…แต่ถ้าปล่อยสถานการณ์ไว้แบบนี้จะทำให้ชั้นลำบากใจ
ซักหน่อยแล้วกัน
ชั้นใช้ดาบแห่งแสงตัดเจ้านกในทีเดียว จากนั้นก็พาผู้พิทักษ์กลับมาที่รถจักร
“อุกะ! อุกะ!”(สุดยอด! เธอแข็งแกร่งสุดๆเลย!)
“อุก้า! อุก๊า!'(ท่านเซนต์! เธอช่วยพวกพ้องของเราไว้!)
พอกลับมาถึงรถ พวกผู้พิทักษ์ก็ส่งเสียงโหวกเหวก
เหมือนจะดีใจกันล่ะมั้ง
ผู้พิทักษ์ที่ชั้นช่วยมาได้จับมือชั้นแล้วก็พูดบางอย่างพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
“อุกะ! อุก๊า! อุกี๊กี๊!”(ขอบคุณมากครับ! ขอบคุณจริงๆ! ท่านช่วยชีวิตกระผมไว้!)
ไม่รู้ว่าพูดอะไร แต่เหมือนจะขอบคุณชั้นอยู่…มั้งนะ
โดนลิงขอบคุณนี่ไม่ดีใจเลยเฟ้ย…