บทที่ 34 อีกาดำเลือดเย็น (ปลาย)
ซูอัน รู้สึกทึ่งกับความทนทานของผู้บ่มเพาะในโลกนี้เป็นอย่างมาก หากเป็นในโลกก่อนหน้าของเขา หากผู้ชายได้รับบาดเจ็บแบบนี้ คงเสียชีวิตจากการสูญเสียเลือดมากไปแล้ว ทว่าตอนนี้ดอกบ๊วยสิบสองกลับยังคงมีชีวิตอยู่
ซูอันอุดหูของเขา เพราะเริ่มหงุดหงิดกับเสียงโหยหวนของชายตรงหน้า จากนั้นเขาชี้ไปที่แท่งไม้ไผ่ยาวที่ปักอยู่ที่พื้นไม่ไกลนัก ซึ่งที่ปลายของไม้ไผ่ลำนั้นมีของสงวนของดอกบ๊วยสิบสองถูกมัดติดอยู่ “นั่น สมบัติของเจ้าอยู่ที่นั่น”
“ไอสารเลว! เจ้ากล้าทำร้ายข้า!” เมื่อนึกถึงทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น ดอกบ๊วยสิบสอง ก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้อนาคตการสืบพันธุ์ของเขามันจบลงแล้ว
———————————————————————————————
ท่านยั่วยุ ดอกบ๊วยสิบสอง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999 แต้ม!
———————————————————————————————
ดูเหมือนว่าผู้ชายไม่ว่าพวกเขาจะมาจากโลกไหนก็ตาม ทุกคนต่างก็กังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องของลับของตัวเอง นี่เป็นความโกรธแค้นที่เยอะที่สุดที่ซูอันเคยได้ในครั้งเดียว!
“นี่เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะด้วยงั้นเหรอ?” ดอกบ๊วยสิบสองเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับพยายามสงบจิตสงบใจตัวเองให้เย็นลง
ต่อให้เขาจะเผลอเรอขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะมีความรวดเร็ว จนจู่โจมเขาสำเร็จได้ง่าย ๆ เช่นนี้!
“ตอนนี้ข้าคือคนเดียวที่มีสิทธิ์ถามไม่ใช่เจ้า!” ซูอันตบไปที่หน้าของดอกบ๊วยสิบสอง “เอาล่ะ ตอนนี้ก็บอกมา! ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าฆ่าข้า”
ชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าสถานการณ์มันจะพลิกผันไปขนาดนี้ แต่ด้วยความอาฆาตแค้นที่ยังคงครุกรุ่นอยู่ในใจเขาจึงเบนหน้าหนีไปด้านข้าง เพื่อปฏิเสธว่าเขาไม่ต้องการจะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น
“ไม่อยากพูดงั้นเหรอ?” ซูอันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบแท่งไม้ไผ่มาโบกตรงหน้าดอกบ๊วยสิบสอง และพูดว่า “อันที่จริง ต่อให้มันจะถูกตัดขาดไปแต่ถ้าเจ้าเอามันกลับไปเร็วพอ เจ้าอาจจะจะยังคงมีหวังที่จะต่อมันกลับไปได้เหมือนเดิม แต่ถ้าเจ้าชักช้าจนไอ้นี่มันเน่า… เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่เทพก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้อีกต่อไป!”
อย่างน้อย ๆ ก็เป็นเช่นนั้นในโลกสมัยใหม่ และเมื่อพิจารณาว่านี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะซึ่งมีพลังเหนือธรรมชาติทุกประเภทอยู่ มันควรจะเป็นไปได้ที่จะทำเช่นเดียวกันที่นี่เช่นกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็สีหน้าของดอกบ๊วยสิบสองก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง “ถ้าข้ายอมพูดเจ้าจะปล่อยไปจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ข้าจะพิจารณา” ซูอันตอบกลับ
“เหอะ…” ดอกบ๊วยสิบสองหัวเราะด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เนื่องจากที่ผ่านมาเขามักจะใช้วิธีการนี้เพื่อรีดข้อมูลจากเป้าหมายของเขาอยู่เป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงพอจะเดาได้ว่าแนวโน้มการจบลงของเรื่องนี้มันจะเป็นแบบไหน
ซูอันยักไหล่ “ก็ลองคิดดูเอาดี ๆ ก็แล้วกัน เจ้าจะไม่มีโอกาสเลยถ้าเจ้าไม่พูด แต่ถ้าพูดเจ้ายังจะพอมีโอกาสอยู่บ้าง”
“เป็นคำสั่งจากเจ้าสำนักของข้า” ดอกบ๊วยสิบสองสารภาพ
“เจ้าสำนักของเจ้าชื่ออะไร” ซูอันถาม
ดอกบ๊วยสิบสองมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าลังเล จากนั้นเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาก็ตอบในที่สุด “ชื่อของเจ้าสำนักของข้าคือเหมยเชาเฟิง”
ซูอัน คาดเดาได้จากการกระทำของดอกบ๊วยสิบสองได้ทันทีว่ามันกลัวเจ้าสำนักของตัวเองขนาดไหน เอ๊ะเดี๋ยวนะ เหมยเชาเฟิง?
“เจ้าสำนักของเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงตาบอดใช่ไหม”ซูอันกลืนน้ำลายดังเอื้อกหวังว่าเจ้าสำนักของชายผู้นี้คงไม่ใช่คนเดียวกับนางมารกระดูกขาวในนิยายเรื่องมังกรหยก ไม่งั้นเขาคงซวยครั้งใหญ่แน่นอน!
“หะ? ผู้หญิงตาบอด? ไม่ใช่เสียหน่อย… เจ้าสำนักของข้าเป็นผู้ชาย!” ดอกบ๊วยสิบสองตอบกลับด้วยสีหน้างุนงง เขาไม่เข้าใจว่าซูอันไปเอาความคิดว่าเจ้าสำนักของเขาเป้นผู้หญิงมาจากไหน
จากนั้นเมื่อถามคำถามอีกสองสามข้อซูอันจึงยืนยันได้ว่าเจ้าสำนักของดอกบ๊วยสิบสองนี้ ไม่ใช่คนที่เขาคิดในใจ ต่อมาเมื่อเขาพยายามทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมและเมื่อไม่พบว่าเจ้าของร่างเดิมเคยติดต่อกับกับเจ้าสำนักของสำนักดอกบ๊วยเลยซูอันจึงถามต่อว่า “ทำไมเจ้าสำนักของเจ้าถึงต้องการฆ่าข้า?”
ดวงตาของชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง “ข้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ในสำนักเท่านั้น ข้าจะไปรู้ความคิดของเจ้าสำนักได้ยังไง?”
พลันสีหน้าของซูอันก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที “เจ้าคิดจะเล่นลิ้นกับข้างั้นเหรอ?” เมื่อพูดจบ เขาคว้าแท่งไม้ไผ่และทำทีจะโยนมันลงไปในหุบเขา
“รอ…เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ข้าจำได้แล้ว!” ดอกบ๊วยสิบสองพูดตะกุกตะกัก “ก่อนหน้านี้มีบุคคลลึกลับมาเยี่ยมเจ้าสำนักของเราซึ่งเจ้าสำนักก็พาคนผู้นั้นเข้าไปคุยในห้องส่วนตัวกันอยู่นาน และทันทีที่คนผู้นั้นจากไป เจ้าสำนักก็สั่งให้ข้ากำจัดเจ้า”
“ใครคือบุคคลลึกลับคนนี้?”
“ข้าจะเรียกเขาว่าเป็นบุคคลลึกลับหรือไง ถ้าข้ารู้!”
ซูอัน หัวเราะอย่างเย็นชาก่อนที่จะพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องให้บทเรียนกับเจ้าก่อนสักหน่อยใช่ไหมเจ้าถึงจะยอมอ้าปากพูด?”
ดอกบ๊วยสิบสองรีบเอ่ยขึ้นทันทีด้วยสีหน้าร้อนรน “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร! คนผู้นั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมยังสวมหมวกไม้ไผ่สีดำที่ปิดบังใบหน้าไว้อย่างสมบูรณ์ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคน ๆ นั้นเป็นชายหรือหญิงกันแน่!”
เมื่อสังเกตได้จากสีหน้าของชายผู้นี้ ซูอันจึงตัดสินใจเชื่อคำตอบนี้ จากนั้นเขาเปลี่ยนไปซักถามเรื่องอื่นต่อ “สถานการณ์ปัจจุบันในสำนักดอกบ๊วยของเจ้าเป็นอย่างไร”
หลังจากถามคำถามไปเรื่อย ๆ อยู่สักพักในที่สุดซูอันก็รู้ข้อมูลของสำนักดอกบ๊วยได้พอสมควร สำนักดอกบ๊วยเป็นสำนักใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจันทร์กระจ่าง เจ้าสำนักคือเหมยเชาเฟิง และเขามีบุตรบุญธรรมอยู่ 13 คน บรรดาบุตรบุญธรรมเหล่านั้นถูกตั้งชื่อว่าดอกบ๊วยหนึ่งไปจนถึงดอกบ๊วยสิบสาม ซึ่งผู้บ่มเพาะทั้งหลายต่างรู้จักพวกเขาในฐานะผู้พิทักษ์ดอกบ๊วยทั้งสิบสาม
สำนักดอกบ๊วยควบคุมธุรกิจใต้ดินส่วนใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่างและแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือการเก็บค่าคุ้มครองจากธุรกิจต่าง ๆ และบรรดาบ่อนที่พวกเขาให้การสนับสนุน
หลังจากเปิดเผยข้อมูลของผู้พิทักษ์ดอกบ๊วยทั้งสิบสามแล้ว ดอกบ๊วยสิบสองก็เรียกร้องในที่สุด “ข้าอุตส่าห์บอกทุกอย่างที่ข้ารู้ให้เจ้าไปหมดแล้วตอนนี้เจ้าช่วยคืนของรักของข้ามาให้ข้าได้แล้วรึยัง?”
ตั้งแต่ที่คุยกัน สายตาของดอกบ๊วยสิบสองไม่เคยละออกจากของสงวนของตัวเองที่โดนเอาไปผูกติดอยู่กับปลายแท่งไม้ไผ่เลยและแน่นอนว่าในใจของเขาตอนนี้โกรธแค้นซูอันเป็นอย่างมาก เขาหวังว่าหลังจากนี้หากเขารอดไปได้ เขาจะต้องกลับมาแก็แค้นคนผู้นี้ให้สาสมแน่นอน!
ซูอันเองก็จับตาดูการแจ้งเตือนที่เขารอคอย
———————————————————————————————
ท่านยั่วยุ ดอกบ๊วยสิบสอง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +9 คะแนน!
+9 คะแนน!
+9
+…
———————————————————————————————
ดูเหมือนว่าชายผู้นี้มีความแค้นอย่างสุดซึ้งต่อเขา
“ก็ได้ ๆ ข้าคืนให้เจ้าก็ได้”
อันที่จริงซูอันรู้สึกอึดอัดมาตลอดที่ถือไม้ไผ่แท่งนี้ แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่เขาโยนแท่งไม้ไผ่คืนไปให้กับดอกบ๊วยสิบสอง มันกลับมีเงาสีดำโฉบลงมาพร้อมกับเสียงกระพือปีก
และในชั่วพริบตา วัตถุที่ถูกมัดกับปลายแท่งเสาไม้ไผ่ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
เขาได้แต่มองตามไปที่เงาดำปริศนานั้น ซึ่งไม่นานเขาก็เห็นว่ามันบินไปเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก มันเป็นอีกาสีดำตัวเขื่องซึ่งตอนนี้ในปากของมันกำลังคาบวัตถุที่ดูคล้ายหนอนอยู่…
แน่นอนว่าวัตถุนั้นไม่ใช่อะไรอื่น นอกเสียจากมันคือของสงวนของดอกบ๊วยสิบสอง!
อีกามองชายสองคนที่อยู่ด้านล่างอย่างมีความสุข จากนั้นมันเงยหัวขึ้นกระเดือกของสงวนของดอกบ๊วยสิบสองลงไปทั้งดุ้น!
“ไม่น้าาาาาาา!!!” เสียงร้องอันเจ็บปวดของดอกบ๊วยสิบสองดังก้องไปทั่วหุบเขาซึ่งแม้แต่อีกาสีดำตัวเมื่อครู่ยังตกใจกับเสียงจนบินหนีหายไปอย่างรวดเร็ว