ตอนที่ 40 แผนการจักรวรรดิโลลิอันทะเยอทะยานของเจ้าหญิงโลลิ

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

40 ความทะเยอทะยานอันสูงส่งของฮิลเดโทร่า

“ฟุๆๆๆ สนุกสนุกดีใช่ไหมคะ!”

เหรอ?

แต่สำหรับฉันเป็นแค่การวิ่งปกติเท่านั้นเอง

“ทำอะไรกันน่ะ! ทำไมจู่ ๆ ถึงวิ่งกัน!”

ไม่สิ ถึงจะมาโกรธฉันก็เถอะ

ฉันแค่โดนจับมือแล้วดึงให้วิ่งตามเท่านั้นเอง

――เพราะเด็กหญิงผมแดงตะโกนเรียกชื่อของฉัน จึงทำให้พวกเรากลายเป็นจุดสนใจอย่างมากโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร

แม้ว่าคนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้จักชื่อของฉัน เนื่องจากอัตราการแพร่กระจายของเมจิกวิชั่นยังต่ำอยู่ แต่ยังไงก็ตามชื่อของฉันก็พอจะโด่งดังอยู่บ้างในกลุ่มลูกขุนนางที่มีแผ่นคริสตัลเวทมนตร์

ในขณะที่สายตาจับจ้องมารวมกัน――เด็กผู้หญิงสวมหมวกก็จับมือฉันแล้วเริ่มวิ่ง เกือบจะเป็นเวลาพร้อม ๆ กับที่ฉันได้ยินเสียงซุบซิบจากรอบข้างถึงชื่อที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ดังขึ้น

ริโนกิส พี่นีล และลินเนตต์ ตามมาอย่างใจเย็นแม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

“เดี๋ยวก่อนสิ” มีเพียงเด็กหญิงผมแดงที่ตะโกน และไล่ตามมาด้วยเหตุผลบางอย่างพร้อมกับสาวใช้ของเธอ

กลุ่มพวกเราวิ่งออกจากท่าเรือเหาะที่มีผู้คนพลุกพล่านไปยังถนนสายหลักที่กว้างและสวยงาม

เด็กหญิงสวมหมวกทั้งที่ต้องวิ่งมาเป็นระยะทางพอสมควร แต่หันกลับมามองได้โดยปราศจากอาการหายใจหอบถี่――ไม่สิ เด็กหญิงที่มีชื่อซึ่งไม่สามารถเพิกเฉยได้มองกลับมาด้วยรอยยิ้มร่าเริง

“สนุกดีใช่ไหมคะ”ให้กับการหลบหนีอย่างกระทันหัน

“――พวกเราเข้าไปหลบที่ร้านนั่นกันเถอะครับ”

จากนั้นพี่ชายก็เสนอคำแนะนำที่ฟังสมเหตุสมผลมา

“――นั่นสินะคะ แม้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ช่างเป็นโชคดีเหลือเกินที่พวกเราได้พบกันนะคะ เรเลียเรด・ซิลเวอร์”

“――เดี่ยวสิ นี่เธอเป็น มู๊วๆๆ”

เด็กหญิงผมแดงที่ยังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเด็กสาวสวมหมวก ตอนนี้ลุกเป็นไฟทำตัวเป็นศัตรู แต่สาวใช้ร่างสูงเพรียวของเธอที่มาด้วยกันรีบเข้ามาปิดปากไว้ ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนสาวใช้จะรู้แล้ว

ม๊า ยังไงก็ช่าง

ตอนนี้จะปลอดภัยกว่าถ้าทำตามคำพูดของพี่ชาย

ก็ดีเหมือนกัน เพราะคู่ต่อสู้ที่ปรากฎตัวขึ้นมาเป็นคนที่ไม่สามารถยืนคุยในที่แบบนี้ได้

พวกเราเข้ามายังร้านน้ำชาหรูเฉพาะของชนชั้นสูงบนถนนสายหลักที่พี่ชายนำทางมา นี่คือร้านที่คุณปู่ซื้อชาราคาแพงให้ฉัน

เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคือขุนนางและพ่อค้า จึงเป็นร้านระดับสูงทั้งราคาและสไตล์ ดังนั้นนอกจากจะมีโต๊ะและขนมชาสำหรับลูกค้าที่ต้องการลิ้มรสชา ทำให้ยังมีห้องส่วนตัวอีกด้วย

เมื่อเจ้าของซึ่งเป็นสุภาพบุรุษสูงวัยเห็นพี่ชายและเด็กสาวที่ยังสวมหมวกอยู่ เขาก็นำทางไปยังห้องส่วนตัวโดยไม่ถามอะไร เขาดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ แต่ก็ดูเป็นชายสูงอายุที่ตื่นตัวและเฉลียวฉลาด

“――ฟู๊ว”

เธอหายใจออก ก่อนจะถอดหมวกตาม

เมื่อเห็นผมสีปลอนด์ยาวสลวยงดงามราวกับน้ำผึ้ง และดวงตาสีเขียวที่มีจุดสีแดงอยู่ของเด็กสาว เด็กหญิงผมแดงก็อุทาน”อ๊ะ”ทันที ดูเหมือนว่าในที่สุดก็รู้ตัวจนได้

“――ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคะ ชื่อของเราคือ ฮิลเดโทร่า・อาร์ตัวร์”

อย่างที่คิด เด็กสาวประกาศชื่ออย่างเปิดเผยพร้อมรอยยิ้ม

ใช่แล้ว เธอคือ ฮิลเดโทร่า……

เป็นคนที่โด่งดังอยู่บนเมจิกวิชั่นของเมืองหลวง

“ก่อนอื่น เนีย・ลิสตัน เราขอโทษด้วยที่มาพบอย่างกะทันหันเช่นนี้”

“――ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเพคะ ฮิลเดโทร่าซามะ หม่อมฉัน เนีย・ลิสตันค่ะ”

ฉันไม่สามารถพูดอะไรที่เสียมารยาทได้ ดังนั้นฉันจึงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับคำขอโทษ และเปลี่ยนมาแนะนำตัวเองแทน ส่วนตัวแล้วฉันไม่ได้สนใจอะไร แต่ฉันไม่อยากรบกวนงานของพ่อแม่หรือสถานะของพี่ชาย

“แล้วก็ เรเลียเรด・ซิลเวอร์”

“พะ เพคะ”

“เราก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน ต้องขอบคุณมากที่ตามมา”

“มะ ไม่ หามิได้เพคะ”

――อ้า ยังไงก็ตาม เสียงของเธอฟังคุ้น ๆ หน้าตาของเธอดูคุ้น ๆ แต่เด็กหญิงจากตระกูลซิลเวอร์งั้นเหรอ

ในตอนที่ฉันไปเยี่ยมชมวันเปิดสถานีออกอากาศในดินแดนลิสตันพร้อมกับพ่อแม่

ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันได้พบกับลูกสาวคนโตของวิกซอน・ซิลเวอร์ ผู้นำตระกูลซิลเวอร์ เธอหน้าเหมือนคนนั้นมาก

“มานั่งคุยกันเถอะ ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ”

……คุย เหรอ

ดูจากหน้าแล้ว――คิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมจิกวิชั่นแน่นอน

ฉันไม่มีเหตุผลพิเศษที่จะปฏิเสธ ดังนั้นฉันจึงนั่งลงบนเก้าอี้สไตล์โบราณที่ทำขึ้นอย่างประณีตตามที่ฮิลเดโทร่าเสนอ

ยังไงก็ตามพี่ชายได้นั่งลงไปก่อนแล้ว ในฐานะน้องสาว ฉันไม่สามารถทำเสียมารยาทที่เป็นการหักหน้าพี่ชายได้

และด้วยเหตุผลบางอย่างที่ผมแดง……เรเลียเรดที่ยืนอยู่ตรงนั้น นับตั้งแต่วินาทีที่เธอค้นพบตัวตนที่แท้จริงของฮิลเดโทร่า เธอก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายเหมือนลูกแมวแสนเชื่อง

……ไม่สิ ไม่ใช่อาการจากที่รู้ตัวจริงของฮิลเดโทร่าเท่านั้น

มีช่วงที่เธอแอบมองพี่นีลอยู่บ่อย ๆ เด็กหญิงที่น่าสงสาร ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเป็นหนึ่งในคนที่ได้ร้องไห้ให้กับความงดงามของพี่ชายแน่นอน

“เข้าประเด็นกันเลยนะคะ”

และฮิลเดโทร่าผู้ที่ไม่เคยหยุดยิ้มก็ตัดเข้าเรื่องทันที

“เรามีความตั้งใจอันแน่วแน่ที่เตรียมใจไว้แล้วเพื่อแพร่กระจายเมจิกวิชั่นแห่งระบอบราชาธิปไตย”

อุมุ

หากไม่รับเรื่องราชาธิปไตย ก็มีความคิดตรงกันกับฉันที่อยากเห็นการแผ่กระจายของเมจิควิชั่น

และก็จะเป็นดังเช่นดินแดนซิลเวอร์ที่พึ่งเปิดสถานีออกอากาศผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี

“นับตั้งแต่ที่เรือเหาะถือกำเนิดขึ้น และยุคสมัยที่เรือที่บินไปยังท้องฟ้าไม่ใช่สิ่งหายากอีกต่อไป นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เงามืดอันยิ่งใหญ่ก็สอดแทรกเข้ามาในพลังอำนาจที่ขุนนางและราชวงค์ถือครอง ที่เรียกว่าสิทธิพิเศษแห่งผู้ปกครอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ราชอาณาจักรแห่งท้องฟ้า มิสการ์ริส อันเจริญรุ่งเรือง……เปิดฉากสงครามรุกรานครั้งแล้วครั้งเล่า ครอบครองดินแดนถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ของโลก และการพิชิตโลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม

แต่ทว่า ราชอาณาจักรกลับล่มสลายด้วยน้ำมือของตนเอง จากปรากฏการณ์เนรเทศประชาชนจำนวนมหาศาลออกไปโดยเรือเหาะ เป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้ปกครองทั่วทุกมุมโลก

ประชาชนคือเลือดของแผ่นดิน

แม้จะเพียงเล็กน้อยเพียงใด ยิ่งสูญเสียมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเคลื่อนไหวช้าลงเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่แม้แต่จะสามารถขยับได้ รู้ได้อย่างแจ่มชัดอยู่แล้วว่าจะนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตในสักวันหนึ่ง

หลังจากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนั้น ประชาชนต่างได้เรียนรู้ว่ามีวิธีการหลบหนีจากดินแดนปิดขนาดใหญ่ที่มีนามว่าเกาะลอยฟ้า และจากผู้ปกครองที่บังคับขูดรีดภาษีอย่างหนักและทำตัวราวทรราช โดยไม่รีรอประชาชนเริ่มหลบหนี……

――ที่จริงเราอยากจะพูดให้สั้น ๆ แต่จากเรื่องราวดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ขุนนางและราชวงค์ต่างไม่มีพลังอย่างที่เคยมีอีกต่อไป

หากให้พูดแล้ว นี่นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเนินนานก่อนที่พวกเราจะกำเนิดมา สำหรับพวกเราแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนได้ แต่ทว่า”

เป็นแบบนั้นเองสินะ

ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วเลย

พูดให้ตรงกว่าคือ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาจากยุคไหนกันแน่

ฉันคิดว่าน่าจะค่อนข้างนานมาแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ราชอาณาจักรลอยฟ้ายังมีอยู่……แต่ ม๊า ในเมื่อจำไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อำนาจของราชวงค์และขุนนางจะลดลงในอัตราที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ และในที่สุดก็จะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

จุดประสงค์ของเราคือ การรักษาอำนาจในฐานะผู้ปกครองเอาไว้ หรือหากเป็นไปได้ก็อยากจะทำให้กลับคืนสู่ความรุ่งเรืองดังเดิม”

ม๊า ในฐานะสมาชิกของราชวงศ์ ฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเธอที่มีพ่อเป็นราชา

ฉันแน่ใจว่าเธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะสนับสนุนพ่อของเธอ

“――ผู้ที่ควบคุมเมจิกวิชั่นได้ จะเป็นผู้ที่ควบคุมโลก……นั่นคือสิ่งที่เราคิด”

ความจริงจังของฮิลเดโทร่าสามารถเห็นได้จากรอยยิ้มที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเธอ

“เราตั้งใจที่จะทำให้เมจิกวิชั่นแพร่กระจายออกไป และในสักวันหนึ่งจะไม่เพียงแค่อาณาจักรอาร์ตัวร์เท่านั้น แต่เราวางแผนที่จะนำไปร่วมกับประเทศอื่นด้วย

จากนั้นด้วยการควบคุมข้อมูลและชี้นำความคิดผ่านเมจิกวิชั่น อาณาจักรอาร์ตัวร์ซึ่งเป็นผู้ควบคุมระบบเมจิกวิชั่นจะยึดครองโลก……

เรากำลังฝันถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ในคราวเดียวกันก็มุ่งหวังฟื้นฟูอำนาจของราชวงศ์ด้วย”

นั่นเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

“เดาว่าต้องการให้พวกเราเข้าร่วมด้วยใช่ไหมคะ?”

เมื่อฉันถาม ฮิลเดโทร่าก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล อย่างที่คิด ดูจะไม่ได้ล้อเล่น

“มีขีดจำกัดในสิ่งที่คน ๆ หนึ่งสามารถทำได้ ยังไงก็ตามหากมีคนเพิ่มเป็นสองคน สามคน สิ่งต่าง ๆ ที่สามารถทำได้ก็จเพิ่มขึ้นอย่างมาก และแม้แต่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน เราหวังเช่นนั้น

นอกจากนีล・ลิสตันแล้ว สามคนที่เหลือที่นั่งอยู่ในโต๊ะนี้ต่างก็เป็นเด็กที่สร้างผลงานบนเมจิกวิชั่นอยู่แล้ว

เมื่อการแพร่กระจายของเมจิกวิชั่นก้าวหน้าขึ้นไป จะมีผู้คนหลากหลายที่จะปรากฎตัวขึ้นในอนาคต

อาจเป็นผู้มีอำนาจหรืออาจเป็นเพียงสามัญชน

หรืออาจเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่ต้องการย้ายประเทศ คนจากประเทศอื่น หรือนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว

เพื่อการพัฒนาเมจิกวิชั่น เราต้องการผู้ร่วมงานมากมาย ผู้ที่มีความทะเยอทะยาน ผู้ที่เรียกหาการแข่งขัน

ยังไงก็ตาม ณ ตอนนี้ พวกเราก็ถือว่านำหน้าผู้อื่นแล้ว

หากเราร่วมมือกันได้ เราก็จะสามารถเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังผู้มาทีหลังได้”

……ฟุมุ ค่อนข้างเป็นคนทะเยอทะยาน ฉันก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ

“เอ๊ะโตะ……หม่อมฉันไม่แน่ใจเรื่องความยากลำบากมากนัก แต่……”

เรเลียเรดที่นั่งฟังเรื่องราวนินานปรัมปราของฮิลเดโทร่าอย่างเงียบ ๆ พูดด้วยสีหน้าสับสนอย่างเห็นได้ชัด

“……หากพระองค์ทรงกำลังพูดถึงการเผยแพร่เมจิกวิชั่น เรื่องนั้นหม่อมฉันยินจะให้ความร่วมมือเพคะ เพียงแต่……”

เรเลียเรดอาจจะไม่สามารถเข้าใจคำพูดของฮิลเดโทร่าได้ทั้งหมด

แต่ทว่า สาระสำคัญไม่ได้ขาดหายไป

ใช่――จะการควบคุมข้อมูล หรือการชี้นำความคิด จะเริ่มขึ้นได้หลังจากที่ได้รับความนิยมแล้วเท่านั้น

ก่อนอื่นเราต้องร่วมมือกันเพื่อเผยแพร่เมจิกวิชั่นก่อน

จุดประสงค์ของฮิลเดโทร่าในตอนนี้มีเพียงเท่านั้นที่ทำได้

เช่นนั้นแล้ว ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

――เหตุผลที่พี่ชายของฉันไม่พูดอะไรอาจเป็นเพราะเขาเห็นด้วยกับนโยบายของฮิลเดโทร่าในจุดนี้เช่นกัน

“หม่อมฉันเองก็ไม่ติดขัดเช่นกันเพคะ”

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหาเงินเพิ่ม เพื่อไม่ให้ตระกูลลิสตันล่มสลาย

ค่อนข้างจะน่ายินดีหากมีงานเพิ่มขึ้น

ถึงอย่างงั้นแล้ว แม้ว่าตัวฉันจะยังเป็นแค่เด็ก แต่ฉันก็คิดเรื่องยาก ๆ อยู่เสมอ

สำหรับฉัน นอกเหนือจากการแทนที่เนียแล้ว ก็ยังต้องปวดหัวคิดเรื่องว่าจะสู้กับคนยังไงดี จะฆ่าสัตว์อสูรยังไงดี จะแกล้งทำเป็นเหยื่อยังไงดี วิธีไม่ให้กลายเป็นผู้กระทำความผิดไม่น้อยเหมือนกัน

ดูเหมือนจะมีเงามืดสอดแทรกเข้าไปในอำนาจ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ราชวงศ์ก็มีความคิดที่ต่างออกไป

……บางทีอาจมีใครบางคนที่บงการฮิลเดโทร่าอยู่เบื้องหลัง หรืออาจเป็นไปได้ที่มีความสัมพันธ์เบื้องหลังที่ยุ่งยาก

ฉันรู้สึกว่าเธอมีแนวคิดที่สมบูรณ์มากเกินไป ……แต่ ม๊า บางทีเธออาจจะมีพรสวรรค์ของนักยุทธศาสตร์ที่คิดการณ์ไกลก็ได้

――ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการแพร่กระจายเมจิกวิชั่นไปทั่วโลกตามที่เธอตั้งเป้าหมายไว้

ฉันไม่คิดว่าจะสามารถทำได้ในช่วงชีวิตของพวกเราด้วยซ้ำ แต่……

――แต่ว่า ถึงแม้จุดหมายจะอยู่ห่างไกล แต่ถ้ามีปลายทางเดียวกัน ก็คงจะดีถ้าได้เดินไปด้วยกัน

อย่างน้อย ฉันก็ยอมรับแนวคิดของเธอไปแล้วครึ่งทาง