ตอนที่ 53 ราตรีที่จันทราสุกสกาว เหล่าผู้วายชนม์ลุกเดิน 8

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

อันดับแรก ไอ้หมอนั้นคือ ผู้เชิดเหล่าภูติผี อัมบร้า

เขาเป็นคนๆหนึ่งที่อยู่ในเงามืด 

เขาเป็นผู้ที่ล่วงหล่นกลายเป็นผู้วายชนที่ถูกเรียกว่า ลิซ 

ผู้อุทิศตนเพื่อเวทย์มนตร์ของพวกเขา

ในตอนที่มีชีวิต 

เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยม 

แต่เมื่อเขาได้ได้สัมผัสกับความลึกลับของชีวิต 

เขาก็ได้กลายเป็นผู้หลงใหลในร่างเนื้อและวิญญาณ

เขาใช้เทคนิคเวทย์มนตร์ปลุกผีในการแทรกแทรงวิญญาณ และนั้นทำให้เขาสามารถใช้งานเหล่าภูติผีได้

สำหรับวิญญาณนั้นที่มีรากฐานมาจากสิ่งมีชีวิต

มันอาจจะมองเห็นว่าการเชิดวิญญาณนั้นมันเทียบเท่ากับการมีอำนาจเหนือในการชี้เป็นชี้ตายแก่เหล่าผู้ถูกเชิดได้เลย

 

[ ( มันมีเรื่องราวมากมายที่ผมต้องการจะถามกับแก แกรู้ได้ยังไงว่าผมคือผู้กล้าทั้งๆที่ผมปิดบังตัวเอง อีกทั้งเรื่องเหตุจูงใจของแกอีก ทำไมแกไม่โจมตีอลิเซียก่อนที่เธอจะซ่อมแซมบาเรียได้สำเร็จล่ะ . . มันมีอะไรอีกหลายๆสิ่งที่ผมสงสัย แต่ว่า . . มันมีสิ่งเดียวที่ผมต้องการจะพูด ณ ตอนนี้ . . ไปให้พ้นจากอลิเซียซะ !! เธอไม่ใช่คนที่สมควรจะโดนแตะต้องโดยไอ้ลิ้นสองแฉกแบบแก !! ) ] 

[ ( ฟุฟุฟุฟุ . . . .  ความโกรธที่รุนแรงราวกับเปรวเพลิงนั้น รู้มั้ยข้าสามารถเห็นวิญญาณของแกกำลังส่องแสงสว่างออกมาได้เลย ) ]

 

เสียงของหมอนั้น และอลิเซีย ดังซ้อนกันก้องในหัวของผม

 

[ ( อย่างกังวลไปเลย เจ้าหญิงนั้นเป็นเพียงแค่ตัวประกันที่รับประกันว่านายจะไม่เข้าไปจัดการมังกรโบราณ ข้าขอยืนยัน ตราบใดที่นายอยู่ตรงนี้และไม่ขยับไปไหน เจ้าหญิงก็จะไม่ได้รับบาดแผลเลยซักนิด ) ]

[ ( ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อลงได้หรอกนะ โดยเฉพาะแก แกเป็นเพียงคนเดียวที่ผมจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด !! ) ]

[ ( ฟุฟุฟุ ดูเหมือนว่าข้าคนนี้จะถูกเกลียดเข้าแล้วแหะ ) ]

 

ผมล่ะเกือบหลุดฟันหัวอัมบร้าไปตามสัญชาตญาณ ผู้ที่กำลังหัวเราะอยู่ แต่ผมทำได้เพียงควบคุมตัวเองไว้ 

 

[ เกิดอะไรขึ้นงั้นรึคะ ? ]

 

อาจเพราะคิดถึงเรื่องที่ผมกำลังเผชิญหน้ากับอลิเซียที่ตอนนี้ทำตัวแปลกๆ เฮนเรียสต้าเธอจึงถามออกมาแต่ ผมไม่สามารถหันเหสายตาออกจากหมอนั้นได้

 

[ ( แก !  ผู้ที่ไม่สามารถยอมรับได้ว่าผู้ที่ตายไปแล้วคือคนตาย แกคือคนเดียวที่ผมจะไม่มีวันเชื่อได้อย่างเด็ดขาด และที่สำคัญ แกกำลังหาจังหวะที่จะ “ลักพาตัว” อลิเซียไปจากผมหรืออะไรประมาณนั้นสินะ ) ]

[ ( ฟุฟุฟุ มันก็จริง ที่เธอเป็นบุคคลที่น่าสนใจพอสมควรแต่ . . . เธอยังไม่เพียงพอที่จะเอามาทำเป็นศัตรูกับนายได้หรอกนะ ) ]

 

ไอ้หมอนั้นพูดไปและหัวเราะไปด้วย . .

 

[ ( เจ้าหญิงนี่ เธอไม่มีค่าพอที่จะเทียบเท่าท่านนักบุญ “โอลิเวีย” ได้หรอกนะ ) ]

[ ( . . . .  เป็นงั้นเรอะ . . เอาล่ะแกกลับบ้านของแกไปได้แล้ว เพราะถ้าแกไม่กลับล่ะก็ แกคงคิดไม่ถึงแน่ว่าผมคนนี้กำลังจะทำอะไรกับแก อยากรู้รึปล่าว ? เพราะผมคนนี้แหละจะฆ่าแกไปพร้อมกับอลิเซียเอง !! ) ]

 

ขณะที่กล่าวออกมาราวกับว่าผมโมโหถึงขีดสุด 

ที่จริงผมทำเพียงแค่ข่มขูราวกับว่าได้ตัดสินใจลงไปแล้ว

แต่ว่า มัน . . 

 

[ ( ฟุฟุฟุ รู้มั้ยสิ่งหนึ่งที่คู่ควรกับคำว่า “ผู้กล้า” นั้นก็คือ นายไม่ควรที่จะ “โกหก” นะ ) ]

 

ใช่แล้ว มันเป็นเพียงแค่คำโกหก ผมเพียงแค่บลัฟไปเท่านั้น

 

[ ( ถ้าจะให้เลือกระหว่างคนเพียงคนเดียวกับคน 100 คน นายน่ะเป็นมนุษย์ที่ยอมที่จะสละคน 100 คนได้อยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องคนองค์หญิงคนสำคัญของนาย ไม่ว่าจะ 100 จะ 1,000 แม้แต่หมื่นคนนายก็สละทิ้งได้ !!  เพราะนายเป็นคนประเภทนั้น ข้าคนนี้ขอยืนยัน ตราบใดที่นายไม่เข้าไปยุ่งย่ามกับมังกรโบราณนั้น แล้วข้าจะปล่อยยัยเจ้าหญิงนี่!! ) ]

 

มัน . . 

มันจริงที่หมอนั้นพูดมา สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คงมีเพียงแค่การยอมแพ้ ยังไงซะผมก็ยังคงเป็นมนุษย์ แม้ว่าผมจะถูกเรียกว่า “ท่านผู้กล้า”  แต่ยังไงซะผมก็ไม่ใช่ฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม

ตั้งแต่เมื่อหมอนั้นจับตัวอลิเซียเป็นตัวประกัน. . 

ผมก็ถูกรุกฆาตแล้ว

แต่เพียงแค่ผมเท่านั้นนะ . . 

 

[ เวทย์เสริมพลังมังกร !! ความโกรธเกรี๊ยวของมังกร !! ]

 

ในจังหวะนั้นเอง ผู้ที่มีดวงตาสีแดงเข้มพุ่งผ่านเข้ามาในระยะสายตาของหมอนั้น

อาจเพราะดวงตาคู่นั้นถูกอาบแสงด้วยแสงจันทร์สีเลือด หรืออาจเพราะดวงตาสีแดงเข้มคู่นั้นสะท้อนเข้ากับแสงจันทร์ 

แสงที่สะท้อนจากดวงตาสีแดงคู่นั้นมันช่างดูเหมือนกับไฟท้ายรถยามค่ำคืน

 

[ . . . เอาไปซะ !! ไอ้จอมเวทย์ชั่ว !! ]

[ ( . . .  ฟุฟุฟุฟุ ) ]

 

แสงของดาบได้พุ่งตัดผ่าน

ราวกับรู้ถึงสถานการณ์ของเด็กสาวผู้มีผมสีเงิน อลิเซีย

ดาบนั้นที่ตัดผ่านลงมาไม่ได้ทำร้ายอะไรแก่เธอ

มันเพียงตัดอัมบร้าเป็นชิ้นๆ

 

[ . . . ขอบคุณพระเจ้า ดูเหมือนว่าผมจะมาทันเวลานะ ]

 

เขากล่าวออกมาขณะรับตัวของอลิเซีย ผู้ซึ่งถูกปลดปล่อยจากอัมบร้าและกำลังล่วงหล่นลงจากซิลเบอร์

เขารับเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา 

เป็นเขาเอง

ไอ้หน้าหล่อ . . .

 

…………………………….

 

[ ฟุฟุ , ฟุฟุฟุ ดูเหมือนท่านผู้กล้าคนปัจจุบันจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอย่างงั้นรึ ]

[ แก ไม่ผิดแน่ แกคือระดับ ดยุค อัมบร้าซินะ ]

[ ฟุฟุฟุฟุ . . . ]

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรีบเดินทางมาที่นี่ตามคำคาดการณ์ของ [ แม่มดแห่งกาลเวลา ] แต่ว่า มันดูเหมือนว่าในกรณีที่แย่ที่สุดเธอคงจะกล่าวถึงเหตุการณ์นี้แบบอ้อมๆอยู่แล้ว

แน่นอนว่าไอ้หน้าหล่อคงจะสงสัยในตัวเธอและในเรื่องต่างๆว่ามันอาจเป็นเพียงเรื่องตลก แต่

แต่ในเมื่อเขาเดินทางมาถึงที่นี่

ภาพที่เขาเห็นคงทำให้เขาตัดความสงสัยต่างๆของเขาออกไป

 

[ . . . ยะ- , ยู ? ]

[ !!! เธอไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ  ]

 

เมื่อเขาเริ่มสำรวจรอบๆตัวของเด็กสาวผู้ที่กำลังถูกเขาอุ้มอยู่ เหมือนกับว่าเธอเริ่มที่จะรู้สึกตัวและเริ่มที่จะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

ผมสีเงินที่เปร่งประกายราวกับอัญมณีและงดงาม ใบหน้าของเธอที่ดูโดดเด่นจนแม้แต่ความงามของนางฟ้ายังถูกความงดงามของเธอบดบัง

ภาพของเด็กสาวที่เหมือนกับเจ้าหญิงผู้งดงาม ซิลเวียซัง ที่เขานั้นได้พบกับเธอเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน นั้นได้ซ้อนทับกัน

เขารู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้คงเป็นน้องสาวของซิลเวีย เพราะพวกเธอนั้นช่างเหมือนกันมาก

 

[ . . . คะ- , คุณคือ ? ]

 

ลิมฝีปากที่มันเงาราวกับลูกพีชได้เปิดขึ้น และเสียงของเธอได้เข้ามาในโสตประสาทของเขา

 

[ ผมชื่อว่า อามากิ ไคโตะ . . . ผมคือ”ผู้กล้า” ]