ตอนที่ 54 ราตรีที่จันทราสุกสกาว เหล่าผู้วายชนม์ลุกเดิน 9

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

[ อลิเซียซัง ? ]

 

เด็กสาวผู้มีผมสีบอร์นรีบวิ่งเข้ามาในจุดที่เกิดเรื่องขึ้น

 

[ คุณคือ ? ]

[ ดิชั้นชื่อว่า เฮนเรียสต้า ดี เคสโตรเรีย ค่ะ เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับ อลิเซียซัง !! ]

 

เด็กสาวที่พร้อมจะร้องให้อยู่ทุกเมื่อแนะนำตัวเองออกมาพร้อมกับจับจ้องไปยังเจ้าหญิงที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของผม

 

[ . . . ดิชั้นไม่เป็นอะไรค่ะ อาจเพราะมีหลายๆอย่างเกิดขึ้น ดิชั้นคงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ]

[ “กระซิก” (เสียงสะเอื้อน) ขอบคุณพระเจ้า เธอปลอดภัย . . ]

 

เมื่อผมนั่งคุกเข่าลงและวางเจ้าหญิงลงที่พื้นอย่างอ่อนโยน เจ้าหญิงตอบกลับมาว่าไม่เป็นอะไรพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กๆให้กับเด็กสาวผมหยิกที่เรียกตัวเองว่า เฮนเรียสต้า และเธอก็พุ่งเข้ามากอดเจ้าหญิงพร้อมกับเริ่มร้องให้

เมื่อได้เห็นภาพนั้น. . . 

ไฟแห่งความโกรธของผมได้ถูกจุดขึ้นที่ก้นบึ้งของหัวใจ

 

[ เฮนเรียสต้าครับ ผมขอฝากเจ้าหญิงไว้กับคุณได้มั้ยครับ ]

[ เอ๋ ? อ่า ค่ะ ]

[ ผมเชื่อใจคุณนะครับ ]

 

ผมลุกขึ้นพร้อมกับกำดาบเวทย์มนตร์ไว้แน่น 

มันเป็นสิ่งที่ผมได้รับมาจากเจ้าหญิงลิลิท 

ดาบเวทย์มนตร์นี้มีความยาวแทบจะเท่ากับความสูงของผม

ดาบยักสังหารมังกร [ ดาบมังกรสวรรค์ฟาเนีย ]

ดาบเวทย์มนตร์สังหารมังกรคือดาบที่มีพลังอันดุร้ายร้ายของมังกรบรรจุอยู่ภายใน 

แม้ผมอยากจะโจมตีไส่อัมบร้าเพียงใด 

แต่ทว่า ขาของผมกับหยุดลง

สำหรับเหตุผลก็ . .

 

[ . . . แกไม่ทำเกินไปหน่อยหรอหึ ? อัมบร้า ]

 

เพราะผู้ชายที่สวมชุดดำทั้งตัวมันดูราวกับว่าเขานั้นกลืนกินไปกับความมืดยามค่ำคืนนั้น เขากระโจนไปประจันหน้ากับอัมบร้า ดยุคคนที่ 7นั้น ผู้ที่กำลังจ้องมองพวกเราอยู่ท่ามกลางอากาศ และ ในตอนนั้น มันรวดเร็วมาก ผู้ชายคนนั้นเหวี่ยงดาบคู่ของเขา

[ ฟุฟุฟุ . . . วิญญาณแห่งความเกลียดชังกำลังลุกไหม้,รู้มั้ยมันส่องสว่างเป็นสีแดงจ้าทีเดียว มันงดงามมาก . . ทั้งๆที่ข้าเพียงแตะต้องคนสำคัญแกนิดหน่อยเท่านั้นเอง ]

อย่างไรก็ตาม ดาบคู่สีฟ้าและเขียวนั้น มันก็ไม่ได้ถึงตัวอัมบร้า แต่คมดาบนั้นกับถูกหยุด ที่ตรงหน้าของเขา

 

[ นั้นมัน . . เวทย์มนตร์บาเรีย !! ]

 

มันดูราวกับว่ามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ล้อมรอบตัวเขา 

กำแพงนั้นมันถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังเวทย์มนตร์มันไม่สามารถผ่านเจาะผ่านทะลุได้นอกจาก จะใช้”เวทย์มนตร์”ที่จะสามารถทำลายบาเรียได้ นั้นก็คือ เวทย์มนตร์ลบล้างบาเรีย หรือใช้อาวุธเวทย์มนตร์ที่มีความสามารถในการเจาะทะลุผ่านบาเรียเท่านั้น

และเหตุผลที่ว่ามานี้ การโจมตีทางกายภาพจากดาบคู่นั้น ไม่ว่าเขาจะฟันมันซักกี่ครั้ง มันก็จะถูกป้องกันเอาไว้ได้

ชายชุดดำคนนั้นก็คงรู้เหตุผลข้อนี้ดี ว่าเขานั้นไม่สามารถที่จะโจมตีผ่านบาเรียป้องกันนั้นได้

 

[ แกบังอาจมาแตะต้องคนสำคัญของผม . . . อย่าคิดว่าแกจะหนีกลับไปได้โดยครบ 32 ได้หรอกนะ ]

 

มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น . . 

 

———————–

 

[ ยอดดด , เยี่ยมม ]

 

ผมรู้ว่าเขา .  . อัมบร้า เขาคงจะตกใจพอสมควร นั้นเพราะบรรยากาศใจเย็นของเขาตอนนี้ได้หายไปแล้ว

ผมบิดขาขวาของผมและเตะไปยังบาเรียนั้น และอีกครั้ง

ผมเตะซ่ำไปทันทีด้วยขาซ้ายของผมโดยเล็งไปที่เหนือหัว

 

* ตู้มม *

[ อึก . . ! ]

 

ลูกเตะที่ผมเตะออกไปอย่างรวดเร็วนั้นผมเลียนแบบมาจากท่าเตะของยากุซ่า ถึงแม้ลูกเตะพวกนั้นอัมบร้าจะใช้บาเรียกันเอาไว้ได้ทัน ทำดูเหมือนผมเตะโดนแค่อากาศ

ผมคาดการณ์เอาไว้แล้วกะว่าในลูกเตะที่ 2 ของผมคงสามารถนำเขาลงมาที่พื้นได้ แค่ทว่า

ดูเหมือนมันจะผิดจากที่ผมหวังไปซักหน่อย

อัมบร้าพึมพัมบางประโยคออกมาและสร้างระยะห่างได้ทันที แต่ว่า . .  

คิดหรอว่าผมจะปล่อยแกหนีไปได้ รู้มั้ย แกได้บังอาจแตะต้องบางสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของผมแล้ว ผมไม่มีทางที่จะใจเย็นจนกว่าจะอัดแกได้ซักเปรี๊ยงหรอกนะ

ในขณะคิดอย่างนั้น ผมก็พุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง จนหมอนั้นล่วงลงมาที่พื้น—

 

[ !! ]

[ แย่งฉากจบไปซะได้ . . . คุณคงอาจจะพูดแบบนั้น แต่ว่า ในเมื่อมันเป็นโอกาสที่ดีแล้ว ผมจึงลงมือไปแล้ว ไม่ว่ากันนะ ? ]

 

และตอนนั้น(เปรี๊ยง) พร้อมกับเสียงฟ้าผ่า ดาบสีแดงเข้มชั้นยอดที่ขนาดของมันแทบจะเทียบเท่าความสูงของผม มันได้แทงไปยังอัมบร้า และเสียบเขาจนติดอยู่กับพื้นดิน 

และนั้น 

คนผู้นั้น 

ผู้ยืนใจเย็นโดยไร้เสียงไดๆข้างดาบยักของเขา 

คือเขาเอง หน้าหล่อคุง หรือก็คือ อามากิ ไคโตะ

 

[ . . ไม่เป็นไรครับสำหรับเรื่องแค่นี้ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่นายช่วยอลิเซียเอาไว้ ]

[ แต่ว่า . . สิ่งที่คุณทำมามันก็เท่ากับ 0 ปล่าวเลยนะ รึคุณต้องการให้เป็นแบบนั้น ? ]

[ ถูกแล้ว ]

 

เมื่อผมตอบกลับไปเช่นนั้น หน้าหล่อคุงก็หัวเราะออกมา “ฮีฮีๆ”เล็กและพยักหน้าออกมาราวกับบอกว่า [ ผมเข้าใจแล้ว ]

 

[ เอาล่ะ อัมบร้า แม้ว่าจะมีเรื่อง2-3อย่างที่ผมอยากจะให้แกคายมันออกมา แต่ว่า . .  สำหรับเรื่องแรกที่แกจะคายออกมา ผมให้แกเป็นคนตัดสินใจเองละกัน ]

 

ผมพูดกับมันพลางเดินเข้าหาผู้ซึ่งตอนนี้ถูกดาบเสียบยึดติดอยู่กับพื้นดิน ดูเหมือนว่านั้นจะทำให้เสียงของมันเบาลงแต่โดนไปขนาดนั้นก็มันช่วยไม่ได้

 

[ . . . . . . . . . ]

[ เห้ย เห้ย แกจะมัวเงียบไปถึงไหนกัน เจ้า”ผู้ควบคุมผี” ]

 

อาจเพราะหน้าหล่อคุงรู้สึกหงุดหงิดเพราะอัมบร้าเอาแต่เงียบ 

เขาจึงพูดกระตุ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา 

ผมและหน้าหล่อคุง ตอนนี้กำลังเดินเข้าหาอัมบร้าโดยปราศจากการปิดบังความโกรธของตัวเอง

 

[ . . . . คิฮิ ]

 

และในตอนนั้น ในขณะที่พวกเรากำลังก้าวไปหาหมอนั้นอย่างช้าๆ ความบ้าคลั่งบางอย่างที่จู่ๆก็จับสัมผัสได้ นั้นมันเพียงพอที่ทำให้พวกเราถึงกับถอยออกมาทิ้งระยะห่าง

 

[ คิฮิ คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ!!!! ยอดเยี่ยม!!! นี่มันยอดเยี่ยมมาก!!! ถ้าจะให้ข้าพูดว่า “สมแล้วที่คาดหวังไว้” นั้นมันคงจะเป็นในฉากจบของข้า แต่ว่า . . ข้าขอที่จะกล้าพูดมันออกมา !! สมแล้วที่ข้าคาดหวังเอาไว้ !!!  ผู้กล้าที่ไม่มีใครเหมือน !! ผู้กล้าอมตะ !! ตัวอย่างที่มีชีวิตของความลึกลับแห่งชีวิต !! คิฮิฮิฮิ ข้าอิจฉา อิจฉามากๆ สิ่งที่ข้าน่ะรอคอยมา 500 กว่าปีมันไม่มีทางล้มเหลว !! ได้โปรดเถอะ ให้ข้าได้แยกชิ้นส่วนแกหน่อยนะ !! ให้ข้าได้ฉำแหละแกดูหน่อย มาเติมเต็มงานวิจัยของข้า ความลับของชีวิตอมตะนั้น !! คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ !! ขอข้าปั่นสมองแกจนเป็นของเหลวหน่อยสิ ขอข้าแซะลูกตาแกออกมาดูหน่อยสิ ขอข้าฉีกเส้นประสาทแกหน่อยสิ ขอข้าทำให้เลือดแกสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้าหน่อย !!!!!!  อะไรคือชีวิตกันแน่ !! อะไรคือแก่นแท้ของวิญญาณกันแน่ !! . . .  อะไรคือสิ่งที่มนุษย์เป็น !! สำหรับคำตอบนั้น ความจริงข้อนั้น ได้โปรด ให้ข้าได้เห็นที !!!!!!!!!!!   ]

 

ทันใดนั้น พลังด้านลบได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา 

พลังนั้น . . 

มันรุนแรงขนาดสามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาเลยทีเดียว 

มันพวยพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าราวกับเป็นพลุไฟ

 

 [ ! ]

 

ร่างของผมตอบสนองโดยพุ่งไปตัดหัวหมอนั้นโดยทันที ร่างของอัมบร้านั้นได้สลายกลายเป็นเถ้าและหายไป 

หลังจากที่ผมตัดหัวหมอนั้นแล้ว ผมก็มองไปยังมังกรโบราณนั้น

 

[ . . . ไม่ดีแล้ว นี่มันไม่ดีเอามากๆ ]

 

หลังจากตายไปครั้งหนึ่ง 

มังกรโบราณนั้นได้คืนชีพขึ้นกลายเป็นดราก้อนซอมบี้ 

แม้ว่าผมจะพูดว่าคืนชีพก็เถอะ แต่ยังไงซะ มันก็แค่ดราก้อนซอมบี้ มันเป็นเพียงแค่มอนเตอร์ที่ไม่มีความคิด เป็นเพียงแค่ซากศัพที่ขยับได้เท่านั้น . . 

 

[ ไอ้ชั่วอัมบร้า มันหนีไปแล้วแถมยังทิ้งปัญหาใหญ่ไว้เป็นของขวัญอีกด้วย ]

 

นั้นเพราะ มังกรตัวนั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตและอยู่บนจุดสูงสุดของธรรมชาติ ราชัญมังกรตั้งแต่สมัยบรรพกาล ดวงตาสีทองคู่นั้น ตอนนี้ได้จับจ้องมายังผม

 

[ ผะ- . ผู้ .กล้าา . . ผู้กล้าาาาา ..  ผู้กล้าาาาาาา !!!!!!! ]

 

เสียงคำรามนั้น มันรุนแรงราวกับทำให้โลกสั่นสะเทือนเลยทีเดียว

 

[ ——————- ]

 

คำพูดบางอย่างของมังกรนั้นดังก้องในหูของผม แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอะไร

บ้าฉิบ เป็นดังที่ผมคาดการณ์ไว้ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง แต่ดูเหมือนว่า เจ้านี้มันจะฟื้นคืนความนึกคิดเป็นของตัวเองได้แล้ว

 

[ ผู้กล้า ? . . เจ้ามังกรนั้นกำลังหมายหัวพวกเรางั้นรึ ? ]

 

หน้าหล่อคุง ที่กำลังสะพายดาบยักไว้ที่หลัง ได้ถามคำถามเกี่ยวกับคำพูดนั้นออกมา แต่ว่า ก็จริง มันคงหมายถึงผมนั้นแหละ นั้นเพราะ มีเพียงคนเดียวที่ทำให้เจ้ามังกรนั้นคลั่งขึ้นมาได้คงมีแค่ผมคนเดียวนั้นแหละ

 

[ ทะ- . . ที่สำคัญ ผู้กล้า, นายเข้าใจเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ที่มังกรคำรามออกมาเมื่อสักครู่รึปล่าว? ]

 

ผมพยายามแอบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา  โดยให้หัวข้อการสนทนาใหม่

เอาละ เรามาฟังคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญกันเถอะ

 

[ มันคือเวทย์ความโกรธเกรี๊ยวของมังกร เวทย์มนตร์มังกรขึ้นสูง ]

 

ความโกรธเกรี๊ยวของมังกร เป็นเวทย์มนตร์ประเภทออร่าของมังกรชนิดหนึ่ง มันช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในหมู่เวทย์มนตร์มังกรคำราม

ผมไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับมันแต่ ยายแก่เคยพูดไว้ว่า มันสามารถเพิ่มพลังขึ้นเป็นอย่างมาก “ถ้าหากมีการใช้ขึ้นมาละก็ โลกนี้คงดูเปลี่ยนไปจากเดิม” หรือพูดง่ายๆก็ ดาบศักดิ์สิทธิ์ มันมีพลังมากมายจนสามารถทำลายภูเขาผ่าทะเลแยกท้องฟ้าได้ เวทย์นี้ก็ประมาณนั้น . . . 

พอมาคิดๆดูแล้ว ไม่ใช่ว่า ยายแก่สามารถใช้มันได้ด้วยหรอกเรอะ?

ถ้าหากมันเป็นเวทย์ที่สุดยอดขนาดนั้น ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้คงย่ำแย่เอามากๆ 

และไม่มีทางเลยที่ผมจะต่อสู้โดยไม่ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์.  . 

ไม่มีทาง

 

[ ผมคิดๆดูแล้วคงมีเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดเจ้ามังกรนั้นได้นั้นก็คือ “ผม” เท่านั้น . . .นายคือ Darkness Executioner(เพชรฆาต แห่งความมืด) สินะ ผมเข้าใจถูกต้องมั้ย ]

 

ในขณะที่ผมกำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

ไอ้หน้าหล่อ จู่ๆก็เรียกผมด้วยชื่อต้องสาปนั้น

อย่ามาเรียกผมด้วยชื่อนั้นสิเห้ย !!!!!!!!!!

 

[ . . . . อืม ]

 

เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่าเรียกผม Storm bringer (ผู้มากับพายุ)

ขณะที่ผมกำลังปลอบใจตัวเองอยู่ในใจ

ไอ้หน้าหล่อก็ได้เดินขึ้นไปเผชิญหน้ากับมังกรโบราณ

 

[ ผมขอฝากเจ้าหญิงแห่งลีซาเรี่ยนไว้กับคุณ  ผมนั้นเป็นหนี้พี่สาวของเธอ ซิลเวียซัง. .  ผมไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บจากลูกหลงของการต่อสู้นี้ได้ ]

 

เป็นหนี้ซิลเวีย ?เดี่ยวดิ  นั้นทำให้ผมนึกอะไรได้ ผมได้ยินเรื่องซุบซิบจากลัคซีเรียว่า หน้าหล่อคุงได้ร่วมกันต่อสู้กับ ลีโอฮาทที่เป็นองครักษ์ราชวงค์ สามารถเอาชนะ วินทอส ลงได้  . . . ซิลเวียฝากฝังให้ลีโอดูแลหน้าหล่อคุงกับคนอื่นๆหรอกรึ ? 

 

[ ผมได้ยินมาจาก [ แม่มดแห่งกาลเวลา ]  คุณเป็น 1 ในคนรู้จักของซิลเวียซัง นั้นคือเหตุผล ว่าทำไมผมถึงฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณ ]

 

ไอ้หน้าหล่อ . . 

หรือก็คือ อามากิ ไคโตะ 

เขาได้กล่าวออกมา พร้อมกับวิ่งเข้าหาเจ้ามังกรโบราณนั้น . . .