[ ผะ . .ผู้ !!!! …. กล้าาาาาาา !!!!!! ]
เจ้ามังกรโบราณนั้นได้ยกแขนของมันขึ้นเหนือหัว สำหรับเวทย์มนต์มังกรคำราม ท่ากรงเล็บมังกร คือ 1 ในท่ามากมายของเวทย์มนตร์สายโจมตีของเวทย์มังกรคำราม ถึงแม้จะกล่าวแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่านอกจากนี้แล้ว มันก็ใช้เพียงแค่ท่า “ความโกรธเกรี๊ยวของมังกร และ เกล็ดมังกร ” เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ ความรุนแรงของมันเรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติได้เลย แม้ว่าร่างกายของมันจะเป็นเพียงซากศพ แต่ด้วยพลังนั้น ก็สมแล้ว ที่เป็นถึงราชาของเหล่ามังกร ผู้ที่เคยโผล่มากลางวงในการต่อสู้ของมนุษย์ และ ปีศาจ และเผาทำลายทุกสิ่งอย่างเหลือไว้เพียงเศษซากแห่งความว่างปล่าวตลอดทางที่มันเดินผ่านไป มันคือราชาของทุกสรรพสิ่งที่เคยถูกจัดการโดยผู้กล้าคนที่แล้ว
[ คู่ต่อสู้ของแกอยู่นี่ !!! . . ทางนี้ !! ]
เจ้าของเสียงนี้คือผู้ที่ถูกเรียกว่า นักสังหารมังกร ผู้เป็นถึงคลาสระดับตำนาน ชายผู้ที่ถือดาบเวทย์มนตร์ของเขาไว้ในมือ “ดาบมังกรสวรรค์ฟาร์เนีย”
ขณะที่แบกดาบขนาดยักสีแดงเข้มจนดูราวกับเลือดไว้บนบ่า อามากิ ไคโตะ ตะโกนออกมาขณะพุ่งไปยังมังกรโบราณ
อาจเพราะเป็นการตอบสนองต่อเสียงเรียกนั้น มังกรโบราณได้เหวี่ยงแขนของมันลงมาที่ไคโตะและผองเพื่อน
การโจมตี ที่สามารถเปลี่ยนส่วนหนึ่งของตัวเมืองให้เหลือแต่เพียงเศษซากในทันที และเพื่อที่จะรับมือกับการโจมตีนี้น ไคโตะได้ใส่พลังมังกรเข้าไปในดาบเวทย์มนตร์ และกระโดดขึ้นไปพร้อมกับเหวี่ยงดาบของเขาตัดไปยังในอากาศ
[ Haou Ryuusou Ken ]!!
ขณะที่ใช้ทักษะพิเศษของท่า ดาบพลังเวทย์ มันคงจะเรียกได้ว่านี่คือเทคนิคเฉพาะตัวเลยก็ว่าได้ มันสามารถปล่อยคลื่นดาบที่มีพลังเทียบเท่าเท่าการโจมตีที่ถูกเสริมพลังด้วยเวทย์มนตร์ความโกรธของมังกร ( Dragonic Rage )
คลื่นดาบที่ไคโตะปล่อยออกไปนั้น มันพุ่งไปปะทะกับแขนของมังกรโบราณที่เหวี่ยงลงมาและทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า พร้อมกับแขนของมังกรโบราณนั้นถูกผลักกลับออกไป
[ ดูเหมือนว่าการโจมตีของผมจะเหนือกว่าอยู่นิดหน่อยแฮะ . . ]
ภาพที่เห็นขณะนี้คือมังกรโบราณที่กำลังระเบิดเสียงคำรามแห่งความโกรธออกมา อาจเพราะการโจมตีนั้นถูกขัดขวางโดยไคโตะ ผู้ที่ตอนนี้ล่วงลงไปสู่พื้นเป็นที่เรียบร้อย และพลางเก็บดาบยักไว้ที่หลังเช่นเคย
[ ถ้าหากเป็นแบบนี้นล่ะก็ หากผมใช้ ท่า ปืนใหญ่มังกร จะสามารถทำลายการโจมตีนั้นได้เลยมั้ยนะ ? ]
ไคโตะที่ตอนนี้งคิดแผนแห่งชัยชนะได้แล้ว แต่มีบางสิ่งที่เข้ามาในการรับรู้ของเขา มันสะท้อนให้เห็นถึงแสงว๊าปสีแดง และทันใดนั้น เจ้าสิ่งนั้นที่เคลื่อนที่เร็วกว่าที่เขาจะหันกลับไปมองได้ทัน มันได้ชนกับร่างขนาดยักของมันกรโบราณที่กำลังคำรามอยู่ ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้เจ้ามังกรนั้นลอยขึ้นจากพื้นได้เลย
[ หว๋า !? ]
สำหรับร่างของมังกรนั้นที่ใหญ่โตซะจนเข้าใจผิดว่าเป็นภูเขานั้นได้ถูกทำให้ลอยขึ้นไปในอากาศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันสร้างความประหลาดใจให้แก่ไคโตะเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไปโดยทันที
[ . . . ผมจำได้ว่าผมเคยพูดไว้ว่า ผมจะฝากเธอไว้กับนายไม่ใช่รึ ? ]
เมื่อเขาได้หันหลังกลับไป สิ่งที่ดวงตาสีแดงเข้มกำลังจับจ้องไปนั้นคือร่างของคนๆหนึ่ง พร้อมกับถามออกมาอย่างเคืองๆหน่อยๆ อย่างไรก็ตาม คนๆนั้นก็มาหยุดอยู่ที่ข้างๆไคโตะ
[ ถ้าหากนายไม่ต้องการให้พี่น้องคู่นั้นมาเกี่ยวข้องแล้วล่ะก็ นายต้องอย่างมัวแต่ปกป้องพวกเธอ นายจะต้องจบเรื่องพวกนี้ให้ได้ก่อนที่พวกหล่อนจะหาทางมาเกี่ยวข้องจนได้ . . . เพราะถ้าหากนายชักช้าเกินไป ท้ายที่สุด พวกเธอก็จะมาอยู่ดี เข้าใจรึปล่าว ? ]
ในมือข้างหนึ่งที่ถือดาบคู่ที่รวมตัวกันกลายเป็นดาบเดี่ยวสีแดงเข้ม เพฌฆาตแห่งความมืด เขาได้กล่าวออกมา
——–
หลังเรียกดาบ [ Carbuncles ] ที่ขว้างออกไปกลับมา ผมก็มายืนอยู่ที่ข้างๆสุดหล่อคุงและจับตามองไปยังมังกรโบราณที่กำลังลุกขึ้นอย่างช้าๆ
โถ่ จริงๆผมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ไกลๆแล้ว แต่ผมนึกไม่ถึงจริงๆว่ามันจะงอกใหม่ออกมาแบบนั้นได้ ผมไม่รู้เลยแม้ว่าผมจะฆ่าไอ้พวกที่คล้ายๆแมลงวันซอมบี้รูปมังกรด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวไปมากมายก่อนหน้านี้
ผมล่ะตกใจจริงๆ แต่เมื่อเจ้ามังกรนี้ได้กลายมาเป็นซะขนาดนี้แล้ว มันคงไม่มีทางที่จะช่วยเหลืออะไรได้แล้วซินะ
เอาเถอะ มันคงไม่มีทางชนะแน่ถ้าหากพวกเรายังจะจัดการมันด้วยวิธีปกติ ดังนั้น อะไรคือสิ่งที่พวกเราควรจะทำดี
[ นายมาที่นี่ทำไมกัน แล้วถ้าหากเธอถูกสิงร่างอีกขึ้นมาล่ะ !! ]
เจ้าของเสียงนั้นคือสุดหล่อคุง สุดหล่อคุงตะโกนออกมาขณะกำแน่นที่ปกเสื้อโคดของผม
[ เธอพูดว่า เธอจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแน่ ]
[ นั้นมัน . . ชิ ไม่ว่านายจะคิดอย่างไรก็ช่าง แต่นั้นมันเป็นเพียงการแสดงความเข้มแข็งของเธอ ดูก็รู้ เธอน่ะกำลังเหนื่อยอ่อนเป็นอย่างมาก อย่างน้อยที่สุดนายก็น่าจะเข้าใจถึงสิ่งนี้สักนิด!! ]
ผมก็เข้าใจดีในสิ่งที่สุดหล่อคุงพยายามจะบอก แต่ว่า ก็คงต้องของปฎิเสธไปอยู่ดี เพราะถ้าหากทำแบบนั้นจริงๆ ท้ายที่สุดอลิเซียคงจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมกับการต่อสู้ครั้งนี้เป็นแน่ นั้นเพราะ พี่น้องเหล่านี้ ซิลเวียและอลิเซียต่างมีภาพลักษณ์ที่เหมือน “พี่สาวคนโต” ของเธอ
มันเพราะพวกเธอต่างมีภาพลักษณ์ที่ “เจ้างหญิงผู้เข้มแข็ง”อยู่เสมอ แม้ว่าจะมีใครบางคนที่กระโดดขาคู่ใส่เหล่ามอนเตอร์จนกระเจิงแบบผมอยู่แล้วก็เถอะ แต่สำหรับพวกเธอ การที่จู่ๆมีคนแปลกหน้าต้องมารับผิดชอบสิ่งที่พวกเธอสมควรทำนั้นเป็นเรื่องที่บ้าบอคอแตกมาก
[ ผมจะนั่งดูดนิ้วเล่นดูอยู่เฉยๆก็ได้นะ ถ้าหากนายไปพูดกับเธอว่านายต้องการไม่ให้คนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างผมไปสู้ เชื่อเถอะ นายจะถูกเทศน์แน่ ]
เมื่อผมกล่าวกระตุ้นเขาไปนิดหน่อย สุดหล่อคุงยกดาบของเขาขึ้นเหมือนจะทำอะไรสักอย่างและ
[ หึ . . . แต่ผมก็ไม่คิดว่านายจะสามารถฝ่าเวทย์เกล็ดมังกรเข้าได้หรอกนะ ]
สุดหล่อคุงตอกกลับคำพูดเหล่านั้นกลับมา โฮะๆ นายแน่ใจแล้วรึที่พูดออกมาอย่างนั้น
[ นายนี่มันโง่จริงๆ รู้รึปล่าวมันง่ายนิดเดียว นายก็แค่ฟันมันด้วยดาบไปเรื่อยๆจนกว่าจะฝ่าเวทย์นั้นเข้าไปได้แค่นั้นเอง ]
[ ถ้าแค่นั้นมันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเราหรอก ขนาดใช้สุดยอดเวทย์มนตร์การโจมตีผสาน มันยังสร้างช่องว่างให้โจมตีได้เพียงแค่แว็บเดียว ]
[ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเราเปิดช่องโจมตีนั้นได้ มันก็คือชัยชนะของพวกเรา เพราะพวกมังกรทั่วๆไปจะตายถ้าหากนายตัดหัวของมันออก ]
[ ไม่ แม้ว่าการตัดหัวของมันออกโดยทั่วๆไปแล้วพวกมังกรจะตายหลังจากนั้น . .แต่เจ้านี้ไม่เหมือนกัน มันมีบางสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้แทน “หัวใจ” ถ้าหากเราเจาะผ่านเวทย์เกล็ดมังกรเข้าไปได้และทำลายเจ้าสิ่งนั้น นั้นแหละถึงจะเรียกว่าชัยชนะ ]
สิ่งที่ใช้แทนหัวใจงั้นเรอะ ? โอเค ผมเข้าใจล่ะ
นี่ก็หมายความว่า
[ แล้วจะเอายังไงกับเวทย์มนตร์เกล็ดมังกร? ]
[ ผมเจาะผ่านเจ้าสิ่งนั้นได้ ]
[ ในตอนนั้น ผมจะหาหัวใจนั้นและ “แหวกมันเอง” ]
[ . . . 1 นาที ]
[ ? ]
[ นั้นคือเวลาที่จะต้องใช้เตรียมการสำหรับการร่ายเวทย์มนตร์สำหรับเจาะผ่านเวทย์มนตร์เกล็ดมังกร ]
[ เตรียมตัวใน 40 วิ ]
[ . . . งั้นผมคงต้องฝากให้นายจัดการให้เรียบร้อยด้วย ]
[ ปล่อยเป็นหน้าที่ของผมเอง ]
เมื่อตอบไปเช่นนั้น สุดหล่อคุงปักดาบยักของเขาลงแน่นที่พื้นดิน และวางมือของเขาลงที่ด้ามจับ และเริ่มที่จะร่ายเวทย์
[ [———] ] (TL: ขีดๆนี่คือภาษามังกรครับ มีแต่มังกรเท่านั้นที่ฟังออก)
มันเป็นความรู้สึกดังก้องกังวานไปทั่วราวกับมันเป็นเสียงของโลก วงเวทย์ที่ถูกขีดเขียนขึ้นนั้นมันแสดงถึง “สัจธรรม” ของโลกใบนี้
[ เอาล่ะ การเตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว ]
ผมได้ทิ้งวงเวทย์มังกรที่ถูกสร้างขึ้นใว้เบื่องหลัง และเริ่มออกวิ่งอย่างสุดกำลังไปยังเจ้ามังกรโบราณที่กำลังลุกขึ้น
——————–
ราวกับสายลม
ราวกับสายฟ้าแลบ
ราชันมังกรที่ตอนนี้กลายเป็นดราก้อนซอมบี้กำลังไล่จับเงาดำ แต่ทว่า เงาดำที่รวดเร็วซะจนเรียกได้ว่าเป็นเทพแห่งความเร็ว ดังนั้น ด้วยซากศพนี้เปื่อยเน่าและพละกำลังที่ถูกลดลงจึงไม่สามารถตามความเร็วได้เลย เพราะทั้งกรงเล็บที่เหวี่ยงลงมาและคมเขี้ยวที่ไล่กัดเขานั้น พวกมันทั้งหมดไม่สามารถถึงตัวเงาดำได้
แต่ทว่า เงาดำนั้น หรือ ยาชิโระ ยูเองก็หมดหนทางต่อกรเช่นกัน
(ดั่งที่คิดไว้เลย มันแข็งจริงๆ)
แม้ว่าเขาจะวิ่งไปรอบๆพร้อมกับโจมตีด้วยดาบคู่ของเขาไปหลายสิบครั้ง ใน 1 วิ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุบาเรียที่ไม่รู้เลยว่ามันหนากี่ชั้นกันแน่
(เอิ่ม ผมก็เดาไว้อยู่แล้วหละนะว่ามันจะเป็นแบบนี้ เพราะขนาดตอนผมใช้ดาบศักดิ์สิทธ์ยังทำให้ผมเสียเวลาพอสมควรเลยทีเดียว)
[ ผู้ !!! กล้าาาาาาาาา !!! ]
[ จ้า จ้า ผมอยู่นี้แล้วจ้า ]
แทนที่จะต้านทานกงเล็บที่เหวี่ยงลงมาด้วยดาบของเขา เขากลับหลบเลี่ยงโดยใช้ช่องว่างระหว่างกงเล็บ และนั้นทำให้ยูขึ้นมาอยู่ด้านบนของแขนมังกรโบราณและเริ่มออกวิ่ง
[ ——! ]
[ มันกำลังมาแล้วสินะ ! ]
แทบจะในทันที มีลำแสงพุ่งกระจายออกมาราวกับว่ามันถูกระเบิด ลำแสงเหล่านั้นมันถูกแปรสภาพไหลกลับมารวมกันราวกับเป็นพลังสุดยอด และจุดที่ลำแสงไหลมารวมกันนั้น คือที่ 2 แขนของไคโตะ ที่มาพร้อมกับเสียงร้องตะโกน
[ ลมหายใจมังกร !! ]
ในจังหวะที่แสงเหล่านั้นถูกรวบรวมขึ้นจนถึงขีดสุด แสงที่ถูกไหลไปรวมกันเป็นก้อนพลังงานขนาดใหญ่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาเป็นลำแสง มันพุ่งตรงไปยังมังกรโบราณ
ลมหายใจมังกร ตามกับชื่อของมัน มันคือสุดยอดของสุดยอดเวทย์มนตร์ มังกรคำราม ที่มีแต่เผ่ามังกรเท่านั้นที่ครอบครอง ลำแสงโจมตีอันรุนแรงที่โอ้อวดได้เลยว่าพลังของมันนั้นแตกต่างจากเวทย์มนตร์ทั่วๆไปที่เหล่ามนุษย์ใช้กัน มันสามารถเผาผลาญทะลุ เวทย์มนตร์เกล็ดมังกร ที่เป็น 1 ในเวทย์มนตร์ มังกรคำราม
「――――――ッッ!!??」
ลมหายใจมังกร ได้ปะทะกับ เวทย์มนตร์เกล็ดมังกร และทันใดนั้น เวทย์มนตร์เกล็ดมังกรได้ถูกทำลายลงไปพร้อมกับร่างกายครึ่งหนึ่งของมังกรโบราณ มันถูกเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่าน แม้จะมีไอ้สิ่งที่เรียกว่าบาเรียที่มองไม่เห็นนั้นกั้นอยู่ ที่สุดของสุดยอดการโจมตีที่เหล่ามังกรครอบครองนั้นได้ถูกปลดปล่อยออกมาและมันทะลุผ่าน เวทย์มนตร์เกล็ดมังกร ที่แม้แต่ยูเองยังต่อสู้อย่างยากลำบาก มันถูกเจาะเป็นรูราวกับกระดาษที่เปียก
[ ลมหายใจมังกร . . . มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว . . ]
หลังจากที่หายตะลึงจากพลังโจมตีที่มากมายจนผิดปกติเมื่อสักครู่ ยูถึงกับพึมพัมออกมา พร้อมกับมองไปยังร่างของมังกรโบราณที่ตอนนี้ถูกเจาะจนเป็นรู
( ความรู้สึกแบบนี้ เจ้านี่มันยังไม่ถูกจัดการ ผมก็หลงคิดไปว่าด้วยการโจมตีนั้น มันเป็นไปได้แน่ๆที่จะจัดการมันได้ )
เขาไม่รู้ว่า เป็นเพราะความเจ็บปวดหรืออะไรบางอย่างที่พุ่งทะลุร่างกายที่ตายแล้วนั้นทำให้มันโมโหขึ้น และมันเริ่มที่จะส่งเสียงคำรามออกมา มันดังซะจนแผ่นดินสั่นไหวเลยทีเดียว
มันยังไม่จบแค่นี้ ยูเขารู้สึกได้และเริ่มมองหาเป้าหมายของเขา สิ่งที่ใช้แทนหัวใจของมัน
ทันใดนั้น
( ใช่นั้นรึปล่าวนะ ? )
เขาก็ได้ค้นพบกับ “บางสิ่ง” ที่ถูกฝั่งอยู่ตรงใจกลางอกของมังกรโบราณ
[ โอ้วววววววววววววววว !!!! ]
มันเป็นการถีบพื้นอย่างรุนแรง ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้ถนนเกิดความเสียหายเพราะรอยเท้าที่เขาย่ำลงไป ยูกระโดดพุ่งตรงไปยังมังกรโบราณราวกับเขาเป็นมิสไซล์
[ ย๊ากกกก !! ]
พร้อมกับเปลี่ยนดาบสีเลือดเข้มของเขาให้กลายเป็นดาบคู่ เขาปลี่ยนท่าจับดาบมาขนานกัน และแทงออกไป
“เพล้ง”
พร้อมกับเสียงแหลมสูงที่เกิดขึ้น ดาบคู่ทั้ง 2 เจาะทะลุเข้าไปอะไรบางอย่างสีเหลืองอัมพันก่อนที่ เวทย์มนตร์เกล็ดมังกร จะฟื้นฟูกับมาได้ทัน และการโจมตีนั้น ทำให้อะไรบางสิ่งไหลออกมาตามรอยร้าว
[ บิงโก !! มานามันไหลออกมาจากสิ่งนี้ มันคือศูนย์กลางแน่ ! ]
ขณะที่ห้อยตัวอยู่กับดาบที่ถูกปักอยู่ ยูตะโกนออกมา พร้อมกับกำดาบไว้แน่นและเริ่มขยับมันขึ้นๆลงๆ ราวกับว่าเขาพยายามที่จะเปิดมันให้กว้างขึ้น
[ อุ . . .อุก. . . . โอ้วววววววววว !! ]
บาเรียเริ่มก่อตัวขึ้นและเริ่มที่จะแข็งแกร่ง เวทย์มนตร์เกล็ดมังกรเริ่มที่จะต่อต้านกับตัวดาบ แต่ ยูกับใช้พลังของเขาฝืนมันไว้และเขาก็ทำได้ พร้อมกับตะโกนออกมา
[ ซ้ำมันอีกที !!!!!! ]
[ รับไปซะ !!! ]
ในช่องว่างบาเรียขนาดเล็กที่ยูเป็นคนเปิดขึ้นนั้น ดาบยักสีแดงเข้ม ไคโตะได้ใช้มันแทงทะลุลงไป
[ Combustion Sword!! ]
ลำแสง ได้ปะทุออกมา
—————-
มังกรโบราณ ราชันมังกร วาฟามุส
มันเป็นสัตว์เทพที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่กินทุกเศษเสี้ยวของมานาที่มีอยู่มากมายในโลกใบนี้ และเผ่าปีศาจที่กัดกินทำลายธรรมชาติที่เป็นแหล่งของมานา ทำให้เมื่อ 3 ปีก่อน มันปรากฎตัวขึ้น และเป็นศัตรูกับทั้ง 2 ฝั่งทั้งมนุษย์และปีศาจ
ถ้าผู้กล้าคือผู้อยู่บนจุดสูงสุดของมนุษย์ชาติและจอมมารคือผู้อยู่บนจุดสูงสุดของเผ่าปีศาจ ราชันมังกรคือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของธรรมชาติ
ราชันมังกรนั้น ถ้าจะให้พูด ชีวิตของมันถูกทำลายลงเรื่อยๆด้วยการโจมตีของทั้ง มนุษย์ชาติและเผ่าปีศาจ และในสุดท้ายนั้น ในขณะที่จิตวิญญาณและร่างกายของมันกำลังจะถูกทำลาย มันได้ประจันหน้ากับผู้กล้าที่มันเกลียดเข้าไส้ และได้ตายลง
[ . . . ในที่สุดท่านก็ได้จากไปจริงๆแล้วสินะ เพื่อนเก่าของข้า วาฟามุส ]
สิ่งมีชิวีตขนาดใหญ่ที่อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นภูเขานั้น มันคือมังกรขนาดใหญ่ที่ร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีขาวสวยงาม
ผู้คนต่างเรียนขานเขาว่า บรรพชลของเหล่ามังกร The Elder Dragon มันคือมังกรตนแรกที่เกิดมาพร้อมกับเวลาที่โลกนี้ได้ถูกสร้างขึ้น
และภายในส่วนลึกที่สุดของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มันคือสวนในเขาวงกตแห่งเวลา เอลเดอร์ดราก้อนได้รับรู้ถึงการตายของเพื่อนร่วมสาบานตั้งแต่ช้านานของเขา
[ ฟาร์เนีย และตอนนี้ก็ วาฟามุส . . . โอ้วตายแล้ว เหล่ามังกรโบราณตอนนี้เหลือเพียงแค่ข้าสินะ ]
เสียงพึมพัมนั้นมันเป็นเสียงที่แหบแห้งและมันแสดงถึงความมีอายุในน้ำเสียง เอลเดอร์ดราก้อนได้รู้สึกถึงเสียง *ซุก ซุก* มันเป็นเสียงการก้าวเดินบนผืนหญ้า เขาจึงมองไปยังทิศทางที่เกิดเสียงนั้น
[ โอ้วว . . . นอร์น นั้นเธอรึ? ]
[ ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ท่านเอลเดอร์ดราก้อน ]
สิ่งที่เอลเดอร์ดราก้อนเห็นคือผู้ที่มีผมสีขาวยาว ที่ดูราวกับว่ามันโปร่งใสและร่างกายที่มีผิวขาวเนียน เธอเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆที่มีดวงตาสีแดงเข้มราวกับเลือด
คือเธอเอง [ แม่มดแห่งเวลา ] นอร์น
ขณะที่กำลังเดินผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีเหล่านั้นมา ในที่สุด นอร์นก็เข้ามาใกล้กับเอลเดอร์ดราก้อน
[ มันเป็นดั่งที่เธอกล่าว นอร์น กี่ปีผ่านไปแล้วนะตั้งแต่ตอนนั้น? ]
[ ก็ก่อนที่ผู้กล้าจะปรากฎตัว มันก็ผ่านไปแล้ว 4 ปี ค่ะ ]
นอร์นตอบคำถามของเอลเดอร์ดราก้อนออกมาด้วยรอยยิ้ม
[ อืม อืม ดูเหมือนว่าเมื่อเร็วๆนี้ จะมีเด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าผู้กล้ามาที่นี่เหมือนกัน เธอรู้รึปล่าว? เขาได้รับความทรงจำในเทคนิคที่วาฟามุสทิ้งเอาไว้แต่. . เธอคงรู้เรื่องนี้แล้วสินะ ? ]
[ ค่ะ จริงๆแล้วเขามีชื่อว่า ไคโตะ อามากิ ]
[ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนมอบจุดจบให้กับวาฟามุส ]
[ ค่ะ ดิฉันทราบดี ]
[ อืม เธอรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นจริงๆสินะ . . . สมแล้วที่เป็นถึง แม่มดแห่งกาลเวลา ]
*ฟุ ฟุ* เอลเดอร์ดราก้อนหัวเราะออกมาเล็กๆ
[ ข้าต้องขอขอบคุณเธอจริงๆ นอร์น ]
[ ไม่ค่ะ พวกเราต่างหากที่เป็นคนขออภัยแก่ท่าน แม้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นจะเพื่อช่วยโลกใบนี้ แต่พวกเราก็ได้ทำลาย 2 เสาหลักของเหล่ามังกรผู้เป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ ]
นอร์นเข้าไปใกล้เอลเดอร์และนั่งลงที่บนหญ้าข้างๆตัวเขา
[ มันไม่เป็นไร ทั้งฟาร์เนียและวาฟามุสต่างก็แค่เข้าใจผิด คิดว่ามนุษย์ชาติและพวกปีศาจต่างพยายามจะกำจัดพวกเขา ที่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ถูก”โลกใบนี้” สร้างขึ้นมา ]
เอลเดอร์ดราก้อนกล่าวออกมา และภาวนาแก่เพื่อนเก่าของเขาให้ไปสู่สุขคติ . .