ตอนที่ 42 ไม่ต้องแต่งงานครั้งที่สามหรืออย่างไร
ตอนที่ 42 ไม่ต้องแต่งงานครั้งที่สามหรืออย่างไร
หลิวกุ้ยอิงอธิบาย “วันนี้จู่ ๆ แม่สามีของลูกก็มาที่บ้านของเราและขอให้เราพาลูกกลับบ้าน ให้ถือว่าการแต่งงานของลูกกับเจียเหอนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้วยังพูดอย่างอื่นอีกเยอะ”
ด้วยกลัวว่าหลินเซี่ยจะโกรธ หล่อนจึงไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ของโจวลี่หรง
“เราจึงอยากมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น? อยากรู้ว่าลูกกับเจียเหอทะเลาะกันหรือเปล่า เป็นผลให้คุณย่ากับอารองเริ่มโต้เถียงกับคนในบ้านตอนที่ลูกไม่อยู่”
หลินเซี่ยตอบ “มันไม่ได้เกี่ยวกับหนูและเฉินเจียเหอค่ะ แม่สามีของหนูไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เนื่องจากความสัมพันธ์กับตระกูลเสิ่น และอาจเป็นเพราะคุณย่ากับอารองมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีในหมู่บ้านด้วย”
เมื่อพูดถึงข่าวลือ หลิวกุ้ยอิงก็เข้าใจได้ดี หล่อนพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า
“ลูกอย่าห่วงเลย แม่จะบอกคุณย่ากับอารองเมื่อกลับไป บอกพวกเขาว่าอย่าเข้าไปรบกวนชีวิตของลูกอีกในอนาคต”
“แม่ อดทนอยู่ที่บ้านนั้นอีกนิดนะ หนูไม่ได้วางแผนที่จะคบหากับคนอย่างอารองในอนาคต แม้ว่าพวกเขาจะมาที่นี่วันนี้เพื่อสนับสนุน แต่เราทุกคนต่างรู้ดีว่าอะไรคือแรงจูงใจของพวกเขา”
เธอพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “หนูพบกับเสี่ยวเยี่ยนในเทศมณฑล เมื่อไหร่ที่เธอมีวันหยุด เราสามคนแม่ลูกจะพูดคุยเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และให้แม่ออกจากบ้านหลังนั้น”
“แม่ไม่ได้เลี้ยงดูลูกมาเลยแม้แต่วันเดียว ดังนั้นปล่อยแม่ไว้ที่นี่เถอะ” หลิวกุ้ยอิงมองเธอพลางหลั่งน้ำตาสำนึกผิด
“แม่เป็นแม่ของหนู หนูไม่สนเรื่องอื่นใดหรอก”
ชาติที่แล้วแม่ยอมสละชีวิตเพื่อเธอ ชาตินี้เธอจะไม่ตอบแทนคุณแม่ของตัวเองได้อย่างไร
เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในลานบ้าน หลิวกุ้ยอิงจึงพูดกับเธอเสียงเบา “ลูกไม่ได้นำบัตรประชาชนกลับมาบ้านด้วยหรือ? ถ้ามีบัตรประชาชนเมื่อไหร่ ลูกและเจียเหอรีบไปจดทะเบียนสมรสกันโดยเร็วที่สุด อย่างน้อยก็มีทะเบียนสมรสคอยรับประกัน”
หลินเซี่ยพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ”
แม่เฒ่าโจวกำลังนึ่งซาลาเปาในช่วงบ่าย แต่เมื่อมีคนมารบกวน นางจึงละทิ้งความสนใจจากหม้อนึ่ง ตอนนี้เมื่อกลับมาเปิดฝาหม้อดูก็พบว่าซาลาเปาสุกแล้ว จึงขอให้เฉินเจียนำพวกมันไปยังห้องหลัก
เมื่อเห็นดังนี้ หลินเซี่ยจึงขอให้หลิวกุ้ยอิงเข้าไปในบ้าน จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องครัวเพื่อช่วย
ผู้เฒ่าโจวต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอาใจแม่เฒ่าหลิน
“พี่สะใภ้ มากินอาหารด้วยกันเถอะ”
แม่เฒ่าหลินและหลินเอ้อร์ฝูไม่มีความเกรงใจแต่อย่างใด หยิบซาลาเปาขึ้นมากินทันที
หลิวกุ้ยอิงลูบมือตัวเองด้วยความลำบากใจและต้องการบอกให้พวกเขากลับบ้าน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“แม่ นั่งลงกินข้าวด้วยกันเถอะครับ”
หลิวกุ้ยอิงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ไม่หิวน่ะ”
เฉินเจียเหอยืนกรานที่จะยัดซาลาเปาเข้าไปในมือของหล่อน
แม่เฒ่าหลินมองดูเฉินเจียเหอกำลังดูแลครอบครัวของพวกเขา ใบหน้าของเต็มไปด้วยความชื่นชมขณะลิ้มรสซาลาเปาแสนอร่อย หันไปพูดกับผู้เฒ่าโจว “พี่โจว แม้ว่าครอบครัวของคุณจะอยู่ทางตะวันออก ส่วนของฉันอยู่ทางตะวันตก และเราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่ฉันมีสายตาแหลมคม แค่มองดูเจียเหอก็บอกได้ว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว”
“ถูกต้อง เจียเหอเป็นเด็กกตัญญูและมีเหตุผล เขามีงานการที่ดี และกำลังสร้างรถไฟ”
ผู้เฒ่าโจวมองหลินเซี่ยที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมจานพริกพลางกล่าวชม “เซี่ยเซี่ยเองก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน สองคนนี้เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก”
แม่เฒ่าหลินนั่งขัดสมาธิบนเตียงเตาและพูดว่า “ใช่แล้ว ดูสิว่าเด็กคนนี้หน้าตาดีขนาดไหน พวกคุณทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง แม้เจียเหอจะแต่งงานครั้งที่สองและมีลูกติด ทั้งยังอายุมากกว่าหลานสาวฉันมาก แต่หลานสาวของฉันก็ไม่ได้ดูถูกเขา ขณะที่ลูกสาวคนโตของคุณกลับดูถูกหล่อนแบบนั้น ในหัวของผู้หญิงคนนั้นมีความคิดอะไรกันแน่? หล่อนถึงจงใจทำลายการแต่งงานของลูกชายตัวเอง นี่เจียเหอเป็นลูกชายแท้ ๆ ของหล่อนจริงเหรอ? ถ้าเขาหย่าร้างกับเซี่ยเซี่ยอีก ในอนาคตเขาไม่ต้องแต่งงานเป็นครั้งที่สามหรือยังไง?”
เฉินเจียเหอ “…”
การแต่งงานครั้งที่สามงั้นเหรอ?
หลินเซี่ย “…”
หลินเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “คุณย่า รีบกินซาลาเปาและรีบกลับบ้านเถอะค่ะ”
ผู้เฒ่าโจวทนไม่ได้ที่คนอื่นมาใส่ร้ายและเหยียดหยามคนในครอบครัว เขาจึงโต้กลับไปว่า “ในทางกฎหมายเขายังคงเป็นโสดอยู่น่ะ”
“อะไรนะ? ยังไม่ได้แต่งงาน?”
แม่เฒ่าหลินหันมองหู่จือ ถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วมีลูกชายที่โตขนาดนี้ได้ยังไงถ้ายังไม่ได้แต่งงาน? หลังจากเด็กสาวให้กำเนิดบุตร ลูกสาวคนโตก็ไล่หล่อนออกไปงั้นเหรอ? นี่มันการกระทำของพวกอันธพาลไม่ใช่หรือไง? พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
ผู้เฒ่าโจวรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ อย่าเพิ่งเข้าใจกันผิด มันไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“หู่จือ ยังมีกระดูกหมูจากเมื่อวานอยู่ในครัว ย่าทวดเหลือไว้ให้เธอโดยเฉพาะเลย ตามย่าทวดไปที่ครัวสิ”
แม่เฒ่าโจวกลัวว่าหู่จือจะได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน นางจึงรีบดึงหู่จือออกมา
แม่เฒ่าหลินถามอีกครั้ง “ยังไงก็ตาม ตอนที่เราคุยเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ เรารีบจนไม่ได้ถามรายละเอียดเลย แม่ของเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? หล่อนเสียชีวิตหรือแยกทางกัน? ฉันหวังว่าหล่อนจะไม่กลับมาขอคืนดีหลังจากนี้ ไม่งั้นสิ่งต่าง ๆ จะยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม”
ท้ายที่สุดแม่เฒ่าหลินก็เป็นขิงแก่และมีประสบการณ์มากมาย
“อย่าห่วงเลย แม่ของเด็กจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเจียเหอและเซี่ยเซี่ย”
“งั้นก็ดี” เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าโจวใช้วิธีการตอบแบบเลี่ยง ๆ แม่เฒ่าหลินรู้สึกว่ามันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น
แต่นางไม่ได้ถามเจาะลึกถึงเรื่องนี้
จุดประสงค์ของพวกเขาคือเพื่อให้หลินเซี่ยแต่งงานกับเฉินเจียเหอได้โดยไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น
เฉินเจียเหอสัญญากับพวกเขาไว้แล้วว่าจะให้หลินเอ้อร์ฝูและครอบครัวของเขาไปทำงานในเมือง
หลินเซี่ยมองเหล่าผู้อาวุโสตระกูลโจวที่มีอัธยาศัยดีพลางรู้สึกเห็นใจ พวกเขาล้วนเป็นคนที่น่านับถือ เพื่อเห็นแก่เฉินเจียเหอ พวกเขายอมให้แก่แม่เฒ่าหลินทุกอย่าง แม้ว่าอีกฝ่ายจะประพฤติตนไม่เหมาะสมก็ตาม
“คุณย่า รีบกินเถอะค่ะ กินเสร็จก็กลับกันได้แล้ว และต่อไปอย่ามาสร้างปัญหาอีกเลยค่ะ”
แม่เฒ่าหลินโต้กลับ “สร้างปัญหาอะไร? ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อประโยชน์ของแกเอง”
“ต่อจากนี้หนูจัดการเรื่องของตัวเองได้ ดังนั้นอย่าเข้ามายุ่งเลยค่ะ”
“เซี่ยเซี่ย อย่าพูดกับคุณย่าแบบนั้น”
แม่เฒ่าโจวกลัวว่าแม่เฒ่าหลินจะโกรธอีกครั้ง
เมื่อใดก็ตามที่คนอย่างแม่เฒ่าหลินและหลินเอ้อร์ฝูก่อปัญหา คนธรรมดาทั่วไปคงแทบทนไม่ไหว
พวกเขาดุด่าและสาปแช่งเก่งมาก ต่อให้ไม่มีเหตุผล พวกเขาก็ยังสามารถโต้แย้งได้อย่างน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นฝ่ายสมเหตุสมผลในครั้งนี้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ แม่เฒ่าหลินเช็ดริมฝีปากและวางแผนจะลุกออกจากเตียงเตา
เฉินเจียเหอรีบหารองเท้ามาให้นาง
แม่เฒ่าหลินสวมรองเท้า หันไปบอกกล่าวหลินเอ้อร์ฝูกับหลิวกุ้ยอิงและกำลังจะจากไป
ก่อนออกเดินทาง นางขยิบตาและเตือนเซี่ยเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย ยืนหยัดเพื่อตระกูลหลินเสียบ้าง อย่าปล่อยให้พวกเขาข่มเหงเอาได้”
หลินเซี่ยไม่ให้ความร่วมมือกับนาง “อย่าสอนเรื่องหยาบคายกับหนู”
ผู้เฒ่าสองคนของตระกูลโจวสังเกตเห็นทัศนคติหลินเซี่ยที่มีต่อแม่เฒ่าหลิน พวกเขาแอบพึงพอใจ
แม่เฒ่าหลินมองหลินเซี่ยด้วยความเกลียดชัง และถามเธออีกครั้งว่า
“พวกเขาบอกว่าแกไปทำงานในเมือง? แกกำลังทำงานอะไร?”
หลินเซี่ยตอบ “เพื่อนคนหนึ่งขอให้หนูไปช่วยสระผมให้ลูกค้าที่ร้านค่ะ”
“ได้เงินไหม?” แม่เฒ่าหลินถามอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ แค่ไปช่วยเฉย ๆ”
แม่เฒ่าหลินเริ่มหงุดหงิด “แล้วจะไปทำงานทำไมถ้าไม่ได้เงิน แกโง่หรือเปล่า? นี่เติบโตในเมืองมายังไง?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณย่าว่าหนูจะได้เงินหรือไม่ได้? คุณย่าอยากขอเงินจากหนูหรือยังไงคะ? หลินเซี่ยโต้กลับ
แม่เฒ่าหลินรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่กำลังจะออกไป นางก็รู้ว่าโจวลี่หรงอยู่ในห้องตะวันออก จึงจงใจตะโกนเสียงดัง
“โจวต้ายา แกห้ามมารังแกหลานสาวของฉันอีก ถ้าแกมาที่บ้านฉันเพื่อสร้างปัญหาอีกครั้ง ฉันจะเข้าเมืองเพื่อรายงานเรื่องเลวทรามกับผู้นำของแก”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมือนหยั่งเชิงคานอำนาจกันไปมา ต่อให้ครั้งนี้มาช่วยก็ใช่ว่าจะช่วยแบบหวังดีเต็มร้อย เซี่ยเซี่ยไม่ประมาทดีแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)