บทที่ 26 เข้าคุกอีกแล้ว

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ตอนที่ 26 เข้าคุกอีกแล้ว

ซวงหวนแปลกใจ “พระชายา เมื่อเช้าท่านต้องทนทุกข์ทรมานถึงเพียงนั้น ไยจึงยังยิ้มออกเพคะ”

“เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง ตอนนี้ยังไม่มีความสามารถพอจะแก้แค้น เช่นนั้นแล้วก็ต้องอดทนไปก่อนแล้วรอปลาเค็มพลิกตัว[1] จะร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะเรื่องแค่นี้ก็คงไม่ได้หรอก” ฉินปู้เข่อหยิบถุงเงินออกจากใต้หมอน “ไป เดี๋ยวพี่เลี้ยงเสี่ยวหลงเปาเอง”

กับการใช้ชีวิต ฉินปู้เข่อเป็นพวกมองโลกในแง่บวก เพียงมีเรื่องดี ๆ สักนิดในชีวิตนางก็หาความสุขท่ามกลางความทุกข์ได้แล้ว

เมื่อเถ้าแก่ร้านเสี่ยวหลงเปาเห็นพวกนางสองคนมาก็ยิ้มจนเผยให้เห็นริ้วรอยบนใบหน้า ดูท่าวันนี้จะขายเสี่ยวหลงเปาหมดได้ก่อนเวลา และกลับบ้านเร็วขึ้นสินะ

“แม่นาง วันนี้กี่เข่งดี”

“ข้าเอาสิบเจ็ดเข่งเหมือนเดิม” ฉินปู้เข่อดึงซวงหวนให้นั่งลงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ซวงหวนเคยเห็นปริมาณอาหารที่กินอันน่าตะลึง และนิสัยไม่แบ่งแยกชนชั้นของนางแล้ว ซวงหวนจึงนั่งลงข้างกายนางและกล่าว “พระชายา วันนี้พระสนมทั้งสองไม่ได้มาด้วย เรากินเยอะขนาดนั้นไม่ไหวหรอกเพคะ”

“เสี่ยวหลงเปาร้านนี้อร่อยขนาดนี้ ข้าอยากนำกลับไปให้ท่านอ๋องชิมสักสองเข่ง” ฉินปู้เข่อยิ้มกว้างและหยิบตะเกียบขึ้น

นางต้องรีบเดินหน้าในตอนที่หมี่โม่หรู่หวั่นไหว และก้าวหน้าบนเส้นทางจีบชายในฝันอีก

รอจนฉินปู้เข่อลูบท้องอย่างพึงพอใจ และเดินถือเสี่ยวหลงเปาที่ห่อแล้วออกจากร้าน ฟ้าก็มืดลงพอดี

เถ้าแก่ร้านโบกมือให้นางอยู่ด้านหลังอย่างสนิทสนม “มาบ่อย ๆ นะขอรับแม่นาง”

“พระชายา รถม้าอยู่ทางนี้เพคะ”

“เราเดินกลับกันเถอะ ข้ารู้สึกว่ากินเยอะไปหน่อย จึงต้องเดินให้ย่อย” ฉินปู้เข่อสะอึกด้วยความอิ่มอย่างไม่รักษาท่าทาง

ซวงหวนเดินตามอยู่ข้างกายนางตามคำสั่ง

“จริงสิ เช้านี้พวกเจ้ายังจับนักฆ่าที่ลอบสังหารไม่ได้เหรอ” ฉินปู้เข่อที่ไม่รู้จะพูดสิ่งใด จึงเอ่ยถึงเรื่องเมื่อกลางวันออกมาโดยไม่คิดอะไร

สีหน้าของซวงหวนพลันเปลี่ยนไปทันที หากเป็นเวลากลางวันฉินปู้เข่อจะต้องเห็นเหงื่อเย็นไหลลงมาตามไรผมของนางเป็นแน่

“เพคะ เรื่องนั้นเพราะว่า…คือว่า…ระยะทางที่ยิงธนูมาไกลมากเพคะ ตอนที่ไปถึงนักฆ่าได้หนีไปหมดแล้วเพคะ”

“ที่แท้เจ้ามีวรยุทธด้วยหรือนี่ วันหลังเจ้าสอนข้าบ้างสิ” ฉินปู้เข่อร้องขอด้วยความตั้งใจ วิชาสานต่าสามารถจัดการกับคนจำนวนน้อยได้ ๆ แต่หากเจอคนอาวุธครบมือหลายคนพร้อมกันนางไม่อาจสู้ได้อย่างแน่นอน

“เป็นเพียงเล็กน้อยเพคะ เพียงนิดเดียว” ซวงหวนรู้สึกว่าตนเองชักจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ขณะที่คุยกันอยู่ ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งก็โผล่ออกมาและล้อมพวกนางสองคนไว้

“เจ้าน่ะหรือชายาอ๋องหลี่ชิน ฉินปู้เข่อ” ชายผู้ที่เป็นหัวหน้าชี้กระบี่มาทางฉินปู้เข่อ

“อืม” ฉินปู้เข่อพยักหน้า นี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดถึงมีนักฆ่ามาตามล่านาง ปกติต้องลอบสังหารท่านอ๋องไม่ใช่เหรอ

ซวงหวนเกิดอาการตื่นตระหนก นางไม่ได้กลัวแต่นางลังเล หรือว่าท่านอ๋องเห็นการทดสอบเมื่อกลางวันนั้นไร้ผล จึงมาทดสอบอีกครั้งในคืนนี้

ด้วยนิสัยช่างระแวงของท่านอ๋องก็มีความเป็นไปได้สูง

เพราะฉะนั้นอีกเดี๋ยวนางจำเป็นต้องลงมือปกป้องพระชายาหรือไม่

“พวกเจ้าเป็นใครกัน” ซวงหวนคุ้มกันฉินปู้เข่อไว้ด้านหลังและตั้งท่าป้องกัน

“เป้าหมายของเรามีเพียงพระชายาของอ๋องหลี่ชินเท่านั้น ไม่ต้องการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่หากเจ้ารั้นจะขวางก็ถือว่ารนหาที่ตายเอง”

บุรุษลึกลับที่เป็นหัวหน้ากวาดสายตามองฉินปู้เข่ออย่างพิจารณา สาวงามอ่อนแอเช่นนี้กลับส่งพี่น้องสิบกว่าคนมาเพื่อจับ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ

ความลังเลของซวงหวนกลับเพิ่มมากขึ้น นี่เป็นคนของตำหนักจริงหรือ ฉะนั้นพวกเขาจึงบอกให้นางไปจากที่นี่ก่อนหรือ

ไม่ได้! เมื่อกลางวันนางทำผิดต่อพระชายามากแล้ว หากตอนนี้นางยังทอดทิ้งพระชายาอีกก็คงจะไร้คุณธรรมเกินไป ด้านท่านอ๋องหลังจากกลับไปแล้วนางจะไปรับโทษเอง

ในขณะที่ซวงหวนกำลังลังเล ฉินปู้เข่อดึงแขนนางอย่างแรง และลากนางวิ่งถอยไปด้านหลัง “ยืนบื้ออยู่ทำไมเล่า วิ่งสิ”

ชายฉกรรจ์มือถืออาวุธครบมือสิบกว่าคน นางสู้ไม่ไหวหรอก

“พระชายา หนีไปก่อนเพคะ หม่อนฉันจะสกัดพวกมันให้เอง” ซวงหวนหยุดวิ่ง หากเป็นคนของตำหนักแค่แกล้งต่อสู้ไม่กี่กระบวนท่าก็จะปล่อยพวกนางไป

ฉินปู้เข่อเห็นท่าทางมั่นใจของนางจึงถือเข่งเสี่ยวหลงเปาในมือและออกวิ่งในทันที

น่าเสียดาย…

เมื่อกลางวันนางวิ่งเยอะเกินไป เมื่อครู่ก็กินเสียจนอิ่มเกิน วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกจับตัว

หลังจากโดนปิดตา ฉินปู้เข่อก็โดนมัดตัวและยัดเข้าไปในรถม้าคันหนึ่ง ไม่รู้ว่าโอนเอนไปมาอยู่นานเท่าไร จนนางเกือบจะเคลิ้มหลับไปรถม้าถึงได้หยุด

ดูเหมือนชายชุดดำพวกนี้เคยผ่านการฝึกฝนอย่างดี พวกเขามีมารยาทกันมาก ตลอดทั้งทางนี้ก็ไม่ได้กระทำการอุกอาจใด ๆ ต่อฉินปู้เข่อ และประพฤติตัวอย่างมีกฎระเบียบ

หลังลงรถม้ามาฉินปู้เข่อก็พบว่าตนเองได้ถูกพาออกจากในเมืองแล้ว ตอนนี้อยู่ในบ้านหลังเล็กกลางป่าหลังหนึ่ง ด้านหน้าของนางมีบ้านฟางเรียงรายเป็นแถว

หนึ่งในชายชุดดำแก้มัดที่มือและเท้าของฉินปู้เข่อ และโยนนางเข้าไปในห้องที่ถูกเปลี่ยนเป็นคุก

“ท่านจอมยุทธ ข้าอยากทราบว่าใครคือเจ้านายของพวกท่าน” ฉินปู้เข่อตีประตูคุกและตะโกนออกมา

ไร้เสียงตอบกลับ…

โจรที่มีมารยาทและมีเป้าหมายแน่ชัดขนาดนี้หาได้น้อยมาก หรือคิดจะใช้นางไปต่อรองกับหมี่โม่หรู่

เช่นนั้นเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังต้องไม่รู้อะไรซะแล้ว นางเพิ่งเข้ามาอยู่ในตำหนักอ๋องหลี่ชิน สำหรับหมี่โม่หรู่ นางก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่จะอยู่หรือไม่ก็ไม่ต่างกัน ไม่มีมูลค่าให้หลอกใช้เลยแม้แต่น้อย

ฉินปู้เข่อเท้าคางมองเพดานห้องที่มืดสนิท คิดว่าหลังจากคนพวกนี้สืบจนรู้ว่านางไม่มีค่าให้ใช้อะไรแล้วก็คงจะปล่อยตัวนางไป

“ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ที่นี่ให้สงบใจเสีย” นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งลงบนกองฟางอย่างช่ำชอง

ดูเหมือนนางจะมีวาสนากับคุกเป็นพิเศษ นี่เพิ่งจะทะลุมิติมาได้ไม่กี่วันก็เข้าคุกเป็นหนที่สองแล้ว

เดี๋ยวก่อน เหมือนนางจะนั่งทับบางอย่าง

“แม่นาง เจ้านั่งทับขาข้า”

เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น ฉินปู้เข่อเด้งตัว ‘ดึ๋ง’ ขึ้นมา พร้อมก่นด่าไปด้วย “เวรเอ๊ย คุกนี่ไม่แบ่งแยกชายหญิงรึอย่างไร คุกรวมรึ”

—————————————————————————————————-

[1] ปลาเค็มพลิกตัว เปรียบเปรยถึงคนที่เคยอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก กำลังเจอจุดเปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้น