บทที่ 38 ปรักปรำด้วยแผนอาบยาพิษ

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางหันไปทางเฮ่อเหลียนเหมยแล้วตะโกนออกมาเสียงดังว่า “น้องสาม เจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบขยับตัวเร็วเข้า!” 

เฮ่อเหลียนเหมยยังคงไม่ขยับตัว แม้แต่มือก็ยังไม่สามารถยกขึ้นมาได้นางเองก็อยากจะเคลื่อนไหว แต่ความรู้สึกกดดันที่มาจากทั้งสี่ด้านแปดทิศกลับส่งผลให้นางทำได้แค่เพียงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น 

นี่มัน… ลมเหล่านี้ ราวกับ… ราวกับว่ามันกำลังกดทับร่างกายของนางอยู่! 

เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วดึงคอเสื้อของตนขึ้น ดวงตาของนางแน่วแน่และเย็นชา คิ้วของนางดูคล้ายกับน้ำค้างแข็ง เสื้อคลุมของนางพลิ้วไหวเหมือนกับกำลังเต้นรำ ตัวตนอันสูงส่งของนางนั้นยากที่จะปิดบังเอาไว้ได้ “ข้า เฮ่อเหลียนเวยเวย ไม่ได้เป็นคนบ้าผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไร และตระกูลเฮ่อเหลียนเองก็ไม่เคยมีทายาทเป็นคนไร้ค่า ส่วนเจ้า ไสหัวไปซะ!” 

ตุ้บ! 

เฮ่อเหลียนเหมยคุกเข่าลงกับพื้น ไม่รู้ว่าเส้นผมสีดำที่นางรวบเอาไว้ยุ่งเหยิงถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ภาพที่เกิดขึ้นทำให้นางอับอายถึงขีดสุด! 

แค่กระบวนท่าเดียว เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ผู้ใช้น้ำระดับห้าก็สิ้นฤทธิ์ด้วยมือนาง! 

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้… ช่างน่าตกใจยิ่งนัก! 

แต่ความเป็นจริงที่บีบรัดหัวใจนี้กลับเกิดขึ้นอย่างชัดเจนภายใต้การจับตามองของทุกคน! 

ทุกสรรพเสียงพลันเงียบงันไปชั่วขณะ เงียบเสียจนได้ยินเพียงแค่เสียงของสายลมอันแผ่วเบา นอกจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแล้ว แทบทุกคนก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง! 

ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ยืนอยู่บนเวทีหินดูสงบเยือกเย็น ไร้ซึ่งความอวดดี หรือความพอใจหลังจากที่ตัวเองได้รับชัยชนะ แสงอาทิตย์สีทองจากนอกสำนักสาดส่องเข้ามาภายใน ขณะที่ลมจากทั้งสี่ทิศก็พัดชุดสีขาวและเสื้อคลุมสีเข้มบนร่างของนางปลิวไสว เส้นผมสีน้ำหมึกของนางเริงระบำอยู่ในอากาศ ไม่มีใครกล้าเรียกนางว่า… คนไร้ค่า อีกต่อไป 

นี่เป็นครั้งแรกที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกล่าวถึงตระกูลเฮ่อเหลียนออกมาต่อหน้าทุกคน นางกำลังใช้วิธีนี้ประกาศให้โลกได้รู้ว่านางยังอยู่ที่นี่ และตระกูลเฮ่อเหลียนก็ยังอยู่ที่นี่เช่นกัน! 

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยจะใช้วิธีการที่น่าทึ่งยิ่งกว่านี้เพื่อประกาศให้พวกเขารู้ว่าตระกูลเฮ่อเหลียนไม่ใช่แค่ยังอยู่ที่นี่เท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งขึ้น… และกำลังรอวันที่จะได้กลับมาผงาดขึ้นอีกครั้ง! 

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง คนที่นางเคยรักแต่กลับทอดทิ้งนางไปเปลี่ยนจากความรังเกียจไปเป็นความขยะแขยง ก่อนจะกลายเป็นความตระหนกตกใจในท้ายที่สุด ตลอดเวลาที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปนั้น สายตาของเขาแทบจะไม่ละออกจากร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยเลยแม้แต่นิดเดียว! 

พลันหัวใจของเขาก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างยิงเข้า มู่หรงฉางเฟิงที่รับหน้าที่เป็นกรรมการผู้ตัดสินกลับอยู่ในอาการเหม่อลอยอย่างคาดไม่ถึง 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองภาพที่เกิดขึ้น ขณะลูบมือไปบนถ้วยชาหยกขาวอย่างเกียจคร้าน ต้นไม้โดยรอบพร้อมใจกันส่งเสียงกรอบแกรบ… 

“นังคนชั้นต่ำ เจ้าโกง!” ฝ่ามือของเฮ่อเหลียนเหมยทุบลงกับพื้น ดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำจ้องหน้าเฮ่อเหลียนเวยเวย สีหน้าบอกชัดว่านางไม่ยอมรับผลที่เกิดขึ้น! 

นาง…แพ้แล้วจริงๆ 

ความพ่ายแพ้หาใช่สิ่งที่น่ากลัวไม่ 

แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือจนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่างหาก! 

นังคนชั้นต่ำคนนี้ต้องใช้กลอุบายที่ไร้ยางอายกับนางแน่ๆ 

“โกงหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะอย่างเย็นชา นางก้มลงหยิบใบไม้ที่อยู่ข้างเท้าขึ้นมา แล้วเล่นกับมันเล็กน้อย จนกระทั่งมีเสียงดังฟุ่บเกิดขึ้น… 

บนแก้มของเฮ่อเหลียนเหมยก็มีรอยเลือดปรากฏขึ้นทันที! นางมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยดวงตาที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง 

เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเล็กน้อย แล้วใช้มือตบที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆ ความมุ่งร้ายที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยทำให้คนดูทั้งสนามถึงกับตกใจ “จำเอาไว้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่เป็นเพราะข้ารังเกียจเลือดสกปรกของเจ้าต่างหาก!” 

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ริมฝีปากของตู๋ซูเฟิงก็โค้งขึ้นอย่างนึกสนุก เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ก็เคยมีอีกคนที่โด่งดังจากการใช้กระบวนท่าเดียวในการประลองเพียงครั้งเดียวอยู่เช่นกัน! 

ยิ่งกว่านั้น คนที่คนคนนั้นประลองด้วยก็ไม่ใช่ผู้ฝึกปราณที่ใช้น้ำเป็นอาวุธ แต่กลับเป็นท่านปรมาจารย์ฮู่ฝ่าแห่งสำนักไท่ไป๋ 

ในปีนั้น คนคนนั้นอายุได้เพียงเก้าขวบ ตอนนั้นหมอนั่นยังเรียกเขาว่า ‘ท่านลุง’ อยู่เลย แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะฟังดูเย็นชา แต่ก็น่ารักน่าชังทีเดียว… 

ไม่รู้ว่าการมาเยือนสำนักไท่ไป๋ในคราวนี้ เจ้าหมอนั่นจะก่อเรื่องวุ่นวายแบบไหนอีก 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ตู๋ซูเฟิงก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วหันไปมองด้านหลังของร่างอันเย็นชาไร้ที่ติที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเบื้องล่าง… 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น เขายังคงเล่นอยู่กับเสื้อคลุมขนสัตว์ของตัวเอง 

มุมปากของตู๋ซูเฟิงถึงกับกระตุก ในสายตาของเจ้านั่น เขาเห็นว่าทุกคนบนโลก และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถเทียบได้กับเสื้อคลุมของตัวเองหรือ! 

หลังจากผ่านไปนับสิบปี และแล้วเจ้า ‘ก้อนน้ำแข็งน้อย’ ก็กลายมาเป็น ‘ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่’ ช่างน่าเบื่อเสียจริง! 

กลับกัน ดูเหมือนว่าคุณหนูผู้ไร้ค่าจากตระกูลเฮ่อเหลียนจะไม่ธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้… 

เฮ่อเหลียนเหมยซึ่งนอนคว่ำอยู่บนพื้นมองเฮ่อเหลียนเวยเวยที่สว่างไสวราวกับพระจันทร์ท่ามกลางหมู่ดาว ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวจนแทบจำไม่ได้ ขณะที่คิดว่า [ก็แค่โชคช่วย นังคนชั้นต่ำคนนี้ภูมิใจสิ่งใดอยู่กัน!] 

ความชั่วร้ายภายในใจปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งามของนาง เฮ่อเหลียนเหมยหลุบตาลง พร้อมกับพลิกมือข้างซ้ายของตน ในระหว่างที่ทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวย นางก็คิดใช้ผึ้งพิษเล่นงานเฮ่อเหลียนเวยเวยจากทางด้านหลัง! 

ผึ้งพิษนั้นมีพิษชนิดพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นตะวันตก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ตัวได้เลยว่ามีผึ้งกำลังบินเข้าไปหาตัวเอง 

คนที่ถูกผึ้งชนิดนี้ต่อย จะไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกต่อย อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่พิษของผึ้งพิษจะกลืนกินพลังปราณของผู้ฝึกปราณจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว 

เดิมทียาพิษอันล้ำค่าเช่นนี้ก็ไม่ควรนำมาใช้ให้เสียเปล่าไปกับคนไร้ค่าเช่นนี้ นางตั้งใจว่าจะเก็บมันไว้ใช้ในการประลองรอบถัดไป แต่ในเมื่อตอนนี้นังคนชั้นต่ำนี่ยังไม่รู้จักตาสว่างเสียที นางก็จะทำให้มันได้ลิ้มรสว่าความทรมานจนอยากตายนั้นเป็นเช่นไร 

แต่นางยังขาดคนช่วยอำพรางอยู่! 

คิดได้ดังนั้น เฮ่อเหลียนเหมยจึงหันไปมองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ 

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เข้าใจความหมายของนางได้ในทันที นางโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อบังสายตาของคนอื่นๆ เอาไว้ 

แขนเสื้อของเฮ่อเหลียนเหมยขยับเล็กน้อย แล้วผึ้งพิษก็บินออกไป! 

เดิมทีแผนการนี้ไม่มีทางล้มเหลวได้ แค่คาดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยจะหันกลับมาในเวลานั้นพอดี มิหนำซ้ำยังดูเหมือนกับว่ามีเงาของคนคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของนาง แม้จะมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตา แต่เส้นผมสีเงินนั้นก็ทำให้คนที่เห็นนึกหวาดกลัวขึ้นมา 

และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น! 

ผึ้งพิษเปลี่ยนทิศทาง มันหมุนตัวอย่างกะทันหัน แล้วบินกลับเข้าไปหานาง 

เฮ่อเหลียนเหมยยังไม่ทันได้ป้องกันตัว นางจึงถูกผึ้งพิษต่อยเข้าที่ลำคอ 

“กรี๊ด ไม่! อย่าเข้ามานะ!” นางกรีดร้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดวงตาของนางที่มองเฮ่อเหลียนเวยเวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว 

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ได้ยินเสียงนั้น นางจึงรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ และเห็นว่าลำคอของเฮ่อเหลียนเหมยชุ่มไปด้วยเลือด นางสับสนขึ้นมาทันที แต่หลังจากนั้นดวงตาอันงดงามของนางก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้คนที่เห็นต่างก็พากันรู้สึกสงสารนางจับใจ “พี่ใหญ่! ท่านทำอะไรลงไปเจ้าคะ น้องสามเพียงพูดเพื่อช่วยข้าเท่านั้น ต่อให้ท่านจะเคียดแค้นข้าเพราะความรักที่ท่านมีให้กับซื่อจื่อก็ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ แต่ท่านจะใช้น้องสามมาเป็นที่ระบายความโกรธเช่นนี้ไม่ได้!” 

ในยามนี้ทุกคนจึงเพิ่งเห็นว่าที่คอของเฮ่อเหลียนเหมยกำลังเน่าเปื่อยลุกลามอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นคือผึ้งพิษที่กำลังเรืองแสงอยู่! 

ที่จริงแล้วร่างของผึ้งพิษนั้นสามารถมองทะลุได้ แต่ตอนที่มันดูดพลังปราณเข้าไป ท้องของมันจะเปล่งแสงออกมาขณะเคลื่อนไหว ทำให้คนที่เห็นต่างพากันรู้สึกหนาวสั่น ทุกคนอ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ถึงความร้ายกาจของผึ้งพิษ เจ้าสิ่งน่ารังเกียจนี้ชั่วร้ายยิ่งนัก มันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดูดกินพลังปราณ แม้ว่าหลังจากที่ได้กินพลังปราณเข้าไปแล้ว มันจะไม่ขยับตัวไปไหนอีกพักใหญ่ แต่หากสัมผัสกับมันเข้า มันจะดูดเอาพลังปราณจากผู้ฝึกปราณไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นใครก็ไร้ซึ่งหนทางป้องกัน และไม่มีใครหยุดมันได้จนกว่าผู้ฝึกปราณคนนั้นจะตายมันถึงจะออกไปจากผิวหนังของผู้ฝึกปราณ! 

เป็นอย่างที่คิด คุณหนูคนโตจากตระกูลเฮ่อเหลียนช่างโหดเหี้ยมจริงๆ เพียงเพื่อผู้ชายคนเดียว นางถึงกับใช้วิธีการอันน่ารังเกียจเช่นนี้ทำร้ายน้องสาวต่างมารดาของตนเอง! 

สายตารังเกียจจากผู้ชมคนแล้วคนเล่าพุ่งไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวยมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นไม่ใช่คน แต่เป็นปีศาจชั่วร้าย…