บทที่29 ติดสินบน

ขณะที่เจียงหยุนเอ๋อกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในบ้าน ส้งหวั่นหวั่นก็ได้นัดกับคนทำงานให้มาเจออยู่ร้านกาแฟ

“ที่ให้แกสืบเรื่องพวกนั้นได้เรื่องหรือยัง? อย่าบอกฉันนะให้รออีก ตระกูลส้งได้จ่ายค่าแรงให้พวกแก ไม่อยากเห็นผลงานที่แย่อย่างนี้” ส้งหวั่นหวั่นพูดด้วยความเย็นชา คนงานรีบยิ้มขึ้นมา “คุณหนูใหญ่ เรื่องที่คุณให้ผมทำ ผมก็ต้องไปทำเต็มที่อยู่แล้ว ไม่กล้าให้มันผิดพลาดอยู่แล้ว”

สีหน้าของส้งหวั่นหวั่นเริ่มดีขึ้นมาหน่อย แล้วถาม “ฟังความหมายแกแล้ว น่าจะเก็บข้อมูลได้แล้วใช่ไหม? เอาออกมาให้ฉันดู”

คนงานได้เอาเอกสารออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้ส้งหวั่นหวั่นด้วยความเคารพ “คุณหนูใหญ่ คุณดู นี่ก็คือข้อมูลทั้งหมดของเจียงหยุนเอ๋อ

เธอยังมีลูกคนหนึ่ง ชื่อเจียงซิ่งหวี แต่ว่าพ่อของเด็ก รู้สึกว่าไม่เคยไปมาหาสู่กันเลย เพราะฉะนั้นเลยสืบไม่เจอข้อมูล

คนงานพูดจบ ก็แอบคอยมองสีหน้าของส้งหวั่นหวั่น กลัวจะทำให้เธอไม่พอใจอีก ยังดีที่เธอได้ยินว่าเจียงหยุนเอ๋อมีลูกคนหนึ่ง ส้งหวั่นหวั่นก็ไม่สนใจว่าพ่อของเด็กจะเป็นใคร เพราะว่า……คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็น ลี่จุนถิง?

ส้งหวั่นหวั่นยิ้มออกมา ภายในใจเต็มไปด้วยความดูถูกเจียงหยุนเอ๋อ ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงที่แต่ละวันมัวแต่ฝันหวานอยากแต่งงานกับคนร่ำรวย ถ้าเป็นอย่างนี้ วิธีแก้ไขปัญหาก็ยิ่งง่าย

คนงานรู้ทันความคิดของส้งหวั่นหวั่น รีบพูดประจบว่า “คุณหนูใหญ่ เท่าที่ผมดู คุณชายลี่คงไม่ชอบเธอหรอก เพราะเธอเทียบคุณไม่ได้เลย ผมยังสืบรู้ว่า ตอนนี้เธอยังไม่มีงานที่มั่นคงเลย ยังมีแม่ที่พิการนอนอยู่โรงพยาบาล ดูแล้วค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร เพราะฉะนั้น ผมขอแนะนำให้คุณใช้วิธีให้สินบนดีกว่า”

ส้งหวั่นหวั่นคิดทบทวน รีบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของคนงาน ยังไง ตระกูลส้งก็ไม่ได้เสียดายเงินแค่นี้ ถ้าสามารถแลกกับการที่ให้เจียงหยุนเอ๋อหายไปจากชีวิตลี่จุนถิง มันก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร

วันถัดไป

“ถวนจื่อ ลูกอยู่โรงเรียนอนุบาลนี้ต้องเชื่อฟังนะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดย้ำ

ถวนจื่อพยักหน้า ได้โบกมือลาเจียงหยุนเอ๋อ ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเข้าไปทักทายกับเพื่อนๆ

หลังจากครั้งนั้นที่ลี่จุนถิงเคยมา ครูในโรงเรียนนี้ก็เริ่มดูแลเอาใจใส่ถวนจื่อเป็นพิเศษ บวกกับที่ถวนจื่อก็เป็นเด็กที่นิสัยดี กับเพื่อนๆก็คบกันได้ดีมาก

เจียงหยุนเอ๋อมองดูไกลไกล เริ่มยิ้มในมุมปาก กำลังจะหมุนตัวไป โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น

เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก

เจียงหยุนเอ๋อมองดูจอโทรศัพท์ขมวดคิ้ว ก็เลยกดรับ “ฮัลโล ฉันคือเจียงหยุนเอ๋อ ขอถามคุณคือใคร?”

“ สวัสดี คุณหนูเจียง ฉันคือส้งหวั่นหวั่น ครั้งก่อนที่บ้านของจุนถิง เราเคยเจอกันแล้ว” เสียงของส้งหวั่นหวั่นผ่านมาทางโทรศัพท์ ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เธอกับส้งหวั่นหวั่นเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว เวลานี้ส้งหวั่นหวั่นโทรหาเธอเพราะอะไร

“ขอถาม คุณมีธุระอะไรเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อก็ได้นึกถึงลี่จุนถิง หรือว่า……หรือว่าจะมาป่าวประกาศความเป็นเจ้าของ?

ส้งหวั่นหวั่นได้ยิ้มอยู่ทางโน้น แล้วพูด “ไม่มีอะไร แค่อยากนัดคุณมาเจอกัน”

เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้ว ไม่เชื่อคำพูดของ ส้งหวั่นหวั่น น่าขำ ถ้าไม่มีอะไร แล้วจะมานัดเจอกันทำไม? ดูแล้ว ส้งหวั่นหวั่นคนนี้ต้องไม่มาดีแน่

เธอไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับส้งหวั่นหวั่น เพราะส้งหวั่นหวั่นกับลี่จุนถิงมีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออก เลยรีบปฏิเสธออกไป “มีธุระอะไรก็คุยทางโทรศัพท์ได้ ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเจอกัน”

ได้ยินเสียงตอบปฏิเสธของเจียงหยุนเอ๋อ ในใจของส้งหวั่นหวั่นเริ่มโมโห พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “คุณหนูเจียง ฉันมีธุระอยากคุยกับ

คุณ คุยทางโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวก ออกมาเจอกันหน่อยดีกว่า”

“นี่……” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกหมดปัญญาเลยพูด “งั้นก็ได้”

สองคนได้นัดเจอกันอยู่ร้านกาแฟ ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อมาถึง ส้งหวั่นหวั่นได้มานั่งรออยู่แล้ว

เห็นเจียงหยุนเอ๋อเดินมา ส้งหวั่นหวั่น รีบลุกขึ้น รู้สึกเป็นกันเองมากแล้วพูด “คุณหนูจียง ถือวิสาสะเชิญคุณมาครั้งนี้ ขอให้คุณอย่าถือสาที่ฉันเรื่องมาก”

เจียงหยุนเอ๋อค่อยๆส่ายหัว ได้นั่งเผชิญหน้ากับส้งหวั่นหวั่น แล้วถาม “ไม่ทราบว่าคุณหนูส้งนัดฉันมามีธุระอะไรเหรอ? มีธุระอะไรก็พูดมาตามตรงเลย”

ส้งหวั่นหวั่นมองเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้ม มองแล้วเหมือนไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกัน “ไม่มีอะไร เพียงแต่ว่าครั้งนั้นที่เจอกันที่บ้านจุนถิง

ฉันก็รู้สึกถูกชะตากับคุณ อีกอย่าง ฉันกับจุนถิงรู้จักกันมาสิบกว่าปี ยังไม่เคยเห็นข้างกายเขามีผู้หญิง เลยรู้สึกแปลกใจ ถ้าหากว่า

ฉันเสียมารยาทไป ก็ขอให้คุณหนูเจียงให้อภัยด้วย”

คำพูดที่มาจากปากส้งหวั่นหวั่น เจียงหยุนเอ๋อหาไม่เจอว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ว่า……ได้ฟังคำพูดบางอย่างทำให้เธอนิ่งไปสักพัก แล้วถามว่า “สิบกว่าปี?”

“ใช่แล้ว” ส้งหวั่นหวั่น เม้มมุมปาก ใบหน้ารู้สึกพอใจขึ้นมา “ใช่แล้ว ฉันกับจุนถิงเป็นคู่เหมือนกิ่งทองใบหยก เติบโตมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นฉันจะเข้าใจเขามาก อีกอย่าง ฉันชอบเขามานานหลายปีแล้ว จุนถิงเขา……ก็คงรู้ความในใจฉัน”

ส้งหวั่นหวั่นก้มหัวลงอย่างเอียงอาย แล้วพูดต่อ “ครั้งนี้ฉันกลับมาจากต่างประเทศ ที่สำคัญคืออยากมาอยู่กับจุนถิง เราสองครอบ

ครัวมีธุรกิจร่วมกัน ความสัมพันธ์ก็เข้ากันดีมาตลอด คุณลุงกับคุณป้าก็คุยกับฉันหลายครั้งว่าคุณหนูสมบูรณ์แบบอย่างฉัน เหมาะ

สมอย่างมากที่จะอยู่เคียงข้าง จุนถิง”

เจียงหยุนเอ๋อฟังส้งหวั่นหวั่นพูดอย่างนิ่งนิ่ง รู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็ไม่รู้จะตอบยังไง

ส้งหวั่นหวั่นค่อยๆมองเธอทีหนึ่ง แล้วเปลี่ยนคำสนทนาทันที แล้วพูดว่า “ได้ยินว่าเธอตอนนี้ยังมีลูกคนหนึ่งเหรอ? โอย มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เธอพูดไปด้วยอีกมือหนึ่งก็หยิบบัตรเครดิตออกจากกระเป๋า โยนลงตรงหน้าเจียงหยุนเอ๋อ “ในบัตรมีสองแสนบาท ถือซักว่าเป็นค่ารักษาพยาบาลของแม่คุณละกัน”

การกระทำของส้งหวั่นหวั่นทำให้เจียงหยุนเอ๋อต้องระวังตัวขึ้นมาทันที ส้งหวั่นหวั่นได้สืบประวัติข้อมูลเธอมาหมดแล้ว เธอต้องการอะไรกันแน่?

เจียงหยุนเอ๋อยิ้มออกมา แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คุณหนูส้ง ฉันไม่รู้ว่าเธอหมายความว่าไง”

เธอค่อยๆดันบัตรเครดิตกลับไป ใบหน้าของส้งหวั่นหวั่นเริ่มเครียด พูดด้วยความโมโห “คุณหนูเจียง ความหมายของฉัน คุณไม่เข้าใจเหรอ? ฉันพูดตามตรง ฉันไม่ใช่กลัวคุณ แค่ไม่อยากให้คุณเสียหน้า ตอนนี้ฉันถือว่าเมตตากับคุณมากแล้ว ก็หวังว่าในใจคุณจะมีขอบเขต”

เจียงหยุนเอ๋อนิ่งไปสักพัก แล้วพูดต่อ “คำพูดของคุณหนูส้งพูดจบแล้วใช่ไหม งั้นฉันก็ไม่รบกวนแล้ว”

พูดจบ เจียงหยุนเอ๋อก็ลุกขึ้นออกไปจากที่นี่

ส้งหวั่นหวั่นนึกไม่ถึงว่าเจียงหยุนเอ๋อจะไม่ไว้หน้าเธอขนาดนี้ หลังจากที่มองเจียงหยุนเอ๋อออกไปแล้ว ก็มีความคิดที่ชั่วร้ายขึ้นมา พูดเสียงเบาเบาว่า “ให้โอกาสแล้วแต่ไม่ต้องการ แค่ฐานะที่เธอเป็นอยู่ ยังอยากจะฝันเข้าไปอยู่ในตระกูลรวย ฝันเฟื่องไปแล้ว